下載應用程式

章節 9: 0009

บทที่ 8 ลองใช้ “สติกเกอร์โชคร้าย”!

------------------------------------------------------------------------------

CM >> แปล

Pleosuriya >> ตรวจ

CM >> เช็ก + เกลา

********************************

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป

ช่วงเที่ยง จางเย่นั่งกินอาหารกลางวันที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

มื้อเที่ยงของเขาคือซาลาเปา ซาลาเปา และก็ซาลาเปา ซาลาเปาสามลูกอิ่มท้องพอดี

หลังจากสำรวจอยู่หลายวัน จางเย่ก็เริ่มคุ้นเคยกับงาน อุปกรณ์เครื่องใช้ และสายสัมพันธ์ของคนในแผนก ชายหนุ่มได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรค่อนข้างมาก แม้จะต้องเรียนรู้ทุกอย่างนี้ด้วยตัวเอง คนที่หัวหน้ามอบหมายให้ดูแลเขาอย่างเถียนปินกลับเพิกเฉยไม่สนใจเขาโดยสิ้นเชิง หลังจากคุ้นเคยสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน จางเย่ก็ได้แต่ทำงานจุกจิกขณะที่เฝ้ารอคอยโอกาส จนถึงตอนนี้ชายหนุ่มยังไม่ได้จัดรายการเลย ถ้ามีโอกาสได้เป็นดีเจสำรองก็คงจะดี ทว่าบรรดาผู้จัดรายการทั้งแปดเก้าคนนั้น แต่ละคนสุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัย ไม่มีใครโดนรถชนหรือว่าโดนไฟดูดบ้างเลย เฮ้อ

“จางน้อย” มีคนเรียกเขาจากด้านข้าง

จางเย่หันมาพูดด้วยท่าทีไม่เร่งรีบ “มีอะไรเหรอ?” เขาจำความรู้สึกแรกเมื่อเห็นหน้าคนๆ นี้ได้ว่าเขาตกใจมาก พริบตานั้น ในหัวจางเย่ผุดคำพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาทันที — ในที่สุดเอเลี่ยนก็บุกโลกแล้ว!

จริงๆ นะ คุณต้องมาเห็นว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง ด้วยตัวเอง!

ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าหลี่ซื่อ เป็นชื่อที่บ้านๆ สุดๆ คู่กับจางซานและเสี่ยวหมิง สามชื่อสุดโหลที่ทุกคนต่างรู้จัก สาเหตุที่จางเย่อคติกับคนผู้นี้เป็นเพราะวันนั้น คนที่นินทาเขากับคู่ผัวเมียเถียนปินก็คือพนักงานรับโทรศัพท์คนนี้นั่นเอง ตอนนั้นหมอนี่วิจารณ์ว่าจางเย่หน้าตาน่าเกลียด จางเย่คิดดูแล้วก็แทบจะอดหัวเราะไม่ได้ คนพูดนี่ท่าทางจะไม่เคยส่องกระจกดูหน้าตัวเองเลย หน้าอย่างฉันดูยังไงก็เรียกได้ว่าปกติธรรมดา ส่วนนาย? นึกแล้วนึกอีกก็คงมีแต่กลอนบทนี้แหละที่จะบรรยายได้!

นายเปรียบเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า

นายเปรียบเหมือนหมอกควันอันหนาแน่น

นายเปรียบเหมือนจันทร์สว่างแสนเรืองรอง

นายเปรียบเหมือนฝุ่นละอองในสายลม

-อืม ไม่ว่ายังไงก็ไม่เหมือนคนนั่นแหละ

หลี่ซื่อวางปึกกระดาษ A4 ลง “พี่เถียนจะเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่ในรายการภาคดึกคืนนี้ เรื่องสุดท้าย ‘ปีศาจร้ายศูนย์นาฬิกา’ เพิ่งออกอากาศจบไปเมื่อวาน วันนี้เราจะเริ่มเรื่อง ‘เพรียกวิญญาณ’ ที่เพิ่งได้ลิขสิทธิ์มาอาทิตย์ที่แล้ว ตามแผนที่วางไว้จะมีทั้งหมด 50 ตอน นี่เป็นสคริปต์ของสองตอนแรก” โดยปกติคนรับสายโทรศัพท์จะทำหน้าที่คัดกรองสายของผู้ฟังที่โทรเข้ามาในช่วงรายการสด แต่ทุกวันนี้รายการส่วนใหญ่อัดเทปไว้ล่วงหน้า งานคนรับสายโทรศัพท์จึงกลายเป็นเตรียมสคริปต์สำหรับรายการไปแทน รายการ ‘เรื่องสยองขวัญยามค่ำคืน’ ของเถียนปินใช้สคริปต์ที่เขาเป็นคนดัดแปลงแก้ไข ซึ่งเขาก็เขียนสัญลักษณ์และการตรวจทานไว้เสมอ

จางเย่พูดกลับ “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?”

หลี่ซื่อมองเขา “นายช่วยพี่เถียนปรับแก้เนื้อหาในบางย่อหน้าด้วย บางส่วนมันเกี่ยวพันกับ เรื่องการเมืองนิดหน่อย งานตีพิมพ์กับการออกอากาศมันไม่เหมือนกัน เลยต้องปรับแก้ไปตามกฎระเบียบ อ้อ อีกอย่างฉันต้องทำหมายเหตุประกอบแล้วก็งานอื่นๆ ด้วย รายการคืนนี้จะออกอากาศสด เวลาไม่พอแล้ว”

จางเย่ถูกหัวหน้าสั่งให้เรียนรู้งานจากเถียนปิน งานนี้เขาเลยปฏิเสธไม่ได้ ต้องรับมันมาทำ

ช่วงบ่ายใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน

จางเย่ที่ต้องปรับแก้ไขบทก็เท่ากับได้อ่านบทแรกๆ ของนิยายเรื่องนี้ไปด้วย เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างธรรมดาและมีพล็อตเรื่องที่ซ้ำซากจำเจ จากที่เขาเข้าใจ ‘เพรียกวิญญาณ’ เป็นนิยายแนวลึกลับเหนือธรรมชาติที่ดังมากในช่วงนี้ ต้นฉบับตัวจีนย่อขายดีเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ทว่า เมื่อเทียบกับนิยายเหนือธรรมชาติแนวปล้นสุสานที่จางเย่รู้จักแล้วกลับห่างชั้นกันไกล นิยายแนวเหนือจริงของโลกนี้สู้นิยายปล้นสุดสานไม่ได้เลยทั้งในแง่ของความสนุกและความลึกลับซับซ้อนตลอดทั้งเรื่อง เมื่อจางเย่ลองเช็คดูบนอินเทอร์เน็ตก็พบว่าโลกนี้ไม่มีงานแนวปล้นสุสาน ยังไม่มีใครเขียนเรื่องแนวนี้ ตลาดนิยายก็ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ ขาดความแปลกใหม่หลากหลาย

ทันใดนั้นเถียนปินก็มาถึงที่ทำงานซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับรายการภาคดึก ดีเจที่มีรายการออกอากาศสดมักจะมาทำงานเอาช่วงบ่ายหรือเย็นไปเลย

จางเย่ยื่นสคริปต์ให้เขา “แก้เสร็จเรียบร้อยแล้ว” เดี๋ยวนี้เขาไม่เรียกเถียนปินว่า ‘พี่เถียน’ อีกแล้ว ตามนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นส่วนตัวของเขา

“หลี่ซื่อให้นายทำงั้นเหรอ?” เถียนปินหยิบมาอ่านแล้วกล่าว “อืม ใช้ได้ เปลี่ยนเป็นแบบนี้ก็ได้” แต่ไม่พูดขอบใจหรือชมสักคำ

หลี่ซื่อเดินเข้ามาพูดคุยเรื่องสคริปต์กับเถียนปินต่อ

ขณะที่จางเย่กำลังเก็บของเตรียมจะเลิกงาน โอกาสที่เขารอคอยมากว่าหนึ่งอาทิตย์ก็มาถึง

ผู้ช่วยจากฝ่ายบรรณาธิการเดินมาหาจางเย่ เมื่อเห็นชายหนุ่ม ชายวัยกลางคนก็รีบหยุดเขาไว้ “จางน้อย จะกลับแล้วเหรอ?”

จางเย่ตอบรับ “ใช่ครับ”

ผู้ช่วยกล่าวต่อ “รอก่อนนะ มีอะไรให้ช่วยหน่อย”

“ไม่ต้องเกรงใจครับ จะให้ผมทำอะไรบอกมาได้เลย” เด็กใหม่จะต้องมีความทรหดอดทน จางเย่เข้าใจกฎข้อนี้ดี

ผู้ช่วยคนนั้นมองดูแฟ้มเอกสารในมือ “คืนนี้นอกจาก ‘เรื่องสยองขวัญยามค่ำคืน’ ที่จะออกอากาศสดบทแรกแล้ว ยังจะมีอีกรายการหนึ่ง เป็นรายการสัมภาษณ์นาทีทอง เราเพิ่งเชิญแขกมาได้ ทางนั้นอยากได้ดีเจชั่วคราวมาช่วยเสริมบรรยากาศ ช่องวรรณกรรมตอนนี้มีนายเป็นดีเจสำรองเพียงคนเดียว อืม ฉันไม่แน่ใจว่านายจะทำได้รึเปล่านะ เพราะนายก็เพิ่งเข้ามาทำงานได้อาทิตย์เดียวเอง อาจยังขาดประสบการณ์อยู่บ้าง ถ้าเป็นการอัดรายการก็ยังหยุดได้ ผิดพลาดก็แก้ไขอัดซ้ำตัดต่อได้ แต่ออกอากาศสดทำไม่ได้ ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็จะยุ่งยากไปหมด ฉันเลยต้องมาถามก่อน”

จางเย่รับปากทันที “ผมไม่มีปัญหาครับ ตอนนี้ก็คุ้นเคยกับงานเรียบร้อยแล้ว คุณไว้ใจผมได้เลย!” นี่แหละสิ่งที่เขาเฝ้ารอ!

ผู้ช่วยจากฝ่ายบรรณาธิการยังลังเลจึงหันไปถามเถียนปินที่อยู่ข้างๆ “อาจารย์เถียน คุณเป็นคนสอนงานจางน้อยใช่ไหม? คิดว่าเขาทำได้หรือเปล่า? ถ้าคุณคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรฉันจะให้เขาลองดู นี่คนจากรายการก็เร่งฉันมา อีกไม่นานก็จะถึงเวลาออกอากาศแล้ว ต้องรีบเตรียมตัวให้พร้อม”

จางเย่มองเถียนปินอย่างคาดหวัง

จางเย่ถูกจ้างมาเป็นดีเจ สักวันก็ต้องได้จัดรายการอยู่แล้ว และตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้า โดยทั่วไปก็ไม่น่าจะมีใครขวาง น่าจะออกปากสนับสนุนด้วยซ้ำ

แต่ทว่า การตอบสนองของเถียนปินกลับผิดความคาดหมายของหลายคน เขาเงียบไปหลายวินาที ขมวดคิ้วก่อนบอก “เขาเพิ่งจะเข้ามาและยังไม่คุ้นเคยดี อย่าเพิ่งดีกว่านะ”

อย่าดีกว่า?

ผู้ช่วยฝ่ายบรรณาธิการงงไปเช่นกัน ได้แต่ครางในลำคอ

จางเย่ที่ได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจ "ผมจบจากคณะการสื่อสารกระจายเสียง เคยผ่านการฝึกงานมาแล้ว ดังนั้นผมคุ้นเคยกับมันดี เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ผมก็ใช้เป็น..."

เถียนปินกลับขัดขึ้นด้วยท่าทางเหมือนผู้มีประสบการณ์ “จางน้อย ฉันรู้ว่านายจบมาสายตรง พื้นฐานแน่น แต่รายการสดมันไม่เหมือนกัน ต้องมีความสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ นายยังห่างอีกไกล ที่ฉันพูดแบบนี้ก็เพราะฉันเป็นพี่เลี้ยงของนาย นายค่อยๆ เริ่มเก็บสะสมประสบการณ์ไปจะดีกว่า” ด้วยประโยคง่ายๆ แค่นี้ เขาได้ทำลายโอกาสของจางเย่ที่จะได้จัดรายการ ส่วนเหตุผลที่เถียนปินทำเช่นนี้ เพราะเขาสังเกตได้ถึงทัศนคติของจางเย่ที่เปลี่ยนไป ไม่แม้แต่จะเรียกเขาว่า ‘พี่เถียน’ เถียนปินหัวเราะเยาะในใจอย่างเย็นชาและใช้โอกาสนี้เล่นงานชายหนุ่ม

ผู้ช่วยจากฝ่ายบรรณาธิการไม่มีทางเลือกได้แต่เก็บแผนรายการกลับแล้วบอกว่า “เอาล่ะ งั้นอาจารย์เฉินของช่องเรา วันนี้ไม่มีรายการใช่ไหม? เดี๋ยวฉันไปขอให้อาจารย์เฉินมาออกรายการแทนก็แล้วกัน”

เมื่อถูกทำลายโอกาส จางเย่ก็เปิดศึกกับเถียนปินทันที “อาจารย์เถียน นี่ฉันไปยุ่งกับนาย ไปล่วงเกินนายตอนไหนเหรอ? เรื่องงานนายก็ไม่เคยบอกเคยสอน ฉันถามอะไรนายก็ไม่ตอบ มาตอนนี้ฉันมีความสามารถอะไรนายก็ไม่รู้แต่กลับพูดว่าฉันทำไม่ได้ ขนาดโอกาสเป็นผู้ช่วยชั่วคราวของฉันก็ยังต้องขวาง? แล้วยังเอาฉันไปนินทาลับหลังอีก? นี่ฉันไปฆ่าพ่อฆ่าแม่นายหรือไง? ทำไมต้องทำกันขนาดนี้?”

เถียนปินไม่คิดว่าจางเย่จะกล้าพูดกับเขาขนาดนี้ จึงตะคอกกลับ “ไหนแกลองพูดอีกครั้งสิ!”

หลี่ซื่อรีบเข้ามาขวางแล้วว่า “เด็กใหม่อย่างนาย พูดกับพี่เถียนแบบนี้ได้ยังไง? นี่คิดจะทำตัวขบถเหรอ?”

ทุกคนในสำนักงานหันมามองพวกเขาที่กำลังมีเรื่องกัน แต่แค่เพียงมองดูเท่านั้น ไม่มีใครเข้ามาห้ามปราม

เถียนปินชี้นิ้วใส่จางเย่ “เจ้าเด็กนี่ ไม่รู้จักซาบซึ้งน้ำใจ! ฉันไม่ให้แกไปก็เพื่อปกป้องตัวแกเอง! อยากให้แกค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อน! แกกลับมาตะโกนใส่ฉัน? หาว่าฉันพูดนินทาแกลับหลังงั้นเหรอ? จะสาดโคลนใส่ฉันหรือไง?”

จางเย่พูดด้วยเสียงเย็นชา “นายรู้อยู่แก่ใจว่าพูดอะไรกับหลี่ซื่อไว้ตอนนั้น!”

ทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกันต่างไม่มีใครยอมใคร จนสุดท้ายจึงมีเพื่อนร่วมงานอาวุโสเข้ามาห้าม ความจริงแล้วทุกคนต่างรู้ดีว่าเถียนปินมีนิสัยเสียชอบพูดนินทาลับหลังคนอื่น เพราะฉะนั้นสิ่งที่จางเย่พูดไปจึงมีมูล ยิ่งไปกว่านั้นจางเย่ถูกจ้างมาเป็นดีเจสำรอง เถียนปินไม่ใช่แค่ไม่ช่วยดูแลเด็กใหม่ กลับใช้ให้ทำงานจิปาถะของตัวเองเสียอย่างนั้น ครั้นพอเด็กใหม่ทำเสร็จ ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เด็กใหม่ได้จัดรายการ? นี่มันเกินไปหน่อยจริงๆ เป็นใครก็ต้องไม่พอใจ!

เถียนปินและหลี่ซื่อเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว

จางเย่มองไล่หลังพวกเขาพร้อมแค่นเสียงใส่ เขารู้ว่าคนเราต้องรู้จักซุกหางทำตัวดีๆ เข้าไว้ แต่เมื่อถูกรังแกกันขนาดนี้ เขาจะไม่เกรงใจมันอีกต่อไป เถียนปินทำเกินไปแล้ว! ให้อัดมันน่ะเหรอ? ก็โดนไล่ออกน่ะสิ ด่ามันน่ะเหรอ? ดูเหมือนผลลัพธ์น่าจะเหมือนกัน นี่เป็นงานที่จางเย่ได้มาอย่างยากลำบาก เขาไม่ยอมเสียมันไปเด็ดขาด เขาจำเป็นต้องใช้สถานีวิทยุเป็นบันไดก้าวแรกสู่ชื่อเสียง!

เดี๋ยวนะ!

สติ๊กเกอร์โชคร้ายนั่นไง!

จางเย่พลันคิดถึงไอเทมใหม่ที่เขาเพิ่งได้มาจากลอตเตอรี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เขาไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไรและไม่เคยคิดจะลองใช้มัน แต่ว่าในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันก็จะลองกับนายเนี่ยแหละ!

แหวนเกมเป็นสิ่งสำคัญต่ออนาคตของชายหนุ่ม เขาต้องเข้าใจว่าไอเทมในนั้นใช้อย่างไรและได้ผลแค่ไหน ในเมื่อมีคนจ้องเล่นงานเขาขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ลองตอนนี้จะไปลองเมื่อไร?

ไม่รู้ว่าเจ้าโชคร้ายนี่สุดท้ายแล้วจะเป็นโชคร้ายแบบไหน!

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

CM : เห็นคำว่าซาลาเปาแล้วนึกถึงเปาบุก อยากอ่านกลอรี่ต่อแล้วอ่าาาา

จางเย่พูดกลับ “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?” <= กวนตีนเห็นๆ เด็กใหม่แบบนี้ไม่น่ารักเลย

TurKish_TEA : เถียนทำจางน้อยก่อนนะ ทำกลับไม่โกง ฮุๆ


Load failed, please RETRY

禮物

禮品 -- 收到的禮物

    每周推薦票狀態

    Rank -- 推薦票 榜單
    Stone -- 推薦票

    批量訂閱

    目錄

    顯示選項

    背景

    EoMt的

    大小

    章評

    寫檢討 閱讀狀態: C9
    無法發佈。請再試一次
    • 寫作品質
    • 更新的穩定性
    • 故事發展
    • 人物形象設計
    • 世界背景

    總分 0.0

    評論發佈成功! 閱讀更多評論
    用推薦票投票
    Rank NO.-- 推薦票榜
    Stone -- 推薦票
    舉報不當內容
    錯誤提示

    舉報暴力內容

    段落註釋

    登錄