Download App
5.19% ราชันเร้นลับ / Chapter 60: 0060 แผ่นศิลาเย้ยเทพที่สอง

Chapter 60: 0060 แผ่นศิลาเย้ยเทพที่สอง

ราชันเร้นลับ 60 : แผ่นศิลาเย้ยเทพที่สอง

“ไม่มีปัญหา”

ไคลน์พยายามกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่สั่นคลอน จากนั้นก็ใช้ศอกซ้ายเท้าบนที่พักแขน และนำปลายนิ้วข้างเดียวกันวางบนหน้าผาก แสร้งว่ากำลังตั้งใจฟัง

อัลเจอร์เรียบเรียงคำพูดก่อนจะกล่าว

“อันทีโกนัสคือชื่อของตระกูลเก่าแก่โบราณ ประวัติศาสตร์ของพวกมันเริ่มขึ้นในยุคแห่งหายนะซึ่งเกิดก่อนยุคสมัยที่สี่ และยังมีความเกี่ยวพันกับแผ่นศิลาเย้ยเทพที่สอง”

แผ่นศิลาเย้ยเทพที่สอง?

มีแผ่นที่สองด้วยหรือ? แล้วมีทั้งหมดกี่แผ่นกันแน่?

นัยน์ตาไคลน์พลันหดลีบ ร่างกายเกือบเสียอาการ

จากบทสนทนาระหว่างแฮงแมนและจัสติสในครั้งก่อนหน้า มันได้ยินว่า แผ่นศิลาเย้ยเทพคือสิ่งที่บรรจุยี่สิบสองเส้นทางสู่การเป็นเทพไว้

ของแบบนั้นมีถึงสองอัน… หรืออาจมากกว่า?

ยี่สิบสองเส้นทางแห่งเทพ… ผู้วิเศษยี่สิบสองเส้นทาง

สองสิ่งนี้จะเป็นเรื่องเดียวกันรึเปล่า?

ผู้วิเศษทุกเส้นทางสามารถกลายเป็นเทพในท้ายที่สุดอย่างนั้นหรือ?

แผ่นศิลาเย้ยเทพที่สองได้ทำให้ความคิดของไคลน์เริ่มฟุ้งซ่าน หากไม่เพราะมีหมอกหนาทึบบดบังตนไว้ อากัปกิริยาที่เสียอาการคงถูกมิสผู้ชมสังเกตเห็นไปแล้ว

ส่วนเรื่องยุคแห่งหายนะ สำหรับตัวมันที่เป็นนักศึกษาประวัติศาสตร์ย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะนั่นคืออีกชื่อหนึ่งของยุคสมัยที่สาม

จากการทบทวนความจำด้านประวัติศาสตร์เมื่อคืนก่อน ยุคสมัยที่สามนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองช่วง คือยุครุ่งเรืองและยุคหายนะ

“แผ่นศิลาเย้ยเทพที่สองงั้นหรือ?”

ออเดรย์แสดงความไม่รู้ออกมาอย่างซื่อตรง แต่เมื่อตระหนักได้ หล่อนเริ่มเก็บอาการและกลับเข้าสู่ภาวะผู้ชมตามเดิม

ถามได้ดีมากมิสจัสติส! ไคลน์ชมเชยในใจ

ในฐานะเดอะฟูล หากตนถามออกไปจะส่งผลให้เสียภาพลักษณ์เสียหาย

อัลเจอร์แอบชำเลืองเดอะฟูลด้วยหางตา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนท่าทีหรือส่งเสียงประหลาดใจ มันจึงเริ่มเล่าต่อ

“แผ่นศิลาเย้ยเทพแรกปรากฏในยุคสมัยแห่งความมืด หรือรู้จักกันในชื่อยุคสมัยที่สอง ช่วงเวลาที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องดิ้นรนอย่างยากลำบากโดยมีเทพคอยให้ความช่วยเหลือ”

“ส่วนแผ่นศิลาเย้ยเทพที่สองปรากฏตัวปลายยุคสมัยที่สาม กล่าวกันว่า มันคือตัวแทนของความหายนะในยุคสมัยนั้น”

“มีเพียงเจ็ดโบสถ์หลักเท่านั้นที่ทราบเนื้อหาบนศิลาเย้ยเทพทั้งสองแผ่น ตัวผมมีข้อมูลเพียงหางอึ่ง ทราบแค่ว่าเป็นแผ่นศิลาจารึกยี่สิบสองเส้นทางสู่การเป็นเทพเหมือนกัน แต่ไม่ทราบความแตกต่างที่ชัดเจน”

“แล้วศิลาเย้ยเทพที่จักรพรรดิโรซายล์เคยเห็นเป็นแผ่นที่หนึ่งหรือสองคะ?”

ออเดรย์ถามใคร่รู้

เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้า ไคลน์พลันฉุกคิดได้ วันแรกที่แฮงแมนพูดคุยกับจัสติสเรื่องโอสถ มันระบุชัดเจนว่าชื่อของโอสถมีต้นตอมาจากแผ่นศิลาเย้ยเทพ

สอดคล้องกับที่หัวหน้าดันน์เคยเล่าว่า ระบบโอสถในปัจจุบันสมบูรณ์ได้เพราะการเสียสละของบรรพบุรุษและการปรากฏตัวของศิลาเย้ยเทพ…

ถ้าอย่างนั้นก็แน่ชัดแล้วว่า โอสถทุกเส้นทางจะนำไปสู่ความเป็นเทพในตอนสุดท้าย

ชายหนุ่มตอบคำถามแรกของตัวเองในใจ

อัลเจอร์ตอบสั้นห้วน

“แผ่นที่สอง”

หลังจากได้รับคำตอบ สีหน้าออเดรย์กลับเป็นปรกติ มิได้ต้องการทราบสิ่งใดเพิ่มเติม เธอเข้าสู่ภาวะผู้ชมและคอยจับตามองแฮงแมนต่อ

แน่นอน การถูกเพ่งพินิจจากผู้ชมไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนัก อัลเจอร์พยายามข่มจิตใจมิให้โกรธเคือง มันทราบว่าเธอไม่มีเจตนาร้าย

“ระหว่างที่ราชวงศ์โซโลม่อนครองความยิ่งใหญ่ในยุคสมัยที่สี่ แม้ตระกูลอันทีโกนัสจะมีชื่อเสียงในหมู่ชนชั้นสูง แต่พวกมันกลับไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักครั้ง จนกระทั่งกลายเป็นกำลังสำคัญในการก่อตั้งจักรวรรดิทูดอร์ นับแต่นั้น พวกมันจึงกลายเป็นตระกูลใหญ่แห่งทวีปเหนืออยู่นาน”

“ในช่วงเวลาดังกล่าว ตระกูลใหญ่ประจำทวีปอย่างอันทีโกนัส อามุนด์ อับราฮัม เจคอป รวมถึงตระกูลชนชั้นสูงอีกมากในยุคสมัยนั้น ทั้งหมดคือขุมกำลังสำคัญของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในยุคสมัยที่สี่”

“ทว่า หลังจาก ‘สงครามสี่จักรพรรดิ’จบลงด้วยความตายของจักรพรรดิโลหิตแห่งทูดอร์ จุดยืนของตระกูลอันทีโกนัสเริ่มเกิดการสั่นคลอนทันที พวกมันไม่ใช่ตระกูลชนชั้นสูงอีกต่อไป และถูกเทพเจ็ดตนตามล่าในที่สุด”

“ผมไม่แน่ใจในเหตุการณ์หลังจากนี้มากนัก ทราบอีกทีก็คือ ตระกูลอันทีโกนัสถูกทำลายอย่างสิ้นซากด้วยฝีมือโบสถ์เทพธิดารัตติกาล มิสเตอร์ฟูล หากท่านต้องการทราบข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้ เกรงว่าต้องติดต่อกับโบสถ์เทพธิดาเท่านั้น หรือไม่ก็องค์กรลับโบราณสองถึงสามฝ่ายที่อาจมีข้อมูล ท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่าผมหมายถึงองค์กรใด”

ตูไม่ทราบ…

ไคลน์พยักหน้าแสร้งเข้าใจ

“อา…”

หนึ่งในนั้นอาจเป็นลัทธิเร้นลับที่กำลังตามล่าสุดบันทึก… อีกหนึ่งอาจเป็นนิกายมอสส์ที่หัวหน้าดันน์และลุงนีลล์เล่าให้ฟัง

อันสุดท้าย ไม่แน่ใจว่าจะรวมถึงสมาคมแปรจิตด้วยหรือไม่…

ขณะไคลน์กำลังไตร่ตรองถึงความน่าจะเป็น อัลเจอร์ได้กล่าวข้อมูลส่วนสุดท้ายที่มันทราบออกมา

“ผมไม่ทราบว่าตระกูลอันทีโกนัสถือครองโอสถเส้นทางใดไว้ แต่ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน นิยามที่ผู้คนใช้อธิบายถึงตระกูลอันทีโกนัสจะมีเพียงสองคำเท่านั้น… “คือ‘ประหลาด’และ‘น่าหวาดกลัว’”

ประหลาดและน่าหวาดกลัว…

เมื่อหวนนึกถึงสมุดบันทึกเล่มดังกล่าว หวนนึกถึงชะตากรรมที่ไคลน์และเพื่อนร่วมชั้นต้องเผชิญ ความตายของมารดารีเอล·บีเบอร์ นิยามที่ว่าค่อนข้างตรงเลยทีเดียว

ไคลน์เริ่มเคาะโต๊ะเพื่อส่งสัญญาณ เมื่อเห็นแฮงแมนและจัสติสยังคงเงียบงัน มันเป็นฝ่ายเปิดปากพูด

“ยอดเยี่ยมมาก เป็นการชดเชยที่เราพึงพอใจทีเดียว”

สาเหตุที่ไคลน์ใช้นิ้วเคาะโต๊ะส่งสัญญาณก่อนเริ่มทำบางสิ่งทุกครั้ง เพื่อให้แฮงแมนและจัสติสเข้าใจว่าตนมีนิสัยชอบเคาะนิ้ว

จะได้กลบเกลื่อนการเปิดปิดภาวะเนตรวิญญาณที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”

อัลเจอร์มิได้กล่าวสิ่งใดต่อ

ออเดรย์มองสลับไปมาระหว่างแฮงแมนกับเดอะฟูล เธออมยิ้มเล็กน้อย

“ขอถามคำถามที่สองต่อเลยนะคะ…”

“โอสถเส้นทางผู้ชมลำดับถัดไปมีชื่อว่าอะไรบ้าง? แล้วฉันจะหาเบาะแสได้จากที่ใด?”

เฮ่อ…

อยากถามตรงไปตรงมาแบบนี้ได้บ้างจัง

ไคลน์ตัดพ้อ มันทำเพียงชำเลืองสายตาไปมองแฮงแมน

อัลเจอร์เงียบงันสักพัก

“ผมจะบอกให้ก็ได้ ในฐานะที่เป็นผู้ชักนำคุณให้มาอยู่บนเส้นทางนี้ โอสถลำดับแปดของเส้นทางผู้ชมมีชื่อว่า ‘นักอ่านใจ’ ส่วนลำดับเจ็ด ชื่อโบราณของมันคือ ‘นักจิตวิเคราะห์’ แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็น‘นักจิตบำบัด’”

“ข้อมูลเหล่านี้มาจากปากสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมแปรจิต ผมคิดว่าพวกมันคงครอบครองโอสถเส้นทางนี้ไว้”

สมาคมแปรจิต…

ผู้สื่อวิญญาณดาลี่ย์เคยใช้วิธีสอบสวนของสมาคมแปรจิตกับเรา แต่หัวหน้าดันน์กลับบอกว่าพวกมันคือสมาคมเสียสติและชั่วร้าย…

ไคลน์นั่งเก็บข้อมูลอย่างตั้งใจ

“คุณทราบที่อยู่ปัจจุบันของสมาชิกสมาคมแปรจิตไหมคนดังกล่าวไหมคะ?”

ออเดรย์ถามด้วยสีหน้าคาดหวัง

ไม่ว่าจะนักอ่านใจหรือนักจิตบำบัด ชื่อของพวกมันช่างน่าหลงใหลสำหรับเธอ

อัลเจอร์หัวเราะเสียงค่อย มันไม่ได้แสดงท่าทีเช่นนี้บ่อยนัก

“ต้องทราบอยู่แล้วครับ… หมอนั่นกำลังนอนจมก้นทะเลแถวๆ มหาสมุทรโซเนียร์ ผมเป็นคนจมเรือของมันกับมือ”

“หากคุณต้องการทราบเบาะแสเพิ่มเติมของสมาคมแปรจิตที่เหลือ คงต้องขอแสดงความเสียใจล่วงหน้า ผมได้ทำลายเบาะแสเดียวที่มีทิ้งไปแล้ว”

มันไม่กังวลว่าตัวจริงจะถูกเปิดเผย สาเหตุเพราะอัลเจอร์ทำการจมเรือลำดังกล่าวในที่ลับตาคน ไม่มีใครทราบแน่นอนว่าเป็นฝีมือกัปตันเรือคนใด

“จมไปแล้ว…”

ออเดรย์กระอักกระอ่วน เธอสานต่อบทสนทนาไม่ถูก

เด็กสาวผมทองสูดลมหายใจหนึ่งฟอดใหญ่โดยไม่รู้ตัวว่าหลุดจากภาวะผู้ชมอีกครั้ง

“คำถามที่สาม… อ…เอ่อ สมมตินะคะ จะเกิดอะไรขึ้นหากสัตว์ธรรมดาดื่มโอสถลำดับเก้าเข้าไป?”

นี่มัน… คำถามบ้าบออะไรกัน?

ไคลน์แอบเคาะหว่างคิ้วเข้าสู่ภาวะเนตรวิญญาณ ทันใดนั้น มันมองเห็นความเปลี่ยนแปลงทางออร่าด้านอารมณ์ของจัสติส

กระวนกระวาย ประหม่า และอับอาย

เธอเผลอทำอะไรโง่ๆ ลงไปอย่างนั้นหรือ? ไคลน์ฉงนเล็กน้อย แต่ก็ไม่มองเป็นเรื่องประหลาดนัก เพราะทั้งสองการชุมนุมที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า สมองของมิสจัสติสค่อนข้างกลวง

แฮงแมน·อัลเจอร์ มันผงะไปเช่นกัน ก่อนจะมอบคำตอบในอีกหลายวินาทีถัดมา

“สัตว์ทั่วไปที่มีสติปัญญาต่ำจะไม่สามารถเข้าฌานเหมือนมนุษย์ได้ ด้วยเหตุนี้ พวกมันจะเสียชีวิตทันทีหรือไม่ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่ง ทว่า หากสัตว์ดังกล่าวรอดชีวิตมาได้ มีโอกาสสูงที่มันจะกลายเป็นสัตว์วิเศษตามชนิดโอสถที่ดื่มเข้าไป ถ้าโอสถช่วยเพิ่มสติปัญญา มันอาจกลายเป็นสัตว์ที่ฉลาดจนถึงขั้นพูดได้”

“ขอบคุณค่ะ”

ออเดรย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ดิฉันไม่มีคำถามแล้ว”

อัลเจอร์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง มันชั่งใจว่าจะไต่ถามถึงชุมนุมแสงเหนือและผู้สดับดีไหม แต่ท้ายที่สุดก็เลือกจะเงียบไว้

“ผมก็เช่นกัน”

“แต่เรามีบางสิ่ง”

ไคลน์กล่าวโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ

“ซึ่งต้องการความร่วมมือจากพวกเจ้า”

ชายหนุ่มยังไม่ออกจากภาวะเนตรวิญญาณ มันจึงมองเห็นอารมณ์หวาดผวาเล็กๆ จากแฮงแมน ส่วนมิสจัสติสนั้นเบาปัญญาเกินกว่าจะตกใจกลัว

ไคลน์รีบแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้ทั้งสองสบายใจ

“ไม่ต้องห่วง เป็นการรบกวนเพียงเล็กน้อย และจะส่งผลดีกับพวกเจ้าแน่นอน คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงไปสักเท่าไร”

“เชิญว่ามาได้เลยค่ะ”

ออเดรย์กลับเข้าภาวะผู้ชมอีกครั้ง แต่เธอมิอาจมองทะลุเข้าไปในหมอกหนาที่ล้อมรอบตัวเดอะฟูลได้

“สุดแล้วแต่ท่าน”

อัลเจอร์ขานรับ

ไคลน์อมยิ้มก่อนเริ่มอธิบาย

“ก่อนหน้านี้ เราเคยบอกไปแล้วว่า จะหาทางทำให้พวกเจ้าแจ้งข่าวล่วงหน้าหากไม่ว่างเข้าร่วมชุมนุม”

“ด้วยวิธีที่เราคิดค้นขึ้น หากพวกเจ้าเกิดติดธุระด่วนในวันจันทร์บ่ายสามโมง สามารถแจ้งล่วงหน้าโดยไม่จำเป็นต้องขังตัวเองในห้องอีกต่อไป”

“แบบนั้นเยี่ยมเลย!”

ออเดรย์เริ่มคลายปมคิ้วที่ขมวด

อัลเจอร์ถามสงสัย

“ท่านจะให้เราทำสิ่งใดหรือ?”

“สามารถทำได้เองที่บ้าน ค่อยทดลองทำเวลาว่าง ไม่ต้องมากพิธีการนัก ขอเพียงไม่ถูกใครรบกวนก็พอ…”

“ก่อนอื่น เตรียมเทียนไขและเชิงเทียนไว้ทั้งหมดสี่ชุด หากเป็นเทียนกลิ่นไม้จันทน์จะดีมาก เริ่มด้วยการใส่เทียนลงบนเชิงและจุดไฟ จากนั้นก็นำไปวางไว้ที่สี่มุมห้อง ถัดมา วางถาดขนมปังขาวไว้ข้างเทียนมุมซ้ายบน วางถาดบะหมี่เฟเนพ็อตไว้ข้างเทียนมุมขวาบน วาดถาดปาเอย่าไว้ข้างเทียนมุมซ้ายล่าง และวางถาดพายเดซี่ไว้ข้างเทียนมุมขวาล่าง… หลังนั้นก็ลงมือสร้างกำแพงวิญญาณด้วยมีดเงิน”

ไคลน์อธิบายวิธีสร้างกำแพงวิญญาณให้มิสจัสติสฟัง แต่ขั้นตอนถูกปรับแต่งเล็กน้อยโดยตัวมันเอง

อันที่จริง วิธีการข้างต้นไม่จำเป็นเลยสักนิด เพราะในทางศาสตร์พิธีกรรมเวทมนตร์ ขั้นตอนดังกล่าวมีไว้เพื่อ‘ดึงความสนใจ’จากตัวตนลึกลับหรือเทพทั้งเจ็ด เช่นการใช้เทียนกลิ่นที่เทพธิดาชอบ เพื่อหยิบยืมพลังจากเทพธิดา

ทว่า พิธีกรรมในคราวนี้ชี้ตรงมายังตน เครื่องเซ่นสังเวยจึงไม่จำเป็นเลยสักนิด แต่มันพยายามทำให้อลังการและซับซ้อนเข้าไว้ ตัวมันในสายตาจัสติสและแฮงแมนจะได้ดูยิ่งใหญ่

แถมหลักปฏิบัติดังกล่าวยังขัดต่อความเชื่อเรื่องตัวเลขนำโชคที่ลุงนีลล์สอน หลักที่ว่า เทียนสองเล่มหมายถึงองค์เทพ

“…ผสมบุปผาจันทรา มินท์ทอง บุปผาหลับใหล ตะไคร้หอม และกุหลาบหิน เข้าด้วยกัน จากนั้นก็กลั่นออกมาเป็นสารสกัดของเหลว เมื่อเสร็จขั้นตอน ให้ลงมือหยดสารสกัดลงบนเทียนไขในแต่ละมุมของห้อง…”

หลังจากออเดรย์จดจำขั้นตอนทั้งหมดที่มิสเตอร์ฟูลอธิบายทั้งหมด เธอรีบเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าใคร่รู้

“แล้วคาถาล่ะคะ? พวกเราต้องท่องคาถาแบบใด?”

อัลเจอร์ที่กำลังจดบันทึกด้วยปากกาหมึกซึมมีอันต้องหยุดเขียน มันเงยหน้าชำเลืองมองเดอะฟูลอย่างสนใจ

ไคลน์ที่ร่างกายโอบล้อมด้วยหมอกสีเทาหนาทึบ มันเคาะโต๊ะเบาๆ ก่อนจะกล่าวเป็นภาษาเฮอร์มิสด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันย์เหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ…”

........................


next chapter
Load failed, please RETRY

Gifts

Gift -- Gift received

    Weekly Power Status

    Rank -- Power Ranking
    Stone -- Power stone

    Batch unlock chapters

    Table of Contents

    Display Options

    Background

    Font

    Size

    Chapter comments

    Write a review Reading Status: C60
    Fail to post. Please try again
    • Writing Quality
    • Stability of Updates
    • Story Development
    • Character Design
    • World Background

    The total score 0.0

    Review posted successfully! Read more reviews
    Vote with Power Stone
    Rank NO.-- Power Ranking
    Stone -- Power Stone
    Report inappropriate content
    error Tip

    Report abuse

    Paragraph comments

    Login