บทที่ 3 ยุทธวิธีสายฟ้าแลบ
รถโตโยต้าเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เมื่อพ้นจากช่วงสายตาไปแล้ว เสี่ยวซือก็สวมถุงมือสีดำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หยิบเส้นลวดออกมาจากหัวเข็มขัด แล้วกระโดดขึ้นไปบนรถแฮมเมอร์ที่ตนเพิ่งขโมยมาอย่างชำนาญก่อนหน้านี้
ยังดีที่เสี่ยวซือลงมือได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเธอออกมาจากปากทางก็เห็นรถโตโยต้า เพิ่งจะเลี้ยวขวาไปพอดี
เส้นทางมุ่งลงใต้ เสี่ยวซือห่างจากรถโตโยต้า ประมาณห้าคันรถ จากนั้นยี่สิบนาทีต่อมา รถโตโยต้าก็ขับเข้าสู่ทางหลวง ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก รถบนถนนก็น้อย ด้วยความที่รถของเสี่ยวซือค่อนข้างจะเป็นที่สะดุดตาของเป้าหมาย เธอจึงต้องขับให้ห่างจากพวกเขาประมาณ 500 เมตร
ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที รถโตโยต้าทั้งสองคันก็จอดลงที่หน้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง เสี่ยวซือมองดูแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะโชคคดีขนาดนี้ เพราะถ้าเป้าหมายพักอยู่ที่โรงแรมนี้จริงๆ ก็คงจะจัดการเรื่องได้ง่ายขึ้นมาก
หลังจากนั้นสองนาที ลิฟต์ด้านนอกก็หยุดลงที่ชั้นสี่สิบ
ถ้าแหล่งข่าวไม่ผิด โรงแรมแห่งนี้น่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจของตระกูลไดโดจิ ในชั้นที่สี่สิบมีห้องเพรสซิเด้นท์สูทอยู่สองห้อง ดูจากสถานะและตำแหน่งของเป้าหมายแล้ว ที่อยู่ในขณะนี้ค่อนข้างจะชัดเจน สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็คือคิดหาทางเข้าไปในโรงแรมและกำจัดเป้าหมายทิ้ง
สายตาของเสี่ยวซือคมกริบขึ้นมาในทันที ปัจจุบันประเทศ R เป็นประเทศเดียวที่ยอมรับให้สังคมใต้ดินถูกกฎหมาย และตระกูลไดโดจิเป็นตระกูลที่มีประวัติในวงการใต้ดินมามากกว่าร้อยปี และมีตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญในประเทศ R หลายวันมานี้หน่วยข่าวกรองที่สามที่เชื่อถือได้บอกว่าตระกูลไดโดจิกับองค์กรลับของกลุ่ม X ที่ค้าอวัยวะระหว่างประเทศมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแนบแน่น และช่วงก่อนหน้านี้ ความจริงเรื่องตัวประกันของประเทศ Z ที่กองกำลังประเทศ M จับตัวไว้ทรมานที่อัฟกานิสถาน ก็ได้ทำให้ความโกรธเคืองนั้นส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีกับประเทศ Z ดังนั้นกระทรวงกลาโหมและหน่วยข่าวกรองที่สามจึงร่วมมือกันปฏิบัติการสายฟ้าแลบต่อกรกับผู้ก่อการร้าย พร้อมกับประเทศที่ไม่เป็นมิตรต่อสงครามอัฟกานิสถานล้วนมีทัศนคติที่แข็งกร้าวพอสมควร
ดังนั้น หน่วยข่าวกรองที่สามและหน่วยปฏิบัติการณ์ที่เก้า ต้องร่วมมือกันในรหัสแมวภูเขาในภารกิจปฏิบัติการลอบสังหารครั้งนี้ และสายลับ 003 เป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่พิเศษของประเทศ แทรกซึมเข้าไปในประเทศ R อัฟกานิสถาน ประเทศ M และประเทศ F เพื่อปฏิบัติภารกิจสายฟ้าแลบ แก้แค้นให้กลุ่มผู้สนับสนุนที่ตายในอัฟกานิสถาน
ความมืดเข้าปกคลุมในเวลากลางคืน สายตาของเสี่ยวซือเย็นเยียบ ภายในเวลาสองนาที เธอสามารถคิดแผนเข้าไปในโรงแรมอย่างไร้สุ้มเสียงและลอบสังหารได้กว่าสิบแบบ อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างต่อเนื่อง จะต้องไม่ใช้วิธีที่เปลืองแรงมากเกินไป เอาล่ะ เสี่ยวซือพ่นหายใจออกมายาวๆ ครั้งหนึ่ง แล้วย้อนกลับไปที่บาร์ก่อนหน้านี้ ให้ชายคนนั้นได้มีชีวิตต่ออีกสักหน่อยเถอะ
เธอกลับมาที่บาร์อย่างรวดเร็ว แล้วพาตัวเองเข้าไปใกล้ด้านในห้องน้ำ เสียงเพลงที่ดังอึกทึกยังคงดังขึ้นที่ข้างหูไม่หยุด และชายคนนั้นก็ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น มุมปากของเสี่ยวซือยกยิ้มขึ้น แล้วเดินไปลากเขาขึ้นมาอย่างสบายๆ จากนั้นก็ใช้มือกดเข้าไปที่คอเขา
“อืม...”
ชายคนนั้นส่งเสียงฮึมฮัมขึ้นในลำคอ แล้วก็ค่อยๆ ได้สติกลับมา เสี่ยวซือกระพริบตา เขย่งขาขึ้น ก่อนที่จะประทับริมฝีปากเป็นการทักทาย
ชายคนนั้นค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาอย่างมึนงง ในขณะที่ยังสับสนอยู่นั้นก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลของริมฝีปาก จึงตื่นขึ้นมาเต็มตา
“ไฮ! ฉันชื่อ ยามาดะ มิซูโกะ คุณชื่ออะไรเหรอคะ?”
“ยามากุจิ...ยามากุจิ โคอิจิ...”
ชายหนุ่มกำลังดื่มด่ำกับต้นคอของเสี่ยวซือ กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
“คุณ พาฉันกลับโรงแรมได้มั้ยคะ?”
นี่เป็นทั้งประโยคขอร้องและประโยคคำสั่ง คนที่มาไนต์คลับก็เพื่อตามหาความตื่นเต้น และการที่ได้พบสาวงามเช่นนี้เชื่อเลยว่าไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าปฏิเสธความสุขเช่นนี้หรอก
ยามากุจิลืมเรื่องราวที่รู้สึกสับสนอยู่เมื่อครู่ไป มือของเขาหยุดลงที่เอวของเสี่ยวซือ แล้วสุภาพบุรุษก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ด้วยความยินดีครับ”
เขาทักทายเพื่อนที่มาด้วยกันนิดหน่อย แล้วยามากุจิก็เดินออกจากประตูหน้าร้านไปพร้อมกับเสี่ยวซือ ท่ามกลางสายตาอิจฉาของชายหนุ่มกลุ่มใหญ่
ขับรถไปตามถนน แล้วชายหนุ่มกับเสี่ยวซือก็มาถึงโรงแรมอย่างรวดเร็ว เขาขับไปจนถึงหน้าประตูโรงแรม เมื่อรถจอดลงแล้ว เจ้าหน้าที่ก็มาเปิดประตูให้อย่างใส่ใจ เสี่ยวซือคล้องแขนชายหนุ่มอย่างเป็นธรรมชาติและเดินเข้าไปที่โถงด้านในอย่างสนิทสนม
ห้องโถงสว่างไสว แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาดึกแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเดินเข้าออกมากมาย เสี่ยวซือหันไปยิ้มให้ยามากุจิก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “คุณโคอิจิคะ รบกวนคุณเช็คอินก่อนนะคะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เมื่อพูดจบก็หยิบเงินออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่จะยัดใส่มือของยามากุจิโดยไม่มีการนับใดๆ
แม้ผู้ชายหลายคนในประเทศ R จะถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่ถ้าจะพูดจริงๆ แล้วผู้ชายในประเทศ R ก็นับว่าเป็นสุภาพบุรุษไม่น้อย เมื่อเห็นเสี่ยวซือควักเงินออกมา สีหน้าของยามากุจิก็เปลี่ยนไป เขาไม่แม้แต่จะรับมัน ก่อนที่จะเดินไปที่แผนกต้อนรับ แต่มีหรือที่เสี่ยวซือจะทำให้เขาสมปรารถนา ถ้าหากให้เขาเปิดห้องเองตามใจชอบ แล้วมันจะไปสนุกได้อย่างไรกัน เมื่อเห็นยามากุจิส่งบัตรประจำตัวให้พนักงาน เธอจึงรีบเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ ยื่นเงินให้กับพนักงานแล้วพูดว่า “ห้องเพรสซิเด้นท์สูท” จากนั้นก็ส่งสายตาให้ยามากุจิ พร้อมทั้งจับแขนข้างหนึ่งของเขาไว้
ดูเหมือนว่าตัวเองจะไม่ใช่แค่เจอหญิงสาวหายาก แต่คุณผู้หญิงคนนี้ยังร่ำรวยใช้เงินมือเติบอีกด้วย ยามากุจิตื่นเต้นมาก แล้วก็เดินโอบเอวเสี่ยวซือไปที่ลิฟต์
ห้องนอนที่ใหญ่โตกว้างขวาง รวมทั้งการตกแต่งที่สวยงามหรูหราของห้องนี้ กองทัพออกเงินเพื่อให้ได้รับมาซึ่งผลประโยชน์ เสี่ยวซือจึงไม่ต้องรู้สึกผิดต่อประเทศ เธอหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าสองใบ พลางยิ้มแล้วส่งให้พนักงานที่อยู่นอกประตู แต่ประตูยังไม่ทันปิดดี เธอก็ถูกยามากุจิกอดจากด้านหลังเสียแล้ว
ในตาของเสี่ยวซือปรากฏแววความขุ่นเคืองขึ้นแวบหนึ่ง แล้วครู่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นพูดจาเอาอกเอาใจ มือที่ลูบไล้แผ่วเบาก่อให้เกิดอารมณ์เร่าร้อน เสี่ยวซือที่นุ่มนวลและเร่าร้อนทำให้ยามากุจิเองก็หอบหายใจอย่างร้อนรุ่มเช่นเดียวกัน เสื้อโค้ทสีกากีถูกถอดออก เผยให้เห็นชุดปฏิบัติการสีดำที่หน่วย CIA มักสวมใส่กัน ยามากุจิชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงไม่นานเขาก็ลุ่มหลงอยู่กับริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มของเสี่ยวซือเสียแล้ว
เสื้อแขนสั้นสีดำถูกฉีกออก เผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีดำบางเบา ปักลายดอกไม้สวยงามประณีต หน้าอกอวบอิ่มขาวผ่อง เอวบอบบางและชุดที่สวมใส่นั้นทำให้เลือดกำเดาของยามากุจิแทบจะพุ่งออกมา เขาร้องคำรามออกมารอบหนึ่ง ก่อนจะฝังใบหน้าลงไปพร้อมกับขบเม้มบนเนินอกของเธอ
“เฮ้!” เสี่ยวซือพลิกตัวไปด้านหลังอย่างชาญฉลาด เธอยิ้มแล้วนอนลงบนเตียง ไม่สนใจสายตาที่เร่าร้อนของยามากุจิเลยแม้แต่น้อย เธอชี้นิ้วไปทางห้องน้ำ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “ยังไม่รีบไปอีกเหรอคะ?”
เมื่อเห็นเสี่ยวซือเย้ายวนขนาดนี้แล้ว ยามากุจิก็ได้แต่บังคับจิตใจของตัวเองให้รีบเข้าไปในห้องน้ำ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงของน้ำดังออกมา เสี่ยวซือลุกขึ้นนั่งในทันที เธอกวาดสายตาไปรอบๆ และลุกขึ้นจากเตียงอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็หยิบอาวุธออกมาจากด้านในรองเท้า คาบมีดเอาไว้ในปาก สองเท้าเปลือยเปล่าก้าวขึ้นไปที่ระเบียง ชำเลืองดูขอบระเบียงแวบหนึ่ง ระเบียงเปิดโล่งที่ห่างออกไปยี่สิบเมตรนั้น ที่ระเบียงมีหน้าต่างบานหนึ่ง ที่ราวระเบียงนั้นแคบมากและไม่ง่ายเลยที่จะยืนด้วยขาเดียว
แค่พยายามก็พอแล้ว ความยากระดับนี้ถือว่าไม่มากเท่าไร เสี่ยวซือปีนขึ้นไปบนราวอย่างรวดเร็ว ส่วนเท้าอีกข้างก็ออกแรงกระโดดอีกครั้ง ในไม่ช้าร่างของเสี่ยวซือก็กระโดดมาถึงระเบียงของอีกห้องแล้ว
เธอกระโดดข้ามระเบียงมาอย่างเงียบเชียบ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงงึมงำดังแผ่วออกมาจากห้องนั่งเล่น เนื่องจากเป็นโรงแรมระดับสูงจึงป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา หากไม่เปิดประตูก็ฟังไม่ออกเลยว่าข้างในมีคนอยู่กี่คน
ที่ระเบียงไม่มีอุปกรณ์ตรวจสอบอะไร เสี่ยวซือจึงสามารถแอบอยู่ที่ระเบียงได้อย่างง่ายดาย เธอยื่นศีรษะออกไปก็มองเห็นชายสวมสูทสีขาวนั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนโซฟา ด้านหลังของเขายังมีคนสวมสูทยืนเหงื่อตกอยู่ เสี่ยวซือขมวดคิ้ว หากแหล่งข่าวไม่ผิดพลาด ยังต้องมีคนคุ้มกันอีกคนหนึ่ง เมื่อทัศนวิสัยถูกบดบังทำให้มองไม่เห็นผู้คุ้มกันอีกคน ก็ไม่ควรลงมือโดยพลการ
เสี่ยวซือหมอบลงกับพื้นอย่างเงียบเชียบ ในมือถือมีดเอาไว้ แล้วขยับเข้าไปใกล้ประตูห้องนอนอย่างเงียบๆ จากนั้นก็แนบมีดไว้กับพื้น เชื่อว่าคนที่นี่ไม่มีทางหาของเล็กๆ นี้พบอย่างแน่นอน
เธอเอียงมีดเล็กน้อย จากนั้นเงาร่างของคนก็ปรากฏขึ้นบนคมมีด ผู้คุ้มกันคนหนึ่งยืนอยู่ด้านขวาของห้อง ห่างจากเสี่ยวซือเพียงกำแพงกั้นเท่านั้น เมื่อใช้มีดส่องสำรวจแล้วไม่พบร่องรอยใดๆ เธอจึงทำเช่นนั้นซ้ำอีกครั้ง ทุกอย่างดูเป็นปกติ มีเจ้านายและผู้คุ้มกันอยู่สองคน ไม่มีคนอื่นๆ อีก ดูเหมือนว่าคนที่มาส่งข่าวจากคฤหาสน์ได้ออกไปแล้ว
เสี่ยวซือหยิบถุงครอบรองเท้าออกมาจากกระเป๋า หลังจากสวมเสร็จแล้วก็ยืดตัวขึ้นพิงผนัง สูดลมหายใจช้าๆ เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจคงที่ และร่างกายอยู่ในสภาวะผ่อนคลาย เธอก็เตรียมตัวจะสังหารเป้าหมายที่กำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ตรงนั้น
ขณะนั้นเสียงคุยโทรศัพท์ที่ดังมาจากข้างในก็เงียบลง เสี่ยวซือมองสำรวจอีกครั้ง เป้าหมายขว้างโทรศัพท์ทิ้งไปบนโซฟาข้างกาย
ในจังหวะที่โทรศัพท์ตกลงไปบนโซฟานั้น เสี่ยวซือก็พุ่งตัวเข้าไปด้านใน เธอตวัดแขนไปทางขวา แสงเย็นเยียบสายหนึ่งพุ่งออกไปทางผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านข้าง มีดปาดเข้าไปที่คอของเขาอย่างรวดเร็ว และแม่นยำ จนเลือดสาดกระจาย
ในขณะเดียวกันนั้นก็มีเสียง ‘ปัง’ ดังเบาๆ ขึ้นครั้งหนึ่ง ศีรษะของผู้คุ้มกันอีกรายที่อยู่ด้านหลังโซฟาระเบิดออก มือของเขายังคงกอดอกอยู่ เขาเคลื่อนไหวค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยังไม่เท่ากับเสี่ยวซือที่ยิงเฮดช็อตได้ในนัดเดียว
ชายหัวโล้นตกใจมาก ดวงตาฉายแววหวาดกลัว อ้าปากค้าง จนลืมที่จะร้องออกมา แต่ยังไม่ทันได้ร้องศีรษะล้านของเขาก็สะท้อนกับประกายไปวูบหนึ่ง
“อ้า!” ชายหัวล้านส่งเสียงอยู่ในลำคอ อ้าปากกว้างขึ้นในทันที จากนั้นฟันและเศษเนื้อก็กระจายเต็มไปหมด ร่างของเขาแข็งทื่อก่อนที่จะล้มลงบนโซฟา โดยที่เลือดไหลออกมาตามจมูกและปากเต็มไปหมด
เสี่ยวซื่อเดินเข้าไปใกล้กับโซฟาที่ชายหัวล้านนอนอยู่ เธอหันปากกระบอกปืนจ่อไปที่เขา ประกายไฟเกิดขึ้นอีกครั้ง ศีรษะล้านนั้นเต็มไปด้วยเลือด สภาพเหมือนกับแตงโมที่ถูกระเบิด
เล็งเป้าหมาย บุกโจมตี ปาดคอผู้คุ้มกันคนที่หนึ่ง ชักปืน ยิงผู้คุ้มกันคนที่สองและปิดปากของเป้าหมายได้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในสองวินาที คนภายในเท่านั้นที่สามารถทำได้ นี่เป็นการผสานระหว่างความเร็วและเทคนิคการต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ภารกิจที่ง่ายขนาดนี้ เสี่ยวซือเดินวนในห้องรอบหนึ่งเพื่อซึมซับกับบรรยากาศความสำเร็จของงาน สุดท้ายเธอก็หยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงขึ้นมา ต่อสายไปที่เบอร์ของตำรวจ คืนนี้ตำรวจโตเกียวคงต้องวุ่นวายทั้งคืนเพราะการแทรกซึมเข้ามาของสายลับ 003 แห่งหน่วย 9
เสี่ยวซือกลับมาที่ระเบียงอย่างรวดเร็ว เธอทำเหมือนเดิมอีกครั้ง เพียงกระโดดไม่กี่ครั้งเธอก็สามารถกลับมายืนที่ระเบียงห้องตัวเองได้ เธอหอบหายใจเล็กน้อย นับเวลาดูแล้วไม่เกินห้านาที เสี่ยวซือยืนอยู่ที่ประตูระเบียง เธอมองไปในห้องเห็นว่ามายากุจิยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ เช่นนั้นก็ถอนใจออกมาอย่างอดไม่ได้ เธอกลับเข้าไปในห้อง ขณะนั้นเองก็มีการเคลื่อนไหวที่ประตูห้องน้ำ เสี่ยวซือพลิกตัวกลับไปนอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว เพิ่งขึ้นเตียงได้ไม่นานยามากุจิก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำพอดี เขายิ้มพลางเอ่ยว่า “เสร็จแล้ว ตาคุณแล้วนะ”
เสี่ยวซื่อผ่อนลมหายใจออกมาตามปกติ เธอยิ้ม ขยิบตาให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าที่มีไม่กี่ชิ้นออก นอนแช่น้ำอย่างสบายตัว ทุกเรื่องเตรียมพร้อมแล้ว
ขาดแค่ลมตะวันออก
* เสี่ยวซือยื่นข้อมือออกมา พึมพำว่าเวลาสิบนาทีก็คงอีกไม่เท่าไร
เวลาสิบนาทีผ่านไป เสี่ยวซือออกมาจากห้องน้ำ บนร่างคลุมด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ ผมเปียกลู่ลงมาอย่างเซ็กซี่ อีกทั้งเรียวขาคู่งามที่ไร้สิ่งปกปิด ทำให้ยามากุจิจ้องมองอย่างไม่ลดละสายตา เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป...แล้วจึงลุกขึ้นมาทันที
พอเดินไปถึงที่เตียง ยังไม่ทันได้ปลดผ้าขนหนูของเสี่ยวซือออก อยู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังมาจากนอกประตู ยามากุจิขมวดคิ้วแน่น เอ่ยถามด้วยความหงุดหงิดว่า “ใคร?”
“ขอโทษครับ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กรุณาเปิดประตูด้วยครับ” น้ำเสียงสุภาพแต่แฝงไปด้วยความเข้มแข็งเต็มกำลัง
“รอสักครู่ครับ” ยามากุจิเดินลงจากเตียงไปเปิดประตูห้องอย่างไม่มีทางเลือก เห็นเพียงพนักงานและเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายยืนอยู่ที่หน้าประตู เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพว่า “ขอโทษครับ ที่ชั้นนี้เพิ่งเกิดคดีฆาตกรรม เราอยากจะขอสอบปากคำคุณผู้ชายสักหน่อยครับ”
“นี่มันอะไรกัน!” ยามากุจิร้องออกมา “เกิดคดีฆาตกรรมแล้วเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ เจ้านายของพวกคุณเป็นใคร ผมจะฟ้อง!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้น เมื่อมองเห็นใบหน้าหวานหยดย้อยของเสี่ยวซือที่ห่อตัวด้วยผ้าห่มบนเตียงก็ยิ่งเก้อเขิน
การตรวจสอบของตำรวจนั้นง่ายมาก พวกเขาแค่ถามว่าเปิดห้องกี่โมง ได้ออกจากห้องบ้างหรือเปล่า ยามากุจิจึงตอบด้วยความหงุดหงิดเพียงไม่กี่คำ พอเห็นทั้งสองคนไม่มีพิรุธอะไร เจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็จากไป
ยามากุจิยืนมองส่งพวกเขาที่หน้าประตู แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็เห็นเสี่ยวซือที่สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย เตรียมตัวจะออกไปแล้ว
“คุณ...คุณจะไปแล้วเหรอ?”
“ไม่ไปแล้วจะให้ทำอะไรล่ะ คุณยังมีอารมณ์อยู่อีกเหรอ?” เสี่ยวซือมองเขาอย่างหมดความอดทน ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
ยามากุจิได้แต่ยืนนิ่ง มอง**เป็ดที่สุกแล้วบินหนีไป**** ในใจก็ก่นด่าสาปแช่งบรรพบุรุษของบรรดาตำรวจโตเกียวทั้งหลายนั่น
เสี่ยวซือเดินอาดๆ ออกมาจากโถงของโรงแรม ก็เห็นตำรวจที่เพิ่งขึ้นไปสอบสวนเมื่อครู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ให้ความสนใจกับเสี่ยวซือเช่นกัน เธอมองจ้องกลับไปที่เขาอย่างตรงๆ เปิดประตูรถที่เพิ่งขโมยมาอย่างโจ่งแจ้ง ก่อนที่จะเร่งเครื่องขับออกไป
ความลับได้แพร่กระจายข้ามมหาสมุทรไปจนถึงองค์กรลับใต้ดินในปักกิ่งแล้ว ผู้เชี่ยวชาญในการถอดรหัสใช้เวลาสามนาทีในการถอดรหัสต่อสายไปยังหน่วยราชการลับ “สายลับ 003 จัดการเป้าหมายหมายเลข 2 เรียบร้อย ตอนนี้กำลังม่งหน้าไปทางถนนริมหาด อีกหนึ่งชั่วโมง เสร็จสิ้นภารกิจ!”
*
ขาดแค่ลมตะวันออก
ทุกเรื่องเตรียมพร้อมแล้ว ขาดแค่ลมตะวันออก หมายถึง เตรียมทุกเรื่องไว้พร้อมแล้ว แต่ขาดเรื่องสำคัญไปหนึ่งเรื่อง
** เป็ดที่สุกบินหนีไป
คือเรื่องที่คิดว่าจะสำเร็จแล้ว แต่ผลสุดท้ายกลับล้มเหลว