Download App
68.96% ทะลุมิติทั้งทีต้องเป็นพระเอก? / Chapter 20: บทที่ 19 อดีต 4

Chapter 20: บทที่ 19 อดีต 4

บทที่ 19

อดีต 4

หลังจากที่เขาและเสี่ยวหู่ร่ายเวทย์กางอาณาเขตใหม่เพื่อไม่ให้ใครตามรอยเวทย์ท่านพ่อมาที่เขตวิมานดาวได้ และใช้เวทย์เคลื่อนย้ายใส่ของที่ท่านพ่อใช้พลังเวทย์สร้างขึ้นมาที่เหลือ ส่งไปยังทั่วทั้งป่าอาถรรพ์เพื่อให้พวกนั้นตามรอยเวทย์ท่านพ่อไปเรื่อยๆและค้นหาพวกเขาไม่เจอ จนตอนนี้ก็ผ่านมาสามปีแล้ว เขาที่ตอนนี้เพิ่งบำเพ็ญบำลุเป็นปรมาจารย์เวทย์ โดยฝึกจากตำราเวยท์ต่างๆของท่านพ่อและตอนนี้กำลังจะเลื่อนขั้นจากจินตานตอนปลายไปเป็นเทพเซียนด้านยุทธ์แล้ว โดยมีเสี่ยวหู่ที่บำเพ็ญบำลุเป็นสัตว์เวทย์ในตำนานมีระดับเทียบเท่าเทพเซียนเป็นผู้ช่วยฝึกฝนให้ โดยเสี่ยวหู่ก็ฝึกฝนจากความทรงจำที่แม่เสี่ยวหู่มอบให้เช่นกัน ทำให้ตอนนี้เสี่ยวหู่มีร่างกายเป็นเทพเซียนโดยไม่ใช่กายทิพย์แบบที่ผ่านมาแล้ว แล้วตอนนี้เขาและเสี่ยวหู่กำลังจะออกไปถ้ำมรกตเพื่อลงแช่น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์เพื่อรวบรวมพลังปราณยุทธ์เข้าสู่ร่างกายให้ไปหล่อเลี้ยงแก่นรากวิญญาณในร่างกายให้สมบูรณ์เพื่อที่จะได้พลังจากแก่นรากวิญญาณเลื่อนขั้นเป็นเทพเซียนเร็วขึ้น ตามจริงถ้ำมรกตนี่ไม่มีใครเคยพบมาก่อนจนเมื่อปีที่แล้ว ที่เสี่ยวหู่ออกมาล่าสัตว์เพื่อทำอาหารที่เดี่ยวนี้นานๆทีจะทำเองสักที อาศัยแต่ร่ายเวทย์อาหารขึ้นมาตั้งแต่ที่ท่านพ่อจากไป เสี่ยวหู่ได้ตามหมูป่าตัวนึงมาที่ถ้ำนี่จนเจอบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หมูป่าตัวนี้กำลังดื่มกินและทำให้แผลจากคมเขี้ยวเสี่ยวหู่ตอนร่างพยัคฆ์ทมิฬหายไปอย่างรวดเร็วนั้นทำให้เสี่ยวหู่รู้ทันทีว่าบ่อน้ำนี่มีพลังปราณที่แข็งแกร่งมากจนบาดแผลจากอะไรก็สามารถรักษาได้หมด และยังทำให้สัตว์ที่ดื่มน้ำเข้าไปมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย เพราะเสี่ยวหู่ที่ตอนนั้นเป็นสัตว์เวทย์ระดับเก้าแล้ว เมื่อพยายามจะฆ่าหมูป่าตัวนี้หลังจากกินน้ำเสร็จยังเกือบฆ่าไม่ได้เพราะมันหนังหนาขึ้นจนคมเขี้ยวเสี่ยวหู่กัดไม่เข้าและมันยังสะบัดเสี่ยวหู่ตกลงไปในสระอีก ทำให้เสี่ยวหู่ได้รับพลังปราณที่เข้มข้นเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วทั้งจากการแช่และเผลอดื่มกินไปอึกใหญ่ จนทำให้เสี่ยวหู่ต้องทนรับอสนีบาตที่ผ่าลงมาให้เสี่ยวหู่เลื่อนขั้นเป็นสัตว์เวทย์ระดับตำนานและมีกายเทพจนทุกวันนี้ เมื่ออสนีบาตผ่าครบสามครั้งเสี่ยวหู่จึงมีพลังมากจนเพื่อแค่คำรามก็สามารถสังหารหมูป่าตัวนั้นได้แล้ว เมื่อกลับมาเสี่ยวหู่จึงเล่าให้เขาฟัง เขาที่เคยอ่านตำราสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตำนานจึงให้เสี่ยวหู่พาไปดูก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ในตำราว่ากันไว้ว่าจะมีแต่เทพเซียนเท่านั้นที่จะแช่มันได้เพราะมันมีพลังมาก เหมาะแก่การให้เทพเซียนมาบำเพ็ญเพิ่มพลัง แต่เดิมมันมีแค่บนสวรรค์ชั้นสามให้เหล่าทวยเทพชั้นผู้น้อยจนถึงชั้นกลางแช่เท่านั้น ไม่น่าจะมาเจอได้กลางป่าอาถรรพ์แบบนี้ แต่ป่าอาถรรพ์นี่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้อยู่ดี ว่าจะมีอะไรบ้าง นั้นจึงทำให้เขากับเสี่ยวหู่มาแช่ตัวที่นี่เพื่อรวบรวมพลังปราณบ่อยๆจนเขาก็เลื่อนขั้นพลังยุทธ์เร็วขึ้น และพลังเวทย์ยังแข็งแกร่งขึ้นจนผ่านวงแหวนเซียนเป็นปรมาจารย์เวทย์อย่างทุกวันนี้ และตอนนี้เขาก็จะไปแช่ตัวเพื่อเลื่อนเป็นเทพเซียนซะที

"หลันเอ๋อร์ นี่ไก่ฟ้าที่ข้าไปล่ามาได้ เจ้าจะทำอะไรทานดีล่ะ"เสี่ยวหู่ที่ตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทั้งท่าทางที่สุขุม ใจเย็นและรอบคอบมากขึ้น แล้วยังร่างกายที่สูงใหญ่ขึ้น กับรูปร่างที่หนาไปด้วยกล้ามเนื้อ แม้ใบหน้าจะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเข้มขึ้นหน่อย จะมองว่าสวยก็สวยจะมองว่าหล่อก็หล่อที่ไม่เข้ากับรูปร่างนี่เลยก็ตาม ดวงตาแดงกล่ำที่เรียวคมขึ้น กับชุดสีแดงสดราวกับเลือดที่เจ้าตัวชอบนักหนาอีก มองภายนอกเสี่ยวหู่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะ แต่ที่เหมือนเดิมเลยคือคำพูดคำจาที่เสี่ยวหู่ยังคงปากหวานกับเขา แถมยังดูปากหวานมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกด้วย ส่วนเขายังเหมือนเดิมแม้กระทั่งส่วนสูงที่ไม่สูงขึ้นเลยจากตอนอายุสิบห้า ร่างกายที่ผอมบางก็เหมือนเดิม ผิวก็ขาวยิ่งกว่าเดิมจนตอนกลางคืนเวลาดูดาวนี่เรืองแสงแข็งกับดวงจันทร์ได้เลยด้วยซ้ำ คงมีแค่อุปนิสัยที่จากแต่ก่อนเวลาว่างเขาจะชอบทำอาหาร แต่เดี่ยวนี้เขาจะชอบเล่นผีผาจันทราเหมันต์ที่เขาเจอตอนไปแช่ตัวที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกแล้วพยายามร่ายเวทย์เรียกหาอาวุธประจำตัว ก็มีผีผาตัวนี้ที่ปรากฏบนมือเขา มันมีสีขาวผ่องราวกับส่องแสงได้ทั้งตัว พอดีดจึงรู้ว่าทุกครั้งที่เขาดีดผีผาตัวนี้จะปล่อยพลังปราณโจมตีสิ่งที่อยู่รอบตัวไปตลอดสามจั้งเลยก็ว่าได้ และผีผาตัวนี้ยังชอบแสงจันทร์อีกด้วย เวลาที่เขานั่งชมดาวชมจันทร์ผีผาตัวนี้จะอยากออกมาจากมิติจิตเพื่อให้เขาบรรเลงท่วงทำนองท่ามกลางแสงจันทร์เสมอ เขาจึงตั้งชื่อให้ว่าผีผาจันทราเหมันต์ตามลักษณะของมัน

"วันนี้เดี่ยวพี่จะตุ๋นไก่และนึ่งปลากุ้ยให้กิน หู่เอ๋อร์อยากกินอะไรเพิ่มมั้ยละ"เขาถามเสี่ยวหู่เพิ่มเพราะไม่รู้จะทำอะไรขึ้นโต๊ะอีกดี

"อือ งั้นทำหมูผัดพริกเพิ่มดีมั้ยหลันเอ๋อร์"เสี่ยวหู่เสนอเมนูที่ทำไม่ยากนักมาให้เขา

"ได้สิ เดี่ยวพี่ทำให้ เจ้าออกไปรอข้างนอกเถอะ พี่ทำแปปเดียวก็เสร็จ เจ้าไปจัดโต๊ะรอแล้วกัน"เขาบอกเสี่ยวหู่ก่อนจะดันตัวน้องออกไปจากครัวแล้วตัวเองก็ลงมือทำอะไร ด้วยความที่ไม่ระวังทำให้ตอนหั่นเนื้อไก่มีดได้บาดนิ้วชี้เขาไปไม่ลึกมาก แต่เลือดก็ไหลออกมาเรื่อยๆ เขาที่ขี้เกียจทำแผลจึงทำแค่เอาน้ำล้างแผลและกดแผลให้เลือดหยุดไหลเท่านั้น โดยไม่คิดจะใส่ยาสมานแผลแต่อย่างไร แล้วก็ทำอาหารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนทำเสร็จก็ยกออกมาและกินอาหารกินเหมือนทุกวันเพื่อจะได้ออกเดินทางไปถ้ำมรกตสักที

เขากับเสี่ยวหู่วันนี้ไม่ร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายไปที่หน้าปากถ้ำมรกตเหมือนทุกที อาศัยเวทย์เหยียบเมฆาเดินไปเรื่อยๆเพื่อสำรวจหาสมุนไพรตามทางไปด้วย ตั้งแต่ที่เสี่ยวหู่มีกายเซียนก็ทำให้ใช้เวทย์ได้หลายบทมากขึ้นจนเทียบได้กับจอมเวทย์เลยก็ว่าได้ จากแต่ก่อนที่กว่าจะใช้ได้แต่ละบทเสี่ยวหู่ต้องเสียพลังปราณไปเยอะกว่าจะใช้ได้ แต่เดี่ยวนี้สามารถใช้ได้สบายๆนั้นทำให้เขาดีใจมากที่จะมีคนไปทดสอบเวทย์ด้วยกันได้ ไม่ใช้ฝึกอยู่แต่ในเขตวิมานดาว ได้ออกมาฝึกข้างนอกบ้างก็ทำให้มีประสบการณ์เพิ่มขึ้นกว่าในเขตละน่า และตอนนี้ก็เดินมาครึ่งทางจุดทางแยกเขตป่านิรันดร์กาลและเขตป่าดอนสวรรค์ที่เป็นที่อยู่ของถ้ำมรกตแล้ว แต่อยู่ๆเสี่ยวหู่ก็หยุดเดินแล้วพยายามสูดกลิ่นบางอย่างพร้อมทั้งขมวดคิ้วทำทางคิดหนัก เขาจึงหยุดตามและพยายามสูดกลิ่นตามเสี่ยวหู่ แต่เขาก็ไม่ได้กลิ่นอะไร

"ได้กลิ่นอะไรรึเสี่ยวหู่" เขาจึงถามไป

"ได้กลิ่นเลือดจางๆลอยมาจากข้างหน้าที่เราจะไป ห่างออกไปประมาณห้าลี้ (2.5กิโลเมตร)"เสี่ยวหู่หันมาบอกเขาตามที่เจ้าตัวได้กลิ่น

"มีคนบาดเจ็บงั้นเหรอ หรือข้างหน้ามีการต่อสู้เกิดขึ้นกัน"เขาพูดอย่างคาดเดา

"ไม่น่าใช่ เพราะกลิ่นเลือดมีไม่มาก เหมือนมีคนเดียวมากกว่า เพราะข้าไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้ และสัมผัสพลังที่ต่อสู้กันไม่ได้ น่าจะมีแค่คนบาดเจ็บมากกว่า"เสี่ยวหู่บอกเขาถึงความเป็นไปได้ที่เจ้าตัวคาดเดาไว้

"งั้นเราไปดูหน่อยมั้ย ยังไงก็ทางผ่าน หากพอจะช่วยอะไรได้ก็ช่วย ถือซะว่าทำบุญ"

"ได้สิ ข้าตามใจเจ้า"เสี่ยวหู่หันมาบอกเขา ก่อนจะยื่มมือมากุมมือเขาก่อนจะเดินทางต่อไปยังทิศที่มีคนบาดเจ็บอยู่ เมื่อเดินมาเรื่อยๆเขาก็เริ่มได้กลิ่นคาวเลือดลอยมาตามลม จึงเดินมาเรื่อยๆตามกลิ่นคาวเลือดจนมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่างใหญ่ในชุดดำขาดรุ่งริ่งเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดทั่วทั้งร่าง เห็นแบบนั้นเขาเลยปล่อยมือเสี่ยวหู่แล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ลมหายใจที่รวยรินและใบหน้าคมที่กัดฟันแน่นเหมือนข่มความเจ็บปวดทั้งที่ไม่ได้สตินั้น ทำให้เขาอดยื่นมือเขาไปจับชีพจรที่ข้อมือไม่ได้

"โอ๊ยย…"เขาร้องออกมาเสียงหลง เมื่อมีความรู้สึกจี๊ดจากปลายนิ้ว ทำให้นึกออกว่าตนมีแผลที่ปลายนิ้วชี้ ตอนออกแรงกดนิ้วลงไปเลือดที่หยุดไหลไปแล้ว จึงซึมออกมาจากปลายนิ้วแล้วเปื้อนข้อมือตรงจุดชีพจรที่เขากดลงไปเมื่อกี้

"เป็นอะไรหลันเอ๋อร์ นี่เจ้าบาดเจ็บนี่"เสี่ยวหู่ที่ยืนมองอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเขาร้องออกมาจึงย่อตัวลงข้างๆแล้วดึงมือเขาที่มีแผลไปดูด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้น

"พี่แค่มีดบาดตอนทำอาหารนะ ไม่มีอะไรหรอก"

"แล้วทำไมไม่ทำแผล ปล่อยไว้อย่างนี้ได้ยังไง"เสี่ยวหู่พูดเสียงดุ แล้วหยิบยาสมานแผลมาโรยใส่แผลที่นิ้วเขา

"พี่แค่เห็นว่าแผลไม่ได้ใหญ่มากนะเลยไม่ได้ใส่ใจ ถ้ามันทำให้เสี่ยวหู่เป็นห่วง ครั้งหน้าพี่สัญญาจะทำแผลทุกครั้ง แม้แต่แผลเล็กๆพอใจมั้ยพ่อน้องชาย"

"ได้เช่นนั้นจะดีมาก จำคำเจ้าไว้ด้วยละหลันเอ๋อร์"เสี่ยวหู่ตอบเขากลับด้วยสีหน้าจริงจัง

"จ้าาา…"เขาจึงตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ ทีแรกเขาพูดเพื่อประชดเสี่ยวหู่เฉยๆ แต่เสี่ยวหู่ดันถือเป็นจริงเป็นจังไปซะได้

"อ๊ากกกกก...."เสียงที่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดตรงหน้าทำให้เขาตกใจหันหน้ากลับมาทางเดิมและก็เห็นร่างตรงหน้าชักกระตุกออกมาพร้อมทั้งดิ้นเจ็บปวดอย่างทุรนทุราย เสี่ยวหู่จึงฉุดร่างเขาออกมาให้ห่างรัศมีที่ร่างใหญ่กำลังดิ้นไปมาอยู่ พร้อมทั้งไอดำประหลาดก็ลอยออกมาจากร่างที่กำลังทุรนทุรายอยู่เป็นเวลานานพอควร จากนั้นไอดำก็ลอยหายไปแล้วร่างใหญ่ก็หยุดชักกระตุก เขาและเสี่ยวหู่จึงเดินเข้าไปดูช้าๆก็เห็นร่างใหญ่คลายสีหน้าเจ็บปวดลง แต่ก็ยังไม่สติ

"พี่ว่าเราพาเขาไปรักษาที่ถ้ำมรกตด้วยดีกว่า ปล่อยไว้แถวนี้เดี่ยวเป็นอาหารสัตวืเปล่าๆ"เขาเสนอเสี่ยวหู่ถึงความเป็นไปได้ที่จะช่วยร่างตรงหน้านี้

"แต่เราไม่รู้จักเขา จะเป็นคนดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ และเผื่อมันนำเรื่องยุ่งยากตามมาให้เราภายหลังจะเป็นปัญหาได้นะหลันเอ๋อร์"เสี่ยวหู่เตือนเขาถึงสิ่งที่จะตามมา

"แต่ถ้าปล่อยไว้ เขาอาาจะตายได้นะ"เขาบอกตามความจริงที่เห็นตรงหน้า

"เราร่ายเวทย์รักษาและทำแผลให้ก็พอแล้วมั้ง หลังจากนั้นจะเป็นจะตายก็เป็นตัวเขาเองแล้วละ"

"แต่บาดแผลเขาสาหัสมากนะเสี่ยวหู่ พี่ว่าแค่นั้นก็อาจจะช่วยได้ไม่มากนัก แผลภายนอกอาจจะหาย แต่ภายในทั้งแก่นพลังและเส้นพลังปราณที่เสียหายก็ไม่สามารถรักษาได้อยู่ดี"

"แต่เขาอาจนำความเดือดร้อนมาสู่เรานะ เราไม่รู้ว่าทำไมเขาบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้นะหลันเอ๋อร์"เสี่ยวหู่ยังพยายามเตือนเขา

"แต่ข้าอยากช่วยเขานะเสี่ยวหู่ ข้าอยากช่วยเพราะข้ามีโอกาสที่จะช่วย ไม่ใช่ช่วยทุกคนจนตัวเองเดือดร้อนหรอกน่า ข้าแค่เห็นว่าเขาบาดเจ็บหนักและไม่น่าจะมีคนที่สามารถช่วยเขาได้นอกจากพวกเรานะเพราะนี่มันในป่าลึกแถมยังเป็นป่าอาถรรพ์อีกด้วย"

"นั้นแหละที่เราต้องยิ่งระวัง มันเข้ามาทำอะไรที่ป่าลึกขนาดนี้"เสี่ยวหู่พูดเสียงเข้มขึ้นตามอารามณ์ที่เริ่มจะสูงขึ้นตาม เมื่อเห็นเขาเหมือนไม่ระวังตัวเองจนอาจจะนำภัยมาสู่ตน

"เราก็แค่นำเขาไปแช่น้ำศักดิ์สิทธ์พอแผลเริ่มดีขึ้น เราก็ส่งเขากลับมาที่เดิมตรงนี้เป็นไง ถือว่าเราช่วยเขาแล้ว จากนั้นเขาจะอยู่รอดในป่าอาถรรพ์นี้มั้ยก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเรา เป็นยังไง"เขาต่อรองกับเสี่ยวหู่แบบเจอกันคนละครึ่งทาง ระวังตัวเองด้วย ช่วยร่างสูงได้ด้วย

"....เช่นนั้นก็ได้"เสี่ยวหู่เงียบครุ่นคิดสักพักก็ตอบตกลง

"หู่เอ๋อร์ใจดีที่สุดเลย"เขายิ้มพร้อมพูดชมประจบทันที เมื่อเสี่ยวหู่ตกลง

"แต่หากเขาเป็นคนไม่ดีที่จะนำภัยมาหาเรา ข้าจะฆ่าเขาทันที โดยไม่มีข้อแม้อะไรทั้งสิ้น ตกลงตามนี้ละหลันเอ๋อร์"

"ได้เลย ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรงด้วย"เขารับปากเงื่อนไขเสี่ยวหู่ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ร่างใหญ่แล้วเดินไปจับข้อมือเขาไว้แล้วใช้ยันต์เคลื่อนย้ายไปยังปากถ้ำพร้อมเสี่ยวหู่ทันที เมื่อมาถึงปากถ้ำเสี่ยวหู่จึงเดินมากึ่งแบกกึ่งลากร่างใหญ่ที่ตัวโตสูสีกับเสี่ยวหู่เข้าไปในถ้ำทันที โดยปล่อยเขายืนมองตามทั้งสองร่างเดินตุบปัดตุบเปเข้าไป เขาจะเข้าไปประคองอีกด้านเสี่ยวหู่ก็ไม่ยอม จึงทำเพียงเดินตามหลังทั้งคู่เข้าไป

ตุ๊มมม!!!! เมื่อมาถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เสี่ยวหู่ก็โยนร่างใหญ่ที่ไม่มีสติลงไปในน้ำทันที

"เห้ยยย!!! ทำบ้าอะไรนะเสี่ยวหู่"เขาที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจแล้ววิ่งผ่านเสี่ยวหู่โดดลงไปในน้ำทันที จากนั้นเขาก็คว้าร่างใหญ่ที่เหมือนจะได้สติกลับมา ก่อนจะกอดไหล่กว้างไว้กลัวเขาจะจมลงก้นบ่อ ร่างใหญ่ที่เหมือนจะได้สติกลับมาจึงหันหน้าคมกลับมามองคนที่กอดไหล่ตนไว้ด้านหลังทันทีตามสัญชาตญาณ ทำให้จมูกเขาเฉียดแก้มร่างใหญ่ไปโดยไม่ระวัง แล้วสายตาสีอ่อนสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำรัตติกาลนั้นทันที

ตึกตักๆๆๆเสียงหัวใจเขาเต้นระรัวในอกจนกลัวว่าร่างที่เขากอดไหล่อยู่จะได้ยินด้วยซ้ำ อยู่ๆก็มีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นกับเขาอาจเพราะเหตุการณ์ที่เกิดกะทันหันทั้งหอมแก้มและใกล้ชิดกับคนที่ไม่ใช่ครอบครัวครั้งแรกทำให้เขาตั้งตัวไม่ถูกละมั้ง พอเขาได้สติจึงค่อยๆพยุงตัวร่างใหญ่ให้นั่งพิงหินขอบบ่อที่น้ำในบ่อไม่ได้ลึกมาก เมื่อมองร่างใหญ่ดีๆก็พบว่าแผลภายนอกสมานหมอแล้วแถมคาบเลือดที่เต็มตัวก็ได้รับการชำระออกจนเห็นหน้าตาร่างใหญ่ชัดเจนใบหน้าที่คมกริบ สันกรามชัด ริมฝีปากได้รูปสีเข้ม คิ้วกระบี่เฉียงเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาเรียวคมสีดำสนิทราวรัตติกาล ผิวขาวนวลตัดกับชุดดำปักดิ้นทองลายมังกรที่ขาดรุ่งริ่ง ทำให้เขามองเห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยนั้น โดยไม่มีอะไรปิดบังสายตา

"ลงไปทำไมนะหลันเอ๋อร์ เขาได้สติแล้ว รีบขึ้นมาแล้วส่งเขาออกไปกันเถอะ"เขาที่กำลังสำรวจร่างใหญ่เงียบๆที่ตอนนี้ทำเพียงหลับตาดูดซับพลังปราณเข้าสู่ร่างกายนั้นก็หลุดออกจากภวังค์ เมื่อได้ยินเสียงเสี่ยวหู่ที่ยืนอยู่บนฝั่งเรียกเขาเสียงเข้มและดังพอให้เสียงก้องไปทั้งถ้ำ

"พี่ต้องถามเจ้ามากกว่าเสี่ยวหู่ ทำอะไรของเจ้ากัน ใครให้เจ้าโยนคนหมดสติลงน้ำอย่างนี้ ห๊ะ!! เกิดเขาสำลักน้ำตายขึ้นมา ทำไง"เขาจึงหันไปดุเสี่ยวหู่ถึงการกระทำเมื่อกี้ทันที

"ข้าแค่จะช่วยเขาให้ได้สติต่างหาก เจ้าก็เห็นว่าเขาคืนสติกลับมาได้เพราะข้าโยนเขาลงไปในน้ำ เจ้ายังมาดุข้าอย่างนี้อีก ทำคุณบูชาโทษชัดๆ"

"เจ้าว่าสิ่งที่เจ้าทำนั้นถูกแล้วงั้นรึเสี่ยวหู่ ท่านพ่อสอนเรามาเช่นนั้นใช่หรือไม่"เสี่ยวหู่เถียงเขากลับแล้วยังพูดราวกับสิ่งที่ทำไปเมื่อกี้คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว นั้นทำให้เขาเริ่มจะโมโหขึ้นมาบ้าง จึงถามเสี่ยวหู่ไปแบบนั้น เพื่อให้เสี่ยวหู่คิดถึงคำสอนท่านพ่อว่าท่านไม่เคยสอนให้เราเป็นคนเช่นนี้ คือช่วยคนผ่านๆราวกับไม่เต็มใจจะช่วยอย่างนี้ ท่านพ่อมีแต่สอนให้เราช่วยคนให้ดีที่สุด ตามความสามารถที่เรามี ไม่ใช่ช่วยก็เหมือนไม่ช่วยเช่นนี้

"มันไม่ใช่เช่นนั้นหลันเอ๋อร์"เสี่ยวหู่จึงพูดเสียงอ่อนลงราวกับกลัวจะทำให้เขาโกรธไปมากกว่านี้

"แล้วมันเช่นไรเล่าเสี่ยวหู่"

"ข้าขออภัย ที่ทำอะไรไปโดยไม่คิด เจ้าอย่างโกรธข้าเลยนะหลันเอ๋อร์ ข้าทำอะไรไม่คิดเอง"เสี่ยวหู่จึงพูดขอโทษเขาออกมา และยอมรับผิดในการกระทำตัวเอง

คลื้นนนนนน เปรี้ยงงงงง!!!! อี้หลันที่กำลังจะตอบรับคำขออภัยของเสี่ยวหู่อยู่ๆก็มีความรู้สึกเจ็บชาแล่นไปทั่วทั้งร่าง เมื่ออยู่ๆอสนีก็ผ่าลงมายังปากปล่องเหนือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไป น่าจะเป็นเป็นอสนีเลื่อนขั้นขึ้นเป็นเทพเซียนพอครั้งแรกผ่ามาไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางความตะลึงของบุคคลทั้งสามในถ้ำครั้งที่สองและสามก็ผ่าตามลงมาติดๆดีที่เขากางเขตป้องกันไว้ทันจึงไม่เจ็บตัวอะไรเพิ่ม ส่วนความเจ็บในตอนแรกก็หายไปแล้วเพราะตอนนี้ครึ่งตัวเขายังแช่อยู่ในบ่อ จากนั้นพอครบสามครั้งอี้หลันจึงคลายเกาะป้องกันลง แต่ก็มีสายฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง คราวนี้ผ่าไปที่ร่างใหญ่ที่กำลังนั่งมองพวกเขาทั้งคู่อยู่ โดยที่ไม่มีใครคาดคิดอสนีก็ผ่าลงไปที่ร่างใหญ่ต่อเนื่องสามสายทันที โดยที่เขากับเสี่ยวหู่ได้แต่ยืนดูด้วยความตกตะลึง ชายผู้นี้ได้เลื่อนขั้นเป็นเทพเซียนพร้อมกับเขา แต่เขาที่ร่ายเวทย์ป้องกันสายฟ้าผ่ามาตรงๆนั้นไม่เป็นอะไรหรอก แต่ร่างใหญ่ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เลื่อนขั้นเหมือนกันนี่สิ ทำเพียงแค่นั่งทนรับอสนีทั้งสามสาย โดยไม่มีอะไรป้องกันตัวเลย กัดฟันทนรับอสนีทั้งสามสายจนเมื่อการเลื่อนขั้นเสร็จสิ้น ร่างใหญ่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่จนเขาต้องเข้าไปลูบหลังให้ และพอผ่านไปสักพักน้ำในบ่อก็ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาจนหาย ร่างใหญ่จึงหันหน้ามาสบตากับเขาที่นั่งแช่น้ำอยู่ข้างๆดูอาการเขาอย่างใกล้ชิด

"ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยชีวิตข้าไว้"เสียงทุ้มแหบพูดออกมาเป็นคำแรกตั้งแต่ที่ได้สติ

"ไม่เป็นไร ข้ากับน้องเพียงแค่ช่วยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น"เขาที่เห็นแบบนั้นจึงตอบกลับ แล้วหยิบน้ำชาออกมาจากแหวนมิติให้ร่างตรงหน้าดื่มแก้คอแห้ง

"แต่ถ้าไม่ได้พวกเจ้า ข้าคงตายอยู่กลางป่าไปแล้ว ว่าแต่พวกเจ้าชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร ข้าจะได้เรียกถูก"ร่างใหญ่ที่ดื่มชาไป ทำให้เสียงทุ้มที่พูดออกมาไม่แหบแล้ว

"ข้าอี้หลัน ส่วนนั้นเสี่ยวหู่น้องชายข้า"เขาตอบพร้อมพยักหน้าไปทางเสี่ยวหู่ที่ยืนมองมาทางนี้นิ่งๆ

"เป็นชื่อดีทั้งเจ้าและน้องเจ้านะ"

"แล้วท่านละพี่ชาย มีนามว่ากระไร"เมื่อเขาเห็นความเป็นมิตรจึงเรียกร่างใหญ่ที่ท่าทางจะอายุมากกว่าเขากับเสี่ยวหู่ว่าพี่ชายเพราะไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แล้วถามชื่อจะได้เรียกถูก

"ข้ามีนามว่า…ชิงหลง เรียกข้าว่าพี่หลงก็ได้"พี่หลงบอกชื่อพร้อมทั้งให้เขากับน้องเรียกพี่หลงราวกับสนิทชิดเชื้อกันมานาน

"ไม่ละ พวกข้าจะเรียกเจ้าว่าชิงหลงจะได้ไม่ดูสนิทกันมากนัก คนเพิ่งรู้จักกัน"เสี่ยวหู่ที่เงียบประเมินสถานการณ์ตรงหน้ามาสักพัก จึงเอ่ยแทรกร่างใหญ่ที่ดูท่าทางการพูดการจาและสายตาแปลกๆที่ใช้มองหลันเอ๋อร์เหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ส่งผลให้ใจเสี่ยวหู่คันยุบยิบในอกแปลกๆ

"ข้ากับน้องไม่ค่อยได้พบปะคนมากนักนะ จึงไม่ค่อยชินที่อยู่ๆก็มีคนรู้จักเพิ่มขึ้นมา พี่หลงอย่างถือสาเลยนะขอรับ"เขาจึงชี้แจงพฤติกรรมเสี่ยวหู่ให้ฟัง พร้อมทั้งเรียกอีกฝ่ายอย่างที่เจ้าตัวบอก

"ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ"พี่หลงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน และแววตาแปลกๆที่อีกฝ่ายมองเขาอีก

"เอ่อ…พี่หลงมองข้าทำไมรึขอรับ หน้าข้ามีอะไรรึเปล่า"เขาจึงถามไปตรงๆ

"ปะ…เปล่า…พี่แค่จะถามนะว่าที่นี่ที่ไหน"พี่หลงตอบมาอย่างตะกุกตะกัก

"อ่อ ที่นี่ถ้ำมรกตและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ขอรับ"เขาจึงตอบกลับร่างสูง เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองหน้าเขาคงเพราะความสงสัยจึงไม่ได้ติดใจอะไรต่อ

"หลันเอ๋อร์ ข้าว่าส่งเขากลับได้แล้วมั้ง หายก็หายแล้ว แถมยังบำลุเป็นเทพเซียนแล้วอีก ไม่น่าจะมีอะไรมาทำร้ายเขาได้แล้วละ"เสี่ยวหู่ขัดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ขึ้นฝั่งมาสักที แถมยังพูดคุยกันสองคนไม่สนใจตัวเองอีก ราวกับโลกนี้มีเพียงแค่สองคน ถึงจะไม่ได้พูดอะไรกันมากนักก็เถอะ

"เอ่อ…งั้นเราขึ้นฝั่งกันเถอะขอรับ"

"อืม"พี่หลงจึงค่อยๆลุกขึ้นจากบ่อน้ำก่อนเขา เมื่อเขาชวนขึ้นฝั่งพอพี่หลงขึ้นไปแล้ว จึงหันกลับมายื่นมือเพื่อจะช่วยดึงเขาขึ้นฝั่ง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เสี่ยวหู่ก็ยื่นมือมาช่วยพยุงเขาเช่นกัน เขาจึงชะงักมองมือใหญ่ทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ พร้อมทั้งเงยหน้าไปมองร่างใหญ่ทั้งสองที่ตอนนี้กำลังยืนจ้องตาหยั่งเชิงกันอยู่ ซึ่งมองมุมนี้ทำให้รู้ว่าเสี่ยวหู่ตัวเล็กกว่าพี่หลงนิดหน่อยทั้งส่วนสูงและรูปร่างเลยก็ว่าได้ เขาจึงขึ้นฝั่งเองไม่ได้ให้ใครช่วยทั้งสิ้น เมื่อขึ้นฝั่งมาได้เขาจึงร่ายเวทย์ให้ตัวเองและพี่หลงตัวแห้งพร้อมทั้งเปลี่ยนชุดสีดำที่ขาดแล้วของพี่หลงไปเป็นสีครามปักลวดลายเมฆลอยเด่นท่ามกลางดวงจันทร์ ซึ่งเป็นลายคล้ายๆเขาที่เป็นดวงจันทร์ท่ามกลางดวงดาว จะไม่คล้ายได้ยังไงในเมื่อชุดที่เปลี่ยนให้เป็นชุดเขา แต่ตัวใหญ่ขึ้นเท่านั้น และที่ไม่เอาชุดเสี่ยวหู่เปลี่ยนให้เพราะดูท่าทางพี่หลงจะไม่ชอบสีสันฉูดฉาดมากนัก ไม่งั้นคงไม่ใส่ชุดดำ แต่ชุดของเสี่ยวหู่ส่วนใหญ่มีแต่ชุดสีแดงเลือดนกทั้งสิ้น ฉะนั้นให้ใส่ชุดเขานี่แหละ เหมาะสมที่สุดแล้ว

"ทำไมเจ้าต้องให้เขาใส่ชุดเจ้าด้วยหลันเอ๋อร์"เสี่ยวหู่จึงพูดเสียงเข้มขึ้นมา เมื่อเห็นชุดที่พี่หลงใส่

"ก็ชุดเจ้ามันสีฉูดฉาดไป สีนี้พี่หลงน่าจะชื่นชอบมากกว่า เพราะชุดเดิมของพี่หลงก็สีดำ"เขาจึงอธิบายให้เสี่ยวหู่ฟังตามความคิดเขา

"งั้นก็ช่างมัน เรารีบส่งเขากลับไปที่เดิมกันเถอะ เราช่วยเขาจนไม่มีอะไรจะช่วยแล้ว"เสี่ยวหู่พูดออกมาอย่างหงุดหงิดไม่รู้ไปกินรังแตนที่ไหนมา ทำไมอารมณ์ไม่ดีได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้

"ใช่ พวกเจ้าช่วยข้าแล้วขนาดนี้แล้ว ตอนนี้จึงน่าจะเป็นช่วงตอบแทนบุญคุณมากกว่า ข้า..ชิงหลงจะติดตามรับใช้เจ้า เป็นดาบเป็นโล่ให้แก่เจ้า ชดใช้ที่เจ้าให้ชีวิตใหม่แก่ข้า"ประโยคแรกยังพูดกับเสี่ยวหู่ แต่ประโยคหลังนั้นเหมือนหันมาพูดกับเขา ราวกับจะสัญญาว่าชีวิตนี้จะมอบให้เขา

"เอ่อ…มันไม่ใช่อย่างนั้นพี่หลง พวกข้าไม่ต้องการอะไรเลย แค่ช่วยนิดๆหน่อยๆเท่านั้น"

"ใช่ พวกข้าแทบไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าเลยสักนิด ไม่ต้องมามอบชีวิตตามติดหลันเอ๋อร์เลยนะ เจ้าจะไปไหนก็ไปซะ แค่นั้นก็พอ"เสี่ยวหู่จึงพูดไล่ชิงหลงไปตรงๆ แค่มองตาทำไมเสี่ยวหู่จะไม่รู้ว่าร่างสูตรงหน้าคิดอะไรอยู่ ฉะนั้นไล่ไปไกลๆนั้นคือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

"เจ้าว่าอย่างไรน้องหลันเอ๋อร์ ให้พี่ติดตามเจ้าไปได้หรือไม่"ชิงหลงไม่สนใจคำพูดเสี่ยวหู่สักนิด หันไปถามร่างเล็กที่ตอนนี้กำลังมองมาที่เขาพร้อมกับทำท่าขบคิดอย่างหนัก ราวกับกำลังตัดสินใจ

"อย่านะหลันเอ๋อร์"

"นะ…ให้พี่ตอบแทนเจ้า ติดตามเจ้าเถิด น้องหลันเอ๋อร์"


CREATORS' THOUGHTS
mmmintmint mmmintmint

อ่านแล้วชอบไหม เพิ่มในคลังหนังสือเลยสิ!

next chapter
Load failed, please RETRY

Weekly Power Status

Rank -- Power Ranking
Stone -- Power stone

Batch unlock chapters

Table of Contents

Display Options

Background

Font

Size

Chapter comments

Write a review Reading Status: C20
Fail to post. Please try again
  • Writing Quality
  • Stability of Updates
  • Story Development
  • Character Design
  • World Background

The total score 0.0

Review posted successfully! Read more reviews
Vote with Power Stone
Rank NO.-- Power Ranking
Stone -- Power Stone
Report inappropriate content
error Tip

Report abuse

Paragraph comments

Login