เราสองคนเดินทอดน่องย่ำทรายด้วยเท้าเปล่าเลียบชายหาดกันมาอย่างเงียบๆ ลมทะเลยามค่ำคืนพัดมาแผ่วๆพอให้ชื่นใจ
อา… ผมชอบช่วงเวลาที่อ้อยอิ่งอย่างนี้จังเลย
ผมพับขากางเกงขึ้นแล้วชวนเธอเดินลุยน้ำเล่นมาเรื่อยๆ ผมถอดเสื้อนอก พับขากางเกงขึ้นสูง ถอดรองเท้าและถุงเท้าออกถือไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ถือขวดไวน์ คุณลินก็เช่นกัน เธอถอดรองเท้าส้นสูงมาถือไว้ด้วยมือขวา และถือขวดไวน์ด้วยมือข้างซ้าย ทำให้ระหว่างเราสามารถชนขวดไวน์กันเป็นระยะๆได้อย่างถนัดโดยไม่ต้องยกมือ นี่ผมก็เพิ่งสังเกตนะว่าคุณลินเธอถนัดซ้าย มิน่า ผมเคยได้ยินมาว่าพวกสายติสท์มักจะถนัดซ้าย
การมางานเปิดตัวโรงแรมในวันนี้เป็นการออกงานสังคมงานแรกของผมในเมืองไทยหลังจากกลับมาจากญี่ปุ่นและเริ่มต้นทำงานที่บริษัท ก่อนหน้านี้พ่อผมเขายังไม่เคยพาผมไปเปิดตัวที่ไหนมาก่อน แม้ครอบครัวของเราจะทำธุรกิจ แต่ชีวิตของผมก่อนหน้านี้แทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานสังคมใดๆเลย พ่อกับแม่ของผมเขาเป็นคนรักสงบ พ่อมีชีวิตอยู่แต่ที่ทำงานและที่บ้าน ส่วนแม่นั่นเค้าก็ถนัดในการเก็บตัวและทำงานศิลปะทำงานฝีมือของเค้าไป
ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อถึงได้ชื่นชมคุณลินหนักหนา คุณลินเป็นเสมือนคนที่เชื่อมความเป็นศิลปินของแม่และเชื่อมธุรกิจของพ่อออกสู่โลกภายนอก ผู้หญิงคนนี้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงศิลปะที่แม่ผมพยายามจะถ่ายทอดออกมา และที่สำคัญเธอรู้จักโปรดักต์ทุกตัวของบริษัทเราเป็นอย่างดี
"เอาจริงผมไม่เคยหวังมาก่อนเลยนะว่าคุณจะคุยกับคุณวาเลนติโน่ได้ถูกคอขนาดนี้"
ผมเอ่ยขึ้นหลังจากยกขวดไวน์ขึ้นจิบหนึ่งอึกใหญ่ รู้สึกผ่อนคลายในบรรยากาศสบายๆกับผู้หญิงคนข้างๆ ชายหาดยามดึกดื่นอย่างนี้ค่อนข้างเงียบสงัด นอกจากเสียงคลื่นแล้ว ผมก็ได้ยินได้แค่เสียงลม
"สงสัยเพราะรุ่นใหญ่สูงวัยเหมือนกันหรือเปล่าครับ เลยคุยกันรู้เรื่อง คนรุ่นนี้เค้าคงมีเรื่องในอดีตคุยกันเยอะอะเนอะ" โธ่เว้ย ทำไมอดปากเสียไม่ได้อีกแล้ว
"คุณเซน! อีกแล้วนะคะ" เสียงกรึ่มนั้นท้วงติงขึ้นมาทันที
ผมหันไปมองด้านข้างของใบหน้าที่กำลังกรึ่มน้อยๆนั้น ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อยๆออกมา
"ขอโทษครับ" คราวนี้ผมยอมขอโทษเธอแต่โดยดี
ไม่รู้สิ คราวนี้ไม่ใช่เพราะผมอยากล้อเธอเรื่องวัย แต่เป็นเพราะผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ก็ดูเขาสองคนคุยกันรู้เรื่องสนุกสนานกันดี เหมือนคุณลินจะชอบคุยกับเขา… มากกว่าชอบคุยกับผม
"คุณเซน…" เธอทำเสียงอ่อน
"อันที่จริงน่ะชั้นก็ไม่อยากจะถือสาหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณล้อชั้นบ่อยๆบางทีมันก็รำคาญ คือถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้ามันทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเพียงน้อยนิด เราก็ไม่ควรทำหรือเปล่า" เธอค่อยๆพูด
"คือผมแค่คิดว่าคุณกับคุณสปาเกตตีเข้ากันได้ดี แล้วเค้าก็ดูสนใจคุณมาก" ผมจับน้ำเสียงน้อยใจของตัวเองได้ เลยเสมองไปที่แสงไฟของเรือหาปลาไกลลิบๆนั่น
"อุ้ย จริงหรือคะ คุณเซนคิดว่าคุณวาเลนติโน่เธอสนใจชั้นจริงๆหรือคะ" จู่ๆน้ำเสียงทอดอ่อนนั่นก็เปลี่ยนไปเป็นทางตื่นเต้น และโดยไม่ต้องหันไปมอง ผมก็เดาได้ด้วยว่าเธอคงกำลังทำตาโตจ้องมองผมอยู่
"ผมว่าผมมองออกนะ คุณน่าจะดีใจที่มีนักธุรกิจใหญ่ผู้ร่ำรวยแล้วก็หน้าตาท่าทางดีมาสนใจ"
เฮ้ย แล้วทำไมผมบังคับน้ำเสียงสั่นๆของตัวเองไม่ได้วะ เหมือนมีอาการน้อยเนื้อต่ำใจไงชอบกล นี่ผมควรจะดีใจกับคุณป้าเค้าป่าววะที่มีผู้ชายมาสนใจ
"จริงค่ะจริง ผู้ชายอะไรทั้งเท่ ทั้งมีเสน่ห์ ทั้งรวย ทั้งฉลาด เพอร์เฟคไปหมด" น้ำเสียงนั่นดูชวนฝันสุดๆ อะไรวะเนี่ย ดีใจขนาดนั้นเชียวเรอะ นี่คุณป้าไม่ได้สังเกตท่าทางน้อยใจของผมเลยรึ
"แต่เค้าอาจเป็นคนเจ้าชู้ป่าวครับ" ผมเริ่มหมั่นไส้ผู้ชายแก่ๆเท่ๆคนนั้น
"แล้วก็อาจซาดิสม์ชอบตบตีผู้หญิง ชอบแกล้งเด็กและรังแกสัตว์ หรือไม่ก็รวยแต่ขี้เหนียว ที่บ้านไม่ยอมติดแอร์เพราะกลัวเปลืองไฟ" ผมเริ่มโวยวายไปกันใหญ่
"คุณเซนพูดอะไรอย่างนั้นคะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เสียงคนข้างๆเหมือนจะปราม แต่ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาพร้อมกัน
"แล้วอีกอย่าง คุณวาเลนติโน่เค้าอาจจะกินแต่สปาเกตตีคาโบนาร่ากับพิซซ่าทุกวัน มันน่าเบื่อมากนะครับคุณลิน ยิ่งพิซซ่าขอบชีสยิ่งเลี่ยน เผลอๆแกชอบพิซซ่าหน้าดับเบิ้ลชีส จะยิ่งเลี่ยนไปกันใหญ่"
"ไม่เอาค่ะ ไม่นินทาลูกค้านะคะ ฮ่า ฮ่า" คุณป้าห้ามผม แต่เธอก็ยังคงหัวเราะต่อไป
แล้วผมก็เริ่มรู้สึกตัว นี่ผมเป็นอะไรไป เอาลูกค้ามานินทาลับหลังเนี่ยนะ
"เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าคุณเซนขี้อิจฉา"
"ปล้าาวววว ผมแค่อยากเตือนคุณไว้ อย่าไปไว้ใจผู้ชายที่เพิ่งเจอกัน" สายตาผมยังคงมองไปที่ทะเล ไม่กล้าสบตากับคนข้างๆ
แต่คนตาโตเขาก็ก้าวมาที่ข้างหน้าผม แล้วพูดยิ้มๆด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
"ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงกัน"
เชี่ย คุณป้าอย่าทำเสียงแบบนี้ฮะ ผมใจคอไม่ดี
"คือที่ชั้นตั้งใจทำงานวันนี้ แล้วก็ดูตั้งอกตั้งใจคุยกับคุณวาเลนติโน่ ก็เพราะอยากไปเที่ยวบาหลีฟรี ก็แค่นั้นแหละค่ะ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น"
"ห้ะ" คำตอบของคุณป้าทำเอาผมต้องเป็นฝ่ายจ้องหน้าเธอ
"ที่ทุ่มเทกับงานนี้ก็เพราะอยากไปเที่ยวบาหลีงั้น?" อะไรของเค้าเนี่ย
"แน่สิคะ ถ้าเราได้งานนี้ เค้าก็ต้องเชิญเราไปดูสถานที่ ไปคุยเรื่องสัญญางาน แล้วเราก็จะได้ไปเที่ยวบาหลีกัน แค่คิดก็ฟินแล้ว"
"นี่สารภาพกันตรงๆแบบนี้เลยหรือครับ คือความจริงแล้วมันต้องเป็นแบบ เพราะชั้นรักในงานของชั้น ชั้นอยากทำงานให้ดีที่สุดโดยไม่หวังผลตอบแทน อะไรแบบนี้ไม่ใช่หรือครับ"
"คุณเซน ชั้นอายุเท่านี้แล้ว ไม่มีแอ๊บแบ๊วแล้วค่ะ" เธอหัวเราะร่วน ไม่รู้เพราะเริ่มเมาไวน์ หรือขำในมุกจิกกัดอายุของตัวเอง นี่ห้ามผมแซวเธอเรื่องอายุ แต่ทีตัวเองแซวตัวเองได้งี้?
"แต่ที่คุณเซนว่ามาน่ะ ใช่ค่ะ เมื่อก่อนชั้นเป็นแบบนั้นจริงๆ" คราวนี้น้ำเสียงเธอดูปลงๆ
"คุณเซนรู้ไหมคะ ตอนที่ชั้นเข้าทำงานบริษัทนี้ใหม่ๆ แพสชั่นในการทำงานของชั้นคืออะไร" สีหน้าเธอดูอ่อนโยนมากยามถามคำถามนี้กับผม
"พ่อผมให้เงินเดือนคุณเยอะมั้ง และพ่อเราก็เป็นเพื่อนสนิทกัน" ผมพยายามเดา
เธอหัวเราะตาเป็นประกาย
"นั่นก็ใช่ส่วนหนึ่งค่ะ แต่จริงๆแล้วแพสชั่นของชั้นในตอนนั้นคือคุณแม่ของคุณ" เธอจ้องตาผม
"แม่ผม?"
"ใช่ค่ะ เพราะชั้นหลงใหลผลงานของท่านมาก่อน ชั้นถึงได้เข้ามาสมัครงานที่บริษัทของคุณ ชั้นจำลวดลายทุกแบบที่ท่านสร้างสรรค์ได้ ชั้นฝันที่จะได้เรียนรู้จากท่านบ้าง แต่น่าเสียดายที่ท่านไม่อยู่แล้วตอนที่ชั้นกลับมาจากอิตาลีและมาสมัครเข้าทำงานที่นี่"
ผมรู้จากพ่อมาก่อนว่าคุณลินเธอมาสานต่อฝันของแม่ผม แต่ผมไม่เคยนึกว่าเธอจะถึงขั้นหลงใหลงานของแม่ผม
มิน่า… พ่อถึงเอ็นดูคุณลินเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพียงเพราะคุณลินเป็นลูกสาวของเพื่อน…
ผมจ้องมองดวงตากลมโตคู่นั้นด้วยความรู้สึกสะท้อนใจลึกๆในอก แล้วนี่ผมกำลังจะทำลายความฝันของแม่…
แต่มันก็คือความฝันของแม่ มันไม่ใช่ความฝันของผม
ลายดอกไม้เชยๆนั่นก็เป็นสไตล์ของแม่ ไม่ใช่สไตล์ของผม
"ตอนนั้นชั้นคิดแค่ว่าชั้นอยากสานต่อความฝันของคนที่ชั้นศรัทธา และชั้นก็ได้ทำมันอย่างเต็มที่ไปแล้ว คุณแม่ของคุณคือแรงบันดาลใจของชั้น แต่ตอนนี้ชั้นไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าจะทำงานไปเพื่ออะไร ชั้นอาจจะทำงานมานาน จนความตื่นเต้นที่จะได้ทำอะไรใหม่ๆมันหมดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้" เธอถอนหายใจ
ผมนิ่งฟังเงียบๆ ยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคุณลินเธอนัก ส่วนหนึ่งก็เข้าใจว่าอาจเป็นอารมณ์วัยกลางคนของมนุษย์ป้าที่มักจะหวั่นไหวไปมา หรือไม่ก็อารมณ์ติสท์ส่วนตัวของเธอที่ต้องการแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ในการทำงาน
แต่ผมเองก็ยังจินตนาการไม่ออกว่าคนเราจะหมดไฟในการทำงานได้อย่างไรกัน เราไม่ได้ทำงานเพื่อใคร เราทำเพื่อตัวเราเอง ตั้งแต่เรียนจบบริหารธุรกิจมา ผมก็กระตือรือร้นกับการทำงานมาโดยตลอด ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองยังไม่ดีพอ ผมอยากจะเอาชนะตัวเอง อยากจะทำให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้
ก่อนจะเข้ามาเริ่มต้นงานที่บริษัท ผมนั่งดูจากแฟ้มรวบรวมการออกแบบตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำไมผมจะสังเกตไม่ได้ว่าโปรดักต์ของเราไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเหมือนก่อนแล้ว ในตอนแรกผมอยากจะเขี่ยคุณลินไปให้พ้นทางเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะสิ่งที่เธอทำอยู่มันคือสิ่งที่แม่ของผมรักและสร้างเอาไว้ และเพื่อบรรยากาศอันรื่นรมย์ของออฟฟิศยามที่มีคุณลินอยู่ด้วย ผมจึงอยากให้โอกาสเธออีกสักหน่อย ผมคงคิดไปเองว่าการเข้ามาของทีมออกแบบของมินตราน่าจะช่วยให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมีพลังขึ้นเพราะมีคู่แข่ง แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผล ดูคุณลินจะไม่แคร์กับการมีอยู่ของมินตรา เหมือนเธอจะยอมรับกลายๆว่าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วเธอก็ปล่อยมันไปง่ายๆ
แต่พอมาวันนี้ จากที่เห็นเธอดูกระตือรือร้นพูดคุยกับคุณวาเลนติโน่ ผมเองก็ชักไม่แน่ใจอีกแล้วว่าคุณลินเธอเป็นคนยังไงกันแน่ ผมเริ่มงงงวยกับความเป็นเธอ
เอ หรือว่าบางทีแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ในการทำงานของคนบางคนมันอาจจะแค่มาจากความชอบอะไรส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ เช่นการอยากไปเที่ยวบาหลีของคุณตาโตคนนี้เป็นต้น
อือม์… แต่ก็นะ… ช่างเรื่องงานมันก่อนเถอะ…
บรรยากาศลมพลิ้วๆริมชายหาดตอนนี้มันน่ารื่นรมย์เกินกว่าที่จะมาคุยกันเรื่องงาน เปลี่ยนเรื่องดีกว่า
"อ้อ ขอบคุณนะครับที่แนะนำให้ผมชวนครอบครัวมา ผมว่าพวกเค้ารู้สึกดีกันนะ เดาเอา เพราะตอนนั่งรถมาเห็นพ่อคุยไม่หยุดเลย รายนั้นปกติเค้าเงียบจะตายไป"
ผมไม่ได้บอกพ่อว่าไอเดียโปรโมชั่นพาครอบครัวเที่ยวหัวหินในครั้งนี้มาจากคุณลิน ปล่อยให้พ่อเขาภูมิใจไปเองว่าเป็นความคิดผม ก็นานๆทีพ่อจะภูมิใจในตัวผมอะนะ
นี่ผมก็ยังแปลกใจตัวเอง ปกติผมเป็นคนหัวดื้อ เอาแต่ใจตัวเองตามประสาลูกคนเดียว ก็เหมือนไอ้ลูกชายผมนั่นล่ะ ไม่ชอบให้ใครมาแนะนำสั่งสอนอะไร แต่กับคุณป้า ผมทำตามคำบอกของเธอมาหลายทีแล้ว ผมคิดไปเองว่าอาจเป็นเพราะผมเห็นเธอเป็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ และตามประสาเจ้านายที่ดีก็ควรรับฟังความคิดเห็นของลูกน้องซึ่งสูงวัยกว่า
และอีกอย่าง คำแนะนำของเธอแต่ละอย่างที่เกี่ยวกับครอบครัวผม มันทำให้ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพ่อและเจ้าเรน …มั้ง
"ตอนนี้คุณเซนได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นลูกรักของคุณราเชนทร์แล้วสิคะ"
"ผมต้องขอบคุณคุณลินจริงๆครับ" ผมยิ้มอ่อนๆ แก้เขินด้วยการเอาเท้าเตะน้ำทะเลเล่นไปมา
"ยินดีมากเลยค่ะ ชั้นนึกอยู่แล้วล่ะค่ะว่าคุณราเชนทร์ต้องแฮปปี้ แหมลูกชายสุดที่รักพามาเที่ยวทั้งที" เธอยิ้มหวานๆ
ผมมองใบหน้าแดงเรื่อๆนั้นอย่างแปลกใจ วัยนี้เค้ายังมีเลือดฝาดกันอยู่อีกรึ น่าจะเป็นฤทธิ์ไวน์แดงขวดนี้มากกว่า เหลือบตามองขวดไวน์ในมือซ้ายของคุณป้า พร่องไปกว่าครึ่งขวดแล้ว เธอดื่มเร็วกว่าผมอีกแฮะ
"เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหมคะ" เธอทำท่าเหมือนนึกอะไรออก
"ก็เดี๋ยวบวกกับว่าถ้าเราได้งานที่บาหลีจริงๆ สิ้นปีนี้ผมจะโบนัสให้คุณอย่างงามเลย" ผมคิดงั้นจริงๆ เห็นผลงานของคุณป้าวันนี้แล้ว ผมก็รู้สึกว่าเราคงจะได้งานที่บาหลีงานนี้แน่ๆ
"อันนั้นมันของแน่อยู่แล้วค่ะ โบนัสต้องมาอยู่แล้ว แต่ฉันก็อยากได้ความช่วยเหลือของคุณเซนแทนคำขอบคุณด้วย"
"ความช่วยเหลือ?" คุณป้าเค้ามีอะไรจะให้ผมช่วยรึ ช่วยหายาแก้ปวดเข่างี้ หรือจะให้แนะนำหมอกระดูกของพ่อ
แต่แล้วคำตอบของเธอก็ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก
"คุณเซนช่วยเป็นแฟนให้ชั้นหน่อยได้ไหมคะ"
ห้ะ เป็นแฟน? คุณป้า! คุณต้องการอะไรจากผมฮะ
มันต้องเป็นฤทธิ์ของไวน์ที่พร่องไปครึ่งขวดนั่นแล้วแน่ๆ คุณป้าจะมาไม้ไหนเนี่ย
"เอ้อ…"
"แหม อย่าเพิ่งคิดไปไกล เป็นแฟนปลอมๆค่าคุณเซน" ตาโตนั่นมีแววตำหนิเมื่อเห็นท่าท่าเลิ่กลั่กของผม
ก็เอ้อ ป้าฮะ จะแฟนจริงแฟนปลอมมันก็น่าตกใจทั้งนั้นล่ะนะฮะ
"แฟนปลอมๆ? เหมือนในนิยายรักหวานแหวว หรือในละครหลังข่าวสองทุ่มน่ะหรือครับ"
หรือคุณป้าแกอาจนึกอยากจะเล่นอะไรสนุกๆ วัยนี้อาจมีความคิดแผลงๆเพื่อเพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้กับชีวิต
"คล้ายๆงั้นล่ะค่ะ แต่แค่คืนเดียวนะคะ ไม่ถึงกับต้องจดทะเบียนแต่งงาน หรือย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน"
อุ๊ย แค่คืนเดียวด้วย ฟังแล้วสยิวนะฮะเนี่ย
และก่อนที่ความรู้สึกสยิวจะเกาะกินในใจไปกันใหญ่ ผมจึงต้องรีบต่อพล็อตเรื่องให้ตามที่เคยเห็นในละครตอนเด็ก
"อ่อ ที่ผมต้องทำอย่างนี้เพราะผมต้องการเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยหนัก และพ่อผมก็ติดหนี้ที่บ้านของคุณอยู่ ผมจึงต้องยอมเป็นแฟนของคุณใช่ไหมครับ"
"ค่ะ และตอนแรกๆเราสองคนก็ต้องทำเป็นเกลียดกัน เพราะต่างคนต่างมีคนรักอยู่แล้ว ต้องมีทิฐิเข้าหากัน และไม่หันหน้าเข้าคุยกันดีๆ"
"แล้วเราต้องเดินสะดุดล้มหน้าชนกันบ่อยๆ แต่ก็ยังพ่อแง่แม่งอนใส่กัน แต่ในที่สุดเราสองคนก็รักกันเพราะความใกล้ชิด แล้วเราต่างก็ทิ้งแฟนของเราหน้าตาเฉย ทั้งๆที่แฟนของเราไม่ได้ทำอะไรผิด" ผมสรุปตอนจบ
"หรือถ้าจะให้ดราม่าเข้าไปอีก เราต้องได้กันก่อนที่จะสารภาพรักกัน แล้วชั้นต้องตั้งท้อง แล้วก็ต้องหนีไปเพราะความน้อยใจในอะไรก็ไม่รู้"
หา มีได้กันด้วย ผมดุนะฮะ ป้าไหวเหรอ
เชี่ย นี่ตรูเผลอคิดไรอยู่วะเนี่ย
"โอเค แล้วอยู่ๆผมก็ต้องสำนึกผิด แล้วต้องตามไปงอนง้อยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกในท้องของเรา แล้วในที่สุดคุณก็ยอมใจอ่อน แล้วเราก็กลับมาครองรักกันโดยมีพยานแห่งรักเป็นเจ้าตัวน้อยน่ารัก" ผมรีบกลับมาต่อจนจบบริบูรณ์
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เสียงคุณลินเธอหัวเราะดังก้องไปทั่วชายหาด
"โอ๊ย คุณเซน นี่ชั้นนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะมาสายมโนได้ขนาดนี้ นี่ไปเขียนนิยายรักออนไลน์ขายได้เลยนะเราเนี่ย"
"ผมเคยดูละครทีวีตอนเด็กๆ คุณมะพร้าวพ่อบ้านผมเค้าชอบดู" ผมภูมิใจมากที่มีความจำดี
"แหม ทีอยู่ออฟฟิศทำเป็นมาดเข้ม แท้จริงแล้วก็เซียนละครช่องเจ็ดนี่เอง นี่ถ้าน้องเยลรู้เรื่องคงกรี๊ดกร๊าดอีก รายนั้นเค้าชอบอ่านนิยายกับชอบดูละครมากค่ะ"
"เอ หรือว่าผมจะเอาดีทางด้านนี้ดี" ผมเริ่มสนใจวิชาชีพใหม่ ยุคสมัยนี้ใครๆก็มีอาชีพเสริมกันทั้งนั้น
"เดี๋ยวค่ะอย่าเพิ่งฝันไปไกล กลับมาเรื่องของชั้นกันต่อก่อน คุณยังไม่รู้เลยว่าทำไมชั้นต้องร้องขอคุณเรื่องนี้" คุณป้าเขายับยั้งความฝันของผมไว้
"อ่อ ครับ ลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงไปเลย นึกว่าคุณแต่งเรื่องเล่นสนุกๆ งั้นได้ครับ ว่าไปครับ"
"คือวันเสาร์หน้าชั้นจะมีงานเลี้ยงรุ่นสมัยมัธยม เค้าให้พาแฟนหรือครอบครัวไปได้ แล้วปีนี้แฟนเก่าของชั้นเค้าก็จะไปด้วย ชั้นก็เลยอยากแสดงให้เค้าเห็นว่าชั้นยังฮอต ยังมีหนุ่มรูปหล่อมาให้ความสนใจ"
"นี่ผมหล่อขนาดนั้นเชียว" ผมแอบดีใจนะเนี่ยที่คุณป้าเขาบอกว่าผมหล่อ
"หล่อสิคะ คุณเซนน่ะหล่อของจริงเลยค่ะ เท่ด้วย ยิ่งปล่อยผมปรกหน้าอย่างนี้ยิ่งเท่ เท่ที่สุด หล่อที่สุด" เธอจ้องหน้าผมด้วยสายตาซื่อๆ
โอ้ย อย่าพูดอะไรยังงี้สิฮะป้า ชุดเว้าหลังของป้าวันนี้ผมยิ่งทำเอาใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แล้วเอ่อ ที่วันนี้ผมปล่อยผมปรกหน้า ไม่ใส่เจลมา ก็เพราะรู้ว่า… เอ่อ คุณลินเค้าชอบ
"โอเคครับ สงสัยท่าจะยาว เราไปหาที่นั่งกันดีกว่าไหมครับ"
ผมชวนเธอเดินกลับไปยังพื้นทรายส่วนที่แห้งๆ แล้วก็นั่งแปะลงบนพื้นทรายนั่นหน้าตาเฉย คุณลินเขาก็นั่งลงข้างๆด้วยอย่างไม่กลัวชุดสวยจะเปื้อน คือเธอน่าจะมึนหนักด้วยแหละ เลยไม่ได้ทันได้ระวังอะไร และด้วยความที่กระโปรงสั้นเธอจึงต้องนั่งพับเพียบป้ายข้างเอนมาทางผม ช่วงต้นขาเรียวนวลที่โผล่พ้นกระโปรงสั้นออกมานั่นทำเอาผมแอบกลืนน้ำลาย
ไอ้คุณเซนครับ จงละสายตาไปจากขาอ่อนนั่นเสียครับ
"แล้วทำไมต้องเป็นผม" ต้องพยายามกลับไปโฟกัสที่ประเด็นแฟนปลอมๆ
"คุณเซนนี่ล่ะค่ะเหมาะสมสุดแล้ว เพราะคุณหน้าใหม่มากในวงสังคม เพื่อนสมัยมอปลายของชั้นเค้าไม่มีใครรู้จักคุณ หรือเอ่อ คุณไม่ได้อยู่ในวงสังคมไหนของกรุงเทพเลย" เธอทำหน้าทำตาแบบว่าผมเป็นคนโนเนมเอามากๆ
"แล้วก็ที่สำคัญ ชั้นไว้ใจคุณค่ะ คุณเซนคงไม่มีวันจะคิดอะไรกับชั้น เพราะชั้นอายุมากกว่าคุณตั้งเยอะ แถมคุณยังเป็นเจ้านายชั้นด้วย ใช่ไหมคะ" ตากลมโตนั้นจ้องมองมาที่ผมอย่างจับผิด
ผมสะดุ้งเฮือก เอ้อ… เรื่องนั้น…
"แล้วคุณคิดว่าแผนนี้มันจะสำเร็จหรือครับ เผลอๆแฟนเก่าคุณเค้าอาจเลิกสนใจคุณไปเลย" ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ก็ต้องลองดูล่ะค่ะ วิสกี้เพื่อนรักสุดฮอตของชั้นน่ะค่ะ คนหล่อๆที่คุณเซนเคยเจอที่ผับ เค้าบอกว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดแล้ว พวกผู้ชายเค้าชอบการแข่งขัน เค้าจะเห็นเรามีค่าเมื่อมีผู้ชายคนอื่นหลายๆคนมาชอบเรา"
ฮ่า ฮ่า นี่วัยรุ่นยุค90เค้าคิดอย่างนี้กันจริงๆรึ ผมหัวเราะในใจ เอียงคอมองคุณลิน นี่กำลังแกล้งเล่นบทใสซื่อ หรือเพราะคิดมุกจีบหนุ่มอย่างอื่นไม่ออกแล้ว เอ ทำไมพวกผู้หญิงเค้ายอมทำอะไรไร้สาระกันแบบนี้เพื่อความรัก
หรือเพราะคุณลินรักเค้ามากจนยอมจำนนทำทุกวิธีเพื่อให้ได้ผู้ชายกลับคืนมา
"ชั้นคิดว่าชั้นยังชอบเค้าอยู่นะคะ"
แม้จะเคยนึกๆมาก่อนแล้วว่าคนในวัยนี้เขาต้องมีคนในใจกันอยู่แล้ว อีกอย่างคุณลินเองก็ไม่ใช่คนขี้เหร่อะไร เอ่อ ออกจะยังดูสวยเก๋ด้วยซ้ำในวัยขนาดนี้ อยู่ดีๆผมก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่มีสาเหตุ
"คุณลินอยากจะคืนดีกับเค้าจริงๆหรือครับ"
"คือเมื่อก่อนเราเคยรักกันมาก แล้วก็จากกันไปทั้งๆที่ยังรักกัน ตอนนี้ชั้นกับเค้าก็กลับมาโสดด้วยกันแล้วทั้งคู่ ชั้นเลยอยากให้โอกาสตัวเองอีกสักครั้ง"
และคำสารภาพแบบเปิดเผยของเธอก็ทำเอาผมใจหายวูบ นี่ผมเป็นอะไรไปวะเนี่ย ผมเดาเอาว่าสีหน้าผมคงเจื่อนไปอย่างสังเกตเห็นได้
"และครั้งนี้ชั้นก็อยากวางแผนอย่างแนบเนียนหน่อย อยากออกแบบความรักของตัวเอง ไม่อยากปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาแล้ว" เธอยังคงพูดต่อโดยไม่ทันได้สังเกตความผิดปกติของสีหน้าผม
"อ้าว แล้วจะให้ผมเป็นตัวรองเนี่ยนะ โน้ววววว" ผมพยายามโวยวายกลบเกลื่อนไปเรื่อย
"ใช่สิคะ คุณได้บทเป็นตัวสำรอง แล้วชั้นต้องทำเป็นบอกว่า คุณมาตามตื้อเอง ชั้นไม่ได้ชอบคุณซักกะหน่อย แบบชั้นต้องทำเชิ่ดๆสวยเลือกได้น่ะค่ะ"
อ่านะ ผมล่ะชอบความตรงไปตรงมาของคุณป้าเค้าจริงๆ
"เฮ้ย บ้าเหรอ เสียลุคส์ผมหมด ไม่เอาอะ ผมชอบเป็นพระเอกมากกว่า"
"แหม ชั้นไม่ป่าวประกาศไปทั่วหรอกค่ะว่าคุณตามตื๊อ ชั้นจะบอกกับก้องเค้าแค่คนเดียว"
อ่อ แฟนเก่าเค้าชื่อลุงก้อง
"น่า นะคะ แค่คืนเดียว" แล้วเสียงอ้อนๆก็มา
โอย ป้าฮะ อย่าทำเสียงแบบน้านนนน ผมหายใจไม่ทั่วท้องแล้วฮะ
"งั้นก่อนจะรับงานผมขอดูรูปคู่กรณีหน่อยได้ไหมครับ จะได้ประเมินสถานการณ์ถูก"
เอาไงเอากันวะ ผมเริ่มนึกสนุกไปกับจินตนาการที่กว้างไกลของคุณป้า อยู่กับคุณป้าทีไรเหมือนผมจะปกปิดนิสัยเด็กน้อยที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวผมเอาไว้ไม่อยู่ หาอะไรไร้สาระทำแก้เครียดเรื่องงานบ้างก็ดี ฤทธิ์แอลกอฮอล์มันทำให้เราใจง่าย ตอนนี้ไวน์ของผมหมดขวดไปแล้ว
"ได้สิคะ ได้เลย ชั้นแอบดูหน้าเฟซของก้องเค้าอยู่บ่อยๆ" คุณลินเธอล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กนั่น ขยับเข้ามานั่งชิดผม เปิดหน้าเฟซบุ๊คแล้วไล่ไทมไลน์โชว์รูปของลุงก้องให้ผมดู
ลมเย็นๆพัดพลิ้วมาอีกแล้ว คุณลินเขาใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรเนี่ย ทำไมกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมะลิมันยังติดคงทนจังเลย
อา ใจไม่อยู่กับร่องกับรอยเลยผม
"นี่ค่ะต้องรูปนี้ ก้องเค้าเท่สุดๆไปเลย"
"อ่อ เขาเป็นคนงานอยู่สวนองุ่น ก็โอเคนะครับ ดูชีวิตเรียบง่ายดี"
"แหม คุณเซน ดูพูด ก้องน่ะเค้าเป็นเจ้าของไร่ไวน์อยู่ภูเรือ จังหวัดเลยค่ะ"
มิน่าล่ะ คุณป้าเธอถึงได้สนใจเจ้าหมอนี่นัก กะมีไวน์กินฟรีตลอดชีพอะดิ ผมเหลือบตามองขวดไวน์อันว่างเปล่าของคุณป้าที่กลิ้งอยู่บนพื้นทรายข้างๆ
"แล้วดูรูปตอนเค้าเด็ดพวงองุ่นนะคะ อย่างเซ็กซี่เลยอะค่ะ"
ผมแอบมองเสี้ยวหน้าเก๋ของคนข้างๆ ดูท่าทางเค้าจะรักฝังใจกับผู้ชายคนนี้ ลุงนี่มันมีอะไรดีนักวะ หน้าตาก็บ้านๆงั้นๆ ก็แค่ตัวโตๆมีกล้ามใหญ่ๆ ก็แค่เป็นเจ้าของไร่ไวน์ ก็แค่…
เดี๋ยวนะ… ทำไมในใจผมถึงรู้สึกร้อนรนชอบกล นี่ผมกำลังอิจฉาไอ้คุณลุงก้องนี่เหรอวะ เฮ้ย ไม่เอาน่า
"นะคะคุณเซน นะ ช่วยชั้นหน่อยนะคะ"
ใบหน้าหวานเก๋ที่ตอนนี้กำลังห่างจากผมแค่คืบทำเอาผมใจเต้นตึกตัก ดวงตากลมโตที่กำลังจ้องมองมาที่ผมนั้นฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์ของไวน์แดง สายตานั้นมีความออดอ้อนชอบกล เสี้ยวจังหวะหนึ่งที่ผมอดรู้สึกวาบหวามขึ้นมาในใจอย่างช่วยไม่ได้ อยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสความเนียนของโหนกแก้มสีแดงเรื่อที่กำลังยื่นเข้ามาใกล้ อยากจะใช้ปากของผมบรรจงแตะไปที่ริมฝีปากสีแดงเข้มของเธอ แต่ผมก็ยั้งมือยั้งปากไว้ทัน
"ได้ครับ ผมจะไปเป็นแฟนปลอมๆให้คุณลินเอง"
ไม่รู้เป็นเพราะลมทะเลที่พัดมาแผ่วๆยามค่ำคืน เพราะหาดทรายเนียนนุ่มที่เรากำลังนั่งกันอยู่ เพราะแสงไฟจากเรือหาปลาที่ระยิบระยับนั่น ที่ทำให้ผมเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นในใจ
ผมอยากจะไปแสดงตัวตนให้คุณลุงก้องเขาเห็น ไม่ใช่ว่าเพื่อให้เขาหึงแล้วกลับมาเป็นแฟนกับคุณลินหรอกนะ แต่เพื่อให้คุณคนงานสวนองุ่นนั่นเขามั่นใจต่างหาก
...ว่าคุณลินมีแฟนแล้วจริงๆ
หึ หึ…