Download App
52.56% รักครั้งใหม่... ขอไม่ออกแบบ / Chapter 41: เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว

Chapter 41: เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว

สองทุ่มครึ่ง…

ดูทรงแล้วผมว่าคุณป้าน่าจะแห้วแน่ๆครับงานนี้…

นี่เรานั่งอยู่ในงานมาเป็นชั่วโมงแล้ว มื้ออาหารเย็นก็ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เห็นไอ้คุณลุงก้องเขาจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาคุณป้าก่อนเลย

ก็แหงล่ะครับ ควงใครไม่ควง มาควงหนุ่มหล่อมาดดีตัวท้อปแถมหน้าตาเอาเรื่องอย่างผม ก็เสร็จดิคร้าบ ใครจะกล้าเข้ามาหยอก ผมว่าคุณลินแกใช้ยาเบอร์แรงไปหน่อย ผลลัพธ์คล้ายๆจะถูกน็อคมากกว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

คือช่วงที่ผ่านมาผมไม่ได้จีบหรือสนใจผู้หญิงคนไหน ก็เพราะไม่อยู่ในอารมณ์อยากจะรับผิดชอบความรู้สึกหรือรับผิดชอบความสุขของใคร อยากจะทุ่มเทแต่เรื่องงานที่บริษัท และถ้าเผื่อจะมีเวลาขึ้นมาบ้าง ก็อยากจะใช้เวลากับพ่อและกับลูกชายของผมมากกว่า ผมจากบ้านไปนาน คงต้องใช้เวลาพักใหญ่เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างผมและครอบครัว

แต่ถ้าผมเกิดนึกครึ้มใจอยากจะก้าวเข้าไปในโหมดโลกสีชมพูดูบ้าง ผมว่าผมทำได้ดีเลยนะ ผมแสดงอาการเอาอกเอาใจคุณลินทุกอย่าง ไปตักกับข้าวให้เธอ เสิร์ฟไวน์ให้อย่างไม่อั้น ทำสายตาหลงใหลมองไปที่เธอตลอดเวลา

แต่สิ่งที่ผมคิดไว้มันไม่เหมือนภาพที่ผมกำลังเห็น…

ไหนเค้าบอกว่าวันนี้จะต้องวางฟอร์มทำมาดสวย ทำตัวลึกลับ แต่เอาเข้าจริงตั้งแต่มาถึงงานนี่คุณป้าเธอยังพูดไม่หยุดเลย ทักทายคนโน้นคนนี้ตลอดเวลา แม้ผมจะสังเกตได้ว่าสายตาของคุณป้าเธอจะมองไปที่ไอ้คุณลุงไร่องุ่นทุกๆห้าวินาที แต่ปากเธอก็ยังไม่หยุดทำงาน ทั้งคุยโม้และทั้งชิมอาหารทุกชนิด บวกกับชิมไวน์จากทุกภูมิภาคเช่นเคย

นานๆทีจะได้มาเจอเพื่อนเก่าคุณป้าก็คงลืมวัยแหละฮะ น้ำลายแตกฟอง เอ็นจอยไม่หยุดเลยน้อ

...เอ้อ …ดูๆไปก็น่ารักดี

"เอาล่ะค่าเพื่อนๆ อิ่มหนำสำราญกันแล้วใช่ไหมค้า ณ จุดจุดนี้ เหมียวก็อยากจะขอเปิดงานเลี้ยงรุ่นย้อนวัยหวานเมื่อวันวานของเราอย่างเป็นทางการนะค้า"

สิ้นเสียงของคุณเหมียวประธานศิษย์เก่าของรุ่นจากบนเวที ก็มีซาวน์เอฟเฟคเป็นเสียงกรี๊ดวี้ดว้ายกระตู้วู้ดังขึ้นรัวๆจากเครื่องเสียงที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เอ๊ะ คนวัยนี้เขาก็ยังทันสมัยกันดีนะ เล่นเอฟเฟคก็เป็นด้วย

"และเพื่อเป็นการเชื่อมความสามัคคีในรุ่นของเรา เหมียวจึงได้จัดเกมให้เพื่อนๆมาเล่นเพื่อเน้นบรรยากาศหวานๆกันในค่ำคืนนี้ นั่นก็คือเกมทายใจคู่รัก คู่ไหนแท้คู่ไหนเทียมเราก็จะได้ประจักษ์กันในวันนี้นะค้า"

นี่เค้าเลือกเกมอะไรมาเล่นกันวะเนี่ย แน่ใจรึว่าเพื่อความหวาน คือถ้าทายใจกันไม่ถูก กลับบ้านไปก็น่าจะมีหัวร้างข้างแตกกันบ้างนะฮะ

"และณ จุดจุดนี้ เหมียวก็อยากจะขอเชิญแต่ละห้องส่งตัวแทนมาห้องละหนึ่งคู่ขึ้นมาบนเวทีเลยค่า เรามีกันสามห้อง ก็ทั้งหมดสามคู่นะค้า"

"แพรวาออกไปกะคุณป๊อกดิ ท่าทางรู้ใจกันนะ" ผมได้ยินเสียงคุณป้าเขารีบสนับสนุนเพื่อนสาวในแก๊งที่นั่งข้างๆกัน ตอนนี้บรรดาพรรคพวกของเขาสมัยโน้นที่เรียนห้องเดียวกันต่างมานั่งรวมกลุ่มที่โต๊ะนี้

แปลกดีที่บรรดาคู่รักของห้องอื่นๆต่างแย่งกันเป็นตัวแทนห้อง จะมีก็แต่ห้องของคุณป้าเท่านั้นที่เกี่ยงงอนกันไปมา ไม่มีใครทำท่าว่าอยากจะขึ้นไปบนเวที ไม่แน่ใจว่าขี้อายกันทั้งห้อง หรือเริ่มเมากันแล้วเลยไม่อยากเล่นเกม

"โนวอะแก เราเพิ่งจะแต่งงานกัน ชั้นยังไม่ทันได้สนใจเลยว่าคุณป๊อกเค้าชอบกินอะไร ที่แต่งก็เพราะคุณป๊อกเค้ารวย" ผมพยายามเอนตัวเข้าไปใกล้ๆจึงได้ยินคุณแพรวาเขากระซิบตอบคุณป้ามา

"งั้นแอมมี่ไปเลย ไปกับพี่โอ๋ หรือโสรยากับน้องเต๋จะออกไปไหม เป็นคู่แม่ลูกก็ได้นะ" คุณป้ายังไม่หยุดเจ้ากี้เจ้าการกับเพื่อนคนโน้นคนนี้

แต่ผมก็ยังได้ยินเสียงเกี่ยงกันไปมาดังจ้อกแจ้กจอแจเหมือนเด็กๆ ผมมองไปมาอย่างขำๆ เออ หนอ อายุเท่าไหร่กันแล้วเนี่ย

"แกนั่นแหละลิน แกออกไปกับคุณเซนเค้าเลย" แล้วจู่ๆเสียงของคุณวิสกี้ก็ดังกว่าใคร

"ทางนี้จ้าทางนี้ ลินกับคุณเซนขออาสาจ้า" แล้วคุณวิสกี้เขาก็โบกไม้โบกมือไปที่ข้างหน้าเวทีโดยไม่ได้ถามความสมัครใจของผมกับคุณลินเลย ท่ามกลางเสียงสนับสนุนเซ็งแซ่มาจากกลุ่มก๊วนเพื่อนๆของเขา

"เฮ้ย กี้ ไม่เอา" คุณป้าเริ่มเลิ่กลั่กหันไปมองคุณวิสกี้ที แล้วก็หันมามองผมที แล้วสลับกับการแอบมองไปทางลุงไร่องุ่น กังวลอะไรของเค้าครับเนี่ย

"ลินนั่นแหละออกไปเลย" "ใช่ๆๆๆ" ตอนนี้ทุกคนพุ่งเป้ามาทางนี้แล้ว เริ่มมีเสียงเกื้อหนุนจากกลุ่มเพื่อนห้องอื่นๆด้วย

"ไปฮะคุณลิน ไปเล่นเกมกัน" ผมตัดสินใจเพราะเริ่มจะรำคาญกับอาการเกี่ยงงอนของลุงๆป้าๆทั้งหลายกันแล้ว กะอีแค่ออกไปเล่นเกม จะอะไรกันนักหนาวะ

"เอ้อ..." คุณป้ายังลังเล แต่ผมเตรียมพร้อมจะลุกยืนเต็มที่แล้ว

ผมจึงเอื้อมไปจับมือเธอเพื่อฉุดให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน แล้วผมก็จูงเธอออกเดินไปที่ข้างหน้าเวที

"มาแล้วนะค้า คู่สุดท้ายจากสมาชิกห้องสาม ลลินอดีตประธานนักเรียนและคุณเซนแฟนหนุ่มสุดหล่อของเธอค่า" เสียงคุณเหมียวประกาศก้องออกไมโครโฟน ทำให้ผมถึงกับหันไปมองคนที่เดินเคียงข้างมาด้วยอีกที

ฮ้า! ประธานนักเรียน? มิน่าคุณป้าถึงลืมตัวพยายามผลักไสให้เพื่อนๆออกมาเล่นเกม คงติดนิสัยเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กที่บังคับให้เพื่อนๆทำกิจกรรมของโรงเรียน

อือม์ เค้าก็เหมาะกับตำแหน่งนี้นะ รู้จักเพื่อนทุกคนซะขนาดนี้

"และณ จุดจุดนี้ เหมียวขอเชิญทุกคู่มานั่งที่เก้าอี้กลางเวทีนี้เลยนะค้า โอเค ครบสามห้องแล้ว ขออุปกรณ์แจกด้วยค่า"

แต่ละคู่ถูกจัดให้นั่งหันหลังชนกัน และได้รับกระดานไวท์บอร์ดขนาดไม่ใหญ่มากคนละแผ่นจากเพื่อนอีกคนซึ่งเป็นทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย

"มาเริ่มคำถามแรกกันเลยนะค้า ถ้าคุณทั้งคู่ไปดินเนอร์ในโอกาสครบรอบวันที่รู้จักกันเป็นครั้งแรก แล้วคุณทั้งคู่อยากสั่งไวน์มาดื่มฉลองกัน แต่ทางร้านจำกัดให้สั่งไวน์ได้เพียงชนิดเดียว คุณและคู่ของคุณจะตัดสินใจสั่งไวน์แดงหรือไวน์ขาวมาดื่มกันค้า เขียนคำตอบลงบนไวท์บอร์ดได้เลยค่า อย่าแอบหันไปมองกันนะค้า"

ผมยิ้มกว้างและรีบเขียนคำตอบอย่างรวดเร็ว

"โอเคค่า พร้อมนะค้า เดี๋ยวเตรียมยกไวท์บอร์ดขึ้นโชว์ไปทางท่านผู้ชมนะค้า หนึ่ง สอง สาม ยกค่ะ"

แล้วผมก็ได้ยินเสียงสมาชิกแก๊งห้องสามกรี๊ดกร๊าดดังมากกว่าห้องอื่นๆ

"ณ จุดจุดนี้ ถูกต้องทุกคู่เลยนะค้า แหม ทำไมรู้ใจกันอย่างนี้นะค้า"

แหม คุณเหมียวคร้าบ ก็คำถามมันง่ายขนาดนี้ ไม่ต้องเป็นแฟนกันก็รู้หรือเปล่าคร้าบ

ผมหันไปยิ้มหวานให้คุณลิน พบว่าเธอยิ้มหวานรออยู่ก่อนแล้ว ก็หน้าเธอแดงก่ำด้วยไวน์แดงซะขนาดนั้น ผมจะตอบผิดได้ไง หุ หุ ไงล่ะ ความเก่งกาจของผมมันซ่อนไว้ไม่อยู่แล้ว

"คำถามที่สอง ถ้าให้คู่รักเลือกไปเดินช้อปปิ้งกันวันเสาร์อาทิตย์ในกรุงเทพ ระหว่างจตุจักรและห้างเอ็มควอเทียร์ คุณกับคู่รักจะเลือกไปที่ไหนกันค้า ตอบค่า!"

…และทันทีที่ผมกับคุณลินยกกระดานขึ้นพร้อมกัน

กรี๊ดดดดด!!!!

เสียงกรีดร้องของประชาชนห้องสามก็ดังขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าห้องอื่น นี่คุณลินเขาแอบเตี๊ยมคำถามกับคุณเหมียวไว้ก่อนหรือเปล่าเนี่ย ผมเริ่มชักจะไม่ไว้ใจคนที่กำลังนั่งหันหลังให้ซะแล้ว คุณป้าเขาโกงหรือเปล่าวะ

หันไปก็เห็นคุณป้ากำลังทำท่าภูมิอกภูมิใจโบกมือให้กับบรรดาแฟนคลับ

"และณ จุดจุดนี้ ก็มาถึงคำถามสุดท้ายกันแล้วนะค้า มาดูกันค่าว่าคู่ไหนจะตอบถูก ตอนนี้คู่ของลินกับคุณเซนจากห้องสามคะแนนสูสีกับคู่ของจุ๋มกับพี่ธงจากห้องหนึ่งนะค้า คำถามที่สาม ถ้าต้องเลือกไปเที่ยวพักร้อนกันเดือนหน้า คุณและคู่ของคุณจะตัดสินใจไปเที่ยวที่ไหนกันค้า ระหว่างบาหลีและลอนดอน ตอบค่า!"

ทำไมคำถามมันเข้าทางผมกับคุณลินหมดทุกคำถามเลยวะเนี่ย

กรี๊ดดดดดด!!!!

เสียงกรีดร้องของเหล่าประชาชนห้องสามดังขึ้นอีกครา คราวนี้มาพร้อมกับเสียงทุบโต๊ะเมื่อเห็นคำตอบของผมและคุณลิน ผมคงไม่ต้องเฉลยนะครับ ว่าเราเขียนคำตอบว่าอะไรกัน

"คำถามนี้มีคู่ที่ตอบถูกอยู่คู่เดียวคือคู่ของลินกับคุณเซนนะค้า โอ้โห ณ จุดจุดนี้ สมกับเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันจริงๆ รู้ใจกันไปโหม้ด น่าอิจฉาลินของเราจริงๆนะค้า มีแฟนหล่อแล้วยังรู้ใจอีก" คุณเหมียวแสดงความชื่นชม

"และณ จุดจุดนี้ รางวัลไวน์แดงหนึ่งลังใหญ่ ก็ตกเป็นของคู่ลลินและคุณเซนค่า"

"ยู้ฮู้!" คุณป้าเค้าลุกขึ้นโห่ร้องอย่างลืมตัว ไวน์แดงนี่ของโปรดเลยอะดิ ผมว่าผมคงต้องยกรางวัลนี้ให้เธอทั้งลังนั่นล่ะ ดีใจออกหน้าออกตาขนาดนี้

คุณป้าครับ นี่เรารู้ใจกันขนาดนี้ คุณป้ายังคงจะไปเพ้อหาคุณลุงก้องคนนั้นอีกหรือครับ?

และเวลาก็ล่วงเลยมาค่อนดึก…

"จะไปในทันใด จะตรงไปจะใกล้ไกล ถ้าหากเป็นเธอจะรีบไป ให้เธอได้ความสบายใจ..."

ลุงก้องไร่องุ่นเขาจบเพลงของพี่เบิร์ดไปด้วยเสียงทุ้มๆที่พยายามจะทำเป็นอบอุ่น แน่นอนล่ะฮะ เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวใหญ่ทั้งหลายในห้องได้เซ็งแซ่ ตอนนี้เรามาถึงช่วงคาราโอเกะกันแล้ว เหมือนคนรุ่นนี้เขาจะชื่นขอบคาราโอเกะกันเป็นพิเศษ คิวไมค์ไม่เคยว่างเลย มีเสียงเพลงขับกล่อมกันตลอดร่วมชั่วโมงเข้าไปแล้ว

แต่ผมว่านะ เสียงลุงก้องแกก็งั้นๆ แถมเพลงยังย้อนยุคไกลไปหน่อย ถ้าจะให้เครดิตนิดนึงก็คงจะที่เป็นผิวสีแทนของลุงเขา ดูแข็งแรงสุขภาพดีอยู่นะ ผมว่าตัวผมมีสีผิวที่ออกขาวมากไปหน่อย ทำไงได้ ช่วงนี้ทำแต่งาน ไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมกลางแจ้งเลย สงสัยผมต้องหาเวลาชวนเจ้าเรนไปแค้มปิ้งกันบ้าง อือม์ ถามคุณลินดีไหมนะ ว่าไปที่ไหนดี

ว่าแล้วผมก็หันไปมองคนข้างๆ ก็เห็นเธอกำลังมองตามลุงไร่องุ่นที่เพิ่งลงจากเวทีไปด้วยสายตาละห้อย

ครับ เวลาผ่านไปค่อนคืนแล้ว ลุงเขาก็ยังไม่เข้ามาหาป้า...

ผมแอบมองคุณลินด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก วันนี้เขาอยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูแขนกุด น่ารักครับน่ารัก ต้นแขนผิวสองสีที่เนียนนุ่มทำเอาผมนึกอยากเอื้อมมือไปสัมผัส...

ไม่ใช่อะไรหรอก อยากสัมผัสปลอบใจเขาน่ะ แววตาที่เขาแอบมองฝ่ายโน้นมันดูเศร้านะ

นี่คุณลินแคร์ไอ้ลุงนั่นจนนั่งเศร้าได้เนี่ยนะ ตั้งแต่รู้จักกันมาผมยังไม่เคยเห็นเขาทำหน้าเศร้าเลย ตาโตๆนั่นดูสดใสร่าเริงเสมอแม้ยามงอน

คือแม้ผมจะแอบดีใจอยู่ลึกๆที่เหมือนสิ่งที่คุณลินหวังไว้จะไม่เป็นจริง…

แต่แม่งเอ้ย! ผมไม่ชอบเห็นคุณลินเศร้าเลยจริงๆว่ะ!

"คุณเซนขึ้นไปดับรัศมีไอ้ก้องมันหน่อยสิฮะ" ทันใดนั้นก็มีเสียงยุยงมาจากคุณวิสกี้อีกแล้ว

"ครับ?"

"ขึ้นเวทีไปร้องเพลงโชว์ให้ไอ้ก้องมันเห็นหน่อยฮะ หมั่นไส้มัน ทำเหมือนหล่อซะเต็มประดา" อ้าว สรุปคุณวิสกี้เค้าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ครับเนี่ย ยุให้ผมขึ้นไปเล่นเกมไม่พอ นี่กำลังยุให้ผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีอีก

วันนี้คุณวิสกี้ทำหน้าที่เป็นตัวชงจริงๆ นี่คงกะเรียกร้องความสนใจจากไอ้ลุงก้องไร่องุ่นให้คุณลินเพื่อนรักของเขาสิท่า สองคนนี้เขาแผนจัดมาก แต่เหมือนคุณวิสกี้จะแผนการแยบยลกว่าคุณลิน คุณป้าเขาชอบทำท่าเหมือนเก๋าเกม แต่ลงท้ายก็แป้กทุกที

"ไปเลยค่ะ คุณเซนลุยเลยค่ะ สู้ๆนะคะ" คุณป้าเขารีบหันมาคะยั้นคะยอผม แววตาเศร้าๆนั้นกลับมีประกายระยิบระยับขึ้นมา นี่นิสัยประธานนักเรียนเก่าที่ชอบบังคับเพื่อนให้ทำกิจกรรมอะดิ

"เอ่อ จะดีหรือครับ"แต่ผมรู้สึกเลิ่กลั่ก อดไม่ได้ที่จะทำท่าเก้อเขิน

"ชั้นอยากฟังคุณเซนร้องเพลงค่ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย นะคะ โชว์พลังเสียงหน่อยค่ะ" คุณป้ายังไม่หยุดรบเร้า

นี่คุณป้าอยากฟังผมร้องเพลงจริงๆหรือ รอยยิ้มออดอ้อนนั้นทำเอาผมใจอ่อนยวบ

เอาวะ แม้งานร้องเพลงจะเป็นงานที่ผมไม่ถนัดที่สุดในโลก แต่เมื่อคุณป้าเขาอยากฟังผมร้องเพลง ผมก็คงต้องจัดไปครับ รับงานมาแล้วครับ ก็ต้องไปให้สุดครับ

และอีกอย่าง ลีลาการร้องเพลงของผมอาจทำให้คุณป้าเค้าหายเศร้าได้บ้างนะ หวังว่า...

เพื่อคุณป้าโว้ย!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงลุกขึ้นและก้าวเดินอย่างห้าวหาญไปที่หน้าเวทีอีกครั้ง คือเหมือนเจนเวทีอยู่คนเดียว เหมามันให้หมดทุกรายการ หิวแสงที่สุดแล้ววันนี้ผมอะ

และเมื่อถึงหน้าเวที ผมไม่รอช้าที่จะกระซิบบอกเพลงโปรดของผมให้กับคุณเหมียว ผู้ซึ่งเป็นทั้งพิธีกรของงานและเป็นผู้ค้นทำนองคาราโอเกะให้เพื่อนๆ ไม่น่าเชื่อว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั่นจะมีเพลงที่ผมต้องการด้วยครับ ทันสมัยครับ รุ่นนี้เค้ายังทันสมัยเรื่องเทคโนโลยีครับ

ผมก้าวออกมายืนทำสมาธิกลางเวทีพร้อมทั้งขาตั้งไมค์ พร้อมเต็มที่แล้วครับ!

ตึ้ง... ตึง ตึ้ง ตีง ตึง ตึ้ง....

อา แค่เสียงกลองอินโทรและตามด้วยเสียงลี้ดกีตาร์ในตำนาน หัวใจผมก็สั่นไหวแล้ว พี่คริสของผมต้องยินดีที่ผมเลือกเพลงของพี่เค้า ผมเอื้อมไปเกาะกุมไมค์ที่ยังเสียบอยู่บนขาตั้งนั่น ก้มหน้าลงและก็ยังคงยืนนิ่งอย่างเท่ๆกลางเวที

กรี๊ดดดดดด!!!!

แน่นอนครับ ผมรู้ว่ามาดยืนเท่นี้ต้องได้รับเสียงกรีดร้องต้อนรับ

และณ จุดจุดนี้ ผู้คนเบื้องล่างเวทีก็เริ่มโยกตัวตามจังหวะอันเป็นที่คุ้นเคย ผมว่ารุ่นนี้แล้ว ทุกคนรู้จักพี่คริสและโคลด์เพลย์อย่างแน่นอน พวกเขาดูแฮปปี้กับเพลงที่ผมเลือกมาก

ผมคิดว่าเพลงที่ท่วงทำนองช้าๆแต่หนักแน่นเช่นนี้จะทำให้ดีกรีความเท่ของผมพุ่งถึงขีดสุด ลุงก้องก็ลุงก้องเถอะ มัวแต่มึนเมากับเพลงไทยยุคเก้าศูนย์ นี่! มันต้องดูตัวอย่างจากผม ข้ามไประดับสากลเลยครับ

"In My Place, In My Place…"

แต่หลังจากที่ผมขึ้นเพลงท่อนแรก ผมก็เริ่มเห็นรอยสับสนปรากฏบนใบหน้าของบรรดาคุณผู้ชมข้างล่าง ห้องจัดเลี้ยงทั้งห้องเงียบกริบ เพื่อนๆหลายคนเริ่มหันไปมองที่คุณลินด้วยสีหน้าเห็นใจ และตัวคุณลินเองก็ทำหน้าแปลกๆไป

สงสัยผมจะยังใส่อารมณ์ไม่พอ คงต้องเพิ่มอินเนอร์เข้าไปอีก ผมหลับตา ขมวดคิ้ว และเริ่มทำท่าโคลงเคลงไปมาเลียนแบบพี่คริส

"I was lost, I was lost…" ผมเปล่งเสียงออกไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่แคร์ความรู้สึกของเขาเหล่านั้น ในเมื่อเริ่มแล้ว ก็ต้องไปต่อให้จบ

"…"

ความตื่นตะลึงยังคงปกคลุมไปทั่วห้องเมื่อเสียงโหยหวนนั้นไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่ายๆ!

และในขณะที่ทุกคนกำลังหวั่นวิตกตระหนกกับเสียงร้องอันหายนะของผมนั้น

"Yeahhhhh how long must you wait for it?..."

เสียงประสานท่อนฮุกก็ดังมาจากคุณลิน บัดนี้เธอกระโจนขึ้นมาคว้าไมค์อีกตัวร่วมแจมกับผมบนเวที เธอคงไม่อยากให้ผมปู้ยี่ปู้ยำเพลงของพี่คริสอย่างโดดเดี่ยว

เราสบตากัน เธอยิ้มกว้างให้ผม นัยน์ตากลมโตนั่นโคตรดูอบอุ่น ผมมองเธอด้วยสายตาอันขอบคุณ วินาทีนั้นเหมือนใจของเราจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว…

ต้องยอมรับว่าคุณลินเสียงดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ และท่าทางของเธอก็จริงจังกับการร้องเพลงยิ่งไปกว่าผม สเต็ปการโยกตัวของเธอนั้นกินขาดเกินหน้าเกินตาเจ้าของเพลง มีการกระโดดขึ้นลงเวที แล้วหมุนตัวกวาดแขนกวาดมือเพื่อเน้นจังหวะที่กระแทกกระทั้นตามแบบพี่คริสเป๊ะ เข้าใจว่าน่าจะถูกเทรนมาดี ได้ยินว่าลิสาหลานสาวแกเชี่ยวชาญเรื่องการเต้น

ซึ่งณ จุดจุดนี้ หากพี่คริสมาเห็นคงต้องร้องว้าว ว้าว ว้าว

แล้วเราสองคนก็กอดคอกันแผดเสียงถล่มเพลงในตำนานอย่างไม่เกรงใจใคร

และโดยที่ผมไม่คาดคิด จู่ๆสมาชิกทุกคนของห้องสามก็พร้อมใจกันลุกจากเก้าอี้ขึ้นยืน พวกเขาผนึกกำลังกันส่งเสียงเพลงของพี่คริสให้ดังกึกก้องไปทั่วห้องจัดงานเลี้ยงเล็กๆแห่งนั้น มือขวาของทุกคนบัดนี้ถูกชูขึ้นโบกไปมา มีใครก็ไม่รู้เดินไปปิดไฟ แล้วหลายๆคนก็เริ่มเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือโบกกันสะบัด ภาพแสงไฟวับแวมๆนั้นสวยงามจับตา

ผมยิ้มกว้างชูสัญลักษณ์ไอเลิฟยูด้วยนิ้วโป้งนิ้วชี้และนิ้วก้อยโบกให้กับทุกๆคนกลับไป

… ซึ้งครับซึ้ง…

และเวลาก็ล่วงเลยมาดึกมาก...

"โอ้โห วันนี้เป็นวันของเพลงยุคเก้าศูนย์จริงๆนะครับเนี่ย ผมไม่ค่อยรู้จักเลย"

ผมรำพึงรำพันออกมาขณะโยกตัวถอยหน้าถอยหลังไปตามจังหวะของเสียงดนตรี

คือหลังจากช่วงเวลาอันทนทุกข์ทรมานของคาราโอเกะผ่านพ้นไป ก็มาถึงช่วงเวลาที่ผมไม่ถนัดที่สุดอีกอย่างหนึ่งในชีวิต นั่นคือการเต้น!

ใช่ครับ การออกมาวาดลวดลายโยกย้ายไปตามจังหวะเพลงแด๊นซ์ต่างๆนั่นล่ะครับ ไม่ใช่ทางของผมเลยสักนิด ผมหลีกเลี่ยงกิจกรรมเคลื่อนไหวชนิดนี้มาทั้งชีวิต เวลาไปเข้าเธคผับ ส่วนมากผมก็แค่ยืนจิบเบียร์เฉยๆอาจแค่โยกไปมานิดๆหน่อยๆ

แต่วันนี้! ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จงละทิ้งมาดเจ้านายเข้มๆออกไปเสีย เพื่อคุณป้า! ผมต้องไปเวย์เอนเตอร์เทนให้สุด เธอเป็นทุกอย่างให้บริษัทผมแล้ว ผมจะเป็นทุกอย่างให้เธอบ้าง

"จริงค่ะ วันนี้มีแต่เพลงยุคเก้าศูนย์ทั้งนั้นเลย ศิลปินแกรมมี่มากันให้ครบ ยัยเหมียวประธานรุ่นเค้าเป็นแฟนคลับยุคเก้าศูนย์น่ะค่ะ"

คุณลินเขาตอบกลับมาพร้อมกับหมุนตัวอย่างแคล่วคล่อง ดูเขาร่าเริงขึ้นมากหลังจากได้ประจักษ์กับเสียงร้องเพลงอันหายนะของผม

ตอนนี้เรากำลังอยู่กลางฟลอร์ของการแดนซ์กลางห้องจัดเลี้ยง โต๊ะยาวและเก้าอี้ทั้งหลายถูกยกออกไปหมดก่อนหน้านี้แล้ว และด้านข้างของห้องก็ถูกแทนที่ด้วยโต๊ะกลมทรงสูงเป็นจุดๆสำหรับวางเครื่องดื่ม พื้นที่ของทั้งห้องถูกปรับเปลี่ยนเป็นเธคผับขนาดย่อมในพริบตา ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีไฟดิสโก้ด้วยนะเออ

"ก็ทั้งรุ่นคุณลินไม่ใช่หรือครับที่ชอบยุคเก้าศูนย์ ก็คนเจนเอ็กซ์กันทั้งนั้น" ผมตะโกนข้างหูคุณลิน

การตะโกนสนทนากันในที่ที่เสียงดนตรีดังกลบนี่เป็นสิ่งไร้เหตุผลอย่างหนึ่งที่มนุษย์เมืองหลวงนิยมทำกัน

"แหม คุณเซน รุ่นชั้นมันรุ่นคาบเกี่ยวเจนวายค่ะ แต่ชั้นว่าถึงเป็นเพลงของยุคสองพัน คุณเซนก็ไม่รู้จักอยู่ดี เพราะยังไงคุณก็ไปอยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก" คุณลินขยับเข้ามาใกล้มาก แล้วตะโกนตอบที่ข้างหูผม

"แต่ผมรู้จักพี่ตูนนะ" ผมไม่รีรอที่จะโน้มตัวเข้าไปชิดเธอเลยทีนี้

ข้อดีของการได้ตะโกนข้างหูกันคือ มันใกล้ชิดกันดี ตอนนี้ผมได้กลิ่นน้ำหอมของคุณลินมาเบาๆ ความจริงวันนี้ผมก็ได้กลิ่นไปหลายรอบแล้วเพราะผมถือโอกาสทำใกล้ชิดบ่อยมาก ก็ตามแผนเรียกร้องความสนใจจากลุงก้องอะนะครับ ไม่ใช่อะไรหรอก

"จริงอะ พี่ตูนนี่นักร้องคนโปรดชั้นเลยนะคะ ชั้นใฝ่ฝันมากที่จะได้ไปคอนเสิร์ตพี่ตูนสักครั้งของชีวิต…" แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดขาดคำ

อุ๊บบบบบบ!

"อุ๊ย! คุณเซน" เสียงร้องมาเบาๆอย่างตกใจ

เพราะจู่ๆผมก็สะดุดล้มหน้าคว่ำไปทางคุณลิน จนเธอต้องประคองผมไว้โดยการโอบผมทั้งตัว ผมจึงถือโอกาสก้มหน้าลงใกล้ใบหน้าเธอแบบสโลว์โมชั่น แล้วจ้องตาเธอนิ่งๆ

"อุ๊ย คุณเซนทำอะไรคะเนี่ย" คุณลินเธอพยายามผงะหน้าถอยห่าง

"ก็แกล้งล้มทับหน้าชนกันเหมือนในละครไทยไงครับ" ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม

"แหมคุณเซน นั่นมันบทสำหรับพระเอกนางเอกเค้าค่ะ แต่ตอนนี้คุณกำลังเล่นบทตัวโกงอยู่นะคะ ยืนดีๆได้แล้วค่ะ หนักนะคะเนี่ย ตัวคุณเซนไม่ใช่เบาๆ" คุณป้าผลักผมออก แล้วหันไปมองรอบๆ

ไม่มีใครเค้าสนใจหรอกคร้าบคุณป้า ทุกคนต่างกำลังเมามันกับเพลงของป้าติ๊นา

"อ้าว ทีแรกนึกว่าผมแค่เป็นพระเอกจำลอง เป็นเพียงแค่พระรองที่เธอมองไม่เห็น แล้วนี่ผมกลายเป็นตัวโกงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะเนี่ย" อะไรของป้าเค้า อยู่ๆมายัดเยียดบทตัวโกงให้ผมเฉย

"แหม ตัวละครมันต้องมีการพัฒนาค่ะ จากพระรองก็กลายเป็นตัวโกงได้เพราะโดนกดดันจากนางเอกและคนรอบข้าง ดูๆไปหน้าตาของคุณเซนก็เหมาะกับบทตัวโกงนะคะ"

"เอ่อ โอเค งั้นช่างมันเถอะครับ" ผมตัดบท เมื่อเห็นเนื้อเรื่องชักจะไปกันใหญ่

ตอนนี้ผมทรงตัวกลับมายืนได้มั่นคงแล้ว และกำลังเริ่มเต้นรำท่ายึกยักที่จำมาจากตอนไปดูการเต้นรำของชาวญี่ปุ่นกับคุณตาคุณยายสมัยตอนเป็นเด็ก แม้มันจะนานมาแล้ว แต่ความจำผมดีไงครับ ผมจำได้เกือบทุกท่า

แต่คือจังหวะการเต้นมันจะไม่ค่อยเข้ากับเพลงของป้าติ๊นาเลยแฮะ

เอ้อ ช่างมันเถอะ เอาความยูนีคเข้าว่า

"คุณลินดูนะครับ นี่คือการเต้นรำแบบอาวะโอโดริของญี่ปุ่น คุณลินเต้นตามได้นะครับ ผมไม่สงวนลิขสิทธิ์" ผมพยายามชักชวนคุณป้าเขา แล้วก็ตั้งอกตั้งใจทำท่าให้เขาดู

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า" คุณป้าเธอดูร่าเริงกับความจริงจังของผมมาก ซึ่งแม้หน้าตาเธอจะดูเหมือนหัวเราะเยาะ แต่คุณป้าเธอก็เริ่มเต้นตาม ผมจึงบุ้ยบ้ายให้เธอมาเต้นตามข้างหลังผม

เพราะมันคือการเต้นแบบค้อมตัวลงมาข้างหน้า สลับเท้าก้าวไปมาซ้ายขวา เอามือทั้งสองชูไปในอากาศ แล้วค่อยๆขยับหันซ้ายหันขวาเดินหน้าไปเรื่อยๆทีละนิด บางจังหวะก็มีการหันข้างแล้วกางแขนออกทั้งสองข้าง กระโดดนิดๆเพื่อยกขาขึ้นสลับกันไปมาคล้ายๆท่าหนุมานของไทย

เราสองคนใช้เวลาไม่นานก็เริ่มซิงโครไนซ์จับจังหวะกันได้ และณ จุดจุดนี้ เหล่าบรรดาเท้าไฟคนอื่นๆในห้องคงอดรนทนไหว พวกเขาเริ่มมาต่อท้ายแถวเพื่อที่จะร่วมสรรค์สร้างสเต็ปอันเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมไปด้วยกัน เยี่ยม! เป็นการสร้างความสามัคคีในหมู่คณะไปอีก

"มันคือการเต้นอาวะโอโดริของญี่ปุ่น คุณเซนเขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น"

ประโยคนี้ถูกบอกต่อกันไปเป็นทอดๆ แล้วขบวนอาวะโอโดริซึ่งมีผมเป็นหัวขบวนก็เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมต้องเริ่มออกเดินไปทั่วห้องเพื่อให้หางแถวได้ก้าวตาม จนในที่สุดขบวนของเราก็กวาดเอาผู้ร่วมงานทั้งห้องมาล่มหัวจมท้ายด้วยกันจนได้

ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า คนวัยนี้เขาจะมีสปิริตกันสูงมากขนาดนี้ ชาวคณะเพื่อนร่วมรุ่นของคุณลินเต้นตามผมอย่างไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะเป็นเพลงของป้าใหม่เจริญปุระ ลุงหนุ่ยไมโคร หรือลุงอัศนีวสันต์ ไปจนกระทั่งลุงเสกโลโซ พวกเขาคงทึ่งที่ผมสามารถปรับเปลี่ยนจังหวะการเต้นอาวะโอโดริให้เข้ากับเพลงยุคเก้าศูนย์ได้อย่างเหนือความคาดหมาย และเหมือนว่าพวกเขาจะหมดวัยของการวางฟอร์มกันแล้ว ขอเพียงแต่มีคนหาญกล้าขึ้นนำทำอะไรที่ต่างออกไป พวกเขาก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าร่วมวง

ตลอดเวลาที่เรากำลังเต้นกันไปเรื่อยๆนั้น ผมได้ยินเสียงคุณลินเธอหัวเราะดังมาจากทางด้านหลังของผมอยู่เรื่อยๆ ผมหันไปมองเธออยู่หลายที ก็เห็นอารมณ์สนุกสนานของเธอกลับมาอีกครั้ง

และเมื่อเราได้สบตากัน เราต่างก็ยิ้มกว้างให้แก่และกัน ดวงตากลมโตนั้นบัดนี้ไม่เหลือร่องรอยความเศร้าอยู่แล้ว

รอยยิ้มแบบนี้ แววตาแบบนี้ล่ะ ที่ผมอยากจะเห็นตลอดไป

ผมยอมเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วครับในค่ำคืนนี้...


Chapter 42: คนน่ารักมักเอาแต่ใจ

หลังจากการร้องเพลงและการเต้นอาวะโอโดริประกอบเพลงยุคเก้าศูนย์ผ่านพ้นไปอย่างเหน็ดเหนื่อย ช่วงท้ายของงานเลี้ยงรุ่นของเราก็มาถึง ตอนนี้เสียงเพลงอันเร่าร้อนได้ถูกเปลี่ยนเป็นเพลงคลาสสิคบรรเลงอยู่เบาๆ เราต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนยืนจับกลุ่มคุยกันกระจัดกระจายทั่วห้องจัดเลี้ยง

จนแล้วจนรอดฉันก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับก้อง ก็คุณเซนเขาประกบฉันแจ ตาเรียวๆนั่นจับจ้องฉันตลอดเวลา แถมยังเอาใจใส่ฉันเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มเธอบริการเสิร์ฟฉันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พ่อหนุ่มเสื้อชมพูได้ทำหน้าที่แฟน(ปลอมๆ)ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วในค่ำคืนนี้

และถึงแม้คุณเขาจะร้องเพลงได้อย่างน่าเศร้าใจ และไม่สามารถที่จะแดนซ์แบบทันสมัยได้ แต่กระนั้นคนตาเรียวก็ยังคงสามารถเข้าครอบครองหัวใจของบรรดาสาวๆแก๊งเพื่อนสนิทของฉันได้อย่างไม่เคอะเขิน

"จำได้ทุกคนสิฮะ นี่คุณนุ่น ถัดไปคุณแพรวา แล้วก็คุณแอมมี่" คุณเซนเธอผายมือไปยังแต่ละคนพร้อมทวนชื่ออย่างมั่นใจเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้ไม่หยุด

"แล้วลูกสาวของคุณนุ่นชื่อน้องจำไม ลูกชายคุณโสรยาชื่อน้องเต๋ สามีคุณแพรวาชื่อคุณป๊อก แฟนของคุณแอมมี่ชื่อคุณโอ๋ครับ"

การละเล่นเกมทายชื่อดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อน พวกนี้ไม่รู้อะไรซะแล้ว คุณเซนเธอเบอร์หนึ่งเรื่องการจดจำชื่อคน หรือจะว่าไปเธอเป็นคนความจำดี คนอะไร สามารถจำท่าเต้นอาวะโอโดริจากในวัยเด็กได้เกือบทุกท่า

"อร๊าย ทำไมคุณเซนความจำดีขนาดนี้" "นี่จำเรื่องทุกอย่างของยัยลินได้ด้วยสิคะ" "เริ้ดอ่า" เสียงชื่นชมเซ็งแซ่ดังอยู่เรื่อยๆ

แก๊งเพื่อนสนิทของฉันเขามากันทั้งครอบครัวบ้าง มากับลูกเดี่ยวๆบ้าง บางคนก็มากับแฟน จะมีก็แต่วิสกี้เพื่อนรักของฉันที่ฉายเดี่ยวโดยไม่แคร์คำครหาของใคร คือยังไงรายนั้นเค้าก็ไม่เคยคิดจะเปิดตัวใครอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว แฟนของกี้เค้าเยอะ ต้องคอยสับรางกันให้วุ่นวาย ส่วนฉันก็โชคดีที่มีคุณเซนควงมาด้วย ทำให้ฉันไม่ต้องกังวลว่าจะต้องคอยตอบคำถามใครเรื่องชีวิตรัก

แต่เดี๋ยวนะ ทำไมไปๆมาๆกลับกลายเป็นตาคนเสื้อชมพูคนข้างๆนี่ที่ชวนคนอื่นคุยเรื่องความรักของเราแทน

"ลินเค้าเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากครับ ผมตกหลุมรักเค้าตั้งแต่แรกเห็น"

โอย คุณเซนนนนนน!

"เธอทำให้โลกของผมสว่างไสว"

ไม่พูดเปล่า พยายามจะป้อนถั่วเขาปากฉันอีก นี่ไม่คิดจะเขินตัวเองบ้างเลยหรือไง อีกนิดฉันจะอ้วกพุ่งแล้วนะ

"นี่กว่าผมจะจีบเค้าได้นะครับ ผมถอดใจไม่รู้กี่รอบแล้วครับ ใช่ไหมครับลิน แต่ยังไงๆเซนก็ยังสู้นะครับ"

คราวนี้หันมาทำตาหวานหยาดเยิ้มใส่ฉัน เอามือข้างขวามาโอบฉันไว้ แล้วเอื้อมมือข้างซ้ายมาเขี่ยปลายผมของฉันเล่นด้วย

คุณเสื้อชมพูคะ คุณจะเล่นละครเก่งเกินไปไหมคะ เชื่อแล้วค่าว่าเป็นเซียนช่องเจ็ด

และฉันก็คิดว่าพวกเพื่อนๆฉันคงเกือบสำลักความเลี่ยนนี้ด้วยเช่นกัน แต่ละคนทำหน้าปูเลี่ยนๆ จะขำก็ไม่ใช่จะหมั่นไส้ก็ไม่เชิง คงคิดกันอยู่ล่ะสิว่าจะผสมโรงช่วยสร้างความฮอตให้ฉันดีไหม หรือควรจะแฉความเป็นจริงให้โลกได้รู้

"อยากรู้จังว่าสมัยเรียนลินเค้าฮอตมากเหมือนสมัยนี้ไหมครับ" ยัง ยังจะไปต่ออีก

"ฮอตอะไรกันฮะ ลินเค้ารักเดียวใจเดียวกับใครบางคนจะตายไป ตัวติดกันเป็นปลากระป๋อง ว่าไงลิน ไม่เจอกันตั้งนานนะเธอ"

แล้วเสียงคุ้นๆจากทางด้านหลังของฉันก็ดังขึ้นยุติสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนนั้น แต่ก็ทำเอาฉันใจหายวาบ ความน่ากลัวกว่ากำลังเข้ามาเยือนฉันและเพื่อนๆแล้ว!

"อ้าว โอดี้ หวัดดีจ้ะ"

ฉันจำยอมต้องหันไปทักทายโอดี้คู่รักคู่ชังในตำนาน โคตรซวย ณ จุดจุดนี้ ความลับในสมัยวัยเรียนของฉัน จะต้องพรั่งพรูออกมาให้คุณเซนได้รับรู้แน่ๆ ความจริงฉันเห็นโอดี้ตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะ แต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นและพยายามอยู่ไกลๆเข้าไว้

โอดี้เคยเป็นอดีตหนุ่มน้อยหนึ่งเดียวของสมาชิกเกิร์ลแก๊งของเราสมัยมอต้น ส่วนวิสกี้น่ะฉันเพิ่งมาสนิทด้วยตอนสมัยมอปลายเพราะเราเรียนห้องศิลป์ด้วยกัน

แล้วตอนนี้วิสกี้หายไปไหนเนี่ย

"เอ้อ โอดี้ นี่คุณเซน" ฉันจำใจต้องทักทายโอดี้ไปตามมารยาท

"แหม แฟนหล่อนะจ๊ะ ไม่นึกเลยนะว่าพอเธอเลิกกับก้องไป เธอจะมีโอกาสได้แฟนหล่อๆอีก"

โอ้ เฉียบ! โอดี้เขาพุ่งเข้าตรงประเด็นมาก ไม่มีบทเกริ่นนำเลยสักนิด

ณ จุดจุดนี้ เงียบกริบกันไปทั้งบาง คุณเซนเองก็คงนึกไม่ถึงสินะว่าฉันจะถูกโจมตีอย่างรวดเร็วปานนี้ในยามช่วงท้ายของค่ำคืน

"แก๊งนี้นะฮะคุณเซน ตอนเด็กๆร้ายมากฮะ พวกนี้เค้าคิดว่าตัวเองสวยและเรียนเก่ง เค้าเลยชอบแกล้งพวกเพื่อนที่หัวอ่อนฮะ" โอดี้ปรายตามองหน้าตาเลิ่กลั่กของแต่ละคน โอดี้เขาคงไม่อยากโจมตีฉันให้ได้โดดเด่นอยู่คนเดียว เขาเลยเล่นทั้งแก๊ง

"เอ้อ ก็ตอนนั้นเป็นเรื่องของเด็กๆมั้งครับ" คุณเซนเริ่มได้สติและเริ่มต้นการปกป้องพวกเรานิดๆ

"จริงนะโอดี้ เรื่องมันนานมากแล้ว ชั้นจำไม่เห็นจะได้เลย" แอมมี่เริ่มตั้งหลักได้เป็นคนถัดมา

"พวกเธอจำไม่ได้ แต่ฉันจำได้แม่นเลย คุณเซนรู้ไหมฮะ ผมพยายามจะขอเข้ากลุ่มพวกเขา แต่พวกนี้ก็ผลักไสให้ผมไปอยู่กับกลุ่มพวกเด็กผู้ชายแมนๆ แต่พวกนั้นมันก็ไม่ยอมรับผม ชอบแกล้งผมบ่อยๆ กว่าพวกผู้หญิงจะรับผมเข้ากลุ่ม ผมก็ถูกพวกผู้ชายแกล้งแทบแย่"

คือแม้ยี่สิบปีจะผ่านไปแต่ความหลังนั้นยังคงฝังใจกับโอดี้อยู่ไม่รู้ลืม

"จริงอะ ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าเธออยากเข้ากลุ่มกับพวกเด็กผู้หญิงอย่างฉัน" ฉันรู้สึกผิดกึ่งไม่แน่ใจ

ก็ตอนนั้นพวกฉันไม่รู้จริงๆว่าโอดี้เขามีจิตใจค่อนมาทางผู้หญิง และต้องการจะเข้าร่วมกลุ่มกับเรา เขาไม่ได้บอกอะไรพวกฉันตรงๆนี่นะ ใครจะไปรู้ แล้วสมัยนั้นสังคม LGBT เค้าก็ยังไม่เปิดเผยหรือเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนสมัยนี้

"ไม่รู้ล่ะ พวกเธอนิสัยไม่ดี ชอบใช้อำนาจกับผู้อ่อนแอกว่า ชอบแกล้งหลอกให้เพื่อนๆหัวอ่อนบางคนทำอะไรที่น่าอาย ทำอะไรตลกๆงี้"

โอดี้… ทำไมเธอช่างความจำดีเยี่ยงนี้

พวกฉันเริ่มหน้าจ๋อย จะพูดอะไรออกไปก็เหมือนเป็นการแก้ตัว

"เอาจริงเรื่องมันก็เกือบจะยี่สิบปีแล้วนะ เธอยังจำฝังใจอยู่เหรอเนี่ย" แต่นุ่นเค้าเริ่มจะไม่ยอมบ้างแล้ว

จริงของนุ่น นี่คือฉันจำอะไรสมัยนั้นไม่ได้เลย รู้แต่ว่ากลุ่มของเราค่อนข้างกล้าๆซ่าส์ๆและมีพาวเวอร์ในการทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน ฉันเองก็ได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียนเนื่องจากเป็นที่รักของเพื่อนและมีพรรคพวกมากมาย ฉันเข้าได้กับทุกก๊กทุกแก๊ง และหลังจากฉันได้รับเลือก ฉันก็สมนาคุณผู้ที่สนับสนุนฉันอย่างงดงามด้วยตำแหน่งสำคัญต่างๆในคณะสภาของโรงเรียน

"ลิน เธอมันชอบเล่นพรรคเล่นพวก" โอดี้ไม่สนนุ่น และหันมากล่าวหาฉันเดี่ยวๆต่อไป

เอ้อ... ที่โอดี้พูดมาก็มีส่วนจริง ...มั้ง หรือเปล่า ชักไม่แน่ใจ

"พวกเธอไม่รู้ตัวหรอก ว่าพวกเธอทำลายความสวยงามในวัยเด็กของชั้นไปหมดแล้ว" โอดี้หันไปมองรอบๆ ตอนนี้แก๊งฉันหน้าตาสำนึกผิดกันเป็นแถวๆ โอดี้เค้าแค้นฝังหุ่นจริงๆ

"ไปล่ะนะ แฟนฉันเขามาด้วย เดี๋ยวฉันต้องไปเทคแคร์เขาหน่อย เขาเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทใหญ่ยักษ์ด้านการเงินเลยนะ"

แล้วจู่ๆโอดี้เขาก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่มีเยื่อใยหลังจากทิ้งระเบิดไว้ตูมใหญ่มาก

"เอ่อ... เอ้อ ผมรู้สึกคอแห้งมากครับ ใครอยากดื่มอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมเอามาเสิร์ฟ บอกความต้องการของแต่ละคนมาได้เลยครับ ผมจำได้หมดครับ" คุณเซนเธอพยายามจะทำลายบรรยากาศอันน่าสลดนั้นด้วยข้อเสนอที่ทุกคนต่างปฏิเสธไม่ลง

เสียงจ้อกแจ้กจอแจสั่งเครื่องดื่มจึงดังขึ้น

"นี่เซนเพิ่งรู้นะครับเนี่ย ว่าตอนเด็กๆลินนิสัยไม่ดี" ก่อนจะเดินจากไปที่บาร์เครื่องดื่ม พ่อเสื้อชมพูเขายังหันมากระซิบกันฉันด้วยสายตายิ้มๆ

"เอ้อ..." ฉันไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีเลย ตอนเด็กๆฉันนิสัยไม่ดีเหรอวะ นี่ก็เพิ่งรู้ตัวเอง

"แต่ถึงร้ายก็รักน้า" คนพูดทำตากรุ้มกริ่ม

เดี๋ยวๆคุณเซนคะ ไม่ต้องแสดงแล้วค่ะ โอดี้เค้าจากไปแล้ว…

ฉันรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยหลังจากได้สัมผัสลมแผ่วๆที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฉันกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอกที่ต่อออกมาจากห้องจัดเลี้ยง อากาศยามดึกของกรุงเทพในค่ำคืนนี้ก็ไม่เลวนัก คิดถูกที่บอกคุณเซนตอนที่เขาไปเอาเครื่องดื่มว่าจะขอตัวออกมาสูดอากาศนอกห้องแอร์เสียหน่อย

คำพูดของโอดี้ทำเอาฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ฉันควรจะต้องไปขอโทษโอดี้ถึงเรื่องในอดีตใช่ไหม แต่ฉันก็ไม่รู้ตัวจริงๆนี่นาว่าฉันได้ทำร้ายจิตใจเพื่อนขนาดนั้น มิน่า โอดี้ถึงได้แสดงอาการเป็นคู่รักคู่แค้นกับฉันเสมอมา นี่ก็เพิ่งรู้นะว่ามันเป็นปมใหญ่ของชีวิตเพื่อน เป็นบาดแผลในใจที่โอดี้ไม่ยอมลบมันออกไป

โอย นี่ตอนเด็กๆฉันมีนิสัยชอบบูลลี่เพื่อนด้วยเหรอวะ โคตรรู้สึกผิดเลย

แต่ในขณะที่ฉันกำลังกังวลใจเรื่องของโอดี้อยู่ และกำลังตัดสินใจจะหันหลังกลับเข้างานเพื่อไปขอเคลียร์กับโอดี้นั้น กลับกลายเป็นว่า ช่วงเวลาที่ฉันรอคอยมาตลอดทั้งคืนก็มาถึงโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

ก้องกำลังเดินเข้ามาหาฉัน...

"ก้อง..."

ฉันชะงักไป มองคนตัวใหญ่ผิวสีแทนนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หลังจากที่ฉันเล่นเกมดูเชิงอยู่ฝ่ายเดียวทั้งคืน ในที่สุดก้องก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาฉันก่อน

"ลินสบายดีนะ"

ก้องเอนตัวไปพิงราวระเบียงริมน้ำนั้นด้วยท่าทีสบายๆ ในมือมีแก้วไวน์อยู่

"อื้อ"

พอถึงเวลาจริงๆฉันกลับพูดไม่ออก ก่อนจะมางานฉันอุตส่าห์เตรียมคำถามคำพูดเอาไว้มากมาย เตรียมกระทั่งจะทักทายก้องคำแรกยังไง จะหันหน้าไปด้านไหนตอนยิ้ม แต่จู่ๆก็ลืมสิ่งที่เตรียมมาพวกนั้นไปเสียสิ้น

คือ... ยอมรับว่าหลังจากที่คุณเซนเธอขึ้นไปร้องเพลงบนเวที สายตาของฉันที่เคยจับจ้องอยู่ที่ก้องแทบจะตลอดเวลา ก็เปลี่ยนมาจับที่คุณเซนแทน ก็คุณเซนเธออุตส่าห์พลีชีพเสียลุคส์ซะขนาดนั้นอะนะ

"ลินไม่เปลี่ยนไปเลย ยัง... เอ่อ น่ารักเหมือนเดิม"

คำพูดนุ่มๆนั้นทำเอาฉันอึ้งไป นึกไม่ถึงว่าก้องจะเป็นฝ่ายเริ่มประโยคหวานแบบนี้อย่างรวดเร็ว แปลว่าสิบกว่าปีที่เราไม่เจอกัน ภาพความทรงจำของฉันที่เขายังมีมาโดยตลอด คือฉันน่ารัก...

"ก้องก็..." เอาไงดีวะ อวยอะไรกลับไปดี โอ๊ย คลังคำพูดที่เมื่อคืนอุตส่าห์นั่งเตรียมไว้ทั้งคืนมันหายไปไหนหมด!

"ก้องก็ดูสุขภาพดียังแข็งแรงเหมือนเดิมนะ" อุ้ย มาสายสุขภาพได้ไงวะเนี่ย

แล้วรอยยิ้มอันอบอุ่นก็คลี่ออกมาจากริมฝีปากหนานุ่มนั้น แฟนเก่าของฉันเขาเป็นคนปากอิ่มนุ่ม ฉันยังจำความรู้สึกตอนจูบกับก้องได้แม้เวลาจะล่วงเลยไปเป็นสิบปีแล้ว คริ คริ

ตอนนี้เราสองคนยืนเอามือเท้าระเบียงหันหน้าเข้าชมแม่น้ำกันแล้ว ลมแม่น้ำยังคงพัดมาปะทะใบหน้าและผิวกายของสองเราอย่างแผ่วเบา

อา... สมหวังแล้วฉัน

ไม่คิดว่าจะได้คุยกับก้องในบรรยากาศที่โรแมนติกอย่างนี้ สมกับที่รอคอยมาทั้งคืน คุยกันตรงนี้ดีกว่าคุยในห้องจัดเลี้ยงที่เสียงดังขนาดนั้นเป็นไหนๆ

ความรู้สึกคิดถึงวันวานของเราสองคนค่อยๆกลับขึ้นมาในใจของฉัน ดีใจจังเลย

"ก้องเห็นลินมีความสุข ก้องก็ดีใจนะ" เสียงนุ่มนั้นทำเอาฉันเคลิ้ม

มีความสุขสิจ๊ะก้อง ได้กลับมายืนข้างๆกันแบบนี้ ลินฟินนนนน

"เค้าคงดูแลลินดี ลินถึงได้ดูมีความสุขมากขนาดนี้" ก้องยังคงเป็นฝ่ายพูดต่อไปเรื่อยๆ

"เค้า?" เอ๊ะ…

"ก็... แฟนลินไง ก้องดูก็รู้ว่า ผู้ชายคนนั้นเขาคลั่งไคล้ลินขนาดไหน ก้องเห็นสายตาของเขามองมาที่ลินตลอดเวลาเลย"

ห้ะ เดี๋ยวนะ คุณเซนเล่นละครเก่งขนาดนั้นเชียวรึ แล้วทำไมน้ำเสียงของก้องไม่ได้แสดงอาการหึงหวงอะไรเลย เหมือนจะยินดีกับฉันเสียด้วยซ้ำ

โธ่ แผนของฉันกับวิสกี้พังยับหรือนี่ โอ๊ย เซ็ง!

หากประโยคถัดมาของก้อง ทำเอาฉันกลับใจเต้นตึกตักขึ้นมาใหม่

"ก้องเป็นห่วงลินนะ" คราวนี้ก้องหันมามองฉันตรงๆด้วยสายตาอันอบอุ่น และน้ำเสียงนั้นก็ช่างอบอุ่นเหลือเกิน

"ก้อง… ก้องเป็นห่วงอะไรลินหรือจ๊ะ" ฉันพึมพำ จะซึ้งก็ยังไม่แน่ใจ เพราะไม่รู้ว่าก้องเค้าหมายความว่าอย่างไร

"ก้องรู้เรื่องแล้วนะ วิสกี้เค้าเล่าเรื่องผู้ชายคนนี้ให้ก้องฟังแล้วล่ะ ก้องก็ว่าเค้าก็ไม่เหมาะกับลินนะ ดูไปดูมาเค้าก็ดูไม่จริงใจจริงๆแหละ" ก้องมองฉันด้วยแววตาอ่อนโยน แต่ฉันกลับงงงวย

อ้าว สรุปว่าคุณเซนเธอแสดงเก่งหรือไม่เก่งกันแน่ แสดงยังไงให้คนจับได้ หรือก้องเค้าจะมีเซ้นส์ว่าทุกอย่างมันปลอมเพราะเค้าเองก็รู้จักฉันดี แต่ที่แน่ๆ คุณวิสกี้เพื่อนฉันเค้าไวมากนะคะ อ่อ ที่เห็นหายตัวไปตอนโอดี้ถล่มพวกเรา คงเพราะกำลังไปคุยกับก้องนี่เอง

"คือ… ลินกับเค้าก็ยังเป็นแค่คนคุยๆกันอยู่ ลินยังไม่ได้คิดจริงจังอะไร" ฉันอ้อมแอ้มตอบไป แปลกที่ไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนตอนแรกๆที่อยากจะใส่ไคล้คุณเซนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากก้อง

"อื้อ ก้องก็คิดว่าอย่างนั้นนะ ลินคงไม่ชอบผู้ชายแบบนั้นจริงๆหรอก ก้องว่าเค้าดูมือไวด้วยนะ เอะอะอะไรก็โอบลิน เอะอะก็เอาหน้าเข้าไปใกล้ๆลิน ก้องว่าเค้าไม่ค่อยให้เกียรติลินนะ"

ใช่ ก้อง ลินก็ไม่ชอบผู้ชายแบบนี้เลย ขี้หลีชะมัด ทำจู๋จี๋ต่อหน้าผู้คน น่าอายจะตายไป

ฉันตอบก้องไปในใจ ความจริงหากตามแผนเดิมฉันควรจะมารยาใส่ก้องไปเช่นนั้นไม่ใช่รึ ฉันต้องทำเป็นไม่ชอบคุณเซน ทำเป็นรำคาญ

คือ… คุณเซนเค้าก็ทำอย่างที่ก้องว่าจริงๆ แต่... ทำไมฉันไม่ได้รู้สึกรำคาญในสิ่งที่คุณเซนทำเลยแฮะ...

จู่ๆฉันก็หน้าแดงขึ้นมากับคำวิจารณ์ของก้องที่มีต่อคุณเซน ฉันรู้ดีว่าคุณเซนเค้าไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น ในที่ทำงานคุณเซนเธอวางตัวเฉยมากกับพนักงานผู้หญิงทุกคน หน้าตาเธอแทบจะไม่ยิ้มเลย จะมีก็แต่ป้าผ่องแม่บ้านของออฟฟิศเท่านั้นแหละที่เธอยิ้มให้บ่อยๆ แล้วก็อีกคนที่คุณเซนเธอยิ้มให้ ก็คือฉันเอง แต่ก็ยิ้มให้นอกเวลางานล่ะนะ

"ไม่ไหวนะลิน ผู้ชายมือปลาหมึกแบบนี้ใช้ไม่ได้ แล้วอีกอย่างร้องเพลงก็เพี้ยนซะขนาดนั้น ลินทนได้ยังไงกัน"

ปกติก้องเองก็ไม่ใช่คนที่จะมีอคติกับใครหรือพูดจาว่าร้ายใครง่ายๆ ก้องเป็นผู้ชายซื่อๆและใจดี แสดงว่ายัยวิสกี้ไปใส่ความอะไรโหดๆเกี่ยวกับคุณเซนไว้ที่ก้องแน่ๆ

"เอ่อ... อันที่จริงคุณเซนเค้าก็ไม่ขนาดนั้นนะ" ฉันตะกุกตะกักออกไป

"ลินไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวก้องจะช่วยกันเค้าออกไปจากชีวิตลินให้เอง"

คำสัญญานั้นหนักแน่น ฉันรู้ว่าเมื่อก้องตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ก้องเป็นคนทำจริง ดูอย่างไร่ไวน์นั่นไง ก้องฝันมานานแล้วว่าอยากจะบุกเบิกไร่ไวน์ในพื้นที่ของครอบครัวที่จังหวัดเลย แล้วก้องก็ทำสำเร็จจริงๆ ก้องเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่อง ที่สำคัญแฟนเก่าคนนี้ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยฉันมาก

สิบปีผ่านไป ก้องยังคงห่วงลินอยู่ใช่ไหม

"เอ่อ... ขอบคุณนะก้อง" ฉันยิ้มรับ ใจหนึ่งก็ดีใจที่ดูเหมือนก้องจะยังมีเยื่อใยกับฉัน

แต่อีกใจกลับรู้สึกแปลกๆ...

"ลินครับ เซนอยากกลับบ้านแล้ว"

แล้วฉันได้ยินเสียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นน้ำเสียงเดียวกับที่เค้าใช้ตอนที่อยากจะออกจากเลี้ยงที่หัวหิน ที่หายไปคือคำว่า คุณ กับ ผม กลายมาเป็นคำว่า ลิน กับ เซน แทน

"อ้าว คุณเซน เอ่อ นี่ก้องค่ะ" ฉันหันไปยิ้มให้คนที่กำลังเดินเข้ามาหาเราทั้งคู่ที่ระเบียง พลางทำเป็นแนะนำเขาให้กับแฟนเก่าของฉันเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ซึ่งคุณเซนเค้ารู้มาชาติหนึ่งแล้วล่ะว่าผู้ชายคนนี้ชื่อก้อง

"สวัสดีครับคุณก้อง" คุณเซนทำหน้าตาสดใส ทักทายก้องที่ยืนอยู่ข้างๆเหมือนไม่ใส่ใจนัก พ่อหนุ่มตาเรียวโอบฉันแนบชิดเข้าลำตัว แล้วก้มหน้าลงมาใกล้ๆทำสายตาออดอ้อน

"ลินกลับกันเถอะนะ เซนอยากกลับไปนอนหนุนตักลินเปิดเน็ตฟลิกซ์ดูจะแย่อยู่แล้ว"

"..."

ฉันกับก้องอึ้งไปกับคำพูดอันเปิดเผยแสดงความสนิทสนมโดยไม่คิดจะแคร์ใครนั้น

ฉันขมวดคิ้วหันไปมองใบหน้าเรียวขาวนั่น นี่คุณเซนเค้าไม่คิดจะเขินตัวเองบ้างเลยหรือไงนะ จะว่าเมาก็ไม่ใช่ วันนี้คุณเซนไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เลย เขาบอกตั้งแต่ตอนเข้ามาในงานเลี้ยงแล้วว่าคืนนี้เขามาทำงานให้ฉัน และเขาเป็นคนที่ไม่แตะต้องแอลกอฮอล์ในเวลางาน และมีหน้าที่ต้องพาคนเมากลับบ้านด้วย

"ลินเขาอาจจะอยากอยู่คุยกับเพื่อนๆต่อน่ะครับคุณเซน เดี๋ยวผมไปส่งลินเขาให้เองครับ" และจู่ๆก้องก็แสดงบทเพื่อนที่แสนดี

"อ่อ คงไม่ต้องรบกวนคุณก้องหรอกครับ เค้าว่าตัวเองก็เหนื่อยแล้วใช่ม้า" คุณเซนเธอพูดกับก้อง หากนัยน์ตาเรียวก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของฉัน เท่านั้นไม่พอยังเอามือปัดไรผมออกจากหน้าผากของฉันอย่างอ่อนโยน

"ตัวเองกลับกับเค้านะ นะ" ท่าทางออดอ้อนนั้นช่าง...

โอว นี่ฉันควรจะรู้สึกอย่างไร ขำ? จะอ้วก? หรืออบอุ่นใจ?

"เอ้อ..." เอาไงดี อยากจะอยู่ต่อเพื่อคุยกับก้องก็อยากอยู่ แต่จะให้คุณเซนกลับไปคนเดียวก็ดูจะใจร้าย แต่คุณเซนเค้าก็ไม่น่าคิดมากป่าววะ น่าจะดีใจที่จะได้รีบๆกลับรีบๆหนีไปจากบรรยากาศยุคเก้าศูนย์นี่เสียที

"เซนกลับเลยค่ะ เดี๋ยวลินให้ก้องไปส่งได้" ฉันตัดสินใจพูดออกไป พยายามพยักหน้าขยิบตาให้คุณเซนทำนองว่าแผนของฉันสำเร็จแล้ว เหมือนฉันจะได้ก้องมาครอบครองแล้วจังหวะนี้

แต่เหมือนคุณเซนจะไม่รับรู้สัญญาณที่ฉันส่งให้ ยังคงทำเสียงอ้อนออดต่อไป

"ลินครับ ลินมากับเซน ลินก็ต้องกลับกับเซนสิครับ เซนมีหน้าที่ต้องพาลินไปส่งให้ถึงบ้านนะครับ"

และเหมือนจะเป็นคำพูดปั้นแต่งชวนเอียน แต่มีแวบหนึ่งที่ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจเมื่อสบตาเรียวคู่นั้น นานเท่าไหร่แล้วหนอที่ฉันไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่มีคนอยากพาเราไปส่งบ้านอย่างปลอดภัย

"ไม่รู้ล่ะ ลินต้องกลับกับเซน ไปครับกลับกัน บายนะครับคุณก้อง"

มาขัดจังหวะฉันกับแฟนเก่ายังไม่พอ จู่ๆคุณเซนก็ทำตัวเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ โบกมือร่ำลาก้อง แล้วก็จูงมือฉันเดินออกมาจากที่ระเบียงริมน้ำนั่นหน้าตาเฉย

แล้วฉันก็ขัดใจหนุ่มน้อยเอาแต่ใจตัวเองคนนี้ไม่ได้ซะด้วย

เอ่อ ขัดใจไม่ได้ หรือไม่อยากจะขัดใจกันแน่นะ…

ระหว่างนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านกัน คุณเซนนั่งเงียบมาตลอดทาง ไม่ร่าเริงเหมือนตอนนั่งรถขามา ฉันแอบมองใบหน้าคมนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เค้าเป็นอะไรของเค้า...

หนุ่มเอาแต่ใจที่ถูกฉันแอบมองกำลังนั่งนิ่งเอนซบอยู่ที่ประตูรถอีกด้าน สายตาเขาเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ริมฝีปากถูกเม้มเป็นสัน เสี้ยวหน้าเรียวด้านข้างนั้นขาวเด่นออกมาในความมืดของรถ

คุณเซนเค้าเหนื่อยหรือเปล่า หรือหงุดหงิดที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์?

วันนี้คุณเซนเธอเล่นใหญ่ทำหน้าที่แฟนได้เกินเบอร์ไปมาก ที่ฉันคิดไว้ก็คือพ่อคนเสื้อชมพูเค้าคงแค่มานั่งเก๊กหล่อเฉยๆ แต่นี่อะไรกัน เธอแสดงความเอาอกเอาใจฉันทุกอย่างตั้งแต่ต้นงานจนจบงาน แถมยังกล้าออกไปร้องเพลงทั้งๆที่เสียงก็... เอ้อ... ช่างมันเถอะ

ผู้ชายที่กล้าทำอะไรให้ผู้หญิงป้าป้าคนหนึ่งโดยที่ตัวเองไม่ได้รักไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้น ฉันยกให้เป็นผู้ชายที่น่ารักคนหนึ่งเลยนะ

ฉันเผลอมองเสี้ยวหน้าขาวๆนั่นอย่างเพลิดเพลิน คืนนี้เค้าเหมือนหนุ่มน้อยเจ้าเสน่ห์ ขี้เล่น และเอาแต่ใจ หรือนี่จะเป็นคุณเซนตัวปลอม มาดเข้มขรึมยามอยู่ที่ทำงานนั้นหายไปไหนหมดน้อ

"งอนเหรอ"

และหลังจากนิ่งเงียบกันมาพักใหญ่ ฉันก็อดรนทนไม่ได้ ถามออกไปอย่างยิ้มๆ

"ปล้าว" คนน่ารักรีบหันหน้ามาตอบราวกับว่ากำลังรอให้ฉันถามอยู่พอดี แม้ใบหน้าขาวๆนั่นจะดูเรียบเฉย แต่นัยน์ตานั้นกลับดูท้าท้ายอย่างไรชอบกล

"อ้าว ว้า เสียดายจัง นึกว่างอน จะได้ง้อซักหน่อย" ฉันตอบอ้อนๆยิ้มๆ ตอนนี้คนเสื้อชมพูเขาหันตัวนั่งหลังพิงประตูรถแล้วกอดอกจ้องฉันตาเขม็ง

"ง้อล่วงหน้าได้เลยครับ ตอนนี้ยังไม่งอน แต่อีกหน่อยไม่แน่" ตาเรียวคู่นั้นดูมีเลศนัย

"เอ๊ แล้วคาสโนว่าตัวท้อปอย่างคุณเซนนี่ต้องง้อยังไงดีคะ โปรดชี้แนะแนวทางด้วย"

"เดี๋ยวๆครับคุณลิน ผมเนี่ยนะ คาสโนว่า?" เสียงโวยวายตอบกลับมา

"อ๊ะ อ๊ะ อย่ามา คืนนี้ชั้นแอบเห็นนะ คุณเซนแอบโปรยสายตาเจ้าเสน่ห์ไปทั่วเลย"

"นี่คุณลินแอบจับตามองผมด้วยเรอะ นึกว่ามัวแต่คุยฟุ้งน้ำลายแตกฟอง" ว่าแล้วพ่อหนุ่มก็ยิ้มเห็นแก้มบุ๋มเลย

"คุณเซน! ปากจัดนะเราเนี่ย" ฉันอยากจะเข้าไปหยิกแก้มบุ๋มนั้นเหลือเกิน มาว่าฉันขี้โม้

"แล้วนี่หายงอนแล้วเหรอคะ"

"ปล้าว ไม่ได้งอน แต่แค่อยากให้ง้อ" น้ำเสียงนั้นจะทอดอ่อนไปไหน

"อ้าว" แต่ฉันก็อดหัวเราะน้อยๆไม่ได้กับคำสารภาพตรงๆนั้น "เอาแต่ใจตัวเองจริงๆนะเราน่ะ โอเคค่ะ ง้อก็ง้อ แล้วจะง้อยังไงดีคะ"

"อือม์..." คนเอาแต่ใจทำท่าครุ่นคิด

"ผมอยากกินบัวลอย เราไปแวะกินบัวลอยกันก่อนกลับบ้านได้ไหมครับ ผมเคยเห็นในซอยแถวๆบ้านคุณลินเค้าตั้งร้านอยู่ริมฟุตบาท โต้รุ่งเลยมั้ง"

"นี่คุณเซนยังไม่อิ่มอีกหรือคะ เห็นในงานก็กินไม่ใช่น้อยนะคะ" จู่ๆมาชวนกินบัวลอยอีกตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ อารมณ์ไหนของเค้า

"ก้อ... ผมว่าคืนนี้อากาศดี ได้นั่งกินบัวลอยอีกซักถ้วยน่าจะฟิน" ตาเรียวๆนั่นยิ้มประกอบคำพูด

ไม่รู้เป็นอะไร ฉันไม่เคยขัดใจหนุ่มน้อยนิสัยเอาแต่ใจตัวเองตรงหน้าได้สักที...

และแล้วเดทแรกของการเป็นแฟนปลอมๆระหว่างเราสองคนก็จบลงที่ร้านบัวลอยโต้รุ่ง แม้ชุดที่เราใส่อยู่ทั้งคู่จะไม่เข้ากันกับบรรยากาศของโต๊ะเหล็กพับได้และเก้าอี้พลาสติกริมถนนในซอยสุขุมวิท แต่ฉันกลับรู้สึกถึงความสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

คืนนี้กรุงเทพอากาศกำลังสบายอย่างที่คุณเซนว่าไว้จริงๆ เรากินบัวลอยพลางคุยเรื่องสัพเพเหระกันไป ทั้งเม้าท์มอยเพื่อนๆของฉันที่คุณเซนเจอในงาน เรื่องการร้องเพลงเสียงหลงของคุณเซน เรื่องรสชาติอาหารในงาน ไปจนกระทั่งนินทาวินมอเตอร์ไซค์ที่แล่นผ่านไปผ่านมา แปลกที่เราสามารถสรรหาเรื่องไร้สาระมาตอบโต้กันได้เรื่อยๆโดยไม่จำเป็นที่ต้องวกมาที่เรื่องอาชีพการงาน หรือเรื่องชีวิตส่วนตัวของฉัน หรือเรื่องชีวิตส่วนตัวของเขา

"ขอบคุณนะคะคุณเซน สำหรับเดทที่เพอร์เฟคในค่ำคืนนี้" ฉันยิ้มหวานให้หนุ่มเสื้อชมพูตรงหน้า มันคงจะเป็นเดทแรกและเดทสุดท้ายระหว่างเราที่ฉันจะเก็บไว้ในใจตลอดไป

"ยินดีครับ" คู่เดทของฉันยิ้มแก้มบุ๋มตอบกลับมา ขณะเอาช้อนของตัวเองมาตักบัวลอยจากถ้วยของฉัน แล้วยื่นช้อนมาจ่ออยู่ที่ริมฝีปากของเจ้าของถ้วย

"อ้ำ เดี๋ยวเค้าป้อนลินเองน้า กินเยอะๆนะครับที่รักของเซน"

"เลิกเล่นได้แล้วค่ะ เลยเที่ยงคืนแล้ว หมดเวลางานแล้ว ซินเดอเรลล่ากลับลงจากรถฟักทองแล้วค่ะ" ฉันแอบตีมือเรียวขาวนั้นเบาๆ แต่ก็ยอมอ้าปากงับเจ้าบัวลอยก้อนสีชมพูจากช้อนนั้นแต่โดยดี

ณ จุดจุดนี้ ฉันลืมเรื่องของก้องไปชั่วครู่

และรู้สึกว่าบัวลอยถ้วยนี้รสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดีเลยทีเดียว...


Load failed, please RETRY

Weekly Power Status

Batch unlock chapters

Table of Contents

Display Options

Background

Font

Size

Chapter comments

Write a review Reading Status: C41
Fail to post. Please try again
  • Writing Quality
  • Stability of Updates
  • Story Development
  • Character Design
  • World Background

The total score 0.0

Review posted successfully! Read more reviews
Vote with Power Stone
Rank 200+ Power Ranking
Stone 0 Power Stone
Report inappropriate content
error Tip

Report abuse

Paragraph comments

Login

tip Paragraph comment

Paragraph comment feature is now on the Web! Move mouse over any paragraph and click the icon to add your comment.

Also, you can always turn it off/on in Settings.

GOT IT