ภายในห้องของโอเอซิส อัศวินเกราะสีดำทมิฬสี่คน สามชายหนึ่งหญิง กำลังพากันยืนดูท้องฟ้านอกระเบียงด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ท้องฟ้านอกระเบียงตอนนี้ถูกโอเอซิสเปลี่ยนให้เป็นภาพแผนที่จักรวาลขนาดใหญ่ ในแผนที่มีลูกศรสามเหลี่ยมสีแดงจำนวนมาก กำลังพากันมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง
เดรโกว อัศวินหมายเลขหนึ่ง พูดขึ้น
"พวกปีศาจโดนเราใช้วงแหวนเวทย์ปิดกั้นมิติเอาไว้ พวกมันจึงใช้วิธีเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสงแทน แบบนี้ต้องใช้เวลาอีกร้อยปีถึงจะมาถึงโลก"
เรฟาย อัศวินหญิงเพียงหนึ่งเดียว พูดขึ้นบ้าง
"มันไม่มาโลกหรอก แต่มันมุ่งเป้ามาที่นี่ต่างหาก"
เรฟายชี้ไปที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายโลก
พ็อย อัศวินหมายเลขสี่ มองดาวเคราะห์ดวงนั้นอย่างเพ่งพินิจ
"ดาวดวงนั้นเราเคยไปช่วยเมื่อหลายสิบปีก่อนนี่"
เรฟายตอบ
"ใช่ แต่กองทัพปีศาจใหญ่ขนาดเจ็ดดาวเคราะห์ ต่อให้ฝึกฝนสกิลมาแล้วเป็นสิบปี ยังไงก็สู้ไม่ไหว"
วอชเชอร์ อัศวินหมายเลขสาม มองอย่างคิดวิเคราะห์
"เจ็ดดาวเคราะห์ ถ้าเราจะสู้โดยไม่สูญเสียคนของเราเลย เราคงต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มี ซึ่งนั่นเราคงจะต้องทิ้งโลกนี้ไป"
โอเอซิสที่ยืนฟังอยู่นานเอามือซ้ายกอดอกแล้วเอามือขวาลูบคาง ก่อนจะเอ่ยถาม
"ใช้เวลาเท่าไหร่กองทัพขนาดมหึมานั่นถึงจะถึงดาวเคราะห์ดวงนั้น"
เรฟายตอบให้
"หนึ่งเดือนค่ะ"
"หนึ่งเดือน สัญญาลักษณ์เรืองแสงสีแดงเข้มข้นขนาดนี้ ในกองทัพนั่นคงเต็มไปด้วยขุนพลปีศาจระดับสูง"
วอชเชอร์ออกความเห็น
"พวกปีศาจอาจจะคิดเปลี่ยนเป้าหมายไม่เอาโลกแล้วก็ได้"
โอเอซิสส่ายหัว
"ไม่ใช่"
โอเอซิสตอบเสร็จก็นิ่งคิด นั่นทำให้เหล่าอัศวินพากันเงียบไปด้วย ครู่หนึ่งโอเอซิสก็ดีดนิ้วดังเป๊าะ
"เรากำลังโดนมัดมือชก"
วอชเชอร์ถามอย่างสงสัย
"ยังไงครับ"
"กองทัพทรงพลังขนาดนั้น ถึงจะใช้กองทัพของเราทั้งหมด ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ สามปีกว่าจะจัดการได้ และไหนจะต้องอพยพประชาชนเพื่อไม่ให้โดนลูกหลง ประตูมิติที่เราเชื่อมกับโลกไว้ คงจะต้องถอนคืนก่อนทั้งหมด"
เรฟายมีท่าทีตกใจ
"ถ้าเป็นแบบนั้นโลกคง"
โอเอซิสพยักหน้า
"ใช่ ปกป้องอีกโลกเสียอีกโลก พวกชั่วนั่นวางแผนไว้หมดแล้ว"
"แล้วเราจะทำยังไงดีคะ"
โอเอซิสนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองชีฟที่ยืนดูอยู่ด้านหลังพวกเขา โดยบนหัวของชีฟนั้นมีปีศาจดอกไม้ตัวเล็กเกาะอยู่ด้วย
"พวกเจ้าทั้งสี่ มีใครรู้มั้ยว่าทำไมดอกไม้นั่นถึงเชื่อฟังเด็กหนุ่มคนนั้น โดยไม่มีสกิลควบคุม"
เรฟายแปลกใจ
"เป็นไปไม่ได้ พืชปีศาจไม่เคยเชื่อฟังใครมาก่อน แม้แต่ราชาปีศาจ พวกมันยังต่อต้าน"
วอชเชอร์เดินเข้าไปใกล้ชีฟ
"เจ้าเป็นใคร พ่อหนุ่ม"
ราชินีแห่งความงามส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ อยู่บนหัวของชีฟ
ชีฟเกาหัวเล็กน้อย เพราะเขาก็เป็นคนปกตินี่แหละ
"เอ่อ ผมก็..."
โอเอซิสตัดบทให้
"มนุษย์ธรรมดา"
ดวงตาของวอชเชอร์เรื่องแสงสีแดงขึ้นมา
"มนุษย์จริงด้วย งั้นคงไม่มีอะไรต้องถามเจ้า"
วอชเชอร์หันไปจ้องมองพืชตัวเล็กที่อยู่บนหัวชีฟแทน
"หนุ่มผู้นี้เป็นใคร ทำไมเจ้าจึงเชื่อฟังเขา"
เจ้าดอกไม้จ้องกลับก่อนจะพูดภาษาแปลก ๆ ออกมา
"##$$#@#$@#"
วอชเชอร์หันกลับไปมองอัศวินคนอื่น
"มีใครเข้าใจภาษาของเจ้านี่บ้าง"
ทุกคนส่ายหัว นั่นรวมถึงโอเอซิสด้วย
เจ้าดอกไม้ใช้มือซ้ายชี้ไปที่มือขวาของมันหลายครั้ง วอชเชอร์เห็นแล้วก็พูดออกมา
"นี่เจ้าจะบอกว่าเจ้าใช้ภาษามือได้"
เจ้าดอกไม้พยักหน้า ก่อนจะโชว์มือขวาที่เป็นรากไม้มีห้านิ้วเหมือนกับมนุษย์ขึ้นมา จากนั้นก็หันหลังฝ่ามือไปให้เหล่าเทพ ก่อนจะกำนิ้วก้อยนิ้วนางนิ้วชี้และนิ้วโป้งลงมา เหลือไว้เพียงนิ้วกลางที่ชูตั้งอยู่
วอชเชอร์มีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
"แก"
เจ้าดอกไม้หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ โดยไม่สังเกตเลยว่าเจ้าของศีรษะที่มันเกาะอยู่กับกำลังมีเหงื่อไหลออกมาเต็มใบหน้า แม้ในห้องจะเปิดแอร์ไว้เย็นฉ่ำก็ตาม
วอชเชอร์ชักดาบอัศวินสีแดงที่ข้างเอวออกมา ราชินีแห่งความงามใช้ขาที่เป็นรากของมันยืดออกแล้วจุ่มลงไปในสระน้ำ ก่อนจะขยายใหญ่กลายเป็นดอกไม้ขนาดยักษ์เช่นเดิม พร้อมกับมีหน่อดอกสีม่วงปรากฏออกมาสี่ดอก ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย
โอเอซิสพูดด้วยน้ำเสียงอันเรียบนิ่งแต่ทรงพลัง
"หยุด!"
วอชเชอร์เก็บดาบของตัวเองเข้าฝัก ส่วนราชินีแห่งความงามก็สลายหน่อที่เป็นดอกสีม่วงของตัวเองทิ้งไป แต่ยังคงขนาดเท่าเดิมเอาไว้ แล้วมาอยู่ข้าง ๆ ชีฟ ส่วนชีฟก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
โอเอซิสหันไปมองเรฟายที่เปิดหน้าต่างโฮโลแกรมขึ้นมาตรงหน้าตนเอง
"หาเจอมั้ย"
"ค่ะ เจ้าดอกไม้นั่นใช้ภาษาปีศาจที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก ข้าคงต้องขอเวลาอีกสักหน่อยในการใส่ภาษานี้ลงไปในระบบ"
โอเอซิสมองไปทางชีฟเมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วเผยรอยยิ้ม
"ข้าไม่รู้เกี่ยวกับเจ้า เทพชั่วช้าพวกนั้นก็ไม่รู้เช่นกัน"
วอชเชอร์หันกลับไปมองโอเอซิส
"ท่านมีแผนแล้ว"
โอเอซิสยิ้มอย่างมีเลศนัย
"ใช่ พวกเราจะทำตามแผนของพวกมัน เราจะถอนตัวจากดาวโลก"
หลังจากบอกแผนการบางอย่างให้ชีฟเสร็จ โอเอซิสก็ส่งชีฟกลับบ้านในตอนเช้าของอีกวัน ชีฟเดินเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงกว่า แต่อีฟยังกระโดดเชือกเล่นอยู่เลย ชีฟจึงเข้าไปทักน้องสาว
"อีฟ วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ"
อีฟยิ้มแล้วตอบ
"วันนี้วันเสาร์ค่ะ"
ชีฟชะงักนิดหน่อย
"เอ่อ จริงด้วย แล้วครูน้ำตาลละ"
"นอนหลับอยู่บนห้องของพี่ชาย"
ชีฟลูบหัวอีฟอย่างเอ็นดู
"ขอบใจนะ"
จากนั้นชีฟก็เดินไปที่ครัวหลังบ้าน ก่อนจะใช้เครื่องปั่นทำน้ำปั่นโสมออกมา แล้วถือแก้วขึ้นไปบนห้อง เมื่อเปิดประตู ชีฟก็แอบเหลือบมองครูสาวแสนสวยที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง แก้วน้ำถูกวางไว้บนหัวเตียง ก่อนที่เจ้าของแก้วจะกระโดดขึ้นไปสวมกอดครูสาวจากด้านหลัง
"ที่รักจ๋า"
ครูน้ำตาลตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย ก่อนจะหันไปมองแฟนหนุ่มของเธอ
"กลับมาแล้วเหรอ"
"มีของดีมาให้กินด้วย"
"อะไร"
ครูน้ำตาลลุกขึ้นนั่งโดยมีชีฟลุกตามขึ้นมา ชีฟชี้ไปที่แก้วน้ำบนหัวเตียง
"น้ำปั่นย้อนอายุ ดื่มแค่อึกเดียว ร่างกายก็จะเด็กลงห้าถึงสิบปี"
ชีฟพูดแล้วยิ้มแฉ่งก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายดื่ม
ครูน้ำตาลมองแก้วน้ำบนหัวเตียง ความคิดบางอย่างก็เริ่มทำให้เธอมีน้ำโหขึ้นมา
"จริงมั้ยเนี่ย"
ชีฟพยักหน้า
"อืม ๆ"
ตลอดมาชีฟทำตัวดี ไม่มีท่าทีสนใจสาวอื่น และเหตุการณ์ตอนเจ้าสัวขู่จะทำร้ายเธอที่พ่อเธอเล่าให้เธอฟังก็ทำให้เธอมั่นใจ แฟนเด็กตรงหน้าของเธอมากขึ้น ถึงอีกฝ่ายจะหื่นไปนิด แต่อย่างอื่นก็เข้ากับเธอได้หมด นั่นทำให้เธอไม่เคยคิดมากอะไรเลย นอกจากเรื่องอายุที่ห่างกันมาก เรื่องนี้ทำให้เธอแอบน้อยใจเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายจะเบื่อเธอเข้าสักวัน เมื่อเธอแก่ตัว
เมื่อตอนนี้อีกฝ่ายหาเรื่องทำให้เธอเป็นสาวแรกรุ่นเพื่อขอมีเพศสัมพันธ์กับเธอในตอนที่ยังสาว อยู่ดีดีความโกรธมันก็พุ่งขึ้นมา
เพี๊ยะ! มือขวาประทับเข้าที่แก้มซ้ายของชีฟเต็มแรง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว สายตาอันดุดันของครูน้ำตาลจ้องมองชีฟเขม่น บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปในทันที
"รักพี่แค่ตัวเหรอ"
ชีฟมีอาการสั่นกลัวเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงเบา
"มะ ไม่ใช่ ผมขอโทษ"
ครูน้ำตาลที่เห็นอีกฝ่ายกลัวเธอจนตัวสั่นก็แอบเห็นใจเล็กน้อย แต่บางอย่างเด็กตรงหน้าเธอมันก็ทำเกินไป
ชีฟก้มหน้ามองเตียงและไม่กล้าสบตา ครูน้ำตาลที่เห็นดังนั้นก็ดึงชีฟมากอดไว้ในอ้อมอก ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แล้วใช้มือลูบแผ่นหลังชีฟอย่างแผ่วเบา
"กลัวมั้ยเมื่อกี้"
ชีฟพยักหน้า
"งั้นอย่าทำอีกนะ พี่ไม่ชอบ"
ชีฟพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะกอดครูน้ำตาลไว้แน่น แต่สักพักชีฟก็ผละออกจากครูน้ำตาล
"ผมขอตัวไปข้างล่างก่อนนะ"
ว่าแล้วชีฟก็ออกจากห้องไป
ครูน้ำตาลมองอีกฝ่ายอย่างสงสารเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายดันทำเกินไปจริง ๆ เธอจึงต้องสั่งสอนบ้าง ครูสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นเธอก็เหลือบไปมองแก้วน้ำที่อยู่บนหัวเตียง
"ลืมไว้อีก"
ครูน้ำตาลถือแก้วน้ำขึ้นมาแล้วลุกจากเตียง แต่เมื่อสายตาเธอเหลือบไปเห็นเงาตัวเองจากกระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เธอก็เกิดความคิดบางอย่าง
'อึกนึงลดห้าถึงสิบปีงั้นเหรอ'
ครูน้ำตาลจ้องมองแก้วน้ำในมือ ก่อนที่ความคิดบางอย่างจะทำให้เธอเผลอไปหยิบหลอดส่วนตัวออกมาจากกระเป๋าที่โต๊ะแล้วใส่ลงไปในแก้ว
'ถ้าจิบนึงจะลดกี่ปีเนี่ย'
ริมฝีปากค่อย ๆ ขยับเข้าไปประทับที่หลอดดูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
พรวด ชีฟเปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง
"พี่ ผมลืมกะ..."
ครูสาวสะดุ้งสุดตัวก่อนจะเผลอดูดน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ชีฟจ้องมองครูสาวแล้วกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อกี้พึ่งจะโกรธหนักจนตบเขาอยู่เลย
ครูน้ำตาลหันมาจ้องมองชีฟ และเหมือนพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เธอก็รู้สึกมึนหัวเสียก่อน แก้วถูกวางทิ้งใส่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างแรง ก่อนที่เธอจะล้มลงบนเตียง ร่างกายที่มีทรวดทรงที่ใหญ่โต ก็ค่อย ๆ หดเล็กลงทีละเล็กละน้อย เล็กลงจนกระทั่งเธอกลายเป็นสาวน้อยที่มีอายุราว ๆ สิบสามสิบสี่ปี
ชีฟเดินเข้าในห้องเพื่อดูอาการของครูสาว ก่อนจะขึ้นไปนั่งข้าง ๆ ครูน้ำตาลเมื่อหายมึนหัวก็ลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องมองเงาตัวเองในกระจก ตอนนี้ครูสาวเหมือนกับสาวน้อยตัวเล็กที่ใส่ชุดนอนของผู้ใหญ่ เธอมองสำรวจร่างกายตัวเองที่ดูอ่อนเยาว์แล้วแอบอมยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่ามีไอ้หื่นมันนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอก็ตีหน้าเครียดแล้วหันไปจ้องอีกฝ่าย
ชีฟจ้องครูตาโต แม้จะดูเล็กลงมาก แต่สำหรับเด็กอายุสิบสามสิบสี่แล้ว ขนาดหน้าอกของเด็กสาวตรงหน้ามันก็ยังดูใหญ่อยู่ดี ชีฟยิ้มแล้วพูด
"ใหญ่แต่เด็กเลยเหรอ"
ครูน้ำตาลก้มมองหน้าอกของตัวเอง ชุดนอนบาง ๆ ที่เอาไว้ยั่วยวนอีกฝ่ายมันทำให้ชายตรงหน้าสามารถเห็นหน้าอกของเธอได้ชัดเจน เธอจ้องมองแฟนของเธอเขม่น แล้วถามเสียงดุ
"จะเป็นตลอดไปมั้ยเนี่ย"
ชีฟยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วตอบ
"สองชั่วโมง เหลือเฟือ"
ครูน้ำตาลคิ้วกระตุกกึกกึก ไอ้เด็กตรงหน้าเธอมันไม่เข็ด ครูสาวยิ้มหวานให้อีกฝ่ายก่อนจะเอามือไปโอบรอบคอ
ชีฟมองครูเด็กสาวตรงหน้าอย่างฝันหวาน แต่แล้วก็ต้องมีอันชะงักเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นแล้วแทงเข่าใส่หน้าอกของเขาเต็มรัก
"อยากได้โลลินักใช่มั้ย ห๊ะ อยากได้นักใช่มั้ย"
ครูเด็กสาวแทงเข่าซ้ายเข่าขวาใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง ชีฟจุกจนร้องไม่ออก จึงได้แต่ทำหน้าที่เป็นกระสอบทรายที่ดีต่อไป