หลังจัดการของกินกันเสร็จก็ถึงเวลากลับบ้าน ปรากฏว่าเส้นทางไม่ได้ง่ายดายตามที่หวัง พอผ่านร้านไอศกรีมเด็ก ๆ ก็ลากผู้ใหญ่เข้าไปอย่างกับกระเพาะเป็นหลุมดำ
ถ้าจะให้ชมอะไรสักอย่างเกี่ยวกับโรม เข้าหาผู้ใหญ่เก่งคงเป็นหนึ่งในนั้น ทั้งหยิบจานมาแจก แย่งงานเด็กเสิร์ฟรินน้ำ ตักน้ำแข็ง คอยสังเกตว่าเครื่องดื่มใครพร่องแล้วบ้าง เข้าครัวไปตักไอศกรีมเองได้คงทำแล้วมั้ง
ตั้งใจทำคะแนนในฐานะว่าที่ลูกเขย (แต่งตั้งด้วยตัวเอง—พ่อตายังไม่อนุมัติหรอกนะ) ไม่หยุดหย่อน แม้ป๊าจะมองเห็นความไม่จริงใจเจือปนเจตนาดี น่าเบื่อที่ความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในตัวเขามันดันชอบ อคติดั่งกำแพงหนาชักสั่นคลอน
ยิ่งแด๊ดนี่ไม่ต้องพูดถึง รายนั้นเคยเกลียดใครนานที่ไหน ต่อให้เป็นคนที่มุ่งร้ายถึงชีวิตเขายังสามารถให้อภัย
กว่าจะกลับถึงลานจอดรถของก็พะรุงพะรังเต็มมือ เยอะเกินจนป๊าต้องแยกมาอีกคัน พ่อหนุ่มนอบน้อมแย่งถุงผลไม้และของจุกจิกไปถือเอง "ป๊าเหนื่อยไหมครับเดี๋ยวผมถือให้" ความเอื้อเฟื้อแบบหวังผลทุกวินาทีตั้งแต่ตรงลานริมแม่น้ำถึงลานวัด ยาวไปจนถึงที่จอดรถ นอกจากอุ้มหม่อนกับจูงมือตวันแล้วคนรุ่นเก่าไม่ต้องทำอะไรเลย
"เดี๋ยวผมเปิดประตูให้นะครับ" ทั้งเปิดรถ เก็บของ จัดการคาร์ซีทให้เสร็จสรรพ ไม่ให้ป๊าต้องขยับตัว
"ขอบใจมาก"
ชายหนุ่มรุ่นลูกสตาร์ทรถส่วนตัว รอพักหนึ่งให้คันข้างหน้าผ่านไปก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าแถวทางออกลานจอดชักช้าอะไรกัน กว่ากระบะล้อสูงข้างหน้าจะขับออกไปก็นั่งแช่แอร์รออยู่ในรถกันสักยี่สิบนาทีกว่า
ป๊าพึ่งรู้คำตอบเมื่อเห็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นปลาย ๆ ผู้ใหญ่ต้น ๆ ละจากรถกระบะ เดินตรงมาทางพวกเขาด้วยท่าทางอยากคุยด้วยแบบไม่เป็นมิตรนัก
โรมลดกระจกลงเพื่อฟังผู้มาใหม่
"ค่าที่จอดด้วยคร้าบบ"
"ป้ายตรงทางเข้าเขียนว่าจอดฟรีนี่" ป๊าถามกลับ คือลานวัดตรงนี้มันจอดฟรีมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มเก็บค่าจอดจะไม่ฟังเลยสักนิด ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่รถโรม ทั้งหลิ่วตาผิวปากให้รูปลักษณ์ภายนอกอันแปลกตา
"ยี่ห้อไรเนี่ยพี่ รถนอกปะ ไอ้ตราแบบนี้ผมไม่เคยเห็นเลย"
"สัก 2000 ละกันนะพี่ ถือว่าทำบุญ ๆ เนาะ"
หลังคนที่ดูท่าทางเป็นหัวโจกเรียกเสียแพงยับ ลูกหาบด้านหลังหลุดหัวเราะลั่น ป๊าไม่เข้าใจเลยว่าสถานการณ์นี้มันตลกตรงไหน
เขาถูกล้อมโดยกลุ่มหนุ่มสาวรุ่นลูกเกือบสิบชีวิต คนที่อายุมากสุดดูราว ๆ ลูกชายคนรองของเขาเท่านั้นเอง ระดับความอดทนของป๊าถึงได้สูงสักหน่อย ผิดกับผู้ที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับลิบลับ
"2000 ก็บ้าแล้ว นี่มันปล้นกันชัด ๆ" โรมสวนกลับหัวเสียกับการถูกไถเงินซึ่งหน้า "ทำไมผมต้องจ่ายด้วย"
"อะไรวะ ก็รวยนี่ แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกโว้ย"
"ไถตังค์กันดื้อ ๆ เลยนี่หว่า"
โรมไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามักมีคนโดนฉวยโอกาสอยู่ร่ำไป ยี่สิบบาทบ้างห้าสิบบาทบ้าง พอโดนไถสองพันก็เข้าใจได้ว่าทำไมมีน้ำโห
ป๊ารู้ตัวว่ากำลังใจอ่อน แต่เด็กพวกนี้…เขาเชื่อว่าทุกคนเกิดมาเป็นผ้าขาว แค่ไม่มีครอบครัวคอยดูแลเอาใจใส่อย่างถูกต้องเท่านั้นเอง การจ่ายเงินให้เรื่องจบเป็นทางออกที่ดีสำหรับเขา คิดซะว่าให้ตังค์ลูกหลานไปกินขนมกัน
ผู้แก่วัยที่สุดกำลังจะยื่นแบงก์เทาให้ แต่กลับถูกโรมยกมือขวาง
"ไม่ได้สิครับป๊า เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ เพราะยอมจ่ายง่าย ๆ นี่แหละมันถึงได้เหิมเกริม ถ้าป๊ายอมตรงนี้มันก็จะไปทำกับคนอื่นอีก"
"โรม" ป๊าเรียกชื่อเสียงเฉียบขาด ยืนยันจะยอมเต็มที่แม้รู้ว่าเหตุผลของชายหนุ่มไม่ผิดเลย "ไม่ต้องแล้ว กลับกันเถอะ"
อีกฝ่ายย่อมรู้ว่ามีทารกนั่งอยู่เบาะหลัง และเด็กอนุบาลที่หน้าถอดสีและเริ่มมีน้ำตาเกาะ แต่เขายังอ่อนประสบการณ์เกินไป เขาไม่เคยเป็นพ่อคน เขาไม่ได้ตระหนักในทุกเวลา ทุกวินาที ทุกลมหายใจว่าน้ำหนักความถูกผิดมันเบาหวิวเมื่อเทียบกับครอบครัว
"เธอไม่ได้มาคนเดียวนะ"
หลังป๊ากระซิบเบาให้คนขับรู้ตัว ชายหนุ่มเหลือบมองไปเห็นสองชีวิตตัวน้อยที่นั่งหลัง หม่อนเริ่มร้องอ้อแอ้ด้วยสีหน้าวิตกตามผู้ปกครอง ตวันแทบจะจมตัวเองลงกับเบาะเพื่อหาที่ปลอดภัย
"ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวเราก็จะได้กลับบ้านแล้ว แค่ต่อรองค่าที่จอดกันแป๊บเดียว" ป๊าพยายามเอ่ยปลอบให้นุ่มนวลที่สุด
แก๊งไถเงินอยากรู้ว่าเหยื่อซุบซิบอะไรกัน คนหนึ่งเดินไปตรงข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อให้สามารถมองเยื้องไปเห็นเบาะหลังได้ บางคนเอามืออังกระจกหลังเพื่อดูว่ามีอะไรใต้ฟิล์มหนาทึบ โรมบรึ้นรถขู่แต่นอกจากนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ถูก จะเหยียบคันเร่งชนคนที่ขวางหน้าก็กลัวเป็นปัญหาใหญ่
"เชี่ยไรวะ"
"มีลูกกันด้วยว่ะ" หัวโจกกลุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ป๊าคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ดวงตากึ่งล้อเลียนมองพวกเขาขึ้นลง ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายล้วนกับเด็กเล็กมาในลักษณะของครอบครัวยังไงก็ดูแปลกประหลาด ถึงเขากับโรมจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยก็ตาม
ความสุขมันทำให้ป๊าลืมบางอย่าง ทำให้มองข้ามสายตาของเด็กเสิร์ฟที่มองครอบครัวนี้อย่างสงสัย ทำให้เมินเฉยต่อคำซุบซิบที่บังเอิญได้ยิน ทำให้หลงลืมแววตาใคร่รู้จากผู้คนรอบตัว คล้ายเป็นสัตว์ในกรงสวนสัตว์ที่ประหลาดไปทุกท่าทาง
ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว…แต่ยังไม่หายไป ใช้คำว่า 'ยัง' น่ะใจดีเกินด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหมดไปหรอก
"ใครผัวใครเมียวะพี่"
เสียงหัวเราะเชิงล้อเลียน พ่นลมหายใจออกดูถูก
"นอกจากขี้งงแล้วยังเป็นพวก—"
ตอนนั้นเองผู้พูดนิ่งค้างเป็นอัมพาต
เด็กหนุ่มเหม่อกลางอากาศ พูดไม่ได้ ตาล่อกแล่ก ลูกตากลิ้งเกลือกมองขอความช่วยเหลือจากเพื่อน แต่ไม่มีกล้ามเนื้อสักมัดบนร่างที่ขยับ เท่ากับไม่สามารถพ่นอะไรก็ตามที่คิดอยู่ในหัวออกมาได้สักคำเดียว
สมควรแล้ว มันเป็นคำสุดท้ายในโลกที่ป๊าอยากให้ตวันได้ยิน ความสงสารเด็กรุ่นลูกก่อนหน้าบินหายไปหมด
ป๊าสำรวจดูความผิดปกติด้วยดวงตาที่เบิกขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย ตรงข้ามกับคนอื่นที่หน้าซีดเสียขวัญ ขนลุกชันไปทั่วสรรพางค์กาย
"มึง ไอ้เอ้ มึงเป็นไรวะ"
"ตอบกูสิ"
คอที่เคยแข็งข้างของเด็กหนุ่มค่อย ๆ ขยับ มันหันข้างทีละนิดจนเกิดเสียงกร๊อบอันตราย ใกล้จะหมุนกลับหลังไปทีละองศา น้ำตาของเหยื่อไหลพรากเป็นสาย ปัสสาวะกลิ่นฉุนแรงไหลซึมกางเกงยีนสีซีดเปียกเป็นวง
"ไอ้เอ้! เฮ้ย!" เพื่อนครึ่งกลุ่มช่วยเรียก อีกครึ่งวิ่งหนีก่อน แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปจับ
ในที่สุดเหยื่อก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ เด็กหนุ่มสะดุ้งเหมือนพึ่งได้ยินเสียงน่าสะพรึงตะโกนใส่หู ก่อนวิ่งหนีออกจากจุดเกิดเหตุสุดฝีเท้า
ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของอะไร มันไม่เอาถึงตาย
โรมมือสั่นอยู่ตรงพวงมาลัยรถ เขายังมองค้างอยู่ตรงที่ที่พึ่งเกิดเหตุการณ์หลอนเต็มสองตา ขนแขนกับหลังคอลุกชัน เรื่องเหนือธรรมชาติที่มาเด็ก ๆ น่ารัก ๆ ในตอนแรกเริ่มกลายเป็นเสาตกน้ำมัน คนใหลตาย และการบิดคอหมุนเกือบร้อยแปดสิบองศา
"อะ-อะไร เขาเป็นอะไรไป ไป…ไปแจ้งตำรวจกันไหมครับ"
ป๊าได้ยินแล้วอยากหัวเราะเอ็นดู เขาเป็นเด็กในเมืองจริง ๆ เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวปลอดภัย หันเข้าหาผู้พิทักษ์ของสังคมอย่างมองในแง่ดีว่าจะช่วยได้ ป๊าสงสัยนักว่ากฎหมายข้อไหนจะสามารถปัดเป่าภูตผีวิญญาณ ในเมื่อวัน ๆ ยังวุ่นกับการกีดกันคนเป็นอยู่เลย
"อย่ามีปัญหาเลยน่ะ กลับบ้านกันดีกว่า พวกนั้นไม่ตามมาแล้วล่ะ" ผู้อาวุโสเอ่ยเร่งเมื่อคนฟังยังนิ่ง "ออกรถเร็ว ตวันจะรู้สึกปลอดภัยกว่าถ้าถึงบ้านนะ"
โรมยังจมอยู่กับภาพสยองขวัญไร้การอธิบาย ตอนนี้ป๊าแนะนำอะไรไปก็ทำตามหมดโดยไม่ท้วง ไม่เอ่ยคำพูดใดจนบรรยากาศในรถเงียบน่าอึดอัด มีเพียงป๊าที่หันไปปลอบลูก ๆ บ่อยครั้ง พยายามต่อสู้กับเส้นความเครียดบนใบหน้าของเด็กทั้งสองให้จางหาย
ตอนจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านหลินโทรมาพอดี เสียงมือถือทำให้คนขับสะดุ้งโหยง
"รถเสียเหรอป๊า ไหงไม่เห็นตามมาเลยล่ะ"
"พวกเก็บค่าที่จอดน่ะลูก หลินเจอไหม"
"โหวว ยังเหลืออยู่อีกเหรอเนี่ย นึกว่าโต ๆ ไปกันหมดแล้ว"
ป๊านึกหน้ากลุ่มคนเมื่อครู่ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าคงเป็นรุ่นใหม่แทนที่รุ่นเก่ามากกว่า ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนเอาน้ำร้อนราดผู้มาทีหลังเรื่อยไป กลายเป็นวงจรอุบาทว์จนกว่าจะมีใครสักคนหยุด
"หนูไม่โดนนะ สงสัยไอ้รถบุโรทั่งของแด๊ดมันดูจนไปเลยโดนเมิน" เด็กหญิงหัวเราะอารมณ์ดี ความสุขของเธอยังไม่จางหาย ต่างจากรถอีกคันที่ขวัญหนีดีฝ่อ "ว่าแต่โอเคกันใช่ไหมป๊า"
"มีปัญหานิดหน่อยแต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เจอกันที่บ้านนะ"
_____