บทที่ 552 : ความขัดแย้งยกน้อย!
______________________________________
จากนั้นไม่นาน
ซินหย่าได้รับสายโทรศัพท์ คุยเป็นภาษาอังกฤษสักพัก จากนั้นเธอกับคณบดีพานหยางและจางเย่ก็กลับเข้าไปในออฟฟิศเพื่อรับแขกสิบกว่าคน
ฝรั่งวัยกลางคนหันมามองจางเย่ “จาง?”
เห็นเช่นนั้นซินหย่าจึงแนะนำขาเป็นภาษาอังกฤษ “นี่คือรองศาสตราจารย์จางเย่”
ฝรั่งวัยกลางคนมีท่าทางเป็นมิตรอย่างมาก “จาง ในที่สุดก็ได้เจอคุณตัวเป็นๆ แล้ว!”
“สวัสดีครับ” จางเย่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ก็ยอมจับมือด้วยโดยดี
อีกด้านหนึ่งชาวอังกฤษคนหนึ่งที่ดูอายุราวๆ สี่สิบเดินมาหาพวกเขา อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรนอกจากถามเกี่ยวกับข้อสงสัยที่มีเกี่ยวกับความคาดการณ์ของเดล เหมือนกับว่าไม่ค่อยมั่นใจเกี่ยวกับสูตรที่ใช้ในการพิสูจน์
ซินหย่ากับคณบดีพานหยางจึงพากันแนะนำตัวแต่ละฝ่ายให้จางเย่ฟัง
“นี่คือดอกเตอร์เฟิร์ธจากอ๊อกฟอร์ด”
“นี่คือศาสตราจารย์เบกเกอร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์”
“นี่คือศาสตราจารย์คาโต้จากมหาวิทยาลัยโตเกียว”
“นี่คือ......”
จางเย่เข้าสู่ช่วงแนะนำตัวอีกรอบ ตอบคำถามเกี่ยวกับความคาดการณ์ของเดลบ้างบางคำถาม ทั้งกลุ่มนี้มีคนสองคนที่จางเย่เคยพบหน้ามาก่อนในงานโอลิมปิกคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติที่จัดขึ้น ณ พระราชวังฤดูร้อน ส่วนคนอื่นๆ นั้นเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก พวกเขาต่างสนใจในตัวจางเย่ สังเกตได้จากการรัวคำถามใส่ชายหนุ่มไม่หยุด ศาสตราจารย์เบกเกอร์ถึงกับชวนจางเย่ให้ไปเข้าร่วมมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อย่างตรงไปตรงมา คณบดีพานหยางกับคนอื่นๆ จากมหาวิทยาลัยเป่ยต้าต่างมองตาเขียวปั๊ดกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าจางเย่ย่อมไม่ตอบรับ ทำเอาศาสตราจารย์เบกเกอร์คอตกไป แต่ยังไม่วายบอกจางเย่ว่าพร้อมต้อนรับเสมอหากจะไปเยี่ยมหรือติดต่ออะไรกัน นี่เป็นเพราะเขาสนใจผลการหาบทพิสูจน์ความคาดการณ์ของเดลของจางเย่ขนาดหนัก จึงหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันในอนาคต
ดูเหมือนจะมีแค่ศาสตราจารย์จากญี่ปุ่นที่ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับการคาดคะเนทางคณิตศาสตร์สักเท่าไรนัก
คาโต้พูดเป็นภาษาอังกฤษ “คุณเรียนจบมาจากที่ไหนเหรอ?”
จางเย่มองไปที่เขา “มหาวิทยาลัยการสื่อสารกระจายเสียงนครหลวง”
คาโต้ไล่สายตามองแล้วถามอีกรอบ “ใครเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ของคุณ?”
จางเย่ตอบกลับ “มีหลายคนเลยนะ มีคนหนึ่งจากสมัยอนุบาล ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย คุณอยากรู้จักคนไหนล่ะ?”
คาโต้ยังคงถามต่อ พูดอย่างไม่เชื่อว่า “ความคาดการณ์ของเดล คุณเป็นคนพิสูจน์ที่งานโอลิมปิกคณิตศาสตร์จริงเหรอ?”
จางเย่ตอบกลั้วหัวเราะ “ถ้าไม่ใช่ผมพิสูจน์ คุณเป็นคนพิสูจน์เหรอไง?”
คณบดีพานหยางขมวดคิ้ว นี่นายคิดจะทำอะไรกันแน่?
ซินหย่าเห็นท่าไม่ดี “เหมือนศาสตราจารย์คาโต้จะมีคำถามเยอะนะคะ”
คาโต้ขยับยิ้ม “ผมแค่สงสัยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ความคาดการณ์ของนักคณิตศาสตร์ส่วนมากล้วนเป็นกระบวนการที่ใช้ระยะเวลาศึกษาค้นคว้า ทดลองและพิสูจน์กันอย่างยาวนาน ทั้งยังใช้ความพยายามของทีมนักคณิตศาสตร์นับไม่ถ้วน หรือแม้กระทั่งใช้คนชั่วหลายรุ่น ที่ทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อพิสูจน์อะไรพวกนั้น พอดีว่าการแก้ไขข้อความคาดการณ์ของเดลมันฉุกละหุกไปหน่อยน่ะครับ” นอกจากเขาแล้ว ยังมีนักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่นท่านอื่นๆ อีกที่ยังคงสงสัยชายหนุ่มที่อายุแค่ 24 ปี ซึ่งสามารถพิสูจน์ความคาดการณ์ทางคณิตศาสตร์ระดับโลกได้ด้วยตัวคนเดียว พวกเขาคิดว่าถ้าคนที่พิสูจน์ได้เป็นชาวอเมริกันหรืออังกฤษ พวกเขาคงทั้งเชื่อทั้งยอมรับไปนานแล้ว แต่เขาคนนี้กลับเป็นคนจีนไปเสียได้ นี่จึงยิ่งทำให้พวกเขาสงสัยหนักเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ข้อเท็จจริงจะถูกพิสูจน์ไปแล้วก็เถอะ แต่พวกเขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าคนจีนจะมีความสามารถสูงขนาดนี้!
จางเย่มองไปที่คาโต้อย่างไม่เป็นมิตร
เหล่าคณาจารย์จากแผนกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเป่ยต้าได้ยินอย่างนี้ ต่างล้วนไม่ชอบใจ
ซินหย่าพูดกับจางเย่ “ศาสตราจารย์คาโต้มีคำถามกับข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการพิสูจน์ของเธอในช่วงกระบวนการตรวจสอบความถูกต้อง แม้ข้อสงสัยต่างๆ ของเขาจะยังไม่ถูกชี้แจง แต่ความมุมานะของศาสตราจารย์ล้วนทรงคุณค่าในการเรียนรู้” เธอพูดเหมือนกับจะยกย่องเขา แต่กลับมีความเสียดสีไม่น้อยเลย ในช่วงกระบวนการการตรวจสอบหลายวันมานี้ มีนักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกันบางคน ได้สร้างภาระงานเกินควรให้กับพวกเขาจากความจุกจิกในรายละเอียด บ้างก็ว่าตรงนี้มีปัญหา บ้างก็ว่าตรรกะตรงนั้นผิดพลาด แต่สุดท้ายพอพวกเขาไปตรวจสอบ พวกเขาก็หาข้อผิดพลาดไม่เจอแม้แต่น้อย เป็นการใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์มากเพราะอย่างนี้ ทำเอางานการเดินช้าลงฮวบฮาบ พลอยทำให้ซินหย่าและนักคณิตศาสตร์ชาวจีนที่มีส่วนร่วมในงานมีข้อขัดข้องประปราย
หานเหอเหนียนเห็นเช่นนี้ เขาจึงพยายามเข้ามาปรับสถานการณ์ให้ดีขึ้น “งานพิธีต้อนรับจะเริ่มแล้วนะครับ ทำไมเราไม่เริ่มเดินทางไปหอประชุมกันล่ะ ไหนๆ พวกเราก็อยู่กันเยอะขนาดนี้แล้ว” ถึงแม้คาโต้จะมาถึงจีนก่อนแล้ว เพราะต้องมาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อพิสูจน์ความคาดการณ์ของเดล ทว่าวันนี้เขาเป็นทั้งสมาชิกของมหาวิทยาลัยโตเกียวสำหรับการแลกเปลี่ยน อีกทั้งถูกแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนที่มาจีนในการเยี่ยมเยือนทางการทูตระหว่างประเทศ วันนี้อีกฝ่ายเป็นผู้แทน ทำให้หานเหอเหนียนไม่อยากให้สถานการณ์ต้องดูกระอักกระอ่วนมากไปกว่านี้ เขากำลังคิดถึงมุมมมองโดยภาพรวม ในเมื่อมันมีกำหนดการทางด้านการทูตมาเกี่ยวข้องด้วย
“ไปกัน”
“ใช่ ไปหอประชุมกันเถอะ”
“จวนจะเริ่มแล้วนี่”
คาโต้ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงปรายตามองจากเย่พร้อมกับนักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่นท่านอื่นๆ ก่อนจะตามคนที่เหลือไป พวกเขากำลังลงไปชั้นล่างตามการนำของคณบดีพาน
ซินหย่ากระซิบกับจางเย่ “ไม่ต้องสนใจเขา”
ข้างหลังอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเป่ยต้าคนหนึ่งได้ยินก็กล่าวว่า “ถ้าอาจารย์จางเป็นลูกครึ่งจีนครึ่งอเมริกันล่ะก็ ชาวญี่ปุ่นพวกนี้คงไม่สงสัยในตัวเขาหรอก พวกนี่นี้ดูถูกกันชัดๆ!”
ซินหย่ากล่าวเร่ง “ไปกันเถอะค่ะ”
“พวกคุณไปก่อนเลย” จางเย่พูด “ผมขอไปที่เงียบๆ จำสคริปต์ก่อน”
ซินหย่าพยักหน้านิดหนึ่ง “ดี งั้นอีกเดี๋ยวค่อยเจอกัน อย่าลืมนะว่าไปข้างหน้าหอประชุมเลย มีที่นั่งจองไว้ให้คุณแล้ว”
จางเย่ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไรนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะย้อนกลับไปโลกเก่าของเขา เขาก็ไม่เคยตั้งแง่อะไรกับคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว
……
ชั้นล่าง
จางเย่หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมก่อนจะหาที่สงบๆ นั่งลง ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศอบอุ่น รายล้อมด้วยความเขียวขจีที่แผ่คลุม เป็นฉากอันแสนงดงามแถวข้างทะเลสาบจำลอง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เป็นแม่ “ลูก”
จางเย่พูด “ครับ มีอะไรเหรอ?”
“กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?” แม่ถาม
จางเย่หยิบสคริปต์ขึ้นมา “กำลังอ่านสคริปต์ เดี๋ยวผมมีพูดให้โอวาทน่ะ”
เสียงแม่ดูตื่นเต้นมาก “เพื่อนแม่เพิ่งอ่านข่าวออนไลน์มา ได้ข่าวว่าลูกได้เป็นรองศาสตราจารย์แล้วเหรอ? เรื่องนี้จริงรึเปล่าเนี่ย?”
จางเย่ “จริงครับ ผมว่าจะบอกแม่อยู่ตอนถึงบ้าน”
แม่ “ไอ้หยา ลูกฉันคนนี้นี่เก่งจริงๆ!”
จางเย่พูดยอ “แน่นอน ไม่เห็นเหรอว่าผมเป็นลูกใคร”
แม่หัวเราะ “แม่ชอบที่ลูกพูด ลูกทำให้แม่กับพ่อภูมิใจอีกแล้วสิ พวกเราถึงกับมีรองศาสตราจารย์ในกระตูลเชียวนะ!”
“ก็แค่รองเองน่ะแม่ ไม่แน่นะพอความคาดการณ์ของเดลตรวจสอบเสร็จ อาจจะได้เป็นศาสตราจารย์เต็มตัวก็ได้ แม่อาจไม่รู้ แต่ลูกแม่น่ะชื่อเสียงโด่งดังมากเลยนะ มหาวิทยาลัยของอังกฤษถึงกับเชิญผมให้ไปทำงานด้วย แต่ผมปฏิเสธพวกเขาไป” จางเย่เป็นคนที่มักพูดแต่เรื่องดีๆ ไม่วกเข้าเรื่องแย่ๆ เลยสักนิด เขาพล่ามต่อ “แม่ครับ ผมคุยต่อไม่ได้ละ ต้องไปจำบทพูดก่อน พวกมือใหม่อาจจะไม่เป็นไรถ้าออกไปพูดอะไรง่ายๆ แต่ผมเป็นพิธีกรมืออาชีพ สักแต่ว่าทำก็ไม่ได้ด้วย ไม่งั้นเสียหน้าแย่ ไว้ค่อยคุยกันนะแม่”
“ได้ ถ้ายุ่งก็ไปเถอะ กลับบ้านค่อยคุย” แม่วางสายไป
จางเย่วางสาย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านสคริปต์ที่คณบดีพานให้ไว้อย่างจริงจัง เขาไม่ได้เป็นคนมักง่าย จึงต้องทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดียิ่งขึ้นไปอีก จางเย่เป็นคนที่ตั้งมาตรฐานตนเองไว้สูง ถ้าอะไรที่เขาไม่สามารถทำได้ เขาจะไม่ไปยุ่งกับมัน แต่อะไรที่เขาสามารถทำได้ เขาจะทำให้ดีที่สุด แม้จะเป็นงานง่ายๆ อย่างการขึ้นไปกล่าวปาถกฐา เขาก็ไม่เห็นว่าจะลำบากตรงไหนหากจะทวนซ้ำหลายๆ รอบ
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*