下載應用程式
88.88% Why can't teachers love each other? / Chapter 8: ตอนเย็นของวันแรก

章節 8: ตอนเย็นของวันแรก

"เมื่อไหร่ลิลลี่จะมานะ"

"ตินน!!!" ลิลลี่ตะโกนมาแต่ไกล เสียงของเธอนั้นทำให้นักเรียนรอบ ๆ หันมามองเธอ

"อ๊ะ มาแล้ว"

ผมนัดลิลลี่ไว้ที่หน้าห้องพักครู พอตกเย็นประมาณ 5 โมงกว่า ๆ เธอก็มา เธอวิ่งมาหาผมด้วยสภาพเสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอหลุดออกมาจากกระโปรงสีเทาเอวสูงลุคมินิมอล แต่ที่เหนือกว่านั้นคือเธอวิ่งมาหาผมโดยถอดรองเท้าส้นสูงแล้วถือไว้ในมือ

"แฮ่ก ๆ ๆ" เธอหายใจถี่เพราะอาการเหนื่อยของเธอ

"ลิลลี่?!" ต้นตะโกนด้วยความมึนงงและตกใจ

"โทษทีนะติน! พอดีนักเรียนมีคำถามน่ะ"

"ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างไม่ได้นัดเวลาเอาไว้ด้วย"

"ไปกันเลยไหม"

"ใจเย็นนะลิลลี่ พวกเรามีประชุมเรื่องการแข่งขัน 'ผู้เป็นเลิศในแต่ละสาขาวิชา' นะ"

"งั้นหรอ..."

"ใช่แล้ว เพราะงั้นพวกเรามารอคนอื่น ๆ ประชุมแล้วค่อยไปนะ"

"อื้ม!"

หลังจากลิลลี่ตอบต้นไป เธอก็ค่อย ๆ ใส่รองเท้าส้นสูงแล้วเข้าไปในห้องพักครูกับต้นแล้วรอครูคนอื่น ๆ มารวมตัวกันเพื่อที่จะประชุมกันในห้องพักครู

พอถึงเวลาเลิกเรียนนักเรียนก็จะค่อย ๆ ทยอยกลับบ้านกัน กว่าพวกเด็กนักเรียนจะกลับบ้านไปจนหมดก็กินเวลามา 1 ทุ่มแล้ว แต่ก็เป็นปกติของโรงเรียนแห่งนี้เพราะอย่างที่บอกไปว่าโรงเรียนแห่งนี้มีพื้นที่ที่ใหญ่มาก และแน่นอนว่าในพื้นที่ขนาดใหญ่นี้ก็มีพื้นที่มากมายเพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น สนามกีฬาที่กีฬาหนึ่งประเภทมีสนามอย่างน้อย 3 สนามขนาดใหญ่ สวนสาธารณดิจิตอลที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ รวมทั้งเลนจักรยานและลู่วิ่งลอยฟ้าแบบมัลติเลเวลให้คนธรรมดาได้ออกกำลังกายในบรรยากาศปลอดโปร่งเย็นสบายและชมวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ที่โรงเรียนออกแบบมาอย่างดี ทั้งยังมี Working & Library space เป็นสถานที่ทำงานยอดนิยมของนักเรียนในโรงเรียนนี้ ด้านในมีทั้งโต๊ะพร้อมที่ชาร์จ อีกทั้งยังมี Wifi-free อีกด้วย

ระหว่างที่พวกเราประชุมกัน นักเรียนก็กลับบ้านไปจนหมด แสงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปและแล้วแสงสีขาวของพระจันทร์ก็ค่อย ๆ เข้ามาในท้องฟ้าตอนกลางคืนอันมืดมิด

ตอนกลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ควรจะสังสรรค์กันมากที่สุดเพราะเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เลิกงานกันแน่นอนว่าครูอย่างพวกผมเช่นกัน พระจันทร์เริ่มส่องแสงสีขาวสว่างที่สามารถทำให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ในตอนกลางคืนออกมา ณ หอประชุมขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกันกับตึกของนักเรียนทั้งสามระดับชั้นโดยมีถนนขั้นเอาไว้ ตอนนี้หอประชุมของโรงเรียนนี้ที่มีขนาดใหญ่มากพอที่จะจุคนได้ประมาณหนึ่งหมื่นคนกำลังส่องสว่างจากแสงไฟที่พวกผมเปิดเอาไว้

เมื่อพวกเราประชุมเสร็จก็นัดกันไปที่ห้องประชุมหมายเลข 1 ที่อยู่ชั้นสอง ขึ้นไปจากนั้นตรงไปแล้วเลี้ยงขวาจะเจอประตูขนาดใหญ่ เข้าไปข้างในห้องประชุมขนาดใหญ่จะมีเวทีขนาดใหญ่พอที่จะจัดคอนเสิร์ตขนาดเล็กได้ตั้งอยู่ตรงกลาง บนนั้นมีโต๊ะสีขาวที่นำมาเรียงติดกัน 3 ตัวตั้งอยู่ บนโต๊ะมี Decksaver กับ Pad controller หรือเครื่องดนตรีต่าง ๆ ที่ดีเจใช้เล่นเพลงตั้งอยู่ อาจจะมีมากกว่านั้นแต่มุมมองจากข้างล่างเวทีก็เห็นได้แค่สองอย่างนี้เท่านั้น

ตรงกลางข้างหน้าเวทีจะเป็นที่โล่ง ๆ เลยเอาโต๊ะวางอาหารและเก้าอี้ครบจำนวนคนตั้งไว้ ครูทุกคนรวมถึงต้นและลิลลี่เดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้พร้อมกันและแน่นอนว่าผมต้องได้นั่งกับคุณลิลลี่อยู่แล้ว เมื่อครูทุกคนนั่งกันครบทุกที่นั่งทันใดนั้นเสียงกลองดังกระหึ่มก็ดังขึ้นจากนั้นก็มีเสียงผู้ชายตามมา

"โย้ว ๆ ๆ สวัสดีทุกท่านครับกระผม DJ MAX ไม่มีลิมิตชีวิตนอนน้อยครับโผมมมมมมมม"

"เย้~"

"วู้วว~"

'แล้วทำไมต้องเป็นไม่มีลิมิตชีวิตนอนน้อยด้วยฟะ' ต้นได้แต่คิดสงสัยอยู่ภายในใจ

ภายใต้แสงเลเซอร์ที่สาดส่องและแสงสปอตไลท์ที่พร้อมใจกันกระพริบภายในหอประชุมพร้อมกับไอน้ำที่โพยพุ่งออกมาจากเครื่องทำไอน้ำ ทุกครั้งที่เสียงกลองรัวกระหึ่มค่อย ๆ ดังขึ้นมา ทุกคนในงานปาร์ตี้ก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่างานปาร์ตี้ที่พวกเขากำลังรอคอยอยู่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

คนที่อยู่ตรงหน้าของผมก็คือ ดีเจ ของโรงเรียนนี้นั้นเองชื่อ แม็กซ์ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงที่ชอบไว้เคราเท่ ๆและใส่แว่นตาสีดำตลอดเวลา ทั้งเวลาสอน เวลากินข้าว เวลาอาบน้ำ หรือแม้แต่เวลานอน เขาก็ยังใส่แว่นตากันแดดสีดำที่สุดแสนจะเฟี้ยวฟ้าวของเขาตลอด เขาเป็นบุคคลที่เป็นที่รักของคนทั้งโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือครูเพราะว่าเขาเป็นคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ได้ดี ชอบยิ้มตลอดเวลาและมักจะกระตือรือร้นในทุกเรื่องอยู่เสมอ

"ขอต้อนรับสู่งานปาร์ตี้ครับโผมมม ขอให้ทุกท่านสนุกกันให้เต็มที่นะฮะ"

แม็กซ์ได้พูดใส่ไมค์อย่างตื่นเต้นและเปิดเพลงมัน ๆ พร้อมทั้งสาดแสงเลเซอร์ไปมาในความมืดนิดหน่อย จากนั้นพวกผมก็เริ่มกินอาหารบนโต๊ะ อาหารบนโต๊ะก็เป็นอาหารจากร้านพิซซ่าที่รวมเงินกันสั่งมา พวกครูต่างก็กินพิซซ่าและพูดคุยกัน จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินมาคุยกับลิลลี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผม ดูเหมือนว่าครูแต่ละคนทำหน้าเยาะเย้ยผมที่อยู่ข้าง ๆ ว่า "พวกฉันก็มีสิทธิ์คุยเหมือนกันกับนายนั้นแหละ นายไม่ได้พิเศษอะไรสำหรับเธอหรอกนะ" ผมเดาว่าพวกเขาคงคิดในใจกันแบบนี้จากสกิลการอ่านสีหน้าของผมแล้ว มันแน่อยู่แล้วที่จะทำหน้าแบบนั้นกันเพราะตอนเข้าผมก็เก็บเธอไว้คนเดียว ตอนเที่ยงก็มีปัญหานั้นอีก ผมเลยปล่อยเธอไปแล้วเริ่มตีตัวออกห่างมาเพื่อที่จะรักษาทั้งชีวิตและทรัพย์สินไว้

"ไงจ๊ะพ่อคนโดนทิ้ง"

เสียงผู้หญิงดังมาจากข้างซ้ายของผม ผมหันไปถึงได้รู้ว่านั้นคือเสียงของกิ๊กที่มีเอ็มยืนถือน้ำสไปรท์อยู่ เผื่อใครจำไม่ได้กิ๊กกับเอ็มคือเพื่อนร่วมงานของผมนั้นเอง

"ไม่ได้โดนทิ้ง แค่ถอยออกมาก้าวนึงต่างหาก"

"นี่ถามจริง ๆ นะ มึงชอบเธอหรอ?"

"..."

คำถามของเอ็มทำเอาผมนิ่งไปสักพักแล้วคิดไตร่ตรองดูถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อลิลลี่ในตอนนี้น่าจะเป็นความสนใจในตัวเธอเพราะหนึ่งคือทำไมเธอเรียกผมว่า 'ติน' แทนที่จะเรียกชื่อเล่นของผม สองคือเธอพูดเหมือนกับว่าในอดีตผมกับเธอเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน ถ้าเคยเจอกันแน่นอนว่าผมจะต้องจำเธอได้ แต่ว่าผมกลับจำเธอไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกของผมที่มีให้เธอในตอนนี้น่าจะเป็นความสนใจและความสงสัยมากกว่าที่จะเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่านั้น ผมต้องรีบไขข้อสงสัยสองข้อนี้ให้ได้เร็วที่สุด ไม่งั้นอาจจะมีอะไรบางอย่างสายเกินไปก็ได้

"ก็ไม่นะ..."

"งั้นหรอ"

เอ็มตอบกลับผมมาแบบเป็นกังวลนิดหน่อย

"งั้นถ้ามึงมีปัญหาเรื่องความรู้สึกละก็มาปรึกษาพวกกูได้เสมอเลยนะ"

"อืม โอเค"

"ว่าแต่มึงไม่ได้เป้นอะไรกับเธอจริงดิ"

"จริงสิ คิดว่าคนอย่างกูจะมีปัญญาควงสาวสวยระดับดาราฮอลลีวูดแบบนี้ที่ไหน"

"แต่ก็ไม่แน่น้า~" กิ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสงสัยอะไรบางอย่าง

"เรื่องนั้นช่างเถอะ พวกมึงคิดว่าวันนี้กูหล่อไหม"

"อืมมมม..."

"ทำไม่คิดนานจัง"

"กำลังคิดอยู่ว่าจะพูดยังไงให้ไม่เสียใจดีน่ะ"

"งั้นก็ไม่ต้องพู๊ดดด"

ในระหว่างที่ผมคุยกับเพื่อนของผมอยู่นั้นก็มีเสียงผู้หญิงเรียกชื่อผมมาจากด้านหลังอีกแล้ว

"ไงต้น"

"โอ๊ะ หวัดดีครับหัวหน้าระดับ"

"เป็นไง งานเลี้ยงสนุกไหม"

"นี่มันเพิ่งเริ่มมาไม่เกิน 10 นาทีเองนะ ถ้าจะถามผมว่าสนุกไหม..."

"ก็จริงของนาย"

"..."

"..."

หัวหน้าระดับกับผมเงียบกันทั้งคู่เหมือนว่าเธอคิดไม่ออกว่าจะคุยอะไรกันต่อ สถาณการณ์ในตอนนี้คือผมกับหัวหน้าระดับกำลังจ้องตากันแบบตาไม่กระพิบอยู่ ผมรู้ตัวว่าควรจะต้องทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์แบบนี้แล้วเลยหาเรื่องอะไรก็ได้ที่คิดได้ขึ้นมาพูด

"วันนี้เมคอัพก็แต่งมาซะหนาเหมือนเดิมเลยนะครับ"

หลังจากที่ต้นพูดประโยคที่แสนอันตรายเมื่อกี้ออกไปซึ่งเป็นจังหวะที่เพลงจบพอดีทุกคนในห้องนั้นเลยได้ยินสิ่งที่ต้นพูดชัดเจนรวมถึงหัวหน้าระดับ บรรยากาศในงานก็เริ่มตึงเครียดมากขึ้นทำให้ต้นเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองเพิ่งพูดประโยคต้องห้ามของหัวหน้าระดับไป

"ต้น! แกพูดอะไรออกมา!!!"

"แกกำลังทำให้มนุษยชาติล่มสลาย!"

"ไม่น้าาา จบสิ้นแล้ววววว"

บรรยากาศในงานเปลี่ยนไป มีพลังงานบางอย่างที่ทำให้เพลงปิดลง ตามด้วยไฟเลเซอร์บนเวที ไอน้ำสีขาวที่ปล่อยออกมากลายเป็นสีม่วงปกคลุมทั่วห้อง เพลงร็อคที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกเปิดขึ้นมาจากพลังงานบางอย่างเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ทุกคนคงคิดในใจเป็นเสียงเดียวกันว่า "ฉิบหายแล้ว"

"โฮกกกกกกกกกก!!!"

"โอ้ไม่น้า"

หัวหน้าระดับกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่คลานสี่ขาไปเสียแล้ว เธอไต่กำแพงหอประชุมที่มีที่กันเสียงออกติดอยู่ทั่วแล้วค่อย ๆ ไต่ไปรอบ ๆ กำแพง ตอนนี้พวกเราต้องการกำจัดสัตว์ประหลาดตัวนั้นโดยด่วนไม่งั้นซวยกันหมดแน่

"อ๊ากกกกกกกก"

"มีคนโดนหัวหน้าระดับกินไปแล้ววว!"

ตอนนี้งานเลี้ยงที่แสนสนุกสนานกลายเป็นงานโศกนาฏกรรมนองเลือดภายในไม่กี่วินาที นับตั้งแต่ต้นพูดคำพูดต้องห้ามนั้นออกมาจนถึงตอนนี้มีคนเป็นเหยื่อของหัวหน้าระดับจากการที่พุ่งไปงับเหยื่อแล้วเอาขึ้นไปกินไปประมาณสามคนแล้ว ต้นครุ่นคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงดีและแล้วต้นก็คิดอะไรบางอย่างออกมาได้

"เอ็มมานี่ ๆ"

"หืม? มีอะไรหรอ"

พอเอ็มเดินมาถึงหน้าต้น ต้นก็ทำการเอามือข้างซ้ายโอบเอวเอ็มแล้วเอามืออีกข้างนึงดึงให้เข้ามาใกล้หน้ามากที่สุด จากนั้นต้นก็เอามือข้างขวามาจับแก้มของเขาอย่างช้า ๆ แล้วพูดว่า

"คืนนี้นายว่างไหม" ต้นพูดพร้อมกับเสียงหล่อ ๆ

ฉากของผู้ชายทั้งสองเอาใบหน้าใกล้กันแล้วมีเอฟเฟคดอกไม้บนพื้นหลังเหมือนในนิยายชายรักชายนั้นทำให้หัวหน้าระดับเลือดกำเดาพุ่งออกมาด้วยความตื่นเต้นจากนั้นก็สลบไปกับพื้น

"นี่มิสฟ้าใช่คนรึเปล่า..."

"ดูจากเหตุการณ์เมื่อกี้ก็ตอบยากนะ"

เมื่อเหตุการณ์เร่ิมสงบลงแล้วต้นก็ผลักเอ็มจนล้มลงแล้วไปช่วยประคองฟ้าขึ้นมาแล้วพาไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ริมสุดของห้องประชุมเพื่อให้ฟ้าได้พักผ่อน

โอ๊ะ ลืมบอกไปเลย ห้องประชุมที่พวกเรานั่งใช้จัดปาร์ตี้กันอยู่นี้คือห้องประชุมแบบเธียเตอร์ พูดง่าย ๆ คือเป็นห้องประชุมที่ยึดรูปแบบมาจากโรงหนัง หรือโรงละครเวที ที่มีเวทีและจอใหญ่ยักษ์อยู่ข้างหน้าของเราดังนั้นจุดที่ ต้นกับฟ้า อยู่เป็นจุดที่มืดเพราะตอนนี้ในห้องประชุมปิดไฟเลยมีแค่แสงเลเซอร์กับแสงจากหน้าต่างที่อยู่ข้างหลังเก้าอี้ที่พวกเรานั่งอยู่เลยพอมองเห็นนิดหน่อย

ต้นพยุงฟ้าไปนั่งบนเก้าอี้เสร็จก็หันหลังกลับไปดูก็พบว่างานปาร์ตี้ก็ได้ดำเนินต่อไปแล้ว

"โย่ว ๆ ๆ เอาล่ะครับหลังจากที่เจอเหตุการณ์สุดระทึกกันไปแล้วก็มาสนุกกันต่อดีกว่าาาาาาาาา"

"วู้วว~"

"เอ้าขอเสียงคนไม่อยากนอนหน่อยเร็ววว!!"

"เย้!!!!!!"

แสงเลเซอร์ที่สาดส่องไปมาทั่วห้อง ดีเจที่กวักมือเร้าอารมณ์ให้คนดูเต้นแล้วส่งเสียงดังพร้อมกับเพลงมัน ๆ การที่ผมนั่งมองดูพวกเขาสนุกสนานกันอยู่แบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกเหงานิดหน่อยเพราะในความสนุกสนานที่เกิดขึ้นกับพวกเขานั้นไม่ได้มีผมอยู่ในนั้น

"เป็นยังไงบ้างล่ะ"

ฟ้าพูดขึ้นมาข้าง ๆ ผม ผมเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังสื่อเลยไปนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ฟ้าแล้วตอบเธอกลับไป

"อืม...ก็ไม่เลวนะ"

"ใช่มั้ยล่ะ"

ผมกับฟ้านั่งคุยกันพร้อมทั้งยิ้มให้กันอย่างมีความสุขเหมือนคนแก่ที่บอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตตัวเองให้เพื่อนรุ่นเดียวกันฟัง

"แสดงว่านายเลือกเธอแล้วสินะต้น"

"ก็ใช่...ผมหมายถึงเลือกเป็นครูคู่ชั้นของผมนะ"

"ฮ่า ๆ ๆ ชั้นรู้น่า ตอนนี้ก็เหลือแค่เธอจะเลือกนายไหมแค่นั้นสินะ"

"อืม นั้นสินะ..."

ผมกับฟ้าพูดคุยกันพร้อมกับมองดูพวกลิลลี่ที่กำลังสนุกสนานกับงานปาร์ตี้นี้อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ

ผมพูดคุยเรื่องต่าง ๆ กับฟ้าจนเวลาผ่านมาประมาณ 15 นาทีจนคุณลิลลี่เดินขึ้นมาทัก

"สวัสดีค่ะ มานั่งทำอะไรกันอยู่ตรงนี้หรอคะ?"

ลิลลี่เดินเข้ามาทักทายพวกผมแบบเป็นกันเอง

"อ้าว ลิลลี่คุยกับครูคนอื่นเสร็จแล้วหรอ?"

"อื้มใช่ แล้วตินล่ะคุยกับ...เอ่อ...ชื่ออะไรนะคะ"

"แหม่ ๆ น่าน้อยใจจริง ๆ ที่จำชื่อหัวหน้าระดับชั้นของเธอไม่ได้"

"ขอโทษทีนะคะ"

"ไม่เป็นไร ๆ เธอเพิ่งเข้ามาเมื่อเช้าซะด้วย ว่าแต่ดูสนิทกันจังเลยนะ เรียกชื่อกันห้วน ๆ แล้วนี่"

"อ๋อ~ หนูกับตินสนิทกันขึ้นมาแล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับคุณหัวหน้าระดับล่ะคะ?"

"แหม่ ๆ ก็เห็นเรียกชื่อกันห้วน ๆ แต่ฉันที่มาก่อนเธอเขาก็ยังเรียก 'หัวหน้าระดับ' อยู่เลยนี่ ไม่แฟร์เลยนะ"

ผู้หญิงทั้งสองคนยิ้มแล้วจ้องตากันอย่างไม่ละสายตาจนเหมือนเกิดสายฟ้าจากตาของทั้งสองคนและสายฟ้านั้นกำลังปะทะกันอยู่ ตอนนี้บรรยากาศเครียดยิ่งกว่าตอนที่มานั่งลุ้นว่าจะถูกรางวัลที่หนึ่งหรือไม่ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมบรรยากาศถึงกลายเป็นตึงเครียดแบบนั้นซะได้ แต่ตอนนี้ผมต้องเป็นคนแก้บรรยากาศเหมือนหมากับแมวมาเจอกันซะแล้ว

แต่เดี๋ยวก่อนนะแล้วทำไมผมถึงต้องเป็นคนที่แก้บรรยากาศตลอดเลยล่ะ ต้องมานั่งทำแบบนี้ซ้ำ ๆ หลาย ๆ ทีแบบนี้มันก็เหนื่อยเป็นนะ! บางทีผมอาจจะเป็นคนที่อ่านบรรยากาศเป็นแบบไม่รู้ตัวก็เป็นได้นะเนี่ย

"เอ่อ...เป็นข้อตกลงระหว่างผมกับลิลลี่ไง"

"ใช่แล้วค่ะคุณหัวหน้าระดับ"

"หืม~ งั้นหรอ" ฟ้าถามแบบลากเสียง

"ฮะ ๆ" ต้นขำตอบ

"งั้นก็เรียกชั้นว่าฟ้าซะนะ ทั้งตอนอยู่กับคนอื่นและอยู่กับฉันด้วยนะ"

"คะ...ครับ หัวหน้าระดับ"

"หืม~?"

"ฟ้า! ฟ้าครับฟ้า"

"หึ ๆ ดีมาก ๆ"

ระหว่างที่ผม ลิลลี่ และ ฟ้า คุยกันอยู่นั้นจู่ ๆ น้องชายของผมก็ส่งสัญญาณบอกผมว่านายน่ะดื่มน้ำเยอะเกินไปแล้วนะเพราะฉะนั้นผมเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำเหลือทิ้งไว้แค่หมากับแมวที่ไม่ถูกคอกันอยู่ตรงนี้

"ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ!"

"อืม"

"ค่ะ!"

ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเป็นยังไงกันต่อไป แต่ว่าผมอยากให้พวกเขาสนิทกันเร็ว ๆ จังเลย หมายถึงเพื่อนในวัยเรียนกับเพื่อนในวัยทำงานของผมน่ะนะ

.

.

.

ตอนนี้เวลาประมาณ 19:30 น. หรือหนึ่งทุ่มครึ่งนั้นเอง ผมเดินลงมาเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำที่อยู่ในชั้นที่ 1 ผมเดินลงมาจากบันไดที่สูงและยาวผมเดินลงไปช้า ๆ พอถึงชั้นหนึ่งแล้วก็เลี้ยวขวาตรงไปที่ทางเดินจะเจอห้องน้ำพอดี ผมเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินที่มีไฟตลอดทางพร้อมกับเสียงฝีเท้าของผมที่สะท้อนไปมา พอผมถึงห้องน้ำก็เปิดประตูจึงเจอกับคน ๆ หนึ่งเข้า

"อ้าว สายัณห์สวัสดิ์ครับมาสเตอร์ต้น"

โบอันยิ้มทักทายผมในขณะที่กำลังล้างมือของเขาอยู่ด้วยก็อกน้ำอัตโนมัติ แย่ล่ะสิ...ผมดันเจอคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดซะได้ แต่ผมก็เก็บอารมณ์เซ็งนี้ไว้แล้วทักทายโบอันกลับไป

"สวัสดีมาสเตอร์โบอัน"

พวกเราสองคนก้มหัวให้กันเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้ากลับไปทำภารกิจของตัวเองให้เสร็จ

ในขณะที่ผมกำลังทำภารกิจปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอยู่นั้นโบอันก็พูดขึ้นมา

"นี่มาสเตอร์ต้นได้ข่าวว่าคุณกับมิสลิลลี่เหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าคนที่เพิ่งเจอกันนี่ครับ"

"ถ้าพูดให้เป็นภาษามนุษย์ปกติก็คือ ทำไมผมสนิทกับลิลลี่มากกว่าที่จะเป็นแค่คนเพิ่งเคยรู้จักกันสินะ"

"ใช่แล้วครับ เข้าใจอะไรง่ายดีนะครับคุณต้น"

เอาเถอะ ก็พอคิดได้ว่าจะต้องเกิดข่าวลือแบบนี้ขึ้น เพราะลิลลี่เล่นกอดเราที่น่าจะเป็นคนแปลกหน้าตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก แถมยังดุคนอื่น ๆ แต่ทำตัวดีกับเราด้วยนี่สิ การกระทำของเธอมีเหตุผลอะไรกันแน่นะ

"ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น อีกอย่างฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลิลลี่ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าทำให้พวกผมเสียหายเพราะข่าวลือนักสิ"

"ผมไม่ได้เป็นคนที่เชื่อข่าวลือร้อยเปอร์เซ็นอยู่แล้วนี่ครับคุณก็รู้"

"แล้วอะไรทำให้นายมั่นใจถึงขนาดที่มาถามฉันล่ะ"

"ก็ผมบังเอิญไปเห็นน่ะสิ"

"เห็นอะไร?"

พอผมพูดจบสักพักโบอันก็หยิบมือถือของเขาขึ้นมาแล้วยื่นมาให้ผม มือถือของโบอันมีภาพถ่ายด้านข้างของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งยอง ๆ อยู่ข้างประตูห้อง แล้วถือกระดาษไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง

"ในภาพนี้มีอะไร?"

"คุณต้นลองดูดี ๆ สิครับ" โบอันพูดแล้วยิ้มแบบมีเลศนัย

ในตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่รูปภาพของผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่พอผมลองมองรูปนี้ดี ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนในภาพเหมือนลิลลี่มาก ใบหน้าที่สวยสดงดงามและผมสีทองยาวของเธอไม่มีทางที่ผมจะจำสลับกับคนอื่นได้อย่างแน่นอน

"ลิลลี่?!"

"หึ ๆ ใช่แล้วล่ะ นี่คือภาพของคุณลิลลี่ยังไงล่ะครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ"

"นี่โบอัน...เท่าไหร่ครับพี่!"

"สิบบาทขาดตัว...ไม่ใช่!!!!"

"เอ๋~"

โบอันมีสีหน้าที่เครียดนิดหน่อยเพราะท่าทางของต้นไม่เป็นดั่งที่เขาคิดไว้

"คุณยังไม่รู้สินะว่ารูปนี้จะเป็นอุปสรรคต่อคุณน่ะ"

"แล้วรูปลิลลี่นั่งยอง ๆ ข้างประตูมันจะทำให้ฉันเดือดร้อนอะไรหรอ?"

"คุณก็รู้นี่? กฏข้อสุดท้ายของโรงเรียนแห่งนี้"

"อ๋อ 'ห้ามเกิดความรักไคร่ต่อเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันไม่ว่าจะเป็นครู หรือนักเรียนคนใดก็ตาม' สินะ"

โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่เน้นการศึกษาเป็นหลัก ทุกอย่างของโรงเรียนนี้คือ 'ความรู้' ที่ไม่สิ้นสุด เพราะโรงเรียนยึดถือหลักการแบบนี้มาตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่โรงเรียนแห่งนี้คิดว่าจะเป็นอุปสรรคหรือปัญหาต่อการเรียนรู้ของนักเรียนหรือบุคคลากรของโรงเรียนแห่งนี้ ทางโรงเรียนจะกำจัดมันทันทีไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม และหนึ่งในอุสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโรงเรียนนี้ก็คือ 'ความรัก' นั้นเอง ที่ว่าความรักทำให้คนตาบอด ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด ในอดีตมีคนมากมายที่พยายามจะขายข้อมูลของโรงเรียนนี้เพื่อคนที่พวกเขารักหรือพยายามที่จะเปลี่ยนระบบของโรงเรียนนี้ตามที่คนรักบอก ดังนั้นโรงเรียนจึงแก้ปัญหาโดยการออกกฏข้อสุดท้ายนี้ขึ้นมา แต่ว่าการที่เราจะคบหากับบุคคลที่อยู่ข้างนอกไม่ได้ผิดกฏของโรงเรียนแต่อย่างใดเพราะฉะนั้นในกรณีของเพื่อนผมอย่างเอ็มที่ไม่ได้คบหากับบุคลลภายในโรงเรียนเลยรอดตัวไป

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับรูปภาพหรอ?"

เมื่อผมพูดจบโบอันก็ยิ้มแบบชั่วร้ายให้ผมก่อนที่จะตอบกลับมา

"ผมรู้นะครับว่ากระดาษที่เธอถืออยู่คือกระดาษที่ได้ประทับริมฝีปากของคุณเรียบร้อยแล้ว"

"แล้ว?"

"แล้วผมก็เห็นเธอเอาปากไปจูบกับกระดาษที่ถืออยู่ในมือยังไงล่ะ"

ต้นตกตะลึงกับประโยคของโบอันที่ตอบกลับมาเล็กน้อย แต่ต้นก็ทำใจให้เย็นลงแล้วพูดต่อ

"แล้วรูปที่เธอจูบกับกระดาษล่ะ"

"ครับ?"

"ก็นายบอกว่าเธอจูบกับกระดาษนี่นา แล้วไหนหลักฐานล่ะ?"

ดูเหมือนว่าผมจะตอบกลับไปได้ดีเพราะเมื่อผมถามคำถามโบอันไปเขาก็เริ่มเงียบลงกว่าเดิม สีหน้าของเขาดูลุกลี้ลุกลนนิดหน่อย

"อะ...เอาเป็นว่าถ้าผมเห็นพวกคุณมีเรื่องอะไรกันล่ะก็ผมจะยื่นเรื่องไปฝ่ายบุคคลให้ไล่คุณออก"

"หึ ก็มาดิครับ!"

ยังไงเธอก็ไม่น่าคิดอะไรแบบนั้นกับคนอย่างผมอยู่แล้ว ผมจึงไม่ได้กังวลอะไรแล้วตอบกลับโบอันไป ตอนที่โบอันล้างมือเสร็จแล้วกำลังจะออกจากห้องน้ำก็หันหน้ามาหาผมที่ล้างมืออยู่แล้วพูดกับผมว่า

"นี่คุณต้น ทำไมเราไม่มาพนันกันหน่อยล่ะ?"

"หืม...น่าสนใจดีนี่เรื่องอะไรหรอ?"

"อาทิตย์หน้าวันจันทร์มีสอบใช่ไหมล่ะครับ เรามาพนันกันไหมว่าห้องของใครจะได้เป็นอันดับหนึ่งของการสอบแข่งขัน"

"นายพูดว่า 'พนัน' แต่ไม่ได้พูดว่า 'แข่ง' สินะ แสดงว่าถ้าใครไม่ได้ที่หนึ่งก็จะเสียอะไรบางอย่างสินะ"

"นั้นสินะครับ...เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกเรามาคิดทีหลังแล้วกันว่ากฏของคนแพ้คืออะไร รับคำท้าใช่ไหมครับ"

"เอ่อ!"

โบอันพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำไป ฟังเสียงฝีเท้าของโบอันที่สะท้อนกับผนังของหอประชุมแล้วผมเดาว่าโบอันน่าจะเดินไปไกลแล้ว

พอต้นรู้ว่าโบอันไปไกลแล้วก็นึกถึงสิ่งที่โบอันพูดจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

"เมื่อกี้หมอนั้นบอกว่าลิลลี่จูบกับกระดาษที่ฉันเพิ่งจูบไปสินะ"

พอคิดถึงเรื่องนั้นแล้วต้นก็อยากรู้ความรู้สึกของลิลลี่ทันทีว่าลิลลี่คิดยังไงกับผู้ชายอย่างเขา

"เอ๊ะ แต่คิดดูดี ๆ แล้วโบอันอาจจะแต่งเรื่องเพื่อมาข่มขู่เราก็ได้นี่หว่า"

พอผมคิดได้อย่างงั้นสีหน้าเศร้าหมองของผมก็ออกมาทันที

พอต้นล้างมือเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำแล้วขึ้นไปห้องที่ห้องจัดงานปาร์ตี้ทันที

.

.

.

ผมขึ้นมาถึงหน้าห้องจัดงานปาร์ตี้ก็ได้ยินเสียงมาสเตอร์ แม็กซ์ ดังมาแต่ไกล พอผมเดินเข้าไปก็เจอกับดนตรีอันเร้าใจทีเร้าอารมณืคนฟังแบบสุด ๆ ผมเดินเข้าเพื่อหาคุณลิลลี่แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจากนั้นมาสเตอร์แม็กซ์ก็พูดอีกครั้ง

"เอาล่ะวัยรุ่นนน งานปาร์ตี้ดำเนินมาถึงไฮไลทของงานแล้วขอเสียงหน่อยเร็ววว"

"วู้วววววว!!!"

พอมาสเตอร์แม็กซ์พูดเสร็จลิลลี่ก็เดินออกมาจากข้าง ๆ เวที เธอเดินขึ้นมาพร้อมกับถือไมค์ไว้ที่มือข้างขวา แสงไฟทุกทิศหันมาส่องเธอทำให้เธอดูเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงในตอนกลางคืน ผมสีทองและตาสีน้ำเงินของเธอมองไปรอบ ๆ แล้วเธอก็พูดใส่ไมค์

"สวัสดีค่ะ ลิลลี่ เทเลอร์ ค่ะ"

การแนะนำตัวที่ดูเรียบง่ายของเธอทำให้เธอดูเจิดจ้าขึ้นไปอีกในสายตาของผม

"ครับ พวกเรายินที่ได้รู้จักมิสลิลลี่นะครับ"

"โอ้วขอบคุณมากนะคะ ที่ต้อนรับดิฉันอย่างอบอุ่น"

"เอาล่ะครับขอเข้าสู่คำถามแรกเลยแล้วกัน ทำไมมิสลิลลี่ถึงมาที่ไทยหรอครับ"ง

"มาเพื่อตามหาใครสักคนค่ะ!"

"โอ้วฟังดูหน้าสนใจดีนะครับ แล้วตอนเจอเขาคนนั้นแล้วรึยังล่ะ"

"อืม...จะว่าเจอก็เจอ จะว่ายังไม่เจอก็ได้นะคะ"

"ฮ่า ๆ ๆ อะไรกันครับนั้น"

หืม?! ลิลลี่กำลังตามหาใครบางคนอยู่? แถมยังเหมือนจะเจอแล้วด้วย คน ๆ นั้นเป็นใครกัน! เอ๊ะ แล้วทำไมเราคิดอะไรแบบนี้ล่ะ? หรือว่าเราหึงลิลลี่อยู่หรอ? ไม่มีทาง!

ต้นคิดในใจไปพร้อมต่อสู้กับความรู้สึกของหัวใจ

"คำถามต่อมา ได้ยินว่ามาเพิ่งมาจากต่างประเทศแต่ทำไมพูดไทยได้ชัดขนาดนี้หรอครับ?"

"ได้รับอิทธิพลจากพ่อมาน่ะค่ะ"

"งั้นคำถามต่อไป..."

แม็กซ์ถามลิลลี่ไปหลายคำถามรวมทั้งคำถามจากครูคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เวลาผ่านมาประมาณ 10 นาที และแล้วก็เข้าสู่คำถามสุดท้าย

"เอาล่ะมิสลิลลี่นี่คือคำถามสุดท้าย!"

"ค่ะ!"

"คุณจะเลือกใครที่จะเป็นครูที่ทำงานคู่กันกับคุณดีครับ?"

การเลือกของลิลลี่สำคัญมากเพราะครูที่ทำงานคู่กันกับตัวเอง ถ้าหากว่าเลือกคู่ไปแล้วก็จะไม่สามารถเปลี่ยนได้อีกนอกจากครูคนที่เราเลือกจะลาออกไปหรือจนกว่าจะมีคำสั่งจากเบื้องบนให้เปลี่ยนคู่ทำงาน ในกรณีของผมที่ไม่มีคู่คือไม่มีใครเลือกที่จะคู่กับผมครับ... เอาล่ะลิลลี่เธอจะเลือกใครกัน!

"อืม...ถ้าให้ฉันเลือกฉันคงเลือกไม่ถูกค่ะเพราะฉันไม่รู้จักใครสักคนดีพอเลยนี่สิคะ"

"เอ๊ะ?"

แล้วที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าจนถึงเมื่อประมาณ 20 นาทีที่แล้วคืออะไรครับคุณลิลลี่~ ฮือออ ผมเสียใจน้าาา

"งั้นเอาอย่างงี้ดีกว่าค่ะ ถ้าใครอยากคู่กับฉันให้ยกมือค่ะ แล้วฉันจะเลือกจากคนที่ยกมือแล้วกันนะคะ"

"โอ้วว เริ่มสนุกขึ้นมาแล้วสินะครับ เอาล่ะครับถ้าใครอยากคู่กับมิสลิลลี่ล่ะก็โปรดยกมือขึ้นครับ!"

ครูทุกคนในหอประชุมยกมือกันแทบจะในทันทียกเว้นพวก ฟ้า เอ็ม กิ๊ก แล้วก็ผม...

ผมไม่สามารถยกมือขึ้นมาได้ ผมเคยมีความทรงจำที่ไม่ได้เกี่ยวกับการยกมือแล้วให้ใครสักคนเลือก เอายังไงดีนะ จะยกมือดีไหม? ยก? ไม่ยก? จะเลือกอะไรดี? แต่เราอยากคู่กับลิลลี่ ถ้าเธอไปคู่กับคนอื่นเราต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ๆ ทำยังไงดี? จะทำยังไงดี...หรือว่าจะยอมแพ้ไปดีกว่านะ...

ในเสี่ยววินาทีที่ต้นคิดที่จะยอมแพ้ก็มีเสียงบางอย่างดังมาจากในสมองส่วนลึกของเขา

'อย่ายอมแพ้สิ!'

"เอ๊ะ? เสียง?"

'ลุกขึ้นมาต่อสู้ให้ถึงที่สุดสิ!'

เป็นเสียงของผู้หญิงม.ปลายที่พูดกับผมอย่างจริงจังและเสียงนั้นยังดังกึกก้องอยู่ภายในหัวใจของผม ทันทีที่ผมได้ยินเสียงนี้แขนของผมที่สมองไม่ได้สั่งการอะไรเลย อยู่ดี ๆ ก็ยกขึ้นมาในทันทีโดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

"ฉันเลือกได้แล้วค่ะ"

"งั้นเหรอ ใครกันครับที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น!"

ลิลลี่ชี้นิ้วขึ้นฟ้าแล้วค่อย ๆ ลดมือลงมาแล้วชี้ไปข้างหน้าของตัวเอง

"ขอฝากตัวด้วยนะคะ มาสเตอร์ต้น"

ลิลลี่ชี้นิ้วมาที่ผมแล้วยิ้มให้ ผมดีใจมากจนทำอะไรไม่ถูกเลยตะโกนกลับไปว่า 'ขอบคุณนะ' หลังจากนั้นไม่นานเสียงปรบมือของครูคนอื่น ๆ ก็ดังตามมา

งานปาร์ตี้ก็ดำเนินต่อไปอีกจนถึง 2 ทุ่มและแล้วงานปาร์ตี้สำหรับลิลลี่ที่แสนสนุกสนานนี้ก็ได้จบลง


創作者的想法
YKUNG YKUNG

อย่าสงสัยนะครับว่าคนเขียนหายไปไหน ตอนนี้อยู่ในช่วงสอบปลายภาคอยู่ครับ! ดังนั้นอาทิตย์ต่อไปก็อาจจะช้าแบบนี้เช่นกัน ขออภัยจริง ๆ ครับ ส่วนถ้านักอ่านท่านใดชอบนิยายเรื่องนี้ก็อย่าลืมสนับสนุนผมเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนคนนี้ต่อไปนะครับ ส่วนใครที่ยังไม่พอใจหรือยังไม่ถูกใจสำหรับเรื่องนี้ผู้เขียนจะพยายามปรับปรุงเนื้อหาของนิยายให้ดูน่าอ่านยิ่งขึ้นไปอีกนะครับ ขอบคุณทุกการสนับสนุนนะครับ!!

next chapter
Load failed, please RETRY

每周推薦票狀態

Rank -- 推薦票 榜單
Stone -- 推薦票

批量訂閱

目錄

顯示選項

背景

EoMt的

大小

章評

寫檢討 閱讀狀態: C8
無法發佈。請再試一次
  • 寫作品質
  • 更新的穩定性
  • 故事發展
  • 人物形象設計
  • 世界背景

總分 0.0

評論發佈成功! 閱讀更多評論
用推薦票投票
Rank NO.-- 推薦票榜
Stone -- 推薦票
舉報不當內容
錯誤提示

舉報暴力內容

段落註釋

登錄