เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส ชีฟที่มักจะนอนตื่นสาย วันนี้เขากลับตื่นเร็วเป็นพิเศษ เขาเหลือบมองดูนาฬิกาที่อยู่กลางบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้า
"นี่เราหลับไปตอนกี่โมงเนี่ย"
สิ่งที่ชีฟจำได้คือเขากลับมากินบัวลอยไข่หวาน ก่อนจะโดนความอิ่มเอิบในท้องทำให้รู้สึกง่วงนอน เหมือนโบราณที่เขาว่าไว้ หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน
"ช่างมัน เช้านี้แหละ ตรูจะได้เติบโตเป็นยอดบุรุษเต็มตัวซะที ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ"
อีฟที่พึ่งตื่นและลงบันไดมาจากชั้นสองก็เหลือบมองพี่ชายแล้วหันไปถามผู้เป็นแม่ที่เดินตามมาด้านหลังอย่างสงสัย
"คุณแม่พี่ชายเป็นอะไรไปเหรอคะ หัวเราะใหญ่เลย"
คุณแม่หันไปมองบ้างก่อนจะเลิกคิ้วอย่างสงสัยแล้วตอบ
"ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ สงสัยเมื่อวานกินของหวานมากไปมั้ง"
เจ็ดโมงหลังจากทำธุระต่าง ๆ จนเสร็จ ชีฟก็ออกจากบ้านและกลับมาหาป่าไผ่ของเขาอีกครั้ง ก่อนจะต้องมีอันตกตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ป่าไผ่ที่เขาสร้างไว้ถูกพังทลายไม่เหลือชิ้นดี ชีฟไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปดูต้นมักกะลีผลของตัวเอง ก่อนจะพบภาพอันน่าสยดสยอง เมื่อเหล่ามักกะลีผลกลายเป็นเพียงกากไม้สีน้ำตาลที่แตกกระจายอยู่ทั่วบริเวณ แม้จะแตกกระจายจนเกือบจำไม่ได้ แต่รูปทรงที่คล้ายสัดส่วนของหญิงสาวก็พอทำให้ชีฟเดาได้ว่า เศษซากกากไม้เหล่านี้คือมักกะลีผลของเขาแน่นอน
ชีฟทรุดเข่าลงกับพื้น ก่อนจะพยายามกวาดเศษไม้มากองกัน
"โถ่ว ไม่นะ ไม่นะไม่ ม่าย!!!"
ตุบ สิ่งมีชีวิตบางอย่างบินลงมาจากฟากฟ้าแล้วมาหยุดยืนตรงหน้าชีฟ มันมีรูปร่างคล้ายกับคน แต่มีหัวและปีกที่เหมือนกับแมลงปอ ร่างกายบางส่วนของมันหุ้มด้วยเกราะที่เหมือนกับปีกแข็งของด้วงกว่าง กล้ามเนื้อของมันนั้นทั้งใหญ่และแน่นปึก ผิวสีน้ำตาลก็เต็มไปด้วยขนสีเขียวขนาดเล็ก เจ้าปีศาจตัวนี้คือ สแตรงเกอร์ เป็นปีศาจที่แข็งแกร่งและเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว อาวุธของมันคือท่าเตะและท่าต่อยที่หนักหน่วง ปีศาจตนนี้มีไว้เพื่อเน้นโจมตีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทพ พวกมันเคยถูกส่งมาเพื่อหวังจะขับไล่เทพออกไป แต่ก็พ่ายแพ้ย่อยยับ
ชีฟเหลือบมองมักกะลีผลก่อนจะหันกลับไปจ้องหน้ามัน มักกะลีผลเป็นผลไม้เพื่อบำเรอกามเหล่าบุรุษเทพ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำกับสาว ๆ ของเขาแบบนี้ก็คือมันแน่นอน ชีฟยืนขึ้นสบตากับปีศาจตรงหน้า ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความแค้น ชีฟกัดฟันกรอดแล้วพูด
"ทั้งหมดเป็น..ฝีมือของมึงใช่มั้ย"
ฟุ่บ! สแตรงเกอร์พุ่งเข้าหาชีฟอย่างรวดเร็วตามคำท้า
ชีฟใช้มือสองข้างทาบลงพื้น ทักษะของสกิลที่เคยอ่านผ่าน ๆ ถูกนำออกมาใช้ทันที
"ไผ่อสรพิษ"
ไผ่ที่มีหนามแหลมคมและอาบไปด้วยพิษจำนวนมากปรากฏขึ้นมาล้อมรอบชีฟเอาไว้ นี่คือความสามารถของการเอาหนามอสรพิษกับต้นไผ่มาผสมกันด้วยสกิลผสมสายพันธุ์
สแตรงเกอร์ใช้เท้าของมันเหวี่ยงเตะต้นไผ่จนแหลกกระจุย แต่ชีฟได้วิ่งหนีไปที่อื่นแล้ว ทำให้พื้นที่ตรงกลางไผ่มีแต่ความว่างเปล่า
ชีฟจ้องมองอีกฝ่ายที่ขาโดนพิษเข้าไปแล้วเต็ม ๆ แต่เจ้าสแตรงเกอร์กับหันมามองเขาด้วยท่าทางสบาย ๆ
ชีฟเลิกคิ้วแล้วบ่นอุบ
"ไม่ได้ผลงั้นเหรอ หรือภูมิต้านทานมันสูง"
สแตรงเกอร์พุ่งใส่ชีฟอีกรอบ ไผ่อสรพิษปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะถูกแรงเตะที่แสนจะรุนแรงหวดเข้าใส่จนหักโค่นไปหลายต้น เศษไผ่กระเด็นไปทั่วบริเวณ จนมีเศษหนามมาถูกแขนชีฟที่หลบอยู่ใกล้ ๆ
ชีฟรีบปลูกใบแห่งการรักษาและเคี้ยวทันที
คราวนี้เจ้าสแตรงเกอร์มันยืนจ้องมองชีฟอยู่เฉย ๆ โดยไม่คิดจะเข้ามาโจมตีอีก แต่สักพักมันก็บินขึ้นท้องฟ้า แล้วเริ่มบินวนไปวนมาเหนือหัวของชีฟ
ชีฟเงยหน้าจับตามองตลอดทุกการเคลื่อนไหว
ฟิ้ว เมื่อสแตรงเกอร์อยู่กลางหัวของชีฟ มันก็ทิ้งดิ่งลงมา
ชีฟเอามือทาบพื้นแล้วตะโกน
"หลังคาขี้เมา"
ต้นไม้ใหญ่และเห็ดเมาถูกผสมเข้าด้วยกัน ก่อนจะกลายเป็นเห็นยักษ์สีแดงจุดขาวผุดขึ้นจากพื้นและขยายใหญ่จนมีขนาดเท่ากระท่อมหลังหนึ่ง
เจ้าสแตรงเกอร์ที่เบรกไม่อยู่ก็พุ่งทะลุเข้าไปในเห็ด
ชีฟรีบวิ่งออกห่างจากเห็ดยักษ์ที่คุ้มหัวอยู่ เมื่อเห็นว่ามันขยับกึกกักเหมือนกับว่ากำลังจะมีอะไรโผล่ออกมา และก็จริงดังคาด เจ้าสแตรงเกอร์สามารถใช้กรงเล็บอันแหลมคมของมันทะลวงเนื้อเห็ดออกมาได้ และยังมีสภาพปกติดี
ชีฟจ้องมองอีกฝ่ายแล้วคิดในใจ
'เห็ดเมาก็เอาไม่อยู่งั้นเหรอ'
เจ้าสแตรงเกอร์บินกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง แล้วเริ่มทำการบินวนไปวนมาเช่นเดิม
ชีฟเงยหน้ามองอย่างหงุดหงิด แล้วเปิดหน้าต่างเมล็ดพันธุ์จากนั้นให้หน้าจอแสดงผลเฉพาะพืชมีพิษที่เป็นกรอบสีฟ้าออกมา จากนั้นเหล่าเมล็ดพันธุ์พืชมีพิษทั้งหลายก็ถูกเสกออกมา แล้วกระจายไปทั่วบริเวณ
"ป่าแห่งความตาย"
ดอกไม้ต้นไม้และพืชพรรณไม้น้อยใหญ่นานาชนิดผุดขึ้นมาจนพื้นที่แถวนั้นกลายเป็นป่าดงดิบ รอบ ๆ ตัวของชีฟนั้นมีใบแห่งการรักษางอกขึ้นมาด้วย ชีฟรีบคว้าใบเหล่านั้นเข้ามาอมไว้ในปาก และบางส่วนก็เหน็บไว้ที่ข้างเอว
สแตรงเกอร์ทิ้งดิ่งลงมาอีกครั้ง ชีฟวิ่งสุดฝีเท้าไปทางที่มีพืชมีพิษขึ้นอยู่หนาแน่นที่สุด แล้วกระโดดเข้าไป ซึ่งเจ้าสแตรงเกอร์ก็พุ่งตามลงมาด้วย ชีฟกลิ้งตัวหลบไปด้านข้างหลบเท้าที่บดขยี้ลงมาได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนจะลุกขึ้นแล้วสร้างป่าไผ่ยื้อเวลาให้ตัวเองหนี
ชีฟวิ่งมายืนกลางดงดอกไม้สีม่วงแสนสวย ก่อนจะก้มตัวแล้วหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหอบ ตั้งแต่แรกที่สู้กับเจ้าสแตรงเกอร์ชีฟนั้นใช้วิธีเร่งโตพืชแบบลัดขั้นตอน นั่นก็คือการตัดขั้นตอนการพรวนดินรดน้ำและใส่ปุ๋ยออกไป การกระทำแบบนี้จะทำให้กินพลังงานการใช้สกิลอย่างมาก นั่นทำให้แม้พืชที่ชีฟปลูกจะเป็นแค่พืชกรอบฟ้า แต่มันก็ทำให้เขาหมดแรงอย่างรวดเร็ว
ชีฟมองดูเจ้าสแตรงเกอร์ที่ทำลายไผ่จนหมด ก่อนจะปลูกต้นใหม่ออกมารอบ ๆ ตัวเอง จากนั้นชีฟก็เหลือช่องวางไว้ด้านหลัง แล้วแอบหนีออกไปในขณะที่เจ้าสแตรงเกอร์กำลังพยายามทำลายกำแพงป่าไผ่ของเขา
ชีฟนั่งลงกับพื้นมองป่าไผ่โดนทำลาย ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้แต่มันก็ช่วยยื้อเวลาให้เขาได้พักหายใจครู่หนึ่ง
เจ้าสแตรงเกอร์ที่ทำลายไผ่จนหมด ก็มีท่าทีตกใจ ก่อนจะรีบบินขึ้นไปบนฟ้า ชีฟให้ความสนใจพฤติกรรมนี้อย่างรวดเร็ว
"ตรงนั้นมัน ฝิ่นนี่"
ชีฟเพ่งมองดอกฝิ่นจำนวนมากที่มีน้ำยางไหลออกมาเพราะเศษไผ่ที่กระจายไปทั่วบาดใส่ บางอันก็เป็นเพราะโดนเท้าของเจ้าสแตรงเกอร์มันเหยียบเอา
"มันไม่ถูกกับสารเสพติดงั้นเหรอ"
ชีฟเงยหน้ามองสแตรงเกอร์ที่บินอยู่นิ่ง ๆ บนท้องฟ้าแล้วจ้องมาทางเขา มันมีท่าทีหวาดระแวงเล็กน้อยยามเมื่อจ้องลงมา
ชีฟจ้องมองมันกลับและคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
สกิลจุดไฟเผา เป็นสกิลที่ชีฟไม่เคยสนใจ เพราะมันสร้างได้แค่ไฟดวงเล็กเท่าปลายนิ้วชี้ สำหรับเผาเฟืองเผาฟางเท่านั้น แต่ตอนนี้ ชีฟกำลังใช้มันไล่จุดใส่พืชชนิดหนึ่งที่เขาดูดกลืนสารอาหารอย่างพอดีจนมันกลายเป็นใบไม้แห้งที่เผาได้ง่าย
ควันสีเทาจากการเผาไหม้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ชีฟยืนเด่นอยู่ท่ามกลางควันเหล่านั้น พืชมีพิษต้นอื่น ๆ นั้นเป็นพืชที่เขียวสดนั่นทำให้พวกมันไม่ติดไฟไปด้วย และควันที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ชีฟจึงยังสามารถยืนอยู่กลางกลุ่มควันเหล่านั้นโดยที่สามารถยังหายใจได้
เจ้าสแตรงเกอร์ทิ้งดิ่งลงมาตรงกลางหัวชีฟอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงพื้นกลิ่นควันจากการเผาไหม้ก็ลอยเข้าไปในจมูกของมันเต็ม ๆ มันกระพือปีกอย่างรวดเร็วแล้วพยายามบินกลับขึ้นไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ปีกของมันกระพือบ้างไม่กระพือบ้าง ก่อนที่มันจะร่วงลงบนพื้นแล้วเซไปเซมา แม้ควันจะไม่ได้มีจำนวนมาก แต่กลิ่นของมันก็ส่งผลร้ายต่อระบบประสาทของเจ้าสแตรงเกอร์อย่างรุนแรง มันไอค็อกแค็กออกมาและทรุดลงคุกเข่ากับพื้น
ชีฟเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ พร้อมกับท่อนไม้ในมือ
"ไงพวก สายเขียวจากโลกกรู ถูกใจดีมั้ย"
ผัวะ! ชีฟฟาดใส่ใบหน้าของมันสุดแรงจนมันล้มหงายท้องไปกับพื้น สิ่งที่เขาเผาไปคือกัญชาและฝิ่น กลิ่นของมันส่งผลร้ายต่อระบบประสาทอย่างรุนแรง
ชีฟจ้องมองเจ้าสแตรงเกอร์ที่คลานไปคลานมาอยู่บนพื้นอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง ราวกับคนที่มีอาการประสาทหลอน
"มึงรู้มั้ยเด็กจน ๆ อย่างกรูที่ไม่มีสาวไหนคิดจะเหลียวมอง มันเหงาแค่ไหน"
จบคำพูดก็ฟาดใส่อีกฝ่ายไปอีกผัวะ
"อายุสิบแปดจะสิบเก้าอยู่แล้ว แต่กรูยังซิงอยู่เลย รู้มั้ยมันรู้สึกยังไง"
แล้วก็ฟาดใส่ใบหน้าของมันอีกผัวะแบบเน้น ๆ ก่อนจะฟาดรัว ๆ พร้อมกับก่นด่าไม่หยุด
"ไอ้ตัวบัดซบ ไอ้ตัวขัดลาภ ไอ้ตัวขวางหลุม ไอ้แมงกะจั๊ว... ฯลฯ"
หากใครได้มาเห็นภาพนี้เข้า คงจะบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า มันคือการทารุณกรรมปีศาจอย่างแน่นอน ความแข็งแกร่งของสแตรงเกอร์ก็ทำให้มันไม่ตายง่าย ๆ แต่การที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ ก็ทำให้มันต้องกลายเป็นกระสอบทรายไปจนกว่าจะสิ้นลม
หลังจากนั้นสิบนาที ชีฟก็นั่งหมดเรียวหมดแรงอยู่ข้าง ๆ ศพของเจ้าสแตรงเกอร์ ป่าที่เขาสร้างขึ้นถูกสลายหายไปจนหมดแล้ว การสลายไปของป่าก็ทำให้ไฟดับลงด้วย เหลือเพียงไว้แต่กลิ่นจาง ๆ ของฝิ่นกับกัญชาและพืชมีพิษทั้งหลาย นั่นทำให้ชีฟยังคงต้องอมใบแห่งการรักษาไว้ในปาก เพื่อป้องกันตัวเองจากพิษของพืชต่าง ๆ
เมื่อนั่งพักได้สักครู่ชีฟก็พยายามฝืนตัวเองแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะปลูกต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นมา เมื่อต้นไม้โตเต็มที่ ด้วยเรี่ยวแรงที่เหลือน้อยมือทั้งสองข้างก็ตะเกียกตะกายขุดดินอย่างอยากลำบาก เมื่อเห็นรากแล้ว ศพของเจ้าสแตรงเกอร์ก็ถูกลากให้มาสัมผัสกับรากทันที
วิ้ง ตัวอักษรสีแดงขึ้นมาแจ้งเตือน
"ซากสิ่งมีชีวิตมีสารพิษอยู่ในร่างกายมากเกินไป ไม่สามารถดูดกลืนได้"
ชีฟกำหมัดแน่นอย่างเจ็บ และภาพทารุณกรรมปีศาจอันโหดร้ายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แม้มันจะสิ้นลมไปแล้วก็ตาม
"ไอ้#@&*#$!!!...... ฯลฯ"