"แจ็ค วันนี้ก็อยู่ดึกอีกหรือ" เสียงหวาน ๆ คุ้นหูดังขึ้น ดึงความสนใจจากชายวัย 33 จากหน้าจอโน้ตบุ๊ค
เขาเงยหน้าหันไปพบกับหญิงสาวหน้าตาสะสวย ดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย แก้มสีชมพูระเรื่อแต่งแต้มเครื่องสำอางบางเบา ด้วยสีผิวสว่าง ดวงหน้าเรียวรวมถึงริมฝีปากอิ่มสีพีชฉ่ำทำให้หล่อนดูไม่ต่างจากเน็ตไอดอลยุคปัจจุบันยังไงยังงั้น ทว่าแจ็คก็รู้ดีว่าหล่อนหาใช่คนเด่นคนดังจากอินเตอร์เน็ตอย่างใด นั่นก็เพราะสถานที่ที่หล่อนเป็นประหนึ่งนางพญานั้นได้แก่บริษัทที่เขาทำงานอยู่ตอนนี้นั่นเอง
เฟลิซิตี้ ฟอกซ์... แค่คิดถึงชื่อเสียงเรียงนามก็ทำเอาใจสั่นได้แล้ว
"ก็... นิดหน่อยน่ะ ...คือ จริง ๆ ก็กำลังจะกลับแล้วละ" แจ็คตอบ การถูกนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นจับจ้องตรง ๆ เช่นนี้สร้างความว้าวุ่นให้เขาไม่น้อย ไหนจะกลิ่นมะลิผสมวานิลลาที่โอบล้อมอยู่นั่นอีก ราวกับการทำงานทั้งวันไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อหล่อนเลยสักนิด จู่ ๆ เขาก็อดรู้สึกอับอายไม่ได้ที่ตัวเขานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อจากช่วง 11 โมงที่ต้องวิ่งตากแดดไปซื้อของกินตอนพักกลางวันให้หัวหน้า
ให้ตายสิ เขาไม่เคยมั่นใจในตัวเองต่อหน้าเฟลิซิตี้เลยสักครั้ง อันที่จริงก็ผู้หญิงในบริษัททั้งหมดนั่นแหละ เขารู้ดีว่าตนเป็นคนเหงื่อออกง่ายมาก ยิ่งตื่นเต้นก็ยิ่งเลวร้าย แล้วยังมีลักษณะที่ใครต่อใครต่างเห็นพ้องต้องกันว่า 'เห่ย' 'ไร้รสนิยม' ขนาดสูททำงานเขายังสวมแล้วออกมาดูย้วย ๆ หลวมโพรกเลย ตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยแล้วที่แจ็คคอยหากางเกงคับ ๆ มาสวมแบบเพื่อน ๆ ทว่าเอาเข้าจริงเหมือนทรงขาของเขาจะไม่เหมาะกับอะไรแบบนั้น เพราะนอกจากจะใส่ไม่สบายแล้ว มันยังดูแย่กว่ากางเกงหลวม ๆ เสียอีก
"ว่าแต่..." เช่นเดียวกับทุกครั้งที่มีโอกาสได้พูดคุยกับเฟลิซิตี้(ซึ่งแม้จะน้อยนิดก็ตาม) แจ็คก็จะดึงความกล้าทั้งหมดในตัวออกมาพยายามชวนเธอไปดื่มกาแฟที่คาเฟ่ใต้อาคารด้วยกันสักครั้ง
ถึงอย่างนั้น...
"แจ๊คจ๋า ฉันมีเรื่องอยากขอร้องสักหน่อยน่ะ" หญิงสาวพูดเสียงออดอ้อน มือเอื้อมข้ามฉากกันคอกที่นั่งทำงานของพนักงานออฟฟิศระดับล่างมาลูบไล้ต้นแขนเขา "พอดีวันนี้ป้าของฉันไม่สบาย เมื่อกี๊เพิ่งโทรมาว่าเข้าแอดมิทโรงพยาบาลไปแล้ว"
"อ๊ะ อ๋อ ...แย่จังเลย คุณป้าเป็นอะไรมากไหมครับ" แจ็คชะงัก พอคาดเดาบทสนทนาต่อไปได้
"ไม่เป็นไรมากหรอกจ้ะ" เฟลิซิตี้โบกมือราวกับเรื่องที่เพิ่งพูดมานั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก "ถึงมือหมอก็น่าจะโอเคแล้วละ เพียงแต่ฉันน่ะสิ วันนี้ไม่น่าจะไปเยี่ยมคุณป้าทันแน่เลย"
"ทำไมหรือครับ" ทั้งที่รู้ดีว่าไม่ควรต่อบทสนทนานี้ กระนั้นเขาก็ไม่สามารถยั้งปากตัวเองทัน ยิ่งเป็นหล่อนก็เรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลย
"คือ... ก็งานส่วนของวันนี้น่ะสิ หัวหน้าให้มาซะเยอะเลย จะเอาให้ได้ในวันนี้ แต่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเสร็จทันแน่ ๆ " หญิงสาวเล่า "ฉันเป็นห่วงคุณป้ามาก ๆ พอได้ยินข่าวปุ๊บก็ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรสักอย่าง คิดอย่างเดียวแค่ว่าอยากจะตรงไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลทันที ได้เห็นคุณป้าปลอดภัยดีด้วยตาตัวเอง"
แจ็คอ้าปากทว่าไม่มีเสียงใดออกมา รู้ดีว่าคราวนี้ควรต้องปฏิเสธหล่อนให้จงได้ด้วยคืนนี้ตัวเขาเองก็ติดธุระเช่นกัน
- 1 -
สามชั่วโมงต่อมา แจ็คยังคงนั่งอยู่ที่นั่น ภายในออฟฟิศชั้น 7 ร้างคนไปตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนแล้ว เขาเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังทั้งที่จริง ๆ ก็สามารถดูทางสมาร์ทโฟนที่ใช้สำหรับทดสอบแอพพลิเคชั่นในมือก็ได้ สี่ทุ่มเจ็ดนาที เขาถอนหายใจ หมดกันนัดหมายของเขา แจ็คลุกจากที่นั่งหลังจากตรวจสอบว่าได้ส่งอีเมลแจ้งผลการทดสอบไปยังหัวหน้าแล้วเรียบร้อย
หัวหน้าของเฟลิซิตี้...
คำนี้ทิ้งรสชาติขมฝาดในลำคอ ทั้งหมดนี่ไม่ใช่งานของเขาด้วยซ้ำ แจ็ครู้ว่ามันคืองานของหล่อนที่ดองไว้ทั้งอาทิตย์เพื่อหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายสักคน ซึ่งคน ๆ นั้นดันซวยมาเป็นเขานั่นเอง
ความจริงต่อให้ไม่มีหลักฐาน แจ็คก็รู้ดีแก่ใจว่ามันไม่มีหรอก คุณป้าล่องหนอะไรนั่น เฟลิซิตี้ใช้ข้ออ้างนั้นกับไอ้หนุ่มอ้วนแผนกบัญชีไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน(เขาบังเอิญผ่านไปเจอพอดี) ประเด็นก็คือ เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอข้ออ้างเดียวกันแถมยังพลาดตกหลุมทั้งที่รู้ชัด ๆ ด้วยซ้ำว่าเป็นแผนการ กรณีนี้ต้องบอกว่าเป็นการตั้งใจกระโดดลงไปเลยต่างหากล่ะ
แต่สิ่งเลวร้ายที่สุดในประสบการณ์ครั้งนี้ได้แก่การที่เขาได้ยินกับหูตัวเองเลยว่า เขาเป็นแค่ไอ้เห่ยหน้าโง่สักคนที่หล่อนสามารถหลอกสำเร็จ ถูกแล้ว ไอ้ป้าเข้าโรงพยาบาลนั่นก็แค่เรื่องที่กุขึ้นมาเพื่อไว้โยนงานให้ไอ้โง่บัดซบอย่างเขาเท่านั้น จากนั้นหล่อนกับเพื่อนสารเลวก็จะไปสนุกกับปาร์ตี้คืนวันศุกร์ที่ผับไหนสักผับ ตอนที่แจ็คได้ยินหล่อนหัวเราะคิกคักกับเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนของหล่อน(ที่นิสัยโขกกันมาพิมพ์เดียวเป๊ะ ๆ )ในห้องครัวก่อนจะนวยนาดออกจากออฟฟิศไป เขาที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็ตั้งใจจะทิ้งงานแล้วหนีไปเช่นกัน กระนั้นความรับผิดชอบที่มีมากเกินไปทำให้เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เขาคิด(เอาเองว่า)งานทุกชิ้นล้วนมีความสำคัญ และการที่มันถูกทิ้งไว้จนเกินเส้นตายก็อาจก่อความเสียหายให้กับบริษัทได้ไม่มากก็น้อย
สุดท้ายเขาเลยต้องนั่งปั่นงานจนเสร็จอยู่คนเดียวนี่แหละ ...บัดซบ
แจ็คกล้ำกลืนความโกรธเกรี้ยวกลับลงไป มาโวยวายเอาป่านนี้ก็สายไปเสียแล้ว ที่ทำได้ก็แค่ก้มหน้ายอมรับผลของการตัดสินใจโง่ ๆ ครั้งนี้ไปซะ และที่น่าเจ็บใจคืออะไรรู้ไหม เขาคิดว่าต่อให้คราวหน้าเฟลิซิตี้เข้าหาเขาด้วยข้ออ้างไม่น่าเชื่อเช่นนี้ ปากเจ้ากรรมของเขาก็คงยังตอบตกลงหล่อนอีกอยู่ดี
แจ็คเดินไปยังแผงสวิตช์ไฟหน้าห้องน้ำ แต่มือยังไม่ทันสัมผัสสักปุ่ม จู่ ๆ ไฟบริเวณเหนือที่นั่งของเขาก็กะพริบครั้งหนึ่งและดับไป
โซนออฟฟิศทั้งชั้นยกเว้นบริเวณโถงหน้าลิฟท์ตกอยู่ในความมืดในทันใด นี่เป็นปัญหาที่มีเพียงพนักงานชั้นผู้น้อยจำนวนไม่มากนักที่จะรู้ ได้แก่ตำแหน่งของสวิตช์ไฟทั้งชั้นแทนที่จะอยู่ในจุดสะดวกสบายสำหรับคนที่มาถึงออฟฟิศตอนเช้าตรู่หรือกลับช้าเป็นคนสุดท้ายอย่างตรงโถงทางเข้าหลังออกจากลิฟท์ กลับกลายเป็นว่าพวกมันดันอยู่ในส่วนที่ไกลจากทางออกที่สุดแทน ซึ่งก็หมายความว่าหลังจากปิดไฟแล้ว เขาจะต้องเดินฝ่าความมืดโดยอาศัยแสงไฟอีกด้านของโซนออฟฟิศเพื่อไปยังลิฟท์นั่นเอง
เพียงทว่าครั้งนี้เขายังไม่ทันได้ 'ปิด' ไฟจริง ๆ เสียด้วยซ้ำ แจ็คชะงักตอนที่แสงสีแดงของไฟสำรองซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่สว่างขึ้นพร้อมเสียงดังตึง เขามั่นใจว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ไฟดับตามปกติเนื่องจากดวงไฟหน้าประตูลิฟท์ยังคงปกติอยู่ แต่ขณะที่เขากำลังแปลกใจอยู่นั่นเอง หลอดไฟที่ดับสนิทก็พร้อมใจกันติดขึ้นมาอีกครั้ง
"อะไรกัน แค่ไฟตกงั้นหรือ" เขาพูดกับตัวเอง
ตอนที่ยกมือขึ้นจะกดปิดไฟเป็นครั้งที่สอง ฉับพลันไฟโซนออฟฟิศก็ชิงดับเสียก่อน
คราวนี้แจ็คเห็นใครบางคนยืนอยู่กลางโซนที่นั่งซึ่งอาบไล้ด้วยแสงสีแดงหม่น เงาดำทะมึนคล้ายปกคลุมด้วยกลุ่มหมอก โครงร่างของมันมีลักษณะของมนุษย์ทว่าส่วนสูงกับแขนขาล้วนไม่สัมพันธ์กัน แขนลีบผอมคู่นั้นยาวถึงหน้าแข้ง ซึ่งเมื่อรวมกับนิ้วยาวราวกิ่งไม้แล้วก็แทบทำให้สัมผัสถึงพื้นได้เลยทีเดียว
ด้วยความตกใจ แจ็คที่แข้งขาแข็งได้แต่ยืนทื่อกดสวิตช์รัว ๆ โดยสัญชาตญาณ ไฟที่กลับมาสว่างเพียงชั่วคราวแสดงให้เห็นชั้นทำงานที่ว่างเปล่า ทว่าทันทีที่ความมืดสลัวสีแดงกลับคืนมาแม้จะเพียงชั่ววินาทีกลับเปิดเผยร่างลี้ลับของผู้มาเยือนที่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นความจริงหรือแค่จินตนาการจากความหวาดกลัวกันแน่
ที่สำคัญเจ้าเงานั่นยังขยับใกล้เข้ามาหาเขาทุกครั้งที่ไฟดับอีกด้วย!