" ในที่สุดก็เสร็จเรียบร้อย! "
วิคตัสใช้เวลาตลอดทั้งวันที่เหลือไปกับการศึกษาพืชสมุนไพรที่เก็บมาจากการสำรวจก่อนเปลี่ยนมันเป็นโพชั่นหลากหลายชนิด ทั้งยารักษาบาดแผล ยาแก้พิษ ผงกำจัดแมลง หรือแม้แต่ยาพิษ ทั้งหมดถูกบรรจุใส่ลงขวดคริสตัลที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ก่อนจัดเรียงในกล่องไม้อย่างเป็นระเบียบ
พืชสมุนไพรพวกนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่เพิ่มหรือเปลี่ยนส่วนผสมเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างน้ำยาโพชั่นชนิดใหม่ออกมาได้เสมอและสิ่งนี้ทำให้วิคตัสหมกมุ่นอยู่กับมันตลอดทั้งวันด้วยความกระตือรือร้น
หลังจากส่วนผสมชุดสุดท้ายหมดลงช่วงกลางคืนที่มืดมิดก็มาเยือนอีกครั้ง
ในที่สุดความรู้สึกของวิคตัสที่มีต่อโลกภายนอกก็กลับมาข้อมือขาวรีบกระชับผ้าคลุมบนร่างกายของเขาเนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นจัด
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยืนอยู่หน้าหม้อปรุงยาที่เต็มไปด้วยความร้อนแต่สายลมจากด้านนอกที่พัดเข้ามาสัมผัสในคืนนี้ดูเหมือนจะหนาวกว่าทุกที
" พรุ่งนี้ต้องรีบรวบรวมสมุนไพร ยังต้องหาสถานที่สำหรับพิธีกรรมอีกด้วยแต่หมอกลงหนาแบบนี้จะจัดการกับมันยังไงดีละ? หวังว่าคาถาลมหายใจมังกรอาจพอใช้งานได้บ้าง "
วิคตัสบ่นออกมาเบาๆในระหว่างที่ใช้สายตาคู่สวยของเขากวาดมองบรรยากาศด้านนอกหน้าต่างที่มีเพียงแต่ความมืดไร้ซึ่งสิ่งอื่นเหมือนเช่นเคย
{- Aotrommoto -}
ไม้กายสิทธิ์ถูกโบกขึ้นเป็นจังหวะกลางอากาศหลังจากเสียงร่ายคาถาที่เรียบง่ายสิ้นสุดลง โคมไฟไม้ที่สูงเกือบ 2 เมตรก็ปรากฏขึ้นบริเวณสองฝั่งข้างทางเดินหน้ากระท่อมทันที
แสงสีเหลืองที่คอยส่องสว่างให้กับพื้นที่รอบๆเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้กับเขาขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
วิคตัสยังคงใช้หม้อปรุงยาต้มน้ำทำหน้าที่แทนเตาผิงแต่ครั้งนี้ได้เพิ่มสมุนไพรสีแดงลงไปเพียงไม่นานทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของมัน
หน้าต่างและประตูถูกปิดสนิทจากด้านในก่อนถูกผนึกด้วยเวทมนตร์สำหรับป้องกันสัตว์ป่า
แสงในกระท่อมค่อยๆหรี่ลงคล้ายกับไฟอัตโนมัติก่อนจะมืดสนิทไปพร้อมกับดวงตาของวิคตัสที่ปิดลงด้วยความง่วงนอนเหลือทิ้งไว้เพียงแสงสีฟ้าสลัวจากกองไฟของหม้อปรุงยาที่อยู่ด้านข้างของเขา
ท่ามกลางความเงียบสงบมีเพียงกลิ่นหอมของใบสมุนไพร Lady Bloody ที่ล่องลอยอยู่ภายในหม้อต้มทำหน้าที่ช่วยเหลือพ่อมดหนุ่มให้รู้สึกผ่อนคลายพร้อมกับค่อยๆฟื้นฟูพลังเวทย์ของเขาขณะที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุข
ในห้วงเวลาแห่งความฝันที่ดำดิ่งลึกลงไป
วิคตัสรู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนหลับอยู่บนเมฆก้อนเมฆสีขาวขนาดใหญ่มันเป็นความฝันที่แสนสบายที่หาได้ยากจนทำให้หลงลืมกระทั่งตัวตนของเขาไปจนหมดสิ้นคล้ายกับว่ากำลังนอนอยู่กลางปุยนุ่น
เมฆสีขาวพาเขาลอยไปตามสถานที่ต่างๆเป็นเวลานานทั้งสถานที่ที่คุ้นเคยและที่ใหม่ๆแปลกตาก่อนจะถูกดูดกลืนเข้าไปในหลุมพายุสีดำขนาดใหญ่ตรงหน้า มันพาเขาผ่านคลื่นสายฟ้าและพายุฝนที่หนาวเย็นโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพุ่งตรงต่อไปด้วยความเร็วคงที่ผ่านป่าไม้แห้งแล้งหรือแม้แต่หุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
เวลาผ่านไปนานจนในที่สุดเมฆสีขาวก็หยุดลงตรงหน้าถ้ำหินสีดำขนาดใหญ่ ตรงทางเข้ารายล้อมไปด้วยแมลงมีพิษจำนวนมากพอที่จะทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังก่อนที่บรรยากาศโดยรอบจะค่อยๆเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง
ในความมืดรอบตัวมีเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้นที่เขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดแต่ทุกสิ่งที่นี่กลับหยุดนิ่งสงบเงียบราวกับถูกหยุดเวลาไว้ เมื่อวิคตัสจ้องมองดูดีๆแม้แต่แมลงพิษบนพื้นก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
" เกิดอะไรขึ้น...ทำไมทุกอย่างถึงหยุดนิ่ง? "
แววตาสีเขียวสอดส่ายไปทั่วเพื่อพยายามมองหาทางออก แต่กลับพบพลังแปลกๆที่ปกคลุมอยู่รอบถ้ำขนาดใหญ่นี้แทนสัญลักษณ์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งตัวลอยอยู่กลางอากาศภายในถ้ำเป็นแถวยาวลงมาคล้ายกับกรงขัง
ผนังของถ้ำมีหินสีขาวฝังตัวอยู่คอยทำหน้าที่ส่งพลังวิญญาณไปยัง 'กรงขัง' นั้นอยู่ตลอดเวลา
ตามทางเดินที่ลึกเข้าไปในความมืดวิคตัสพบหญ้าสมุนไพรที่ส่งกลิ่นรุนแรงอยู่บนพื้นดินที่เต็มไปด้วยแมลงมุมสีม่วงเข้มขนาดใหญ่คล้ายกับทำหน้าที่ปกป้องมันอยู่
ขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่กับตัวเองและเฝ้ามองพวกมันอย่างเงียบๆทันใดนั้นเสียงที่นิ่งสงบก็ดังขึ้นมาจากด้านใน
"เจ้าไม่ควรเข้ามาที่นี่"
"นั่นใคร?"
วิคตัสตอบกลับไปโดยสัญชาตญาณก่อนจะรีบปรับท่าทางให้สุภาพเมื่อรู้ว่าการกระทำของเขาอาจกำลังรบกวนใครบางคน
" ขออภัยที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของท่าน พอดีข้าหลงทางถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปท่านช่วยบอกทางออกจากที่นี่ให้ข้าได้หรือไม่?"
ขณะที่ตอบกลับอีกฝ่ายวิคตัสยังคงพยายามเดินหน้าต่อไปเพื่อค้นหาเจ้าของเสียง
เพียงไม่นานเขาก็เข้ามาถึงลานโถงกว้างขนาดใหญ่ภายในถ้ำ ตรงกลางนั้นเป็นบ่อน้ำที่มีกลิ่นเค็มของเกลือลอยออกมากระทบจมูกทันทีเมื่อเข้ามาถึงแต่สิ่งที่น่าตกใจคือภาพที่ปรากฏในสายตาของเขา
ด้านบนของบ่อทะเลสาบเกลือมีหินสีดำเงางอกย้อยลงมาเกือบ 3 เมตร บนหินที่ทิ้งตัวลงมานั้นมีชายคนหนึ่งถูกมัดตรึงร่างเอาไว้ด้วยบางสิ่งที่ดูน่ากลัว
ผมยาวรุงรังของเขาปกปิดใบหน้าจนแทบมองไม่เห็นแต่วิคตัสแน่ใจเป็นอย่างดีว่านี่คือเจ้าของเสียงที่ดังออกมา
อีกฝ่ายดูเหมือนไม่ได้แปลกใจมากนักเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาด้านในเพียงยกศีรษะของเขาขึ้นอย่างช้าๆและจ้องมองออกมาผ่านกลุ่มเส้นผมที่จับตัวกันแน่นจนเป็นก้อนดูสกปรกอย่างมาก หากสังเกตุดีๆอาจเห็นแมลงบางชนิดเดินไต่ไปมาจนวิคตัสรู้สึกคันยุบยิบแทนอีกฝ่าย
ทันทีที่สายตาทั้งสองสบกันราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านพวกเขาทั้งคู่ทั้งรุนแรงและดึงดูดในเวลาเดียวกันแต่กลับไม่มีใครแสดงอาการใดๆออกมานอกจากความเงียบสงบที่ยาวนานเกินกว่าจะนับได้
วิคตัสไล่ความคิดที่กำลังหลุดลอยออกไปก่อนรีบปรับสีหน้าของเขาอีกครั้งและเริ่มต้นบทสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ
"จริงสิ! ข้าจะมอบน้ำยาสมุนไพรพวกนี้ให้กับท่านเพื่อเป็นการขอโทษที่ข้าบุกรุกเข้ามาโดยพลการ มันใช้งานง่ายมากเพียงแค่ท่านดื่มเข้าไปเพียงสามอึก น้ำยาสีฟ้าขวดนี้สามารถช่วยฟื้นฟูพละกำลังของร่างกายได้ดีทีเดียว"
เมื่อเขาพยายามเรียกขวดโพชั่นที่ถูกเก็บไว้ในพื้นที่มิติกลับพบว่าไม่มีสิ่งใดออกมา หลังจากทดลองอยู่หลายครั้งจึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นพลังเวทย์ของเขาดูเหมือนจะไม่สามารถใช้งานในถ้ำนี้ได้อย่างสิ้นเชิง
" เจ้าควรรีบออกจากที่นี่ก่อนที่'พวกมัน'จะรู้ตัว "
ชายหนุ่มที่ถูกแขวนบนแท่นหินสีดำไม่ได้ถามสิ่งอื่นแต่กลับไล่วิคตัสให้ออกไปแทน
" ไม่ต้องห่วง แมงป่องพวกนั้นไม่ขยับเลยด้วยซ้ำ"
" ข้าไม่ได้หมายถึงแมลงพวกนั้น แต่เป็น . . ."
สิ้นสุดคำพูดของอีกฝ่ายทันใดนั้นกรงเล็บสีดำจำนวนมากก็โผล่ออกจากเงามืดล้อมรอบตัววิคตัสก่อนพยายามดึงร่างของเขาไว้
เด็กชายหลบหนีไปด้านข้างด้วยความตกใจแต่กรงเล็บพวกนั้นกลับยืดยาวเพิ่มจำนวนขึ้นเพื่อพยายามไล่ล่าเขาอย่างไม่ลดละ
ในมือที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งพลังและอาวุธเขาทำได้เพียงแต่กระโดดหลบต่อไปเรื่อยๆเท่านั้นโดยที่ไม่รู้ว่าจะจัดการมันอย่างไร
ขณะที่เขาล้มลงและรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาโดยคิดว่าครั้งนี้ไม่สามารถหนีต่อไปได้อย่างแน่นอน ทันใดนั้นหินสีดำเงาก็ทะลุขึ้นมาจากพื้นดินแทงไปยังกรงเล็บสีดำพวกนั้นก่อนจะมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วทั้งถ้ำ
หอกหินขนาดใหญ่ที่ทรงพลังแต่กลับดูลึกลับในเวลาเดียวกันมีรูปทรงแปลกๆคล้ายประติมากรรมที่สวยงามจากคริสตัลธรรมชาติขนาดใหญ่จนวิสตัคลืมความกลัวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปทั้งหมด
" ... นั่นมันอะไรกันน่ะ?! "
" รีบออกไปซะ . .พลังของข้าในตอนนี้ไม่อาจจัดการพวกมันได้แต่คงถ่วงเวลาไว้ได้สักพัก "
เสียงที่เยือกเย็นเอ่ยขึ้นเตือนเขาอีกครั้ง
วิคตัสพยายามมองรอบๆเพื่อค้นหาเจ้าของเสียงแต่ครั้งนี้กลับไม่พบสิ่งใดนอกจากความมืดของถ้ำหิน
" ขอบคุณมาก!! ข้าชื่อวิคตัส ขอถามชื่อของท่านได้ไหม? "
วิคตัสที่เฝ้ารอคำตอบได้รับเพียงความเงียบส่งกลับมา บ่งบอกได้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากรู้จักเขาสักเท่าไหร่
"ถ้าไม่อยากตอบคำถามพวกนี้งั้นช่วยบอกวิธีออกจากที่นี่หน่อยได้ไหม..?"
เด็กหนุ่มแอบคิดว่าคำถามที่งี่เง่านี้คงไม่ได้คำตอบด้วยเช่นกันแต่หลังจากที่เขาพูดจบเสียงเฉยชาของอีกฝ่ายก็ชี้ทางให้กับเขาอีกครั้ง
" ค้นหาแสงสว่างจากตัวเจ้าแล้วใช้มันนำทางตัวเองกลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้องรีบออกจากดินแดนแห่งความฝันก่อนที่จะสายเกินไป "
" .. .ดินแดนแห่งฝัน นี่ข้ากำลังฝันอยู่งั้นหรอ? "
ยังคงมีเพียงแต่ความเงียบเป็นคำตอบกลับมาให้กับเขาอีกเช่นเคย
วิคตัสถอนหายใจก่อนอำลาเสียงปริศนาเพื่อตามหาแสงสว่างที่ชายคนนั้นบอกเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินต่อไปโดยพยายามค้นหาแสงสว่างตามที่ชายคนนั้นบอกแต่กลับไม่มีสิ่งใดปรากฏขึ้นคล้ายกับว่าเขาลืมบางอย่างที่สำคัญไป
หลังจากจดจ่อกับการมองหาเส้นทางอยู่นานจนกลายเป็นการคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
ตอนนี้เขาอยู่ในโลกแห่งความจริงหรือความฝันและสิ่งที่เขาได้พบคืออะไร? เขาเฝ้าถามตัวเองว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรและมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรจนในที่สุดก็พบคำตอบ
'ใช่แล้ว! ข้ากำลังนอนหลับหลังจากปรุงยาเสร็จดังนั้นที่นี่จึงเป็นความฝันจริงๆไม่น่าแปลกที่เราไม่สามารถเรียกขวดน้ำยาโพชั่นออกมาได้เพราะมันไม่มีอยู่จริงและไม้กายสิทธิ์ก็คงใช้งานไม่ได้ด้วยเหมือนกัน'
'...ถ้าเป็นความฝันพลังเวทย์ควรจะใช้งานได้สิ? '
เมื่อวงจรความคิดของสมองกลับมาทำงานได้ตามปกติอีกครั้ง สายตาของเด็กหนุ่มก็หรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้
พลังแปลกๆที่เขาไม่รู้จักถูกปล่อยออกมาจากรูปอักขระสีดำมากมายที่ผนึกไปทั่วถ้ำและบนตัวของผู้ชายคนนั้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังเวทย์ได้ ?
ในเมื่อพลังจากตัวเองถูกผนึกงั้นลองใช้วิธีที่สุดโต่งไปเลยก็แล้วกัน!!
รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มทำให้รูปลักษณ์ของเขาตอนนี้ดูชั่วร้ายกว่าปกติเล็กน้อย
วิคตัสมองหาวัตถุในการสร้างวงเวทย์ก่อนจะหยิบใช้เศษคริสตัลสีดำแปลกๆที่ตกกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นด้านข้างเพื่อทำพิธีอัญเชิญพลังแบบง่าย
" Barcaso Dulseuas Somnia ในนามของผู้ใช้เวทย์แห่งพงไพรข้าขอวิงวอนต่อเทพอินซอมนัสผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งปกครองดินแดนนิทราจากอาณาจักรพันหมื่นราตรี จงอำนวยพรแก่ข้าเพื่อชี้หนทางแห่งแสงสว่างขับไล่ฝันร้ายที่จองจำและตื่นจากการหลับใหลอันเป็นนิรนดร์นี้ . . . "
" Phaedra Phara"
ทันทีที่คาถาอธิฐานจบลงแสงละอองสีเขียวคล้ายหิ่งห้อยก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะค่อยๆรวมตัวกันกลายร่างเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่
"จงนำทางข้าไปสู่แสงสว่าง!!"
เมื่อคำสั่งของวิคตัสถูกส่งออกไปผีเสื้อตรงหน้าก็ค่อยๆขยับปีกก่อนจะเริ่มเรืองแสงสีทองอย่างช้าๆครั้งนี้มีเพียงแสงสว่างที่ส่องออกมาจนแสบตาคล้ายกับการจ้องมองดวงอาทิตย์