Nunnung ' s
"คนนี้หรอที่ยิงเฮีย"
"ใช่ครับ คุณหนู"
"เอาข้อมูลมาดูหน่อย"
"นี่ครับ"
เสียงบทสนทนาของคนที่ผมไม่คุ้นเคยดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมา ผมจำเหตุการณ์ก่อนหน้าได้ราง ๆ ว่าหลังจากที่เวนิสเป้าหมายของผมโดนใครก็ไม่รู้ลอบยิงก่อนที่ผมจะได้ลงมือ แล้วผมก็วิ่งหนีบอดี้การ์ดสองสามคนมาหลบหลังพุ่มไม้แต่อยู่ ๆ ก็มีเสียงใครสักคนดังขึ้นพร้อมกับเล็งปืนมาที่ผม ผมอาศัยเทคนิคที่เรียนมาต่อสู้กับมัน แต่เพราะจำนวนคนที่น้อยกว่าและฝีมือการต่อสู้ของมัน มันดึงตัวผมเข้าไปใกล้ก่อนที่ผมจะโดนมันใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตที่เอว จากนั้นสติของผมมันก็เลือนรางไปหมดเลย ผมกะพริบตาถี่เพื่อปรับโฟกัสภาพตรงหน้ารู้สึกหัวมันหนักเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบอย่างไงอย่างงั้น ผมค่อย ๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพิงกำแพงอย่างยากลำบากเพราะทั้งแขนและขาถูกโซ่มัดไว้แน่น ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ ตอนนี้ที่ผมอยู่มันเหมือนกับห้องขังไม่มีผิด และภาพตรงหน้าคือหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนมองกระดาษอะไรสักอย่างด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก กับบอดี้การ์ดอีกคนที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมยืนอยู่ใกล้ ๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลก็มีบอดี้การ์ดอีกสองคนยืนอยู่พร้อมกับถือปืนในมือเหมือนพร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ และถ้าผมเดาพวกมันคงจับผมมาฆ่าทิ้งเพราะคิดว่าผมฆ่าคุณเวนิสสินะ จบสิ้นแล้วชีวิตนอกกำแพงที่ใฝ่ฝัน สุดท้ายผมก็ต้องมาตายที่นี่สินะ
"ฟื้นแล้วหรอ" เสียงยานคางของหญิงสาวที่ผมได้ยินตอนแรกเอ่ยถามผมทันทีที่เธอหันมาก่อนที่ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ จะหันหน้ามาทางผมเป็นตาเดียว บอดี้การ์ดคนที่หน้าโหดที่สุดที่ตอนแรกยืนถือปืนอยู่เดินตรงมาที่ผมก่อนที่มันจะดึงตัวผมให้นั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมกับหญิงสาวในชุดเดรสรองเท้าผ้าใบเสริมส้นที่เดินตรงมาที่ผม เธอมองหน้าผมเหมือนพิจารณาอะไรบางอย่างก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
"ทุกคนออกไปก่อน" เธอหันไปออกคำสั่งกับทุกคนดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในคนที่มีอำนาจของบ้านสินะ หรือเธอจะคือคุณหนูเบอร์ลินลูกสาวคนเล็กที่แทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเลย และบอดี้การ์ดทุกคนก็เดินออกไปเหลือแต่บอดี้การ์ดหน้าหล่อที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก
"เซฟ แกด้วย" เธอหันไปสั่งคนที่ยืนอยู่
"คุณหนูจะทำอะไรครับ" คนที่ชื่อเซฟถามด้วยสีหน้าเครียดเล็กน้อยก่อนจะมองผมกับคุณหนูของตัวเองสลับกันไปมา
"เค้นเอาความจริงไง"
เธอพูดพร้อมกับเดินไปหยิบกล่องเครื่องมืออะไรสักอย่างที่เหมือนกับเครื่องมือช่าง นี่คงจะไม่ได้เอาอุปกรณ์พวกนั้นมาทรมานผมใช่ไหม
"ผมเคยบอกว่าไงครับ การทรมานคนมันเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ" บอดี้การ์ดที่ชื่อเซฟพูดออกมาพร้อมกับเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ ผม
"คุณหนูก็รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ" เซฟมันพูดขึ้นมา กล่องเครื่องมือนั้นก็เลยถูกวางที่พื้นตามเดิมก่อนที่เธอจะยืนขึ้นมากอดอกอยู่ตรงหน้าผม
"พวกคุณเป็นใครกันแน่" ผมเอ่ยถามพวกเขาสองคน เพราะพวกเขาดูต่างจากไอ้บอดี้การ์ดที่เหลือมาก โดยเฉพาะคนที่ชื่อเซฟ ไม่รู้สิผมรู้สึกว่าคน ๆ นี้ไม่ธรรมดา เขาดูมีอำนาจถึงไม่ได้มีอำนาจที่สุดก็ตาม
"เอาเป็นว่าอยู่ที่นี่ อย่าเพิ่งตายก็พอจนกว่ากูจะได้ตัวคนร้ายตัวจริง" เซฟมันก้มหน้าลงมาบอกผม ผมมองคนทั้งคู่ด้วยความไม่เข้าใจ พวกเขาดูแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
"ไปเรียกยูโรกับเมตรมาจัดการได้แล้ว ถ้าปล่อยให้หน้าหมอนี่สะอาด ไอ้เฮียเวกัสมันอาละวาดแน่" เธอหันไปบอกไอ้เซฟก่อนที่มันจะเดินออกไปและเธอก็จ้องมองมาที่ผม
"ก่อนไปฉันมีตัวเลือกให้นาย อยากมีชีวิตอยู่เพื่อดูโลกนอกกำแพงมั้ย แค่ตอบว่าอยากหรือไม่อยากก็พอ" เหมือนกำลังโดนเล่นสงครามประสาทยังไงก็ไม่รู้ แล้วถ้าผมตอบว่าอยากเธอจะไว้ชีวิตผมหรือไง
"อยาก แต่แล้วไงสุดท้ายพวกคุณก็ฆ่าผมอยู่ดี" ผมพูดอย่างตัดพ้อยังไงผมก็ต้องตายอยู่ดีไม่ว่าผมจะเลือกคำตอบไหนก็ตาม
"ไม่ต้องห่วงหรอก อยู่ที่นี่นายจะปลอดภัย" เธอพูดพร้อมกับเค้นยิ้มให้ผม แต่ผมเชื่อเธอได้จริง ๆ หรอว่าผมจะปลอดภัย
"น้ำหอมของนายหอมดีนะ แล้วก็ดูเหมือนจะเป็นกลิ่นโปรดของปีศาจประจำบ้านนี้ซะด้วย" ทำไมผู้หญิงคนนี้ชอบพูดอะไรที่ทำให้ผมไม่เข้าใจอยู่เรื่อยหรือว่าผมโง่วะ แล้วก็พูดเรื่องน้ำหอมเหมือนคุณเวนิสเลย ผมบอกว่าผมไม่ได้ใช้น้ำหอมไง พี่น้องบ้านนี้มันแปลก แต่ยังไม่ได้ถามอะไรเธอก็เดินหายไปแล้ว เหลือแต่เพียงบอดี้การ์ดสองคนที่เดินเข้ามา
"กูจัดการได้แล้วใช่มั้ย" ผู้ชายตัวใหญ่หันไปถามไอ้คนที่ผมจำมันได้ดีเพราะมันเอาปืนจ่อหัวผม มันพยักหน้าเป็นเชิงว่าตามสบายเท่านั้นแหละหมัดหนัก ๆ พุ่งมาที่หน้าผมอย่างจัง ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากโซ่ที่มัดตัวผมอยู่ แน่จริงมึงก็ปล่อยกูดิมาต่อยกับกูตัวต่อตัวมา
"มึงกล้ามากนะที่ฆ่าคุณเวนิสอะ" มันพูดด้วยความโมโหแล้วเตะมาที่ท้องผมซ้ำ ๆ จนจุกไปหมด
"กูไม่ได้ทำ" ผมบอกมันเท่านั้นแหละเหมือนไปเติมเชื้อเพลิงให้มัน มันยิ่งเตะผมหนักกว่าเดิม
"กูบอกว่ากูไม่ได้ทำ! กู...อั่ก" ผมงอตัวบนพื้นด้วยความจุก ไม่ไหวแล้ว เหมือนร่างจะพังอยู่ตรงนี้ทำไมมันไม่ฆ่าผมสักที
"ยูโร" ผมได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะได้หันไปมองให้หมัดหนักนี่มันก็กระทบผมไม่หยุดจนผมหมดแรงแล้ว
"มันบอกว่ามันไม่ได้ทำครับ แต่เราตรวจสอบแล้วกระสุนปืนที่อยู่ในปืนพกมันกับที่คุณเวนิสโดนยิงเป็นชนิดเดียวกันครับ" ยูโรมันพูดอยู่กับใครสักคนแต่เพราะไอ้ยักษ์ตรงหน้ามันบังผมก็เลยเห็นหน้าเขาไม่ชัด
"มันชื่อฮาร์เปอร์ครับ แต่ทางหัวหน้าหน่วยตรวจสอบแล้ว เป็นบัตรปลอมครับ จากการตรวจสอบลายนิ้วมือ มันชื่อนับหนึ่ง ณัฐชนน ชัญญาวัชร ครับ เป็น เอ่อ..."
จู่ ๆ ไอ้ยักษ์นี่มันก็หยุดกระทืบผมเหมือนต้องการให้ผมพัก ผมหอบเหนื่อยด้วยความเจ็บและล้าพยายามกัดฟันสู้ พยายามจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น
"เป็นพลเมืองในกำแพงครับ"
แต่ยังไม่ทันจะได้พยุงตัวเองขึ้นหมัดหนัก ๆ ก็ซัดมาที่หน้าผมไม่ยั้งอีกครั้ง แต่ไม่ใช่จากไอ้ยักษ์นั่นแต่เป็นใครอีกคนที่พุ่งตัวมาต่อยผมไม่ยั้งผมพยายามลืมตามองหน้าเขา ก่อนจะต้องตกใจเพราะคนที่กำลังต่อยผมคือคุณเวนิส แต่เป็นไปได้ยังไง เขาตายไปแล้วนี่ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรหรือตอบโต้อะไรเขาก็ซัดหมัดมาใส่ผมอีกรอบ
"คุณเวกัสหยุด พอเถอะครับ!" แต่ยังไม่ทันที่หมัดที่สี่จะโดนหน้าผมเขาก็ชะงักค้างก่อน ผมหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะพบกับไอ้เซฟที่เพิ่งจะออกไปไม่นาน และผมก็หันมามองหน้าไอ้คนที่มันยังชะงักหมัดค้างไว้อยู่ ที่แท้คนนี้ก็คือคุณเวกัสหรอ เหมือนกันมากจริง ๆ
"คุณเวกัส" เสียงนุ่มที่กดเสียงต่ำแกมบังคับทำให้คนที่คร่อมตัวผมอยู่หันไปมองเขาแล้วลุกขึ้นจากตัวผมทันที ผมบอกแล้วไงว่าไอ้เซฟมันดูไม่ธรรมดาจริง ๆ
"มึงมีไรรีบพูด"
"เบาๆหน่อยเถอะครับ ยังไงเขาก็เป็นโอเมก้า"
"กูไม่สน รีบพูดมา"
ผมนอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยจ้องมองบทสนทนาของคนทั้งคู่ตอนนี้รับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่คละคุ้งอยู่เต็มปากแล้ว แต่นอกจากกลิ่นคาวเลือดผมกับได้กลิ่นเปลือกไม้อีกครั้งถึงแม้มันจะจางมากก็ตาม
"พอดีคุณท่านให้ผมมาตามคุณเวกัสครับ"
"ก็แค่นี้แหละ" เขาพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์แล้วหันไปสั่งไอ้คนที่ชื่อยูโร
"เฝ้ามัน อย่าเพิ่งให้มันตาย กูยังไม่สะใจ"
"ครับ"
สิ้นเสียงนั้นยูโรมันก็จับตัวผมให้นั่งลงพิงกำแพงดี ๆ แล้วพวกมันก็เดินออกไปเหลือแต่ไอ้ยูโรที่ยืนเฝ้าผมอยู่หน้าห้องขังแต่ตอนนี้ผมหมดแรงที่จะคุยกับใครแล้วขอนอนพักเถอะว่าแล้วก็ค่อยๆ หลับตาลง
ผมอยากให้นี่เป็นแค่ฝันร้ายจัง อยากตื่นขี้นมาแล้วพบว่าตัวเองได้มีความสุขอยู่นอกกำแพงที่ไหนสักที่ ได้มีบ้านของตัวเองได้ทำอาชีพที่ฝัน ได้ทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำ แต่มันจะเป็นไปได้ไหมนะสำหรับคนไร้ค่าอย่างผม
แปะ แปะ แปะ
จู่ๆก็รู้สึกเหมือนอะไรเย็น ๆ ตบหน้าเบา ๆ ทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนจะพบกับใบหน้าดุของไอ้เวกัสที่จ้องมาที่ผมอยู่ ผมถดตัวหนีเขาด้วยความเหนื่อยและหวาดกลัวแต่เขาก็ดึงตัวผมไว้
"กูไม่ทำอะไรมึงหรอก ลูกรักพ่อกูเขาจ้องอยู่" มันพูดพร้อมกับหันไปมองไอ้เซฟที่จ้องมาทางผมกับมัน แล้วเวกัสมันก็หันกลับมาทางผมอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่มันจะแปะแผ่นอะไรสักอย่างให้ผมที่แก้มแล้วค่อยๆ ใช้แผ่นประคบเย็นประกบที่ปากผมอย่างเบามือ จริงๆ มันก็เป็นคนอ่อนโยนคนหนึ่งเลยนะไม่นับที่มันต่อยผมเมื่อกี้ แต่ผมเข้าใจถ้าเป็นผมก็คงโกรธที่พี่ชายตัวเองโดนฆ่าตายด้วยฝีมือใครก็ไม่รู้
"อย่าลืมทายาให้เขาด้วยนะครับ" ไอ้เซฟมันสั่งอย่างกับมันเป็นเจ้านายเลย
"เออรู้ แล้วนี่มึงเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมหรอ" ไอ้เวกัสมันหันไปโวยวาย
"ไม่นะครับ"
"แล้วกลิ่นซีฟรุตมาจากไหน"
"ก็ลองใช้สัญชาตญาณของอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ดูสิครับ" ไอ้เซฟพูดอย่างยียวนส่งผลให้คนตรงหน้าผมมันทำน้ำเสียงฮึดฮัด ก่อนจะหันมาทำแผลให้ผมแล้วก็เปิดเสื้อผมเพื่อทายาอย่างเบามือเหมือนกับว่าถ้าทำผมเจ็บแล้วไอ้เซฟมันจะด่าอย่างไงอย่างงั้น
"เสร็จแล้ว" เวกัสลุกขึ้นทันทีที่มันทายาให้ผมเสร็จ จู่ ๆ มันก็หอบเหมือนเหนื่อยอะไรสักอย่าง เหงื่อเม็ดใสไหลเลอะใบหน้าของมัน มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น มันมองมาที่ผมเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ผมเงยหน้าสบตามัน ผมเพิ่งเห็นว่าดวงตาสีน้ำตาลแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาสีแดงวาวโรจน์แล้วก่อนจะหันไปเจอไอ้เซฟที่ดวงตาก็เปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินเหมือนกัน
"เซฟ ไม่ หยุด!" ไอ้เวกัสรีบเข้าไปสกัดตัวไอ้เซฟที่กำลังจะพุ่งตัวมาหาผมทั้งคู่ผลักดันกันไปมาก่อนที่ไอ้เวกัสมันจะผลักไอ้เซฟอย่างแรงจนชนกับกำแพงอีกฟาก ผมมองการกระทำของคนทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับความรู้สึกหวาดกลัวจนต้องขยับถอยหนีให้พ้นรัศมีของคนสองคนที่ต่อสู้กันอยู่
"ยูโร ไอ้ยูโร!" เสียงเวกัสตะโกนลั่นพร้อมกับดันตัวเซฟไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ห้องขัง
"ครับคุณเวกัส เกิดอะไรขึ้น"
"ไปเรียกหมอเอายามาฉีดให้มันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอัลฟ่าในบ้านคลั่งตายแน่"
"ครับ"
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
TBC