บทที่ 292 : จุดสนใจในงานเลี้ยง!
__________________________________________________________________
ฝูงชนโดยรอบพลันกลายเป็นชุลมุน!
"จางเย่อยู่ไหน?"
"นั่นไง นั่น!"
"เขาจริงๆ ด้วย!"
"ฉันบอกแล้วไงว่าหมอนั่นน่ะ คุ้นหน้าโคตรๆ!"
"จางเย่มาโรงเรียนเราทำไมเหรอ?"
"เอ๋ เหมิงเหมิงเพิ่งจะแนะนำนี่ ว่าเป็นพี่ชายเธอ?"
"จริงเหรอ? พี่ชายของเหมิงเหมิงคือจางเย่คนดังคนนั้น? เฮ้ย ใช่แล้ว! เหมิงเหมิงเหมือนจะเคยบอกว่าพี่ชายเธอเป็นดาราดัง! ตอนแรกนึกว่ายัยนั่นแกล้งอำซะอีก! ฉันว่าแล้ว ฉันว่าแล้วว่าทำไมพี่ยัยนั่นถึงใส่แว่นดำทั้งๆ ที่มืดขนาดนี้!"
"เฮ้ย! ฉันแม่*ชอบทอล์คโชว์ของจางเย่หนักมาก!"
"ฉันด้วยๆ แต่ว่าแม่ไม่ยอมให้ฉันดูเนี่ยสิ หาว่ากระทบกับการเรียน หึ ฉันต้องแอบดูในมือถือใต้ผ้าห่มทุกที โคตรตลกเลย!"
"เจอดาราล่ะ!"
"ไม่ได้แล้ว ฉันต้องเข้าไปขอลายเซ็น!"
เพื่อนร่วมห้องร่วมชั้นของเหมิงเหมิงส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจกันไม่หยุด แน่นอนว่ามีนักเรียนหลายคนที่ไม่รู้จักจางเย่ เดี๋ยวก็หันไปถามคนนู้นทีคนนี้ทีว่าจางเย่คือใคร
อาจารย์เหลิ่งกับพวกครูประจำชั้นและเหล่าผู้ปกครองอย่างพี่หยางแทบกระอักเลือด! ชั่วขณะนั้นถึงจะมีคนเดาได้ แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าคุ้นเคยภายใต้แว่นดำนั่น พวกเขาก็ยังอดตื่นตะลึงพรึงเพริดขึ้นมาไม่ได้! ไม่มีใครคิดว่าจางเย่จะมาร่วมงานปีใหม่ของโรงเรียนพวกเขา! ยิ่งไม่คาดคิดว่าพี่ชายของเฉาเหมิงเหมิงจะกลายเป็นจางเย่! -- ไอดอลในดวงใจของอาจารย์เหลิ่ง! คนที่พี่หยางเพิ่งดูเบาไปว่าไม่อาจเขียนกลอนรักออกมาได้!
อาจารย์เหลิ่งที่เจอดาราในดวงใจ อีกทั้งยังเป็นผู้ปกครองของนักเรียนด้วยอีก ในใจกรีดร้องตื่นเต้นปลื้มปริ่มสุดๆ! ส่วนบรรดาผู้ปกครองคนอื่นๆ เมื่อเห็นดาราต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจเช่นกัน
มีแค่คนเดียวที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
คนที่ถึงคราวอับจนกระอักกระอ่วนสุดๆ คือผู้ปกครองนักเรียนที่ชื่อ พี่หยาง!
เป็นเพราะเมื่อครู่นี้ พี่หยางเพิ่งวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของจางเย่เสียใหญ่โต ใช้ฐานะของบรรณาธิการอาวุโสในสำนักพิมพ์ ตั้งคำถามถึงความสามารถในการแต่งกลอนรักของจางเย่ แม้พูดไปเสียงไม่ดัง แต่คนต้นเรื่องกลับนั่งอยู่ข้างๆ เขา! คนหูหนวกเท่านั้นแหละถึงจะไม่ได้ยิน! สุดท้ายพี่หยางยังพูดจาเสียใหญ่โตอีกว่าความสามารถในการเขียนกลอนรักของจางเย่ใช้ไม่ได้ ทว่าเพียงแค่ไม่กี่นาที จางเย่พลันเขียนผลงานขึ้นเดี๋ยวนั้น! นั่นคือ ‘แด่ต้นเซียง’ มาช่วยสร้างชื่อให้น้องสาวเขา นี่คือการตอกหน้าของสหายหยางอย่างเขาจนปูดบวม! สีหน้าของเขากลายเป็นเขียวคล้ำอย่างช่วยไม่ได้!
พี่หยางใช้สีหน้าที่ดูไม่ออกว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้มองจางเย่ "อาจารย์จาง.. ไม่ใช่ว่าจริงๆ แล้วเขียนกลอนรักไม่เป็นหรอกเหรอ? ขนาดมุมผู้หญิงยังเขียนได้อีก?"
จางเย่โบกปัด "ยัยเหมิงเหมิงบังคับให้ผมทำ แค่เขียนไปมั่วๆ น่ะครับ"
อาจารย์เหลิ่งกลับแย้งว่า "เขียนมั่วๆ ได้ยังไงกัน ‘แด่ต้นเซียง’ กับ ‘นกบนฟ้ากับปลาในน้ำ’ แทบจะไม่ต่างกันเลยนะคะ ผลงานคลาสสิก เนื้อหากลอนมีทั้งความเด็ดเดี่ยว จิตใจกล้าแข็ง แต่แฝงความงดงาม เป็นสิ่งที่ผู้หญิงอย่างเราเขียนออกมาไม่ได้แน่นอน ความสามารถของคุณ...ไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ ค่ะ!"
พี่หยางรีบกล่าว "ขอโทษนะอาจารย์จาง เมื่อครู่ผมพูดจาเสียใหญ่โต แถมดูถูกความสามารถในการเขียนกลอนของคุณอีก เฮ้อ คุณกับผมนี่อยู่กันคนละระดับแล้ว!"
จางเย่หัวเราะฮ่าๆ "ไมหรอกครับ ผมได้ยินที่คุณพูดแล้วล่ะ ความจริงก็ไม่ผิด ผมไม่ถนัดเขียนกลอนรักจริงๆ เลยไม่มีงานทำนองนี้ครับ"
พี่หยางสะทกสะท้อน "ผมมองออกหรอกว่าคุณไม่ใช่ไม่ถนัดกลอนรัก คุณก็แค่ไม่อยากจะเขียน ถ้าคุณอยากเขียนจริงๆ กลอนรักแค่นี้จะขัดขวางคุณได้ยังไง ‘แด่ต้นเซียง’ ไม่ใช่แก้ปัญหานี้หรอกเหรอ? ในวงการกวี ในบรรดาเหล่านักเลงกลอน คุณน่ะเป็นระดับปรมาจารย์แล้ว!"
"ไอ้หยา ไม่ขนาดนั้นครับๆ ผมไม่นับว่าเป็นปรมาจารย์อะไรหรอก" จางเย่ส่ายหน้า ต่อหน้าสาธารณชน แม้จะมีคนยกตำแหน่งอะไรให้คุณ แม้จะมีคนยอมรับนับถือคุณ คุณก็รับเอาไว้ไม่ได้ นี่คือธรรมเนียมของคนจีน ทั้งเป็นมารยาทและความถ่อมตนขั้นพื้นฐาน แน่นอน กลับไปถึงบ้านต่อหน้าพ่อแม่ญาติพี่น้องมิตรสหายแล้วคุณจะโม้โอ้อวดแค่ไหนก็ได้ อย่าว่าแต่บอกว่าเป็นมหากวีที่ยังมีชีวิตอยู่เลย จะบอกว่าเป็นอากงอาม่าที่ไหนกลับชาติมาเกิดก็ไม่มีใครสน!
การแสดงบนเวทียังคงดำเนินต่อไป
พิธีกรหญิงประกาศรายการลำดับต่อไป
ทว่าชั้นเรียนของอาจารย์เหลิ่งถูกการปรากฏตัวของจางเย่ ทำให้ไม่มีอารมณ์จะชมการแสดงอีกต่อไป
ไม่นานนัก เฉาเหมิงเหมิงก็กระโดดโลดเต้นเป็นยัยม้าดีดกระโหลกกลับมาพร้อมกับบท ‘แด่ต้นเซียง’ ใบหน้าน้อยๆ นั่นยิ้มหน้าบานแก้มแทบปริพอใจสุดๆ ยัยตัวป่วนนี่ได้มีหน้ามีตาแล้ว
"เหมิงเหมิง!"
"ท่องได้ดีมากๆ อ่ะ!"
"ทำไมไม่บอกล่ะว่าพี่เธอคือจางเย่!"
เหล่าเพื่อนนักเรียนหญิงที่รู้จักกับเหมิงเหมิงดีกล่าว
เฉาเหมิงเหมิงฉีกยิ้มกว้าง "ฉันบอกไปพวกเธอก็ไม่เชื่อนี่"
ลี่ลี่ยังคงทำหน้ามึนตึง แสร้งมองไม่เห็นและไม่สนใจเด็กสาว
เธอไม่พูด เฉาเหมิงเหมิงกลับเดินเข้าไปหา "ลี่ลี่ ยอมรึยัง?"
ลี่ลี่เบ้ปาก จ้องเธอพลางกล่าว "ฉันยอมแพ้พี่เธอ ไม่ใช่เธอ! หึ ใครๆ ก็รู้ว่าพี่เธอเป็นนักเลงกลอน แถมกลอนที่เขียนก็เล่นงานพวกสมาคมนักเขียนจนพูดไม่ออก พี่เธอเป็นมืออาชีพด้านนี้ เอากลอนให้เธออ่าน เธอก็ต้องได้หน้าอยู่แล้ว นี่มันรังแกคนกันชัดๆ!"
เฉาเหมิงเหมิงหัวเราะเหอะๆ
"เหมิงเหมิง เธอให้พี่เธอเซ็นชื่อให้ฉันหน่อยสิ?"
"นั่นสิเหมิงเหมิง พวกเราต้องขอให้เธอช่วยละนะ"
"ฉันเอาด้วยๆ พ่อฉันชอบจางเย่มากเลย ถ้าฉันได้ลายเซ็นพี่เธอไปให้พ่อล่ะก็ ถึงคะแนนสอบจะออกมาห่วยแตกแค่ไหน พ่อก็จะไม่ด่าฉันแล้ว!"
เพื่อนๆ ของเหมิงเหมิงต่างกรูกันเข้ามาห้อมล้อมเธอ
เฉาเหมิงเหมิงพูดอย่างวางมาด มือน้อยๆ โบกวางท่า "เอาล่ะฉันรู้แล้ว ใครอยากได้ลายเซ็นก็เอาหนังสือหรือกระดาษมา ฉันจะขอพี่ให้"
"ให้เธอ!"
"ให้ๆๆ!"
"ฉันด้วยๆ!"
"ฉันไม่มีกระดาษอ่ะ เซ็นบนหนังสือเรียนนะ!"
ชั่วกระพริบตา เฉาเหมิงเหมิงได้หนังสือมาเต็มไม้เต็มมือหลายเล่ม!
อาจารย์เหลิ่งมองต้นฉบับในมือของเฉาเหมิงเหมิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า กัดฟันแน่น สุดท้ายจึงหันไปกล่าวกับจางเย่ "อาจารย์จางคะ นี่คือต้นฉบับของ ‘แด่ต้นเซียง’ ใช่ไหม?"
จางเย่ตอบ "ใช่ครับ"
อาจารย์เหลิ่งกระแอมไอ "นี่...ฉันขอต้นฉบับนี่ได้ไหมคะ?"
จางเย่ยิ้มแห้งๆ "มันเป็นแค่ใบโบรชัวร์ที่ผมเขียนลงด้านหลังเองนะครับ ไม่ใช่ต้นฉบับอะไรเลย ถ้ายังไงคุณชอบล่ะก็ผมเขียนให้ดีๆ ดีไหมครับ?"
"ไม่ต้องๆ" อาจารย์เหลิ่งปฏิเสธ "นี่ก็ได้แล้วค่ะ" ในสายตาเธอ มีแต่ต้นฉบับแรกของ ‘แด่ต้นเซียง’ เท่านั้นที่มีค่าที่สุด ถ้าเขียนอีกครั้ง ถึงกระดาษและลายมือจะดีกว่านี้ ก็ไม่มีค่าน่าสะสมเท่าต้นฉบับแรก!
จางเย่กล่าว "ก็ได้ครับ งั้นก็ไม่มีปัญหา" พูดจบ หันไปเรียกน้องสาม "เหมิงเหมิง เอาต้นฉบับให้ครูเหลิ่งเธอสิ"
เฉาเหมิงเหมิงเดินเข้ามา ถามอย่างสงสัย "ทำไมอะ?"
อาจารย์เหลิ่งรีบยื่นสองมือออกไปคว้ามาอย่างไว ไม่กล้าพับ ใส่คั่นลงหน้าสมุดที่เธอถือไปมาอย่างระมัดระวัง แล้วจึงเก็บสมุดใส่กระเป๋าถือ ก่อนจะยิ้มกล่าวว่า "ครูอยากเก็บไว้น่ะ" หันหน้าไปหาจางเย่ แย้มยิ้มดีใจกล่าว "ขอบคุณนะคะอาจารย์จาง"
พี่หยางที่ยืนอยู่ข้างๆ อยากได้เช่นกัน แต่โดนอาจารย์เหลิ่งชิงตัดหน้าขอไปก่อนแล้ว เขาจึงได้แต่ยิ้มขื่นๆ ไม่พูดอะไร โชคดีที่วันนี้ได้เห็นกลอนรักอันยอดเยี่ยมที่นี่แล้ว พี่หยางเองก็พอใจอย่างยิ่ง รู้สึกว่าวันนี้มาไม่เสียเที่ยว แถมได้ข่าวใหญ่ไปลงในหนังสือพิมพ์ด้วย อีกสักครู่เขาคงต้องขอยืมต้นฉบับจากอาจารย์เหลิ่งมาใช้สักหน่อย
อีกทางด้านหนึ่ง เฉาเหมิงเหมิงฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ ยกของกองใหญ่มาให้จางเย่ "พี่ชาย ลำบากพี่แล้วล่ะ ช่วยเซ็นให้เพื่อนหนูหน่อยสิ"
อาจารย์เหลิ่งกล่าวทักท้วง "มากขนาดนี้? ไม่กี่เล่มก็พอแล้วมั้ง อย่าให้ลำบากอาจารย์จางสิ"
"ไม่เป็นไรครับ" จางเย่รีบบอก ทุกคนชอบเขาจนไว้หน้ากันขนาดนี้ทั้งที ในเมื่อคนอื่นๆ ไว้หน้าเขา เขาเองจะไม่ไว้หน้าคนอื่นได้อย่างไร?
กล่าวจบ ชายหนุ่มจึงเซ็นให้ทีละเล่ม รวมแล้วสามสิบกว่าเล่ม
อาจารย์เหลิ่งกระพริบตามองชายหนุ่มตาปริบๆ รอจางเย่เซ็นให้เฉาเหมิงเหมิงจนครบหมด อาจารย์เหลิ่งจึงกระแอม กระอ้อมกระแอ้มถาม "งั้น อาจารย์จาง คุณเซ็นให้ฉันด้วยสักครั้งได้ไหมคะ?"
จางเย่ยิ้มกว้างกล่าว "ได้แน่นอนครับ คุณเกรงใจไปแล้ว"
ตอนนี้อาจารย์ไม่เหลือมาดของครูประจำชั้นเสียแล้ว รีบคุ้ยหาของในกระเป๋าถือ แล้วหยิบสมุดออกมาให้จางเย่เซ็น ดูเหมือนจะเป็นแฟนคลับจางเย่ตัวจริงเสียงจริง
หลังเขียนเสร็จ จางเย่กล่าว "ยัยเหมิงเหมิงเป็นเด็กซน หวังว่าคุณจะช่วยดูแลเธอสักหน่อยนะครับ ถ้าเธอก่อเรื่องอะไรขึ้น คุณติดต่อผมมาได้เลย ผมจะจัดการเธอเอง" คำพูดนี้คือการขอให้อาจารย์เหลิ่งช่วยดูแลน้องสาวเขาให้มากหน่อย
……
ใกล้สามทุ่มเข้าไปทุกที
งานปีใหม่ของโรงเรียนเมืองหลวงหมายเลขสิบห้าจบลง รายการทั้งหมดถึงเวลาเสร็จสิ้น
จางเย่อำลาเหล่าผู้ปกครองกับอาจารย์เหลิ่ง ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะกลับกับเฉาเหมิงเหมิง ครูใหญ่พลันเดินมาหา ชัดเจนว่าเขาได้ยินแล้ว
"อาจารย์จาง" ครูใหญ่ยิ้มพลางยื่นมือมาหา
"สวัสดีครับท่านผู้อำนวยการ" จางเย่เองก็จับมือเขาตอบ
ครูใหญ่ถอนหายใจ "ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาร่วมงานปีใหม่ของเรา ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก ต้องขอเชิญคุณขึ้นเวทีให้สักรายการ อย่างนั้นจะดีมากเลย"
จางเย่กล่าว "วันนี้ให้เด็กๆ ได้แสดงฝีมือ ผมไม่กล้าขึ้นไปวุ่นวายหรอกครับ"
ครูใหญ่กล่าว " ‘แด่ต้นเซียง’ นี่ ทำให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ มีกลอนบทนี้ของคุณ งานเลี้ยงปีใหม่เล็กๆ ของเรานับว่ามีชื่อแล้ว" อารมณ์เขากำลังดีจริงๆ ถ้าเกิดว่าเป็นดาราระดับ B ระดับ C อย่างคนอื่นๆ ครูใหญ่คงไม่สนใจ มาก็มาสิ ไม่เห็นจะเป็นอย่างไร แต่ว่าคนมาเป็นจางเย่ ทั้งยังแต่งกลอนบทหนึ่งขึ้นมาเผยแพร่ครั้งแรกในโรงเรียนพวกเขา เท่านี้ก็ต่างกันเห็นๆ แล้ว ถ้าเชิญดารามาแสดงในโรงเรียน จะต้องถูกคนวิจารณ์แน่นอน อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นสถานศึกษา ทว่าจางเย่กลับไม่ใช่ดาราทั่วไป แต่เป็นนักเขียนที่มีความสามารถเชิงวรรณศิลป์สูงส่ง! กลอนบทนี้สำหรับพวกเขาชาวโรงเรียนเมืองหลวงหมายเลขสิบห้าย่อมมีความหมายต่างออกไป ต่อไปเวลาคนพูดถึง ‘แด่ต้นเซียง’ ทุกคนต้องนึกถึงงานเลี้ยงปีใหม่ของโรงเรียนเมืองหลวงหมายเลขสิบห้าทันที และยังช่วยให้โรงเรียนพวกเขาพลอยมีชื่อเสียงขึ้นมาด้วย!
ครูใหญ่ประทับใจอย่างมาก ถ่วงเวลาจางเย่ชวนคุยอยู่นาน
ครูคนอื่นๆ เองก็เข้ามาคุยกับจางเย่ด้วยความสนอกสนใจเช่นกัน
……
เกือบสามทุ่ม
จางเย่เพิ่งจะพาเหมิงเหมิงออกจากโรงเรียน กลับไปเอารถที่หน้าร้านหม้อไฟ สตาร์ทรถ BMW X5 รุ่นกันกระสุน ไปส่งเฉาเหมิงเหมิงกลับบ้าน
ระหว่างทาง เฉาเหมิงเหมิงนั่งอยู่ข้างๆ ยังคงตื่นเต้นไม่หาย "พี่! วันนี้พี่ทำหนูได้หน้าหนักม๊ากมาก! ฮ่าๆๆ! วันนี้เป็นวันเจ๋ง! ได้โชว์แล้ว! พี่เห็นหน้าของพวกนั้นรึเปล่า? ตะลึงจังงันแน่ะ! เพราะ ‘แด่ต้นเซียง’ ของพี่หมดเลย!”
จางเย่กลอกตาใส่เธอ "แค่ครั้งนี้นะ ไม่มีครั้งหน้าแล้ว หน้าที่เธอคือการตั้งใจเรียน อย่ามาสนใจกับเรื่องไร้สาระพวกนี้!"
เห็นได้ชัดว่าเฉาเหมิงเหมิงฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ยังคงพูดเพ้อต่อไป "พี่ หนูร๊ากกกก รักพี่มาก! พี่เป็นไอดอลของหนูตลอดไป! ต่อไปหนูโตขึ้นจะเอาอย่างพี่! จะเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่! ไปไหนก็มีแฟนคลับจำหนูได้! เข้ามาขอรูปถ่ายลายเซ็นหนูเต็มไปหมด!"
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*