Descargar la aplicación

Capítulo 76: ลึกสุดใจ

ผมกำลังยืนอยู่หน้าร้านดอกไม้เล็กๆกลางซอยทองหล่อ รู้สึกขัดเขินนิดๆเพราะเกิดมาไม่เคยเข้าร้านดอกไม้มาก่อน มองเข้าไปในร้านก็เห็นแผ่นหลังบางๆของใครคนหนึ่งดังที่คาดหวังเอาไว้ แผ่นหลังที่คุ้นเคยนั้นทำให้ผมรีบสาวเท้าเข้าไปในร้านทันที รีบตรงเข้าไปยืนข้างๆเธอที่กำลังยืนจัดเรียงก้านดอกกุหลาบในกระถางใบใหญ่อยู่คนเดียวตรงมุมหนึ่งของร้านนั้น

คิดถึงมาก… คิดถึงที่สุด…

"ดอกกุหลาบก็หอมดีนะครับ แต่ผมว่าดอกมะลิหอมกว่า"

เสียงทักของผมทำให้คุณผู้หญิงคนข้างๆหันขวับมาโดยทันที

"คุณเซน!" นัยน์ตากลมโตนั่นเบิกกว้างขึ้นอย่างตกตะลึง และตามมาด้วยการกะพริบถี่ๆราวกับไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือความจริง

เราประสานสายตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะยิ้มน้อยๆแล้วก้มลงไปกระซิบที่ข้างๆหูของเธอเบาๆ

"นี่คิดจะจากไปไกลมากๆโดยไม่ร่ำลากันจริงๆเหรอครับ"

ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมกลิ่นมะลิที่เธอใช้เป็นประจำ กลิ่นหอมที่ผมคุ้นเคย กลิ่นหอมที่ผมโหยหาอย่างมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา อยากยืนอยู่นิ่งๆท่านี้ สูดดมกลิ่นหอมนี้ให้นานเท่านาน เสียดายที่ทำไม่ได้ ก็ที่นี่มันร้านดอกไม้นี่นะ

ผมจำใจยืดตัวกลับมาจ้องมองเธออีกครั้ง สายตาของเธอส่งความรู้สึกหลากหลายปะปนกันออกมา ทว่ายังไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกมาจากริมฝีปากปากอวบอิ่มนั่น ผมจึงต้องแก้เก้อโดยการพูดเรื่อยเปื่อยต่อไป

"เพิ่งรู้นะครับเนี่ย ว่าดอกไม้สวยๆที่เคยอยู่ในแจกันที่ออฟฟิศของเรามาจากร้านนี้นี่เอง" ผมตีหน้าเศร้าเล่าความเป็นไปของออฟฟิศ "อือม์ พอคนบางคนเค้าจากไป ออฟฟิศเราก็ไม่เคยมีดอกไม้สวยๆอีกเลย"

แล้วในที่สุดตาโตๆนั่นก็มีน้ำตาคลอเบ้านิดๆ เอ่อ… โอ้หนอ… มนุษย์ป้าขี้แย แค่นี้ก็ต้องมีน้ำตา

"คุณเซน… คิดถึงจังเลยอ่า…."

น้ำเสียงอ้อนๆนั้นทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มหวานกับคำทักทายกลับแบบจริงใจของคุณป้า ไม่เจอกันพักใหญ่ ป้าไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ ไม่คิดจะปิดบังความในใจกันบ้างเลย

"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ" ผมทั้งยิ้มหวานและทำตาหวาน "น่ารักเหมือนเดิมนะครับ"

"เอ่อ คุณเซนมาที่นี่ได้ไงคะเนี่ย มาซื้อดอกไม้เหรอคะ" รู้แหละว่าคุณป้าเขินเลยพยายามกลบเกลื่อนด้วยคำถามซื่อๆ แต่อ้าว ไม่เจอกันนานนิดหน่อย นี่เราห่างเหินกันจนคุณป้ากลับมาเรียกผมว่าคุณเซนอีกแล้วรึ

"ครับ ว่าจะมาดูซื้อดอกไม้ให้เจ้าลูกชาย เผอิญเรนเค้าอยากได้ดอกไม้สวยๆไปปักแจกันในห้องนอน"

"…"

อาการขมวดคิ้วของคุณป้าทำเอาผมต้องหัวเราะออกมา คุณป้าเธอทำหน้าสงสัยน่ะถูกแล้ว อย่างเจ้าเรนอะนะสนใจเรื่องดอกไม้

"ทำไมเหรอครับ ผิดปกติตรงไหนครับ" แต่ผมก็ยังสนุกที่จะได้หยอกล้อเธอต่อไป "อย่าบอกนะครับว่าดอกไม้สวยๆน่ะ เอาไว้สำหรับให้ผู้ชายเอามาให้ผู้หญิงเท่านั้น ผู้หญิงบางคนเค้ายังเคยร้อยมาลัยมาง้อผู้ชายเลย"

"เซน! ไม่ต้องมาลีลา มาหาลินก็บอกมาเถอะค่ะ" อาการเขินหายไปแล้ว คุณป้าเธอกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว คำว่า'คุณ'ก็หายไปแล้ว กลับมาเรียกเซนเรียกลินอย่างเก่าละ แปลว่าตั้งตัวได้แล้วสินะครับ

ถูกต้องครับ ผมไม่ได้มาซื้อดอกไม้ไปให้เจ้าเรน ผมมาหาคุณป้าเธอนั่นล่ะ ลิสาบอกว่าช่วงนี้คุณลินเธอมาช่วยเพื่อนที่ร้านขายดอกไม้อยู่บ่อยๆ นี่ผมอุตส่าห์เคลียร์งานทั้งหมดทำตัวให้ว่างในวันนี้เพื่อมาหาคนตรงหน้านี้โดยเฉพาะเลยนะครับ

"ตอนนี้ลินพอจะว่างมั้ยครับ ผมอยากพาลินไปที่ที่นึง" ผมมุ่งตรงเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม เรื่องสารทุกข์สุกดิบความเป็นไปของชีวิตเอาไว้ไถ่ถามกันทีหลัง

"ว่างค่า ช่วงนี้ว่างทุกวัน ไปกันเลยไหมคะ" คำตอบที่แสนจะกระตือรือร้นนั้นทำเอาผมหัวเราะอีกครั้ง ผมหายหน้าไปจากเธอตั้งนาน นี่ไม่คิดจะงอนกันหน่อยเหรอ

ว่าแล้วเธอก็หมุนตัวเดินไปทางเค้านท์เตอร์คิดเงินอย่างรวดเร็ว พูดอะไรสองสามคำกับพนักงานที่ยืนอยู่แถวนั้น ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่หยิบมาจากบนเก้าอี้หลังเค้านท์เตอร์ แล้วตรงกลับมาเข้าควงแขนผมทันที เอ่อ…

"รีบไปค่ะ ก่อนที่เซนจะเล่นตัว" นี่เธอคงจะคิดถึงผมมากเช่นกัน

"ไปเลยค่ะ เซนเอารถมาหรือเปล่าคะ หรือเราจะไปแท็กซี่กัน" วัยรุ่นใจร้อนเริ่มจะพาผมออกเดิน โดยที่ผมเองเป็นฝ่ายงงงวยบ้างแล้ว

"ดะ เดี๋ยวครับ จะไม่ถามหน่อยหรือครับว่าผมจะพาลินไปไหน"

"ไม่ค่ะ ไม่ว่าเซนจะพาลินไปที่ไหน ลินก็จะไปกับเซนทุกที่ค่ะ" เสียงอ้อนๆสายตาอ้อนๆนั้นทำเอาผมใจละลาย

คุณลินเธอกลับมาหาผมจริงๆแล้วใช่ไหม เธอจะไม่หนีผมไปไหนอีกแล้วใช่ไหม…

"เรือนจำกลางบางขวาง?"

น้ำเสียงนั้นตระหนกเล็กน้อยเมื่อผมจอดรถแอบเข้าข้างทางแล้วชี้ให้คุณลินดูสถานที่ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน "ที่นี่แหละครับ"

"เอ่อ… นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะคะที่ลินมาแถวนี้" เธอหันรีหันขวาง ออกอาการวิตกกังวลเล็กน้อย

ใช่ครับ คนธรรมดาทั่วไปคงไม่มีใครอยากที่จะเฉียดเข้าใกล้สถานที่แบบนี้

"แล้วเซนพาลินมาที่นี่ทำไมคะ"

"ลุงของเจ้าเรนเค้าอยู่ข้างในนั้นครับ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงปกติเพราะตั้งใจพาเธอมาที่นี่อยู่แล้ว

"ลุง?" สีหน้านั้นแสดงความตกใจออกมาอย่างปิดบังไม่มิด

"ครับ ลุงเมฆของเจ้าเรน เมฆพี่ชายของฝน ฝนที่เป็นป้าของเจ้าเรน"

"ป้า?" คราวนี้ตาโตนั่นฉายแววสงสัยใคร่รู้ออกมาอย่างเต็มที่

"ครับ คุณฝนเป็นป้าแท้ๆของเจ้าเรน"

"เอ่อ…" เธอนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ และหลังจากตั้งสติได้ คราวนี้ก็มายาวเหยียดเลยครับ

"แล้วเจ้าเรนรู้ไหมคะว่าคุณฝนเป็นป้า แล้วคุณฝนรู้ใช่ไหมคะว่าเจ้าเรนเป็นหลาน แล้วทำไมเซนถึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ลินฟังเลยคะ แล้วเจ้าเรนรู้ไหมคะว่าลุงของเค้า เอ่อ อยู่ในนี้ แล้วคุณราเชนท์ก็รู้เรื่องทั้งหมดหรือคะ แล้วคุณมะพร้าวล่ะคะ คุณมะพร้าวเลี้ยงเจ้าเรนมาก็ต้องรู้เรื่องด้วยสิคะ แต่ไม่เห็นเจ้าเรนเคยพูดถึงเรื่องนี้เลย" คำถามที่ถูกยิงออกมารัวๆนั้นทำเอาผมหัวเราะน้อยๆ สมกับเป็นคุณป้าของผมจริงๆ

'พ่อฮะ พ่อเล่าเรื่องแม่ให้ผมฟังหน่อยได้ไหมฮะ…'

เพราะประโยคนี้ของเจ้าเรนเมื่อไม่กี่วันก่อนนั่นล่ะ ทำให้ผมตระหนักได้ว่าถึงเวลาแล้วที่ลูกชายของผมจะได้รู้เรื่องราวในอดีตของพ่อกับแม่เขาเสียที เรื่องที่ผมเก็บไว้จนลึกสุดใจตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา

และเมื่อเจ้าเรนได้รับรู้เรื่องนี้แล้ว คุณลินก็ควรจะได้รับรู้เรื่องของครอบครัวเราด้วย

"ลินถามเยอะขนาดนี้ เราคงต้องหาที่เงียบๆคุยกันเรื่องนี้หน่อยนะครับ"

เพราะผมพร้อมและแน่ใจแล้วที่จะให้คุณลินได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา…

ฝนคือรักแรกของผม เธอคือผู้หญิงที่ผมเคยเฝ้าตามติดขณะเรียนอยู่มัธยมปลาย ผมรักและหลงใหลผู้หญิงที่อายุมากกว่าผมห้าปีคนนี้มาก ตอนนั้นเธอเป็นนักร้องอยู่ที่ผับของพ่อไอ้เวฟเพื่อนรักของผม เพราะความสวยและความมีเสน่ห์ของเธอทำให้ผมติดใจฝนตั้งแต่แรกเห็น แม้ฝนจะเห็นผมเป็นแค่เด็กมัธยมก็ตาม แต่ด้วยความที่ผมเป็นเด็กช่างตื๊อช่างจีบจึงทำให้เธอใจอ่อนรู้สึกเอ็นดูเด็กมอปลายคนนี้อยู่ไม่น้อย ผมเฝ้าเธอร้องเพลงที่ผับทุกคืนยังไม่พอ แต่ยังถึงขนาดรอจนผับปิดแล้วตามไปส่งเธอที่บ้านทุกครั้งด้วย จนในที่สุดผมก็ได้ทำความรู้จักกับครอบครัวของเธอซึ่งอยู่กันเองตามลำพังพี่น้อง พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว เหลือแต่เมฆพี่ชายและน้ำน้องสาวของเธอ

การที่ฝนแสดงอาการให้ความหวังมาบ้างทำให้เด็กน้อยในสายตาเธอคนนี้ยิ่งหลงรักเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มโดดเรียนถี่ขึ้นเรื่อยๆเพราะง่วงจนตื่นไปเรียนไม่ไหว และเริ่มไม่กลับไปนอนบ้าน เรื่องนี้ทำเอาผมกับพ่อทะเลาะกันใหญ่โตแทบทุกครั้งที่เจอหน้ากัน แต่พ่อก็ไม่สามารถห้ามอะไรผมได้ เพราะลึกๆแล้วพ่อคงรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้ผมเอาแต่ใจตัวเองเช่นนั้น

แม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนช่วงผมขึ้นมัธยมปลายพอดี ผมรู้สึกเจ็บปวดแทนแม่ที่เห็นพ่อทำงานหนักและไม่เคยจะมีเวลามาดูแลแม่ และในที่สุดความนับถือในตัวพ่อก็หมดลงไป เมื่อพ่อไม่สามารถปลีกตัวจากงานไปดูใจแม่ในวันที่แม่เสียชีวิตได้ ผมหัวใจแตกสลายเมื่อแม่จากไป หมดความสนใจในการเรียนโดยสิ้นเชิง หลายครั้งที่ผมออกจากบ้านแต่เช้าเหมือนปกติแต่ไม่ได้ไปโรงเรียน กลับไปใช้ชีวิตอยู่ตามโต๊ะสนุกเกอร์และตามผับบาร์จนดึกดื่น ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่ผมมีฝีมือด้านการแทงเจ้าลูกสีๆนี้เป็นพิเศษ ทำให้แต่ละวันของเด็กมอปลายคนนี้หมดไปกับท้าพนันกับนักเลงแถวนั้นไปทั่วอย่างไม่เคยเกรงกลัวใคร ใครแพ้แล้วไม่จ่ายเป็นต้องเจอผมเล่นงาน ชีวิตที่โต๊ะสนุ๊กสอนให้ผมโตกว่าวัย

จนเมื่อครูผู้ปกครองเรียกพ่อไปพบนั่นแหละ ผมถึงได้โดดเรียนน้อยลง แต่หลังจากได้เจอผู้หญิงที่ผมรัก ผมก็เริ่มโดดเรียนถี่ๆอีกครั้ง หลายครั้งที่โดดเรียนช่วงบ่ายๆมาหาฝนเพื่อพาฝนออกไปกินข้าวดูหนังหรือช้อปปิ้งกันบ้างหลังจากฝนตื่นนอน และแม้ฝนจะไม่เคยยอมรับว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้คือแฟน แต่ในที่สุดฝนก็ยอมให้เราได้มีอะไรกัน นั่นยิ่งทำให้ผมคลั่งไคล้ฝนหนักขึ้น ลีลาของฝนมัดใจผมได้อยู่หมัด เรามักจะแอบมีอะไรกันที่ผับบ้างหรือที่บ้านของฝนบ้างแล้วแต่เวลาและสถานการณ์จะอำนวย

แม้ความสัมพันธ์ของเราจะไม่เปิดเผยชัดเจน และผู้คนในผับก็มีแซวๆกันบ้าง และฝนก็ยังปฏิเสธกับทุกๆคนในเรื่องของผม แต่ผมก็ยอมได้ ผมรู้สึกพอใจแล้ว เข้าใจดีว่าเรื่องของเรามันไม่ง่าย ผมยังเป็นนักเรียนและเธอก็มีอาชีพคนกลางคืน ยังมองไม่ออกว่าเราจะคบกันจริงจังได้อย่างไร แต่ถึงกระนั้นผมก็จริงใจกับฝน เธอเป็นทุกสิ่งของผมในขณะนั้น เธอเข้ามาทดแทนความรู้สึกโดดเดี่ยวในจังหวะผมเพิ่งจะสูญเสียแม่ไปพอดี

มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก ไม่สนอะไรแล้วในโลกใบนี้ ขอได้เจอผู้หญิงที่ผมรักในทุกๆวันก็พอ

ผมตามเฝ้าฝนอยู่อย่างนั้นเกือบปี จนมาถึงจุดเปลี่ยนตอนที่มีฝรั่งรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งมาจีบฝนที่ผับ ก่อนหน้านี้ใช่ว่าฝนจะไม่มีผู้ชายมาจีบ มี และมีมากด้วยเพราะความมีเสน่ห์ของเธอ แต่เธอก็ไม่เคยแสดงความสนใจใครเป็นพิเศษ ส่วนผมเองก็พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล เฝ้าตามเอาใจใส่เธออย่างเงียบๆโดยไม่เคยแสดงอาการหึงหวงใครออกมา

แต่ไม่ใช่กับฝรั่งชาวอเมริกันที่วัยเดียวกันกับฝนคนนั้น…

คนที่ผมแอบสังเกตได้ว่าฝนเองก็เป็นฝ่ายถูกใจเค้าตั้งแต่แรกเจอ คนที่มาเฝ้าฝนทุกวันที่ผับ ท่าทางสนิทสนมของฝนที่มีให้กับฝรั่งคนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าผมคงจะมีโอกาสในตัวเธอน้อยลงเรื่อยๆ ฝนเริ่มหงุดหงิดเมื่อเจอหน้าผม ไม่ยอมให้ตามไปส่งที่บ้านเหมือนเคย บางครั้งก็หลบหน้าไม่ยอมออกมาเจอยามเมื่อผมบุกไปหาเธอที่บ้าน แม้ผมจะพยายามทำนิ่งที่สุดแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงอาการหวาดระแวงออกมาเรื่อยๆ เริ่มกลัวอย่างที่สุดว่าจะถูกฝรั่งคนนั้นแย่งฝนไป เราทะเลาะกันบ่อยครั้งมากขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพัง

จนกระทั่งคืนนั้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว… คืนที่ทำเอาชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอดกาล

คืนนั้นผมไม่ได้ออกมาหาฝนตั้งแต่หัวค่ำเพราะถูกบังคับกินข้าวเย็นกับที่บ้าน ผมจำเป็นต้องตามใจพ่อเพราะนานๆทีพ่อจะมีเวลาว่าง แต่พอตกดึกผมกลับคิดถึงฝนมากและอยากจะเห็นหน้าเธอจนทนไม่ไหว ผมจึงแอบย่องออกมาจากบ้านแล้วตรงไปที่ผับที่ฝนประจำอยู่ทันที มันเป็นช่วงเวลาห้าทุ่มที่ผับเพิ่งจะเลิก

เมื่อผมไปถึงผับก็เห็นนักดนตรีกำลังเก็บข้าวของกันอยู่บนเวที พนักงานของผับบางคนกำลังเก็บโต๊ะเก้าอี้และเริ่มการทำความสะอาด ผมเดินเข้าไปถามหาฝนกับพี่นักดนตรีคนหนึ่ง ปรากฏว่าพี่เค้าทำหน้าเลิ่กลั่กมองไปยังเพื่อนๆที่เหลือ ซึ่งแต่ละคนก็มองหน้าไปมากันพักใหญ่ แล้วพี่นักดนตรีอีกคนจึงทำท่าบุ้ยบ้ายไปทางประตูทางออกด้านหลังผับ นักดนตรีและพนักงานทุกคนในผับรู้จักผมเป็นอย่างดีในฐานะเพื่อนของลูกเจ้าของผับ ผมชอบสั่งเบียร์มาเลี้ยงพวกเค้าเป็นประจำ ตอนนั้นอยากโชว์เหนือให้ทุกคนในผับได้รู้ว่าผมไม่ใช่เด็กมัธยมอ่อนๆ ผมมีเงินที่พ่อให้ประจำเดือนซึ่งมากอยู่แล้ว และแถมยังมีเงินอีกไม่น้อยจากการชนะพนันบนโต๊ะสนุ๊ก การไปกินข้าวดูหนังกับฝนทุกครั้งผมก็เป็นคนจ่าย

แต่นั่นก็ไม่ทำให้ฝนหยุดที่เด็กจริงใจคนนี้คนเดียวได้…

ผมเดินตามหาฝนไปทางประตูทางออกด้านหลังร้านตามที่พี่นักดนตรีคนนั้นบอก และที่ข้างนอกผับหลังลานเก็บลังเบียร์นั้นเองที่ปรากฏภาพบาดตาบาดใจ ภาพที่ทำเอาเลือดร้อนวัยรุ่นของผมพุ่งขึ้นจนยั้งไม่อยู่

ฝนกำลังจูบอยู่กับไอ้ฝรั่งคนนั้น! ทั้งสองกอดกันใกล้ชิดแนบแน่น!

ผมปราดเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกันทันที กระชากคอเสื้อเจ้าฝรั่งที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั่นออกมา แล้วลงมือต่อยผู้ชายคนนั้นแบบไม่ยั้ง แม้เจ้านั่นจะตัวสูงใหญ่กว่ามาก แต่ผมก็ไม่กลัว ผมรู้จักความแข็งแกร่งของร่างกายตัวเองดี ตอนอยู่ที่โต๊ะสนุ๊กผมก็มีเรื่องมีราวกับพวกเจ้าถิ่นออกบ่อยตอนพวกมันคิดจะเบี้ยวเงินพนันยามที่แข่งแพ้ ร้อนถึงคุณมะพร้าวต้องเป็นคนมาจัดการเรื่องคดีความอยู่บ่อยๆ

เจ้าฝรั่งคงกำลังมึนงงหรือไม่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิตจึงไม่คิดจะสู้ผมกลับ ยืนนิ่งปล่อยให้ผมต่อยเอาต่อยเอาไปทั่วทั้งตัว ฝนร้องห้ามเสียงหลงพยายามจะแยกเอาตัวเจ้าเด็กห่ามมอปลายคนนี้ออกมาให้ได้ แต่ตอนนั้นผมเลือดขึ้นหน้าแล้วไม่ยอมหยุดง่ายๆ เสียงร้องกรี๊ดของฝนคงจะดังไปถึงหูของพวกพี่นักดนตรีและพนักงานของผับที่อยู่ด้านใน พวกเค้าจึงพากันวิ่งออกมาด้านนอกผับแล้วช่วยกันลากเอาตัวผมออกจากเจ้าฝรั่งจนสำเร็จ

ฝนรีบปราดเข้าไปประคองเจ้าฝรั่งอ่อนหัดนั่นโดยทันที ผมกำลังสะใจที่เห็นมันทรุดลงนั่งกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะได้ยินเสียงฝนที่หันมาตวาดใส่ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด 'เซน! กลับบ้านไป! กลับไปเดี๋ยวนี้'

'ไม่กลับ! ถ้าจะกลับต้องกลับด้วยกัน ผมจะไปส่งฝนเอง จะไปส่งฝนให้ถึงบ้าน' ผมปฏิเสธเสียงแข็งนัยน์ตาแดงก่ำด้วยความโกรธ ทำไมฝนเห็นผมเป็นฝ่ายผิด

'เซนจะบ้าไปแล้วเหรอ เซนทำเค้าหนักขนาดนี้มันเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ เซนกลับบ้านไปซะ ฝนต้องพาคุณอเล็กซ์เค้าไปโรงพยาบาล' เธอเสียงแข็งกลับใส่ผมบ้าง มือก็ลูบไล้ไปทั่วตัวเจ้าฝรั่งที่กำลังนั่งสะลึมสะลือในอ้อมแขนนั่น

'ให้คนอื่นพาไปก็ได้ แล้วฝนกลับบ้านกับผม' ผมยังยืนยันไม่ยอมแพ้เหมือนหมาบ้า แถมยังตรงเข้าไปจะฉุดตัวฝนให้มากับผม

'เฮ้ย คุณเซนครับ หยุดครับ ขอทีเหอะครับ' แล้วคุณสุชาติผู้จัดการร้านที่เพิ่งจะวิ่งตาเหลือกตามมาทีหลังก็รีบเข้ามากันตัวผมออกห่างจากฝน 'นี่ถ้าผมไม่เกรงใจว่าคุณเซนเป็นเพื่อนของคุณเวฟ ผมจับคุณส่งตำรวจจริงๆด้วย เฮ้ย จับตัวคุณเซนเอาไว้ที'

'ส่งผมให้ตำรวจได้เลย ยังไงผมก็จะอยู่กับฝน จะไปส่งฝนให้ถึงบ้านคืนนี้ให้ได้' ผมดิ้นฮึดฮัดอยู่่ในวงแขนของพวกพี่ๆนักดนตรี ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นถึงงอแงเหมือนเด็กๆ แต่ก็ทำไปแล้ว อาจเพราะอาการคลั่งรักและเอาแต่ใจตัวเองอย่างรุนแรงตามประสาวัยรุ่นก็เป็นได้

'โอย ถ้าตำรวจเจอตัวคุณเซน คุณพิชัยเล่นงานผมตายแน่ แค่นี้พวกผมก็เดือดร้อนกันจะแย่อยู่แล้ว ช่วงนี้ท่านยิ่งไม่อยากมีเรื่องกับตำรวจอยู่ด้วย' คุณสุชาติหมายถึงคุณอาพิชัยพ่อของไอ้เวฟผู้เป็นเจ้าของผับ พ่อผู้ที่ใช้เงินแก้ปัญหาในทุกๆเรื่อง

'ผมไม่กลัว อย่างมากก็แค่รอลงอาญา ประกันตัว แล้วก็จ่ายตังค์ชดเชยไป' ผมชินแล้วกับเรื่องชกต่อยแบบนี้

'ไอ้ฝรั่งนี่มันคงไม่ยอมความง่ายๆหรอกครับ ขอร้องเถอะครับคุณเซน กลับไปก่อนนะครับ หายตัวไปซักพักด้วยเลยยิ่งดี เดี๋ยวพวกผมบอกตำรวจเองว่าไอ้ฝรั่งนี่มันโดนขี้ยาแถวนี้เล่นงาน หลังร้านเราไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่มีใครรู้เรื่องหรอกครับ ยัดเงินร้อยเวรที่รับคดีไปแล้วก็จบ'

'ไม่เอา คืนนี้ยังไงเราสองคนก็ต้องเคลียร์กัน ฝนไปกับผมนะ ผมมีเรื่องอยากคุยกับฝนมากมาย' ผมยังคงยืนกราน ยังไงเรื่องระหว่างผมกับฝนมันต้องชัดเจนแล้วในคืนนี้ ให้กลับบ้านไปผมก็นอนไม่หลับ อยากระบายความในใจทั้งหมดให้เธอได้รู้ว่าผมรักและจริงจังกับเธอมากแค่ไหน ยังไม่เชื่อว่าเธอจะมีความสุขกับไอ้ฝรั่งนั่นมากกว่าอยู่กับผม

'เซน ฝนขอร้อง กลับก่อนนะ' ฝนเริ่มส่งสายตาวิงอนเมื่อเห็นท่าทางแข็งกร้าวของเด็กน้อยคนนี้ 'เอางี้ เซนกลับไปรอฝนที่บ้านนะ เดี๋ยวฝนตามกลับไป ขอรอส่งคุณอเล็กซ์ไปโรงพยาบาลก่อน นะเซนนะ' ตอนนี้ฝนหันมาเล่นไม้อ่อนกับผมแล้ว เธอปล่อยให้ไอ้เจ้าฝรั่งนั่นอยู่ในการประคองของพนักงานผับคนหนึ่ง แล้วลุกขึ้นมาหาผมแทน ฝนรู้ดีว่าการบังคับใช้กับผมไม่ได้

และอีกเหตุผล… ก็คงเป็นเพราะเธอคงสงสารผมอยู่ไม่น้อย ผู้ชายคนนึงซึ่งรักมั่นคงกับเธอมาเกือบปี

และก็แน่นอน ผมใจอ่อนยวบเมื่อเจอน้ำเสียงอ่อนหวานและมือสวยๆที่เอื้อมมาลูบไล้ใบหน้าอันเลอะเทอะเปรอะเปื้อนของผม ตอนนี้พวกพี่ๆเค้าปล่อยตัวผมเป็นอิสระแล้ว และพากันกรูไปประคองเจ้าฝรั่งนั่นแทน คงเตรียมจะพามันไปโรงพยาบาล

'นะ เดี๋ยวฝนกลับไปหา' เธอโอบไหล่และเริ่มพาผมออกเดินไปที่ประตูรั้วเพื่อจะออกไปที่ถนนทางหลังร้าน บ้านเธออยู่ไม่ไกลจากที่ผับนัก ระยะทางไม่ถึงกิโลเมตรนั่นเล็กน้อยจนทำให้ผมเดินไปส่งเธอที่บ้านหลังผับเลิกได้บ่อยๆ

'แล้วทำไมฝนไม่กลับกับผมตอนนี้เลย ปล่อยให้คุณสุชาติเค้าจัดการเรื่องนี้ไป ฝนไปกับผมนะ' ปากผมยังพยายามอ้อนวอนแม้เท้าผมจะเดินไปกับเธออย่างไม่ขัดขืน

'ฝนต้องอยู่เป็นพยานไง อยู่ยืนยันกับตำรวจว่าคนที่ทำร้ายอเล็กซ์ไม่ใช่เซน ฝนยอมให้เซนเดือดร้อนเรื่องนี้ไม่ได้หรอก เป็นความผิดของฝนด้วย' สีหน้าและแววตาที่เป็นห่วงเป็นใยนั้นทำเอาผมใจละลาย 'คืนนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่ เซนไปรอฝนที่บ้านนะ นะ' เธอยื่นกุญแจบ้านของเธอให้ ทำให้ผมตัดสินใจเดินกลับไปรอฝนที่บ้านตามคำแนะนำของเธอ

ซึ่งหากย้อนเวลากลับไปได้ ผมน่าจะรอมอบตัวกับตำรวจให้รู้แล้วรู้รอด อย่างมากก็จ่ายค่าปรับ จ่ายค่ารักษาพยาบาลยอมความกันไป เรื่องยุ่งยากต่างๆที่ตามมาในคืนนั้นก็คงไม่น่าจะเกิดขึ้น…

เมื่อผมไปถึงที่บ้านทาวน์เฮ้าส์เล็กๆแคบๆของฝนก็พบว่าทั้งบ้านปิดประตูปิดไฟเงียบ คงไม่มีใครอยู่บ้านเหมือนที่ฝนบอก

คืนนี้น้องสาวของฝนคงไปเข้าทำงานกะดึกที่ร้านเซเว่นเหมือนเช่นเคย เคยมีครั้งสองครั้งที่ฝนมาล้อเล่นๆว่าน้องสาวของเธอแอบหลงรักผมอยู่ น้ำอายุเท่าๆกับผม เธอดูเงียบๆและขี้อาย เธอเรียนสายอาชีพและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปในการทำงานพิเศษ ผมเคยสังเกตเห็นเหมือนกันว่าน้ำมักจะชอบแอบมอง เอาขนมมาให้ทุกครั้งเมื่อเห็นผมมาที่บ้านนี้ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนักเพราะในใจมีแต่ฝน และผมก็ไม่ชอบผู้หญิงวัยเดียวกัน มันไม่ท้าทาย ไม่น่าสนใจ ไม่เร้าใจ

ส่วนเมฆพี่ชายของฝนผมเคยเจออยู่บ้างนานๆที แต่ไม่ได้คิดจะทำความสนิทสนมอะไรด้วย เพราะฝนเคยบอกให้อยู่ห่างๆจากพี่ชายเธอไว้ เธอบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าพี่ชายของเธอเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเธอก็ไม่อยากให้ผมยุ่งเกี่ยวด้วย แม้ผมจะไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร แต่ผมก็พยายามหลีกเลี่ยงเมฆตามที่ฝนบอก ผมมีคดีความเรื่องที่โต๊ะสนุ๊กมากพอแล้ว ไม่อยากมีคดีความเรื่องยาเสพติดอีก และอีกอย่างเมฆก็ไม่ค่อยจะได้อยู่บ้านด้วย พี่ชายของฝนหายไปจากบ้านครั้งละนานๆจนบางครั้งผมก็ลืมไปเลยว่าฝนมีพี่ชายอีกคน

แต่คืนนั้นดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก ฝนคงจะไม่ทันได้คิดว่าเธอกำลังเป็นคนส่งผมมาหาเจ้าปีศาจร้ายด้วยมือของเธอเอง ปีศาจร้ายที่เธอเคยระวังหนักหนาไม่ให้ได้เข้ามาใกล้ชิดเด็กน้อยคนนี้

เพราะขณะที่กำลังหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าๆซึ่งตั้งอยู่มุมหนึ่งของบ้านหลังเล็กนั่น ผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน ผมลุกขึ้นพรวดทันที ทำไมฝนกลับมาเร็วจัง คงจะรีบกลับมาหาผมแน่ๆ

แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง คนที่เดินเข้าประตูบ้านมาไม่ใช่ฝน แต่เป็นพี่ชายของเธอ!

เมฆมีท่าทีประหลาดใจเช่นกันเมื่อเจอผู้ชายของน้องสาวอยู่ในบ้านของเขาตามลำพังในสภาพเสื้อผ้ามอมแมมและหน้าตาผมเผ้ายุ่งเหยิง 'อ้าว ไปไงมาไง แล้วฝนล่ะ'

'หวัดดีฮะพี่ เดี๋ยวฝนตามมาฮะ' ผมเอ่ยทักคนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

'โอเค งั้นตามสบายนะ พี่แค่จะแวะมาเอาของแป๊บเดียว ไม่กวนพวกเธอหรอก' เจ้าของบ้านตอบกลับมาด้วยสายตากรุ้มกริ่มหยอกล้อ ทุกครั้งที่เจอพี่ชายของฝน เขาจะทำสายตาแบบนี้ใส่ผมอยู่เสมอๆ ดูๆไปก็ไม่น่าจะใช่คนมีพิษมีภัยอะไรอย่างที่ฝนกลัวนักกลัวหนา

'ว่าแต่เรามีอะไรหรือเปล่า ทำไมท่าทางแม่งพังยังงั้นวะ มีไรปรึกษากันได้นะเว้ยเฮ้ย ถึงเวลาพี่จะมีไม่มาก แต่พี่ก็มีให้คุณน้องชายเสมอ' เมฆทำท่าเป็นห่วงเป็นใย ผมยืนนิ่งๆ ไม่รู้ว่าพี่ชายของฝนจะมาไม้ไหน เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น

แต่แล้วก็ไม่รู้อะไรดลใจ หรืออาจด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นร้อนรุ่มอยู่ภายใน ทำให้ผมทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ผมเอ่ยปากถามคนตรงหน้าออกไปว่า

'วันนี้ผมกลุ้ม พี่มีอะไรมาช่วยทำให้ผมสบายใจขึ้นบ้างไหมฮะ'

คนตรงหน้ายิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินคำถาม ผมเห็นเขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าให้อย่างยินดี ผมรู้ดีว่าพี่ชายของฝนคงหาโอกาสแบบนี้มานานแล้ว โอกาสที่จะได้อยู่กับเจ้าเด็กน้อยคนนี้ตามลำพัง เขารู้ดีว่าผมมาจากบ้านคนมีเงิน และมีมากพอที่จะแบ่งปันมาให้เขาได้

และคืนนั้นพี่ชายของฝนก็ได้สอนให้ผมได้รู้จักกับเจ้าผลึกใสเหมือนเกล็ดน้ำแข็ง! รู้จักวิธีที่จะหาความสุขจากมัน!

ผมควักเงินให้พี่ชายของฝนจนหมดตัว ก่อนที่เขาจะปล่อยให้ผมได้ล่องลอยกับฤทธิ์ของเจ้าตัวอันตรายราคาแพงหูฉี่ตามลำพังบนโซฟาตัวเก่าๆในบ้านของเขาเอง เมฆจำใจต้องออกจากบ้านไปตามนัดหมายที่ยกเลิกไม่ได้ เขาสัญญาอย่างเป็นมั่นเหมาะว่าจะรีบกลับมาอย่างเร็วที่สุดเพื่อเอาเจ้าตัวอันตรายตัวอื่นๆให้ทดลอง แน่นอน คืนนี้เขาไม่ปล่อยให้ลูกค้าเด็กอ่อนหัดอย่างผมหลุดมือไปได้ง่ายๆแน่ๆ

แต่ก่อนที่เมฆจะกลับมาผมก็ไปไกลแล้ว จากที่แค่เคลิบเคลิ้มในตอนแรกๆ ก็เริ่มจะกลายเป็นฟั่นเฟือนขึ้นเรื่อยๆจากการเผาไอ้เกล็ดสีขาวนั่นแล้วสูดดมไอระเหยของมันเข้าปอดครั้งแล้วครั้งเล่า จากที่นั่งสูดก็ไถลลงกลายเป็นนอนสูด หัวใจผมเต้นแรงถี่ขึ้น ภาพข้างหน้าก็เริ่มพร่ามัวและทับซ้อนกันไปมา รู้สึกกระสับกระส่ายร้อนเนื้อร้อนตัวไปหมด

และขณะที่ความรู้สึกของผมเหมือนกำลังกึ่งหลับกึ่งฝันกึ่งตื่น ผมก็ได้ยินเสียงประตูเปิด

อา ฝนกลับมาแล้ว กลับมาหาผมแล้ว มีความสุขจังเลย…

'เซน…' เสียงเรียกนั่นดังแผ่วๆมาจากที่ไกลแสนไกล

ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก และพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง ร่างอวบอิ่มนุ่มนิ่มที่วิ่งเข้ามาประคองผมนั่นปลุกความรู้สึกทุกส่วนของความเป็นชายให้ตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน ใบหน้าผมร้อนวูบวาบ อารมณ์พลุ่งพล่านปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง

อยากกอดอยากจูบคนตรงหน้าเหลือเกิน อยากกลืนกินเธอไปทั้งตัว สวยเหลือเกิน ผู้หญิงคนนี้สวยเหลือเกิน…

'ฝน ฝนกลับมาหาผมแล้ว ผมรักฝนที่สุด ฝนก็รักผมใช่ไหม' ผมพร่ำเพ้อด้วยน้ำเสียงแหบพร่าขณะรัดร่างบางนั้นเข้ามาหาตัวอย่างรวดเร็ว ทนไม่ไหวแล้ว ผมเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ ขณะที่มือไม้เริ่มลูบไล้ป่ายเปะไปตามเนื้อตัวของคนในอ้อมแขน ใบหน้าผมก็เริ่มมุดเข้าหาซอกคอหอมกรุ่นนั้น

'เซน เซน นี่น้ำนะ ไม่ใช่พี่ฝน'

ผมได้ยินเสียงเล็กๆนั่นพึมพำอะไรออกมา ฟังไม่ถนัด แต่ผมก็ไม่สนใจ มองไปก็เห็นแต่หน้าของฝน ผู้หญิงของผม ผู้หญิงที่ผมรักที่สุด

ร่างอิ่มนั้นอ่อนระทวยสั่นเทิ้มเมื่อผมระดมจูบเธอไปทั่วใบหน้าและเรือนร่างเหมือนคนตายอดตายอยาก แขนทั้งสองข้างนั้นเริ่มโอบกอดผมไว้แน่นพร้อมกับแอ่นตัวรับความร้อนแรงที่หยุดไม่อยู่ของผม

แล้วหลังจากนั้นผมก็แทบจำอะไรไม่ได้อีกเลย…


next chapter
Load failed, please RETRY

Estado de energía semanal

Rank -- Ranking de Poder
Stone -- Piedra de Poder

Desbloqueo caps por lotes

Tabla de contenidos

Opciones de visualización

Fondo

Fuente

Tamaño

Gestión de comentarios de capítulos

Escribe una reseña Estado de lectura: C76
No se puede publicar. Por favor, inténtelo de nuevo
  • Calidad de escritura
  • Estabilidad de las actualizaciones
  • Desarrollo de la Historia
  • Diseño de Personajes
  • Antecedentes del mundo

La puntuación total 0.0

¡Reseña publicada con éxito! Leer más reseñas
Votar con Piedra de Poder
Rank NO.-- Clasificación PS
Stone -- Piedra de Poder
Denunciar contenido inapropiado
sugerencia de error

Reportar abuso

Comentarios de párrafo

Iniciar sesión