ตอนที่ 975 : งานใหม่?
ตอนบ่ายวันนั้น
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ต่งซานซานถือผลไม้กับอาหารบำรุงกำลังนิดหน่อยมาเยี่ยม
แม่ยิ้มกว้าง "อ๊ะ ซานซานมาแล้วหรือ?"
ต่งซานซานยิ้มก่อนตอบว่า :คุณป้า คุณลุง"
"รีบเข้ามา รีบเข้ามา" พ่อเองก็ออกมาต้อนรับ "ซื้อของมาอีกแล้วเหรอ?"
แม่เองก็แกล้งทำเป็นไม่พอใจพลางตอบว่า "หนก่อนก็บอกไปแล้วนี่นา ไม่ต้องซื้อของมาให้แล้ว เด็กคนนี้นี่นะ ทำไมถึงได้ขี้เกรงใจแบบนี้ มา รีบเข้ามาในห้องเร็วเข้า”
ต่งซานซานมองหาไปรอบๆ “จางเย่ล่ะคะ?”
ในห้องน้ำมีเสียงดังลอดออกมา “เข้าห้องน้ำอยู่"
ต่งซานซานปิดจมูก “เร็วเข้า มีเรื่องใหญ่มาบอกนายแน่ะ”
“รู้แล้ว” ด้านในมีคำตอบออกมา
วันนี้ต่งซานซานแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ อากาศอบอุ่นแล้ว เธอสวมกระโปรงยาว รวบผมเป็นหางม้าแบบง่ายๆ ดูเหมือนย้อมผมมา ก่อนหน้านี้ผมยังเป็นสีดำอยู่แต่ตอนนี้ดูเป็นสีน้ำตาลอ่อนเล็กน้อย
ประตูยังไม่เปิดออก เพื่อนบ้านสูงวัยคนหนึ่งที่อยู่นอกประตูสอดส่ายสายตามองเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ
แม่กะพริบตา “เจ๊สาม?”
ผู้หญิงคนหนึ่งตอบกลับมาอย่างประหลาดใจ “ไอ้หยา เป็นต่งซานซานจริงๆ ด้วย!”
ต่งซานซานหันกลับไป ยิ้มให้ “สวัสดีค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นเชิญตัวเองเข้ามาเรียบร้อย ในพริบตาก็เข้ามาอยู่ในห้องแล้ว “ฉันชอบรายการของคุณมากเลย ขอถ่ายรูปคู่ด้วยได้ไหม?” ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมา “เหล่าจาง ถ่ายรูปให้พวกเราสักรูปสิ”
พ่อยิ้ม “ได้”
เสียงชัตเตอร์ดังแชะ แชะ
จางเย่ออกมาจากห้องน้ำแล้ว พูดติดตลกว่า “ป้าสาม ทำไมกับผมป้าไม่เห็นอยากถ่ายรูปคู่ด้วยเลย?”
หล่อนกวาดตามองมารอบหนึ่ง “ถ้าแกมีเวลาว่างฉันก็จะมาหาอยู่หรอก รูปคู่กับแกมีประโยชน์อะไรกัน? ฉันไปละ คุยธุระกันไปเถอะ” พูดจบก็หยิบโทรศัพท์มาอย่างทะนุถนอมแล้วเดินออกไป
ต่งซานซานตอนนี้ความนิยมสูงมาก คนที่รู้จักเธอนับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นประเภทที่แค่พูดชื่อออกมาก็เป็นที่รู้จัก ได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้มีบริษัทเอเจนซี่ใหญ่บริษัทหนึ่งติดต่อมาหาเธอ ภายในหนึ่งปีนี้ค่าตัวพลิกกลับไปมาหลายครั้ง แม้ว่าความนิยมของจางเย่จะมากกว่าเธอ แต่ทางด้านมนุษยสัมพันธ์เห็นได้ชัดว่าแตกต่างกัน ภูมิหลังของต่งซานซานภูมิหลังสะอาดหมดจด ไม่เคยโดนข่าวลือ บริษัทที่ไหนล้วนเต็มใจติดต่อเธอ สถานีโทรทัศน์ไหนๆ ก็ชื่นชอบเธอ ไหนเลยจะเหมือนจางเย่ ทั่วทั้งตัวพ่วงคำตำหนิเป็นกระบุงโกย เป็น “ระเบิด”โดยสมบูรณ์ในวงการบันเทิง
คุยกันสองสามประโยคในห้องรับแขก
แล้วจางเย่ถึงพาต่งซานซานเข้าไปในห้องนอนของตนเอง
หลังปิดประตูจางเย่ก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็ส่งให้เธอตัวหนึ่ง แต่ว่าต่งซานซานไม่นั่ง มือหนึ่งลูบกระโปรง นั่งลงที่ปลายเตียง
จางเย่เอ่ยถาม “วันนี้เธอไม่ทำงานเหรอ?”
ต่งซานซานยักไหล่ “เซียนเกะเป๊ะเนื้อต้องหยุดออกอากาศแล้ว นายยังไม่รู้เรื่องเหรอ?”
“หยุดออกอากาศ?” จางเย่งุนงง
ต่งซานซานเอ่ยว่า “ปีที่แล้ว เดอะวอยซ์เพิ่งออกมา ทำให้เกิดตลาดรายการเพลงขึ้น แต่ว่าความต้องการของผู้ชมที่มีต่อรายการเพลงเองก็สูงขึ้นด้วย ถึงแม้ดูเหมือนเซียนเกะกับเดอะวอยซ์จะไม่ใช่ประเภทเดียวกัน แต่ก็เลี่ยงผลกระทบได้ยาก เมื่อเดือนก่อนเรตติ้งของเซียนเกะเป๊ะเนื้อตกลงอีกแล้ว ถึงจะรักษาไว้ได้ที่ประมาณ 0.75% แต่ว่าสถานีก็ตัดสินใจหยุดออกอากาศ หูเกอกับทางหัวหน้าทีมเองก็มีความเห็นแบบเดียวกัน ทุกคนล้วนไม่อยากทำต่อ ต่างก็อยากทำรายการใหม่ด้วยกัน ใครจะไม่อยากมีปีที่น่าจดจำด้วยการเป็นแชมป์เรตติ้งของทั้งประเทศล่ะ?”
“เรตติ้งอันดับหนึ่งของทั้งประเทศ?” จางเย่ยิ้ม “นั่นไม่ง่ายนะ”
ต่งซานซานตอบกลับทันที “เพราะงั้นฉันถึงมาหานายไงล่ะ”
พอได้ยินจางเย่ก็ยิ้มเจื่อน “นี่เธอยังคาดหวังกับฉันอยู่อีกเหรอ?”
“ใช่” ต่งซานซานมองมาที่เขา “พวกเราไม่มีผลงาน แต่นายมีนี่ นายทำสารคดีเรื่อยเปื่อยออกมาเรื่องนึงเรตติ้งก็เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ เขี่ยรายการวาไรตี้อื่นๆ ลงมาทั้งหมด ไม่ให้เรามานายแล้วจะให้เราไปหาใคร? ฉันมาครั้งนี้ก็คือมาเชิญนายลงจากเขาเลยนะ แล้วก็หางานมาให้นายด้วย”
จางเย่หรี่ตา “เป็นความคิดของสถานีเธอเหรอ?”
ต่งซานซานหัวเราะ “ใช่ จะทำไม่ทำ?”
จางเย่พูดตรงไปตรงมาว่า “ฉันไม่ค่อยอยากจัดรายการแล้ว”
“งั้นนายจะไปทำอะไร?” ต่งซานซานเอ่ย “นายยังหางานไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ? สถานการณ์ของนายในวงการบันเทิงนายยังมองไม่ออกอีกเหรอ? หนีให้ไกลแค่ไหนได้ก็จะทำ เท่าที่ฉันรู้ ตอนนี้ยังไม่มีสถานีโทรทัศน์ไหนกล้ารับคนโง่อย่างนายเลย เขากลัวเรื่องยุ่งยากกันทั้งนั้นแหละ”
จางเย่ตอบแบบประหลาดใจสุด “งั้นทำไมพวกเธอถึงกล้าเชิญฉันล่ะ?”
ต่งซานซานยิ้ม "นายก็รู้จักผู้อำนวยการสถานีของพวกเราไม่ใช่เหรอ? คุณนายบอกแล้ว ตอนที่สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งมีปัญหา จางน้อยก็มองข้ามเรื่องขัดแย้งในอดีตมาช่วยพวกเรา อดหลับอดนอนทั้งวันทั้งคืนทำโฆษณาเลิกบุหรี่ออกมา ตอนนี้นายจางน้อยมีปัญหา พวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วยเหลือ เธอว่ามาอย่างนี้นะ"
จางเย่เงียบงันไปครู่หนึ่ง "ฝากไปขอบคุณเธอด้วยนะ"
"นายไปขอบคุณเองเถอะ ฉันพูดไม่ออกหรอกเวลาอยู่กับผู้อำนวยการ ไม่ได้มีหน้ามีตาแบบนายสักหน่อย" ต่งซานซานนั่งไขว่ห้าง กล่าวว่า "อย่างที่บอกไป ถ้านายจะกลับไปละก็ยังมีพวกหูเกอกับสมาชิกทีมเก่าอยู่ จะทำรายการใหม่หรือทำพวกรายการเพลงก็ได้ แต่ว่าครั้งนี้ต้องเล่นใหญ่หน่อย ทุนไม่นับเป็นอะไร ขอแค่เป็นนายจัดการ ไม่ต้องสนใจเรื่องจำนวนเงินที่ต้องลงทุนก็ได้ หัวหน้าผู้กำกับ หัวหน้าวางแผนงาน ให้เป็นนายทั้งหมด พิธีกรให้มีได้สองคน หนึ่งชายหนึ่งหญิง พวกเราสองคนออกทีวีไปก่อนชั่วคราว"
จางเย่ถาม "ถ้าหากฉันถูกแบนล่ะ?"
ต่งซานซานตอบ "ถ้าเป็นพิธีกรไม่ได้ งั้นเชิญนายไปในฐานะแขกรับเชิญก็ได้"
"ถ้าแขกรับเชิญก็เป็นไม่ได้ล่ะ?" จางเย่ถาม
"ลองดูก่อนเถอะ ไม่ได้จริงๆ ก็รอพายุพัดผ่านไปก่อนค่อยว่ากันก็ได้ รายการสามารถเลื่อนออกไปเดือนสองเดือนได้ เบื้องบนจับตาดูนายไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกจริงไหม? ต้องมีวันที่ปล่อยผ่านสักวันละ" ต่งซานซานพูดจบก็ขยับรองเท้าส้นสูง หัวรองเท้ากระทบกับสลิปเปอร์ของจางเย่ "เป็นไง? ลองคิดดูหน่อยแล้วกัน"
ความจริงแล้วงานนี้ช่วยได้มากจริงๆ ในช่วงเวลาที่ทั้งวงการไม่มีใครกล้ากวนน้ำให้ขุ่นเช่นนี้ สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งกลับกล้ายืนขึ้นมอบตำแหน่งให้จางเย่ แถมยังเป็นตำแหน่งงานที่เหมาะสมด้วย กระทั่งสามารถเลื่อนเวลาของรายการออกไปได้เพื่อเขา? พูดถึงแค่ความสัมพันธ์จุดนี้ จางเย่ก็ยอมรับแล้ว ในความคิดของเขานี้คือการส่งฟืนไฟกลางหิมะแบบที่เขาคาดไม่ถึง ยิ่งไปกว่านั้นจางเย่ยังรู้ด้วยว่าสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งต้องแบกรับความเสี่ยงเป็นอย่างมาก!
แต่ว่า เรื่องที่จางเย่ตัดสินใจไปแล้วปกติยากจะเปลี่ยนใจ ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เขาไม่อยากทำงานเป็นพิธีกรแล้วจริงๆ แต่ถ้าเขาไม่ทำงานเป็นพิธีกรไม่ปรากฏตัวต่อหน้ากล้อง แบบนั้นรายการที่เขาไปเป็นผู้กำกับก็จะไร้ความหมาย งานเบื้องหลังงานหนึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถสนับสนุนอันดับความนิยมต่อสาธารณชนที่ต่ำที่สุดของเขาบนทำเนียบดาราระดับAได้
ครุ่นคิดเพียงไม่กี่นาที
จางเย่ก็ตอบว่า "ซานซาน เธอขอบคุณหูเกอกับผู้อำนวยการแทนฉันทีนะ ฉันไม่อยากก่อปัญหาให้พวกเธอจริงๆ"
ต่งซานซานเอ่ยว่า "จะไม่มาจริงๆ เหรอ?"
"เป็นหัวหน้าผู้กำกับกับพิธีกรน่ะช่างเถอะ แต่เรื่องการวางแผนต่างๆ ฉันช่วยพวกเธอทำได้" จางเย่หัวเราะอย่างมีความสุข "วางใจเถอะ งานวางแผนฉันรับทำ เห็นแก่หน้าเธอ เห็นแก่หน้าหูเกอแล้วก็เห็นแก่หน้าผู้อำนวยการสถานี ฉันต้องทำรายการที่ยอดเยี่ยมออกมาให้พวกเธอแน่นอน"
"คิดอีกรอบเถอะ"
"ไม่ต้องแล้ว"
"ทำไมถึงไม่อยากเป็นพิธีกรคู่กับฉันขนาดนี้นะ?'
"ไม่ใช่แบบนั้น ฉันทำงานพิธีกรจนเบื่อแล้ว ทุกวันต้องทำหน้ายิ้มแย้มอยู่บนเวที พูดสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ก็ไม่ได้ น่าเบื่อจะแย่ ฉันน่ะ อยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อมดูสักระยะ"
"งั้นนายจะไปทำอะไร?"
"ไม่รู้สิ"
"ก็ได้ ถ้าหางานได้อันดับแรกต้องบอกฉันนะ"
"เพื่อ?"
"ฉันอยากเห็นว่าใครกล้าหาญชาญชัยขนาดนั้น"
"เฮ้อ ดูเธอพูดเข้า"
"ทำไม? รับไม่ได้เหรอ?"
ก็ใช่
ใครจะกล้าบ้าบิ่นขนาดมาเชิญเขาในเวลาแบบนี้?
จางเย่ในตอนนี้ กระทั่งปรากฏตัวต่อหน้ากล้องยังยากเลย กระทั่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับเขาทุกวันนี้ยังถูกควบคุมและจำกัด ดาราที่ไม่อาจปรากฏตัวหน้ากล้องได้คนหนึ่งจะไปมีความหมายอะไร? ไม่ต้องพูดถึงดาราระดับ A เลย ต่อให้เป็นระดับซุปเปอร์สตาร์ก็ตาม
เฮ้อ
ตกลงแล้วทำอะไรดีนะ?
สรุปแล้วทำอะไรได้บ้างเนี่ย?