下載應用程式

章節 220: 0220

บทที่ 220 : พิธีกรที่แหกคอกที่สุดในประวัติศาสตร์!

งานเลี้ยงอาหารเย็นจะจบตอนสามทุ่ม

แขกมีตั้งแต่เหล่าผู้บริหาร แอร์โฮสเตสไปจนถึงผู้โดยสาร

เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็ต้องประหยัดเข้าไว้ ดังนั้นงานเลี้ยงอาหารเย็นวันนี้จึงไม่ได้หรูหราอย่างที่คิดกัน เครืื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นำมาเสิร์ฟก็ไม่ได้แพงมากนัก เป็นสุราชื่อ ‘สือคู่เหมิน’ ซึ่งเป็นสุราข้าวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงระดับหนึ่ง ในโลกของจางเย่ก็มีสุราข้าวแบรนด์คล้ายๆ กันอยู่ เขายังจำได้ว่าตอนนั้นเพื่อนร่วมชั้นจากเซี่ยงไฮ้ซื้อมาดื่มด้วยกันสมัยที่เขายังเรียนอยู่

“มาครับ ชนแก้วกันหน่อย”

“ผมขอเป็นตัวแทนของบริษัทไชน่าแอร์ไลน์ในการขอบคุณทุกท่านครับ!”

“อาจารย์จางเย่ เชิญดื่มครับ คุณห้ามปฏิเสธนะ!”

“อาจารย์ต่งซานซาน ผมดูรายการของคุณผ่านอินเทอร์เน็ตด้วย เยี่ยมมากเลย พวกเราชนแก้วกันหน่อย!”

จางเย่ไม่สามารถดื่มไปมากกว่านี้ได้อีกแล้วจริงๆ ตอนบ่ายก่อนขึ้นเครื่องบินเขาก็เพิ่งดื่มกับกองถ่าย ‘ยุทธจักรยิ่งใหญ่’ มา แต่ในเมื่อทุกคนคะยั้นคะยออยากให้เขาดื่ม ไล่ไปตั้งแต่เหล่าผู้บริหารจนถึงพวกผู้โดยสาร จางเย่จึงยากจะปฏิเสธ

“ผมคอไม่ค่อยแข็งนะครับ” จางเย่ออกตัวไว้ก่อนเลย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผู้บริหารของไชน่าแอร์ไลน์กล่าว “ฮ่าๆ เราดื่มกันแค่นิดหน่อยเอง”

ด้วยเหตุนี้จางเย่จึงลุกขึ้นและดื่มกับพวกเขา สุราข้าวทำให้เมาเร็วมาก ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่กล้าดื่มมันมากนัก

ต่งซานซานก็กลายเป็นจุดศูนย์กลางดึงดูดความสนใจให้ผู้คนชื่นชมเช่นกัน ไม่ว่าเธอจะไปนั่งโต๊ะไหน เหล่าแอร์โฮสเตสที่ว่าสวยแล้วยังโดนกลบไปทันที โฉมงามไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เป็นที่ต้องตาต้องใจเสมอ ต่งซานซานถูกชนแก้วไปหลายรอบอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามหญิงสาวดื่มเพียงแค่แก้วเดียวเท่านั้นก็จะปฏิเสธที่เหลือ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เธอเอามืออังหน้าผากกล่าวป้อแป้ “ฉันดื่มไม่ไหวแล้วล่ะคะ เป็นคนคอไม่แข็งด้วย ไม่ไหวแล้วจริงๆ” พลางเดินโซเซไปมา

มีคนมาขอชนแก้วเธออีกครั้ง

ต่งซานซานปฏิเสธ

หลังจากงานเลี้ยงอาหารเย็นสิ้นสุดลง จางเย่ช่วยพาต่งซานซานออกไป

ทุกคนต่างแยกย้ายกันหมดแล้ว พวกเขารู้ดีว่าต่งซานซานและจางเย่เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวลอะไร

หลังจากขึ้นลิฟต์ไป ต่งซานซานยังคงเดินเซพลางเอามือจับหน้าผาก จางเย่พยุงหญิงสาวไปทางห้องของเธอ

ชายหนุ่มเดินไปก็บ่นอุบอิบด้วย “ให้ตายสิ เดี๋ยวนี้นี่แทบจะไม่ได้กินอาหารเย็นแบบปกติกับเขาบ้างเลย มันต้องมีเหล้ามีแอลกอฮอล์ปนมาตลอด พวกเขาจะตายหรือไงถ้าไม่ได้ดื่มสักวันน่ะ? นี่มันปัญหาระดับชาติที่เราควรเก็บเป็นความลับไม่ให้ประเทศอื่นรู้เลยนะ!”

พวกเขามาถึงห้องจนได้

“เธอเดินกลับห้องเองได้รึเปล่า? เดินไหวไหม?” จางเย่ถาม ตอนนี้ดึกมากแล้วและไม่เหมาะสมหากเขาจะพาต่งซานซานเดินเข้าห้อง แต่หญิงสาวยังคงเอนตัวพิงซบจางเย่ ชายหนุ่มสูดกลิ่นน้ำหอมของเธอขณะที่หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้ กระทั่งกลิ่นลิปสติกยังหอมโชยมาเข้าจมูกจางเย่ ต่งซานซานอยู่ใกล้กับเขามาก ผมของเธอพาดไปบนบ่าและลำคอของเขา ตอนนี้หัวใจจางเย่เต้นตึกตักว้าวุ่นไปหมด เขาแอบหวังไว้ว่าจะได้มีโอกาสเดินเข้าห้องไปกับต่งซานซานเพราะยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่ดี

ดูเหมือนว่าบนทางเดินจะไม่มีใครอยู่เสียด้วยสิ

จางเย่พยายามต่อสู้กับแรงกิเลสของตนเอง

ต่งซานซานพลันยืนตัวตรงแล้วเปิดกระเป๋าตังค์เพื่อหาคีย์การ์ดเข้าห้อง หญิงสาวรูดการ์ดจากนั้นผลักประตูเปิดออกแล้วเสียบการ์ดเพื่อเปิดไฟในห้อง เธอหันมามองจางเย่ตาแป๋วโปรยยิ้มให้ “เอาล่ะ ส่งแค่นี้ก็พอ ขอบคุณนะ นายควรจะไปนอนได้แล้วเหมือนกัน พวกเราแยกย้ายกันพรุ่งนี้ละ ไว้ถ้าว่างก็มาทานข้าวด้วยกันหน่อยล่ะ”

นี่เธอดูเมาตรงไหนกันน่ะ?

จางเย่เบิกตากว้าง ลิ้นพันจนพูดไม่ออก “อะไรวะเน่ี่ย เมื่อกี้เธอแกล้งเมามาตลอดเลยเหรอ?”

“ใครใช้ให้พวกเขามาขอชนแก้วฉันไม่หยุดเล่า? ก็ฉันดื่มมากไม่ได้จริงๆ นี่นา” ต่งซานซานอธิบายเป็นเหตุเป็นผล

จางเย่ตบขาดังฉาด “เฮ้อ ถ้าฉันรู้ว่าเธอแกล้งทำละก็ฉันคงจะทำเหมือนกันแล้ว นี่ตอนบ่ายฉันก็ดื่มไปเยอะ ตกมืดเมื่อกี้ฉันเลยกะจะไม่ดื่มอีกแล้วน่ะ”

ต่งซานซานคลี่ยิ้ม “นายทำไปก็เปล่าประโยชน์ นี่มันทักษะเฉพาะตัวของผู้หญิงนะ เอาล่ะได้เวลานอนแล้ว”

ปัง ประตูปิดลง

……

เขากลับมาที่ห้องของตนเอง

ภาพความประทับใจในตัวอดีตเพื่อนร่วมชั้นยังคงฝังลึกในใจจางเย่ เขาคงไม่เชื่อคำพูดอะไรของเธออีกต่อไปแล้ว ดูสิว่าคำพูดของแม่เตียบ่อกี้[1] ที่เคยพูดไว้แม่นขนาดไหน! ผู้หญิงยิ่งงดงามเท่าไรยิ่งโกหกได้เก่งเท่านั้น ช่างเป็นคำพูดที่เป๊ะอะไรเยี่ยงนี้!

เขานอนไม่หลับ

หาอะไรในเน็ตดูดีกว่า

จางเย่นำโน๊ตบุ๊คของเขามาด้วยเช่นกัน แต่เพราะในห้องสูทนี่มีคอมพิวเตอร์อยู่แล้วชายหนุ่มจึงเลือกใช้มันแทน เขาเปิดเข้าเว็บไซต์ดูอันดับทำเนียบคนดังเป็นอย่างแรก นี่เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้มากที่สุดสำหรับการวัดค่าชื่อเสียงของทำเนียบคนดัง และมันยังเป็นแหล่งอ้างอิงในการจ่ายค่าตัวด้วย

เมื่อจางเย่เห็นมันก็อดผิวปากขึ้นมาไม่ได้!

ได้อันดับ D แล้ว! เขาเลื่อนขั้นมาที่ D แล้ว!

ก่อนหน้านี้ช่วงที่จางเย่ตกงาน ระดับของเขาอยู่ที่แถวหน้าของระดับ E เขายืนเกาะอยู่ที่ตำแหน่งท็อปห้าแบบฉิวเฉียด แต่ก็ยังเรียกว่าห่างไกลจากอันดับแรก มันไม่ใช่อะไรที่ชายหนุ่มจะสามารถกระโดดข้ามไปได้ในเวลาสั้นๆ ต่อให้เขาอยากทำอย่างน้อยก็ต้องลงทุนพอสมควร ไม่ว่าจะเขียนหนังสือหรือถ่ายหนัง แต่ตอนนี้เนื่องจากจางเย่ได้ออกข่าวโทรทัศน์กลางและถูกเอ่ยชื่อออกมาโดยผู้ประกาศข่าว ทำให้เขาก้าวกระโดดจากแถว E มาเป็น D ทันที ถึงแม้ว่าจะอยู่ตำแหน่งสุดท้ายก็เถอะ แต่การข้ามขั้นครั้งนี้ก็เป็นอะไรที่น่ากล่าวถึงอยู่ไม่เบา!

ชาวเน็ตสังเกตเห็นเช่นกัน

“เอ๋ ทำไมจางเย่ถึงขึ้นไปอยู่อันดับ D ล่ะ?”

“ไม่มั้ง? เขาตกงานอยู่ไม่ใช่เหรอตอนนี้? ความนิยมของเขาน่าจะตกลงพอสมควรสิ จะขึ้นได้ยังไงล่ะ? แถมขึ้นมามากขนาดนั้นเชียว?”

“ของปลอมรึเปล่า?”

“เชี่*แล้ว ของจริง! จางเย่ขึ้นไปอยู่อันดับ D แล้วจริงๆ!”

“อาจารย์จางเพิ่งจะเปิดตัวได้ไม่กี่เดือนแต่ก็ขึ้นไปอันดับ D แล้วเหรอเนี่ย?”

“ไอ้บ๊องข้างบนนั่นน่ะ พวกนายเพิ่งจะได้ออนไลน์หรือไงกัน?”

“เฮ้ย ทำไมมาว่ากันแบบนี้ล่ะ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ? อะไรที่พวกเราตกข่าวไป?”

“พวกนายไม่เห็นข่าวเหรอ? ที่ไชน่าแอร์ไลน์ถูกจี้เครื่องบินน่ะ!”

“รู้สิ ข่าวก็รายงานอยู่ แล้วยังไงล่ะ?”

“งั้นแปลว่าพวกนายไม่รู้แน่ๆ ว่าในสถานการณ์ตอนนั้นน่ะไม่มีนักบินคอยขับเครื่องบิน! ถ้าตกมาทีได้สูญเสียกันหลายชีวิตแน่ๆ แต่โชคดีที่ได้อาจารย์จางเย่ขับเครื่องบินแล้วลงจอดอย่างปลอดภัยไง!”

“หา?”

“เหย***!?”

“นายเพ้อเจ้อรึเปล่า?”

“ลูกพี่ นายเขียนบทหนังเหรอ?”

“ไปเช็กในเน็ตดูเลยถ้าพวกนายไม่เชื่อฉัน! มีแต่พวกนายเท่านั้นแหละที่ไม่รู้เรื่องนี้!”

อย่างที่ความเห็นนั้นกล่าวไว้ บนอินเทอร์เน็ตมีแต่ข่าวของจางเย่เต็มไปหมด! กระดานสนทนาและเว็บไซต์ต่างพากันนำเรื่องนี้ขึ้นหน้าแรกของเพจพวกเขา อีกทั้งยังเป็นที่ถกเถียงกันในเว่ยป๋ออย่างร้อนแรงแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน! บนเว่ยป๋อ ได้ขึ้นไปติดท็อปสองแล้วตอนนี้ ส่วนอันดับแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักแสดงชายของเกาหลีที่เป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของเอเชียที่ประกาศแต่งงานไป โพสต์นี้อยู่ติดอันดับแรกมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วเพราะว่าพวกวัยรุ่นหญิงส่วนใหญ่ต่างพากันมาแสดงความคิดเห็นไม่ในเชิงยินดีก็เชิงอาฆาต แล้วก็เป็นโพสต์ที่ทำให้ทุกคนอึ้งกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย แต่จางเย่ไม่ได้แปลกใจหรอก เพราะว่าประเทศจีนนั้นมีคนที่รักคนเกาหลีมากกว่ารักชาติตัวเองเยอะมาก ขนาดเหตุการณ์จี้เครื่องบินที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงเวลาสิบปียังไม่อาจเทียบกับดาราเกาหลีประกาศแต่งงานเลย

เลิกพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จางเย่ได้เห็นหัวข้อโลกออนไลน์ที่คนพูดถึงกันอย่างล้นหลามอีกครั้ง!

“อาจารย์จางอีกแล้ว!”

“สวัสดีอาจารย์จาง บ๊ายบายอาจารย์จาง!”

“จางเย่ นี่นายต้องโหดขนาดนี้ด้วยเหรอไงเนี่ย!?”

“เขาขับเครื่องบินเป็นด้วยเหรอ? นี่นายแน่ใจนะว่ายังมีอาชีพเป็นพิธีกรอยู่น่ะ? แน่ใจนะว่านายยังจบมาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านสื่อสารมวลชนของชาติน่ะ!?”

“ความหลงใหลที่ฉันมีให้กับคุณนั้นมันหลั่งไหลมาไม่หยุดราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกรากเลย!”

“อาจารย์จาง คุณรู้วิธีขับเครื่องบินจริงๆ เหรอ? ประเทศของเราต้องการคนที่มีความสามารถหลายๆ อย่างแบบคุณนะคะ!”

“ร้ายกาจมากอาจารย์จาง คุณเป็นแบบอย่างของการเป็นวีรบุรุษและการเสียสละตนของฉันเลย!”

“ฮ่าๆๆๆ ตอนเห็นข่าวนี่ฉันขำหนักมากจนตกเก้าอี้แน่ะ อาจารย์จางเอาอีกแล้วนะ! เห็นไหมที่ฉันเคยพูดไว้? มีแต่คนที่รู้จักอาจารย์จางเท่านั้นที่จะเข้าใจ!”

“อาจารย์จางเย่ คุณไม่คิดจะพักสักวันบ้างเลยเหรอ!”

“ใช่แล้ว ฉันยังอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ไหนที่อาจารย์จางไป ที่นั่นต้องมีปัญหาตามมาน่ะ!”

“ทำไมอาจารย์จางไปเซี่ยงไฮ้ล่ะ? หรือว่าได้งานใหม่แล้ว? พวกเราคนเมืองหลวงขอแสดงความยินดีด้วย อาจารย์จางจะได้ไม่ก่อเรื่องชิ*หายวายวอดในเมืองหลวงของเราอีกแล้ว แต่เหล่าสหายทั้งหลาย ทั้งจากวงการสื่อหรือนักเขียนต่างๆ ในเซี่ยงไฮ้ ฉันขอเตือนไว้ล่วงหน้าเลยนะ! จางเย่ไปหาพวกนายแล้ว!”

“พรื้ดดด! ข้างบนตอบได้เทพขิงๆ!”

“ฉันหัวเราะแทบตายแล้ว! กร๊ากๆๆ!”

“สหายในเซี่ยงไฮ้! ระวังตัวด้วย!”

พวกความคิดเห็นเหล่านี้มาจากบรรดาแฟนคลับของจางเย่นั่นเอง พวกเขาพูดจาแปลกๆ ในแบบที่คนอื่นไม่อาจเข้าใจ ตัวอย่างเช่นคนในเซี่ยงไฮ้ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินชื่อของจางเย่ ซึ่งพวกเขาไม่รู้เลยว่าคนๆ นี้เป็นใครกันแน่

“จางเย่นี่ใครน่ะ?”

“ทำไมต้องบอกให้คนในวงการสื่อของเราระวังตัวด้วย?”

“พิธีกรที่ขับเครื่องบินได้เหรอ? โคตรเจ๋ง!”

“ถึงฉันจะไม่รู้จักเขา แต่ฉันจะกดไลก์ให้และติดตามเขาจากนี้ละกัน”

“สุดยอดอะไรอย่างนี้! จัดการคนร้ายด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ? แถมยังขับเครื่องบินจนพลิกสถานการ์ที่คับขันกลับมาได้? ฉันต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับหมอนี่หน่อยแล้ว… ‘ห้องเลคเชอร์’? เป็นรายการแบบไหนกันน่ะ? ฉันไม่เคยดูมาก่อนเลย ..เฮ้ยอะไรกันเนี่ย!? ฉันเคยอ่านกลอนของเขามาก่อน! ‘นกบนฟ้ากับปลาในน้ำ’ ถูกแต่งขึ้นโดยจางเย่เองเหรอ! ฉันเพิ่งรู้ก็ตอนนี้แหละเฮ้ย!”

ความจริงแล้วหลายคนคุ้นเคยกับผลงานของจางเย่ ทว่าคนส่วนใหญ่มักจะสนใจแค่ผลงานแต่ไม่สนใจผู้สร้างมันขึ้นมา ต่อให้พวกเขาเห็นชื่อก็ใช่ว่าพวกเขาจะใส่ใจมันเสียเท่าไร อย่างไรเสียจางเย่ก็ยังเป็นหน้าใหม่อยู่ ในวงการประพันธ์ การสร้างชื่อเสียงมักต้องอาศัยเวลา ในโลกของจางเย่ทฤษฎีนี้ถูกพิสูจน์มาให้เห็นหลายครั้งแล้ว ตัวอย่างเช่นแวนโก๊ะ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์แซน แม้แต่นักเขียนผู้ทรงอิทธิพลอย่างหลู่ซวิ่นหรือคนที่ชนะรางวัลโนเบลอย่างโม่เหยียนนั้น ผลงานชิ้นแรกๆ ของพวกเขาไม่ได้สร้างความสนใจให้แก่ผู้คนเสียเท่าไร ดังนั้นทุกอย่างต้องใช้เวลา

การสนทนาเป็นไปอย่างร้อนระอุ!

เพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นค่อนข้างน่ากลัวและเกิดขึ้นได้ยาก!

จึงเป็นธรรมดาที่เรื่องราวของจางเย่จะถูกขุดคุ้ยออกมาโดยผู้คนนับไม่ถ้วน!

สุดท้ายกลับเป็นความคิดเห็นของคนๆ หนึ่งที่ทำให้จางเย่หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

คนผู้นั้นโพสต์ไว้บนเว่ยป๋อ “พวกนายไม่รู้จักจางเย่งั้นเหรอ? ไม่เป็นไร หลังจากฉันเล่าให้ฟังแล้วทุกคนจะร้องอ๋อเอง! พูดกันถึงอาจารย์จางเย่นั้น แฟนจากเมืองหลวงอย่างพวกเรารู้จักเขาในฐานะพิธีกรที่แหกคอกที่สุดในประวัติศาสตร์! ตอนที่เขาเริ่มงานครั้งแรกในฐานะดีเจ เขาทำงานได้เรียบร้อยดี แต่ต่อมาเขาได้เข้าร่วมงานแต่งบทกวีวันไหว้พระจันทร์ แล้วเขาก็ชนะได้อันดับหนึ่งมาด้วย ต่อมาในงานประกวดรางวัลไมค์เงิน ถ้าพวกนายชนะรางวัลก็คงแค่ขึ้นไปรับตามปกติกันใช่ไหมล่ะ แต่อาจารย์จางเย่ไม่ได้ทำอะไรธรรมดาๆ อย่างนั้น! เขาสร้างความฮือฮาด้วยการแต่งกลอนด่าที่ทำงานและหัวหน้า! หลังจากนั้นเขาก็ไปทำงานกับสถานีโทรทัศน์นครหลวงในฐานะพิธีกรทีวี ตอนนั้นเขาก็ควรจะสร้างรายการแบบปกติใช่ไหม? แต่เปล่าเลย! อาจารย์จางได้กำกับโฆษณาเพื่อสาธารณะและสร้างคลื่นลูกใหม่แก่วงการโฆษณา! หลังจากนั้นพวกนายคงคิดว่าเขาจะกลับไปจัดรายการของตัวเองตามปกติใช่รึเปล่า? ก็ผิดอีก! อาจารย์จางไปเข้าร่วมงานแต่งกลอนคู่ของนครหลวงและชนะคว้าอันดับหนึ่งมาเช่นเคย ยิ่งกว่านั้นไม่มีอันดับสองหรือสามด้วย แม้แต่สิบอันดับแรกก็ไม่มีเพราะว่าจางเย่ชิงตอบคำถามทุกข้อเองหมดเลย! ต่อมารายการ ‘ห้องเลคเชอร์’ ก็ออกอากาศทางโทรทัศน์ นายคิดว่าอาจารย์จางเย่จะกลับมาทำงานเหมือนคนปกติแล้วสินะ? คิดอะไรตื้นๆ น่า! เขากลับไปแต่งเพลงให้กับนางฟ้าซูเปอร์สตาร์เสียงั้น แล้วหลังจากแต่งเพลงเสร็จน่ะเหรอ? พวกนายนี่ไร้เดียงสาไปแล้ว! อาจารย์จางได้ตีพิมพ์หนังสือแล้วก็ไปถ่ายหนังต่อ… จนมาวันนี้ขณะที่พวกเรากำลังวุ่นบนเว่ยป๋อช่วยกันดันหัวข้อ ‘หางานให้จางเย่’ เพื่อหาทางช่วยเขา แต่เขากลับยังทำตัวสบายดีหน้าตาเฉยเพราะแม่*เพิ่งไปขับเครื่องบินมานี่ไง!”

“ฮ๊าาา ฮ่าๆๆๆ!”

“ไอ้หยา ฉันหัวเราะจนกรามปวดไปหมดแล้ว!”

เหล่าชาวเน็ตต่างหัวเราะลั่นอย่างครื้นเครง!

คนที่โพสต์ข้อความนั้นกล่าวต่อ “ไหนช่วยบอกหน่อยสิ ถ้าเขายังไม่ใช่พิธีกรที่แหกคอกที่สุดในประวัติศาสตร์ ถ้างั้นใครกันล่ะที่ใช่!”

“เห็นด้วย!”

“แสนไลก์เลย!”

“ฮ่าๆ อาจารย์จางนี่ไม่ยอมทำงานของตัวเองจริงๆ สิพับผ่า!”

=======================

[1] เตียบ่อกี้ จีนกลางว่าจางอู๋จี้ คือตัวเอกของนวนิยายชุด “มังกรหยก 3: กระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร)

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*


Load failed, please RETRY

禮物

禮品 -- 收到的禮物

    每周推薦票狀態

    Rank -- 推薦票 榜單
    Stone -- 推薦票

    批量訂閱

    目錄

    顯示選項

    背景

    EoMt的

    大小

    章評

    寫檢討 閱讀狀態: C220
    無法發佈。請再試一次
    • 寫作品質
    • 更新的穩定性
    • 故事發展
    • 人物形象設計
    • 世界背景

    總分 0.0

    評論發佈成功! 閱讀更多評論
    用推薦票投票
    Rank NO.-- 推薦票榜
    Stone -- 推薦票
    舉報不當內容
    錯誤提示

    舉報暴力內容

    段落註釋

    登錄