"เมืองนี้ เกิดอะไรขึ้นน่ะ?"
ภาพทัศน์ของย่านเมืองหลังวังใต้ท้องฟ้าสีครามไม่มีเหลืออีกต่อไป คงไว้เพียงเปลวไฟแผดเผาอาคารบ้านร้านมอดไหม้ เป็นเชื้อไฟร้อนระอุให้ทุกคนได้สัมผัสไม่ต่างนรกอเวจี สร้างทิวทัศน์สีแดงส้มจากเพลิงผลาญ ขณะแสงตะวันอันสาดส่องจากฟากฟ้าเริ่มอันตรธาน เข้าสู่ค่ำคืนอันยาวนานแห่งความเลวร้าย
ท่ามกลางความวุ่นวายและอันตรายของสภาพเมืองรอบกาย มีเสียงร้องของผู้คนในละแวกใกล้ดังเป็นระยะ ขณะเสียงปืนลั่นกับดาบฟันตามมาไม่ต่างกัน ทันใดนั้นอัศวินสีหม่นก็หันหาแหล่งที่มาของมัน
เหล่าทหารเกราะเขียวแห่งกองทหารพยัคฆ์รัตน พร้อมอาวุธที่แตกต่างตามแต่พกมาพากันออกอาละวาดในย่านเมือง ทว่าที่สะดุดตาสุดคือผู้ถือคบเพลิงโยนใส่อาคารไร้เพลิงไหม้ กับอัศวินควบม้าพุ่งใส่สิ่งใดก็ตามในสายตา พานักดาบหนุ่มหวนนึกถึงสิ่งที่หมอยาบอกไว้ ธรรมเนียมไร้ใจที่กองทหารทำเป็นประจำทุกค่ำคืน
"ราตรีล่าเหยื่อ กองทหารพยัคฆ์รัตนของเมืองจะออกปล้นฆ่าทำลายล้าง ทำทุกสิ่งอย่างต้องการเมื่อถึงเวลากลางคืน"
"พวกเขาทำแบบนี้ กับเมืองที่ปกครองเหรอ?"
จูโนถามอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แม้กลิ่นควันไฟและเสียงใดจะบอกความจริงกับเธอไปแล้วก็ตาม
"ผิดแล้ว กับคอกสัตว์ของตัวเองต่างหาก"
ระหว่างนักวาดกับนักดาบกำลังสนทนา ว่าด้วยสภาพเมืองตรงหน้า บางสิ่งก็เบนความสนใจมาหา เป็นอัศวินสวมเกราะหนากับเสื้อประทับตราพยัคฆ์กับหอกยาว ผู้ควบม้าตัวหนาใหญ่อย่างน่ากลัว อิโระรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร จึงยื่นมือขวาหาสาวเจ้าข้างกาย เมื่อตัดสินใจในสิ่งที่จะทำต่อไปได้
"ท่านจูโน ท่านเก็บดาบทองของอารักษ์ราชาเอาไว้อยู่ใช่ไหม? มอบให้ข้าที"
"ใช่ ทำไมเหรอ?"
นักวาดผมดำยาวถามตามสงสัย พร้อมเรียกดาบใหญ่ใบทองออกมาจากเปลวไฟ แล้วยื่นให้เพื่อนร่วมทางรับในทันใด
"มีม้าที่ข้าต้องฟันน่ะ"
อัศวินชุดเขียวควบม้าพุ่งเข้ามาพร้อมหอกอย่างว่องไว ฝีกีบม้าทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ ขณะคนควบขึ้นอาวุธเตรียมแทงเป้าหมาย คือชายหนุ่มผมขาวบนพื้นกับดาบใหญ่ที่ตั้งท่าถือเตรียมไว้ เมื่อเข้าใกล้จังหวะปะทะ นักดาบสีหม่นก็ย้ำฝีเท้ามั่น พลันหมุนร่างไปอีกฟากข้างม้าที่พุ่งมา พ้นระยะปลายหอกโจมตี พร้อมวาดดาบใหญ่ฟันม้าร่างสะบั้นในทันใด
เลือดม้าสาดกระเซ็นกระจายเป็นเม็ดฝนเหนือหัวจอมดาบ อัศวินที่ถูกดาบใหญ่กระแทกใส่ลอยคว้างกลางอากาศ หัวพร้อมคอม้าส่งเสียงร้องโหยหวนกระเด็นตามกัน ขณะร่างของมันไถลกระแทกไปกับพื้นจนฝุ่นตลบ บรรจบกับที่หอกปักลงพื้นอยู่ไม่ไกล เป็นภาพอันน่าอัศจรรย์ใจ ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ได้เชยชม
นักวาดสาวผู้อยู่ต่อหน้าภาพเหล่านี้ แม้ในตาเธอจะไม่สะท้อนภาพใด ก็รับรู้ได้ว่าตรงหน้าเกิดอะไร จนเบิกตากว้างและอ้าปากด้วยความชื่นชมพอใจ แล้วเอ่ยเชยชมออกมาอย่างจริงใจ
"งดงามเสียกระไร"
เมื่อไม่เห็นสิ่งใดเข้ามาในระยะสายตา นักดาบหนุ่มก็สะบัดอาวุธในมือให้เลือดกระเซ็น ก่อนมองไปยังทางเบื้องหน้า ที่มีเปลวไฟให้แสงสว่างนำไป สู่ในย่านอันตรายที่ไม่มีใครย่างกรายเข้าไปแม้เพียงหนึ่ง
"ไปกันเถอะ ท่านจูโน ในย่านนี้มีสถานที่ท่านน่าจะชอบรออยู่"
"สถานแบบไหนกันหรือ? ข้าใคร่อยากรู้"
"คฤหาสน์สีสะอาด ปราการฐานที่มั่นของกองทหารพยัคฆ์รัตน"
อิโระตอบกลับอย่างเรียบราบ พร้อมขยับผ้าคลุมสีเขียวฟ้าขึ้นมา ให้คลุมหัวและบดบังใบหน้าตนใต้เงามืด
"เช่นนั้นก็นำข้าไปเถอะ ให้ข้าได้เห็นความสวยงามเพียงหนึ่งเดียวที่ยังเหลือของเมืองนี้เถิด"
นักดาบเดินนำนักวาดเข้าไป ในเมืองแห่งเปลวไฟอันอุดมไปด้วยกลิ่นควันไหม้และโลหะ ขณะทหารราบจำนวนหนึ่ง ซึ่งกำลังสนุกสนานกับการละเลงอาคารด้วยเชื้อไฟ สังเกตว่าใครมาเยือนด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรเท่าไร จึงเบนความสนใจออกสิ่งที่กำลังทำอยู่ในทันใด เพราะรู้ว่าสิ่งใดมาเยือนในย่านนี้
เหล่าทหารชุดเขียวกู่ร้องเสียงก้องฟ้า พากันพุ่งใส่ผู้มาเยือนพร้อมอาวุธที่ถือไว้ หมายฟาดฟันตัวตนตรงหน้าให้ตายลงไป ทว่าใครก็ตามที่พุ่งเข้าไป ล้วนถูกตัวตนสวมเกราะหม่นซัดดาบใหญ่สิ้นท่าในทีเดียวตามกัน จนซากศพนอนกองกันระหว่างทาง ไม่ต่างจากเลือดที่ไหลรินเป็นสายตามช่องอิฐ จนบางคนลังเลที่จะเดินเข้าใกล้
ความกลัวจากนักฆ่าไร้หน้าเข้าคืบคลานเหล่าทหาร ผู้แสดงเพียงความเย็นชาไร้อารมณ์ท่าทางการกระทำ พร้อมตวัดดาบตัดร่างทุกคนที่อยู่ตรงหน้า ฆ่าทุกชีวิตที่ไม่ยอมหลีกไป ไม่เว้นแม้คนที่ตื่นตระหนกจนไม่อาจก้าวได้ ให้เลือดของทุกคนสาดดับเปลวไฟ พาทุกคนที่ตั้งสติได้วิ่งหนีในทันใด จากย่านที่ไม่มีอะไรดีเหลือให้ในสายตา
"ถอยหนี! ถอยหนี!"
อัศวินเกราะเงินที่ตะโกนสั่งถูกนักดาบสวมผ้าคลุมวาดอาวุธฟาดสิ้นชีพในทีเดียว เสียงเดียวจากผู้คนที่ยังคงหลงเหลือคือเสียงร้องจากความหวาดหวั่น สั่นสะท้านขวัญกำลังใจใครก็ตามที่ได้เห็น ตั้งแต่ทหารผู้ออกปล้นสะดม จนถึงคนทั่วไปที่หลบในเงามืดของกองซาก ต่างรับรู้ถึงอันตรายอันมาเยือน ของนักดาบหนุ่มผู้สังหารทุกสิ่งที่ขวางทาง จนไม่เหลือสิ่งใดอีกต่อไป
จูโนที่สังเกตท่าทีอันเดือดดาล ซึ่งเก็บไว้ในใจอัศวินไร้หน้า ผู้เก็บเสียบเงียบไว้มาตลอดทาง กับฟังเสียงสิ่งใดที่เกิดขึ้นรอบข้างเรื่อยมา ยังคิดสงสัยว่าอะไรเป็นไฟสุมใจให้เขาเกรี้ยวกราดกับศัตรูได้เพียงนี้ กระนั้นด้วยท่าทีไร้ปรานีที่เด็กหนุ่มมี เธอก็ไม่ทำอะไร เพียงเดินตามไปอย่างไม่ขัดใจ ด้วยรู้ว่าปลายทางจะเป็นอะไรดีให้ได้พบพาน
ระหว่างคู่นักเดินทางก้าวบนเส้นทางอันไร้พิษภัยได้พักใหญ่ พวกเขาก็มาถึงทางแยกที่มีใครยืนรอก่อนแล้ว เป็นชายสวมผ้าโพกหน้าสีไม้กับชุดหนังสีเดียวกัน และหมวกปีกกว้างอย่างนักเดินทาง ผู้กำลังยืนพิงผนังเสมือนกำลังพักผ่อน ท่ามกลางกองซากทหารไร้วิญญาณกลางกองเลือดรอบข้าง ไม่นานก่อนเขาจะเห็นได้ว่าใครมาเยือน
"ไงพวก? มาทำอะไรที่นี่เหรอ?"
อัศวินไร้หน้ายืนนิ่งสนิทไม่โต้ตอบอะไร ดังว่าเปลวไฟในใจแผดเผาร้อนแรงเกินกว่าจะทำอะไร ขณะนักวาดสาวกำลังแสดงสีหน้าสงสัย ด้วยแปลกใจว่าคนตรงหน้าเป็นใคร มาจากไหน หรือต้องการอะไร และทำไมถึงอยู่ตรงนี้ ที่ร่างของทหารพยัคฆ์รัตนกองเป็นพะเนิน แต่ไม่นานเท่าไรก็ได้คำตอบที่ต้องการ
"โทษทีที่ไม่ได้แนะนำตัว ฉันชื่อจอช หลายคนเรียกจอชจอมทัก ฉันเคยเป็นทหารรับจ้างของย่านนี้ ปกติฉันจะซ่อนตัวไม่ให้ใครจับได้ แต่ดูเหมือนวันนี้พวกมันจะเอิกเกริกกันเกินไป เลยจัดการพวกมันให้สงบลงสักหน่อย"
นักดาบยังยืนนิ่งไม่โต้ตอบอะไรเหมือนทุกที พาให้นักวาดเริ่มกังวลใจในสถานการณ์ตรงหน้า ทว่าเสียงหัวเราะของชายผู้เรียกตัวเองว่าจอชก็ตามมา พร้อมคำสานการสนทนา
"พวกเงียบสินะ? อย่างนี้นี่เอง นักเดินทางอย่างพวกเธอ ถ้าไม่ใช่กำลังหาทางออกจากเมืองนี้ ก็คงกำลังตามหาบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่สิ สิ่งที่ช่วงชิง และฉันไม่กล้าพอทำอะไรแบบนั้น"
ทหารรับจ้างถอนใจเสมือนกำลังรู้สึกผ่อนคลาย พลางผายมือซ้ายหาข้างหนึ่งของทางแยก แล้วยื่นมือถือหน้าไม้ไปยังอีกฝั่งของเส้นทาง ดังกางแขนออกเป็นกางเขนให้อีกฝ่ายได้เห็น
"ทางขวาของนายคือทางออกจากย่านวังบุริมชิมสุข ออกจากราตรีล่าเหยื่อ ฝันร้ายที่หลอกหลอนเมืองนี้นิจนิรันดร์ ทางซ้ายคือทางไปคฤหาสน์สีสะอาด ปราการของเจ้าผู้ปกครองย่านนี้ เชิญเลือกได้เลยว่าจะเดินทางไหน"
นักดาบเกราะหม่นก้าวนำไปทางซ้ายอย่างไม่เร่งรีบเท่าไร จูโนจึงผงกหัวให้คนชี้ทางก่อนเดิมตามไป ทว่าหลังพวกเขาก้าวมาได้ไม่ไกลเท่าไร ก็ได้เจอสถานปลายทางดังใจต้องการ
สิ่งที่รอต่อหน้านักดาบและนักวาด คืออาคารไม้สีขาวสูงใหญ่เหนือสิ่งใดในย่าน ล้อมด้วยรั้วไม้แสนกว้างไกลทำไว้อย่างดี ประดับประดาด้วยกระจกสีสวยงาม ป้องกันด้วยทหารและอัศวินชุดเขียวจำนวนมาก บ้างยืนประจำการหน้าอาคาร บ้างถือหน้าไม้ประจำป้อมข้างรั้วล้อม พร้อมโจมตีใครก็ตามที่บุกเข้ามา พาอัศวินไร้หน้ายืนนิ่งพักใหญ่ก่อนตัดสินใจทำอะไร ต่อหน้าประตูบานใหญ่ที่กั้นไม่ให้ใครเข้าไป
ทว่าในตอนนั้นเอง สาวใหญ่ผมยาวในชุดคลุมก็ก้าวขึ้นมา พร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัยอย่างเต็มแก่ในใจ
"ท่านอิโระ ต้องการให้ข้าช่วยไหม?"
นักดาบผงกหัวเล็กน้อยพอให้ได้รู้ นักวาดตาบอดจึงเผยรอยยิ้มอันเบาบาง พลางหัวเราะเบา ๆ ในคอ
"ฮิฮิ ได้เลย ข้าจะช่วยท่านเอง"
จูโนประทับฝีเท้าเตะบานประตูไม้ขวางหน้า กระเด็นเข้าไปกระแทกทหารประจำการด้านใน พร้อมวาดคทาในมือให้เปลวไฟลุกโชน กลายเป็นหอกใบดาบเปลวเพลิงที่เคยใช้ ทันใดนั้นพลหน้าไม้ก็หันอาวุธใส่ แล้วยิงเข้าไปหาเธอทันที
นักวาดตาบอดเบิกตากว้าง อย่างจ้องเล่นงานสิ่งใดที่กำลังมองมา พร้อมเดินผ่านห่าลูกศรของเหล่าทหารอย่างไม่ใส่ใจ และไม่มีลูกใดสัมผัสร่างเธอแม้เสื้อผ้า กระทั่งเหล่าทัพทหารตรงหน้าเธออยู่ไม่ไกล จึงจับหอกในสองมือเตรียมพร้อม
"บุก!"
สิ้นคำสั่งอัศวินสีเงินที่เป็นผู้นำ เหล่าทหารแนวหน้าก็พุ่งหานักวาดร่างสูงผู้รุกราน ไม่นานเธอก็ควงหอกในสองมือให้เกิดเปลวไฟลุก ก่อนทะยานขึ้นฟ้าให้ทุกคนได้เห็นว่ากำลังเผชิญอะไร
สิ่งที่ประจักษ์ต่อทุกสายตาหน้าคฤหาสน์สีสะอาด ณ กลางอากาศ คือสาวใหญ่ผู้ถูกสายลมพัดผมสีดำสลวยสะบัด ไม่ต่างกับเสื้อคลุมยาวสีม่วงที่หุ้มทั้งร่าง ผู้กำลังทอดสายตาอันว่างเปล่ามองลงมา หาทุกสิ่งอย่างที่หันอาวุธหาเธอ ก่อนพุ่งลงพื้นพร้อมหอก แล้วกระแทกมันลงกลางวงศัตรู
!!!!!!
แสงสว่างวาบดับภาพในสายตาทุกคน ไม่เว้นแม้แต่นักดาบสีหม่นที่อยู่นอกเขตอาคาร เขารับรู้ถึงความร้อนแรงที่แผดเผายิ่งกว่าเปลวไฟในย่านทั้งหมด กระนั้นสีขาวที่ปรากฏแก่สายตากลับยังไม่หายไป จึงได้แต่รอให้สิ่งใดในสายตาจางลง จนกระทั่งเขาเริ่มเห็นภาพจางของอาคาร ณ ปลายแสง จึงเดินเข้าไปให้เห็นว่าเกิดอะไร
ทิวทัศน์ใหม่ในสายตาอัศวินไร้หน้า คือซากเพลิงไหม้ของคฤหาสน์สีถ่าน ที่บางส่วนถูกทำลายกลายเป็นเถ้า แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้จดจำ เปลวไฟแผดเผาทุกสิ่งจนถึงรั้วไม้ที่กลายเป็นรั้วไฟ ทหารส่วนหนึ่งร่างละลายกลายเป็นซากติดพื้น ขณะอัศวินบางส่วนที่ยังถูกไฟเผา ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดออกมา ขณะลากร่างคลานหนีจากต้นเชื้อไฟ
ท่ามกลางความวินาศของคฤหาสน์และกองซากไร้วิญญาณ คือนักวาดสาวร่างสูงใหญ่ ผู้ยืนนิ่งพร้อมคทาในสองมือ กับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอันจริงใจ เรียกให้อัศวินไร้หน้าเข้าไปหา ด้วยสงสัยว่าเธอมีอะไรเก็บไว้ในใจ
"อัศวินของข้า สถานนี้พร้อมให้ท่านได้ชื่นชมความงดงามตามต้องการแล้ว ข้ารู้ว่าท่านปรารถนาตามหาสิ่งมีค่าในคฤหาสน์นี้ บัดนี้ ไปเถิด แสวงหาคุณค่าในสถานนี้ แล้วนำมาให้ข้าได้ชื่นชมที"
เมื่อเห็นท่าทีตั้งตารอของสาวเจ้าตรงหน้า อัศวินไร้หน้าก็ผงกหัวให้อย่างเบาบาง แล้วย่างฝีก้าวผ่านเธอไปไม่รีบเร่ง ให้ได้รับรู้ถึงความร้อนและเสียงร้องจากลานกว้าง เมื่อได้เห็นและได้ยินทุกสิ่งจนพอใจ ก็เหยียบขั้นบันไดเข้าไปในอาคาร
ในคฤหาสน์กว้างใหญ่ถูกไฟเผา เต็มไปด้วยกลิ่นควันไฟตลบอบอวลชวนไม่พิสมัย ทว่าไม่อาจกลบสิ่งที่หลบแฝงไว้ กลิ่นคาวเลือดที่ไม่เคยหลีกจากสัมผัสของอัศวินได้ ไม่นานเขาก็เดินตามร่องรอยที่เลือดทิ้งไว้ เหยียบย่ำกองไฟที่ไม่ระคายเท่าไร แม้บางส่วนจะแผดเผาผ้าคลุมที่สวมไว้ ก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรมากไปกว่าไออุ่น แม้โครงไม้จะกลายเป็นถ่านไฟคุกรุ่นก็ตามที
กลิ่นเลือดพานักดาบก้าวขึ้นไปด้านบนของอาคาร เชยชมความสวยงามของเสาประดับและผนังที่เริ่มกลายเป็นสีดำ ขณะบางส่วนหลุดร่อนเป็นผงถ่านตามเวลา พาเขายืนนิ่งพิจารณาสิ่งรอบข้างให้ชัดเจน
สิ่งที่ยืนเรียงข้างผนังโถงทางเดิน แทนที่จะเป็นรูปปั้นอัศวินที่คาดหวัง กลับเป็นหุ่นรูปมนุษย์ผู้หญิงจำนวนหนึ่ง ซึ่งสวมชุดที่แตกต่างหลากสีตามแต่ละตัว ที่ล้วนประณีตและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ชวนสะกดใจให้คิดสงสัย ว่าอาจมีอะไรมากกว่าที่เขาเห็นตอนนี้ จึงเดินเข้าไปหาหนึ่งในนั้นเพื่อพิจารณาให้มั่นใจ
ภาพที่นักดาบได้พิจารณ์ คือตุ๊กตาของเด็กสาวในวัยกำลังเติบโต กับใบหน้าอันน่ารักทว่าไร้ซึ่งอารมณ์ ผมสีทองที่ถักไว้ดูเสมือนจริงยิ่งกว่าอะไร ไม่ต่างจากดวงตาที่ยากจะมองได้ว่าปั้นขึ้นมา กระนั้นผิวอันแห้งกร้านกลับย้ำเตือนว่านี่ไม่ใช่มนุษย์ เมื่อประสมกับชุดกะโปรงสีดำที่สวมไว้ ก็ทำให้ดูน่ารักได้ในสายตา
ความสงสัยใคร่รู้ในสิ่งที่ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ พานักฆ่าไร้หน้ายื่นมือขวาหารูปปั้น กับพิจารณารายละเอียด ก็เห็นส่วนที่ควรเป็นข้อต่อศอกตุ๊กตา ทว่ากลับมีสภาพเหมือนผิวหนังคลุมทั้งหมด จึงขยับมือขวาเข้าไปจับในทันใด
!!!
ข้อต่อแขนที่อัศวินสีหม่นสัมผัสนั้นขยับได้ จนแขนและมือทั้งสองขยับตามเล็กน้อย สร้างความตกใจให้เขาหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน ด้วยรู้ว่าสัมผัสผิวอันแห้งกร้านทว่านุ่มนวล และการขยับของร่างกายแบบนั้นหมายความว่าอะไร
ตรงหน้าเขานี้ไม่ใช่ตุ๊กตา ทว่าเป็นมนุษย์ที่ถูกแปรสภาพให้มีรูปลักษณ์เช่นนี้ เป็นตุ๊กตายืนนิ่งที่มีท่าทางและสวมชุดตามคนปรารถนา สิ่งที่บางคนอาจแสวงหา แม้ว่าความจริงจะน่าหวาดหวั่นเหนือกว่าอะไร โดยเฉพาะเมื่อตุ๊กตาดังว่ามีจำนวนมากมาย เรียงรายตามห้องโถงไหม้ไฟให้ผู้มาเยือนได้ประจักษ์ ว่าทั้งหมดที่ตนเห็นคืออะไรกันแน่
แม้ความประหลาดใจจะปรากฏแก่นักดาบเพียงใด เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ค้างนิ่งอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เดินตามกลิ่นเลือดในอาคารผ่านเหล่าหุ่นตุ๊กตา ฝ่าความน่ากลัวเกินกว่าชีวิตใดจะรับได้ สู่ประตูบานใหญ่ที่เปิดทิ้งไว้เล็กน้อย พอให้รู้ได้ว่าเป็นแหล่งที่มาของกลิ่นโลหะกระจายในอากาศ จึงเดินผ่านเข้าไปให้รู้ว่าเกิดอะไร