บทที่ 29 ไฟโทสะ
ปราสาทของผู้ปกครองเมืองชายแดนไม่ได้สร้างตรงที่ที่มันอยู่แต่แรก
คนงานเจอถ้ำหินปูนใต้ดินขณะที่กำลังขุดฐานกำแพง ผิวดินพลันถล่มลงมา ทำให้ต้องย้ายตำแหน่งปราสาท
ส่วนทางระบายน้ำที่ขุดไว้แล้วส่วนใหญ่ก็ได้รับความเสียหายขณะดินถล่ม แม้จะยังใช้งานได้ แต่ก็ต้องทิ้งร้างเพราะมีการย้ายที่ตั้งปราสาทใหม่
ตอนเด็กๆ ไบรอันมักมุดเล่นอยู่ในอุโมงค์พวกนี้ วันหนึ่งเขาบังเอิญพบว่าทางเส้นนี้สามารถเชื่อมจากบ่อร้างไปยังบ่อน้ำในสวนดอกไม้ของปราสาทได้ ไบรอันนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อ แต่กลับถูกพ่อตีอย่างหนัก พ่อเตือนเขาว่าการบุกรุกปราสาทผู้ปกครองมีโทษถึงประหารชีวิต หากมีคนเห็นต้องขึ้นแท่นแขวนคอสถานเดียว
ไบรอันถูกขู่ไว้ย่อมไม่กล้าไปที่ทางระบายน้ำแห่งนั้นอีก แต่เมื่ออยู่ในวงเหล้า เขายังคุยโวอยู่หลายครั้งว่าตัวเองเคยเข้าไปในปราสาทได้ ตอนนี้นึกขึ้นมาแล้วเสียใจจริงๆ
ผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดมีเก้าคน ไม่รวมเกรย์ฮาวด์ หรืออาจพูดได้ว่า แผลฉกรรจ์เกลี้ยกล่อมกองลาดตระเวนได้ทั้งกองแล้ว...ได้ทำงานให้ดยุคไรอันผู้ครองดินแดนตะวันตกของอาณาจักร ทั้งยังได้ค่าตอบแทนสูงขนาดนี้ ดูแล้วคงไม่มีใครต้านทานความเย้ายวนนี้ไหว
บ่อร้างบ่อนั้นยังตั้งอยู่ที่บริเวณที่เคยถล่ม ซึ่งเวลานี้ก็ยังคงเป็นที่รกร้าง ไบรอันถูกแผลฉกรรรจ์จ่อดาบไว้ แล้วพาลงบ่อไปโดยมีคนขนาบข้าง เวลานี้ ทางระบายน้ำที่เคยดูกว้างในวัยเยาว์กลับดูแคบลงไปถนัดใจ ภายในอุโมงค์มีเถาวัลย์ขึ้นอยู่หลายแห่งเนื่องจากไม่มีคนใช้งานมานาน และกระแสน้ำเปลี่ยนทิศทาง
ชายคนที่แทงเกรย์ฮาวด์ตายเดินค้อมตัวถือคบเพลิงอยู่หน้าสุด ในมือถือขวานด้ามสั้นสำหรับฟันสิ่งกีดขวาง
ไบรอันทำท่าเหมือนกำลังนึกเส้นทาง ทว่าในใจกำลังคิดหาวิธีเอาตัวรอด
เห็นได้ชัดว่าภายในสถานที่ที่เคลื่อนไหวลำบากแบบนี้ เขาไม่มีโอกาสหนีรอดได้เลย เห็นทีคงต้องรอให้ถึงปราสาทก่อนจึงจะพอมีโอกาสบ้าง แต่ถ้าถึงตอนนั้นแล้วจะทำอย่างไร ตะโกนเสียงดังเรียกองครักษ์ของเจ้าชายหรือ ไม่ๆ...หากเขาทำอย่างนั้น แค่แผลฉกรรจ์ขยับมือทีเดียวเขาก็ตายแล้ว เขาต้องทิ้งระยะห่างก่อน มิฉะนั้นจุดจบของเขาคงไม่ต่างจากเกรย์ฮาวด์
พอคิดถึงเกรย์ฮาวด์ แววตาของไบรอันก็หม่นลง
ไบรอันและเกรย์ฮาวด์อาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ก่อนที่เมืองชายแดนจะก่อตั้ง พวกเขาเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็กจนโต และได้เข้าร่วมกองลาดตระเวนด้วยกันตามคำชักชวนของไบรอัน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า เกรย์ฮาวด์จะได้รับเลือกเป็นหัวหน้ากองลาดตระเวนเช่นเดียวกับเขา
ไบรอันเคยดีใจกับเขาอยู่พักใหญ่ เพราะเกรย์ฮาวด์ถูกคนดูถูกเรื่องติดอ่างมาตลอด แต่แล้วในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากทุกคน...ไบรอันคิดอย่างนี้ อย่างน้อยก็ในตอนนั้น
ทว่าตอนที่เกรย์ฮาวด์ทรุดลงไปแล้วไบรอันตะโกนด่าแผลฉกรรจ์นั้น แผลฉกรรจ์กลับบอกเขาด้วยสีหน้าเยาะหยันถึงเหตุผลที่ทุกคนเลือกเขากับเกรย์ฮาวด์ขึ้นเป็นหัวหน้ากอง
“เจ้าโง่เอ๊ย หัวหน้ากองลาดตระเวนคือคนที่ต้องอยู่ที่นี่ถึงเดือนแห่งปีศาจเพื่อจุดสัญญาณไฟ หากไม่ให้พวกเจ้าทำ แล้วจะให้ข้าทำหรือ”
คำพูดนี้กรีดแทงใจไบรอันไม่ต่างจากคมมีด
ที่แท้การปฏิเสธอย่างเกรงใจ...และคำอวยพรเหล่านั้นล้วนแต่เป็นการแสดง เหตุผลที่แท้จริงกลับสกปรกโสมมถึงขนาดนี้ เขาแสร้งทำหน้าตาตกใจและผิดหวังเพื่อกลบเกลื่อนความเดือดดาลที่ล้นทะลักใจ อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด ไบรอันแอบกัดฟัน จะต้องมีคนรับผิดชอบเรื่องนี้!
หลังจากเดินอยู่ในทางระบายน้ำใต้ดินอันแห้งแล้งมาประมาณหนึ่งชั่วโมง ทุกคนก็ได้ยินเสียงน้ำไหลในที่สุด
นั่นแปลว่าพวกเขาเข้าใกล้จุดหมายแล้ว
พอเลี้ยวอีกโค้งก็เห็นทางข้างหน้าโล่งขึ้นมาก กว้างพอที่คนสองคนจะยืนเรียงกันได้ คนที่นำหน้าขบวนพูดขึ้น “ข้างหน้าไปต่อไม่ได้แล้ว เป็นบ่อ”
“เกิดอะไรขึ้น” แผลฉกรรจ์ใช้ดาบจ่อไบรอัน
“บอกให้เขาเงยหน้าขึ้นไปสิ” ไบรอันพูดเสียงขรึม “พวกเรามาถึงแล้ว”
ทางระบายน้ำที่ถูกทิ้งร้างสายนี้บังเอิญเชื่อมกับกลางบ่อน้ำในสวนหลังปราสาทพอดี คนงานก่อสร้างคงลืมปิดจุดเชื่อมบริเวณนี้เพราะความสะเพร่า แผลฉกรรจ์ยืนแนบผนังบ่อแล้วเงยหน้ามองขึ้นไป ต่ำลงไปใต้เท้าสามฟุตคือสายน้ำที่ไหลเชี่ยว และเหนือศีรษะขึ้นไปก็เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มองเห็นได้เพียงผืนเล็กๆ
เขาให้คนเฝ้าไบรอันไว้ แล้วหยิบเชือกหนึ่งมัดออกมาจากกระเป๋าสะพาย มัดขอเกี่ยวเรียบร้อยแล้วจึงโยนขึ้นข้างบนเบาๆ เสียงคลิกดังขึ้น ขอเกี่ยวเกาะอยู่กับขอบบ่ออย่างมั่นคง
แผลฉกรรจ์ปีนตามเชือกขึ้นไปอย่างระมัดระวัง ไม่นานนักก็กระตุกเชือกจากข้างบน ส่งสัญญาณให้คนที่เหลือตามเขาขึ้นไป
คนทั้งขบวนใช้พลังงานอย่างมากในการปีนขึ้นมาจากบ่อ ปราสาทที่เคยได้แต่มองอยู่ไกลๆ เวลานี้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
แผลฉกรรจต์คว้าตัวไบรอันแล้วคำรามใส่เบาๆ “พาพวกเราไปที่โกดังเร็ว”
ไบรอันเองก็เคยมาที่นี่เพียงครั้งเดียว แม้ภาพปราสาทในความทรงจำจะเลือนรางเต็มที แต่เขาก็ยังเก็บสีหน้าอาการ เดินนำทุกคนไปงัดกุญแจประตูไม้ซึ่งอยู่ใกล้บ่อน้ำที่สุด แล้วเล็ดลอดเข้าไปในปราสาท
เวลานี้ คนส่วนใหญ่ในปราสาทนอนหลับหมดแล้ว ตะเกียงที่แขวนบนกำแพงทางเดินก็ดับหมดทุกดวง ท่ามกลางความมืดมิดที่มองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเองนี้ ใครบางคนในขบวนจุดตะบันไฟขึ้น แสงสว่างเพียงเล็กน้อยขจัดความมืดได้เพียงระยะใกล้ๆ ไม่กี่ฟุตเท่านั้น ไบรอันรู้ว่าโอกาสที่ตัวเองรอคอยมาถึงแล้ว
ตอนที่พวกเขาเดินไปถึงทางแยกที่จะลงไปห้องใต้ดินแห่งหนึ่งนั้น เขาเล็งบันไดที่ทอดยาวลงไปข้างล่างแล้วกระโจนลงไปทันที คนที่เฝ้าไบรอันคอยระวังเขาอยู่ตลอดก็จริง แต่อีกฝ่ายกระโดดเร็วมาก ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้น คนคนนั้นถูกกระแทกจนกลิ้งหล่นลงไปด้วยกัน
หลังจากร่วงลงบันไดมา คนทั้งคู่ก็อยู่นอกบริเวณที่แสงสว่างส่องถึง ร่างของพวกเขาหายไปในความมืด
“เวรเอ๊ย สมควรตายจริงๆ!” แผลฉกรรจ์ชักดาบสั้นออกมาแล้วกระโดดตามลงไปทันที เขาคิดว่าไบรอันจะเล่นซ่อนหากับเขาในความมืด แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับไม่หนีไปไหน ทว่ายืนเงียบๆ อยู่ที่ปลายบันไดราวกับกำลังรอเขาอยู่
แผลฉกรรจ์สังเกตเห็นว่าเพื่อนคนที่ถูกชนร่วงลงมานอนนิ่งอยู่อีกด้าน และในมือไบรอันก็ถืออาวุธของคนคนนั้นไว้
“เจ้าโง่ เจ้าคิดว่าตัวเองมีโอกาสชนะหรืออย่างไร” แผลฉกรรจ์ตั้งท่าเตรียมรับมือ พอเห็นคนอื่นๆ ตามลงมาก็พูดเสียงเข้ม “ข้ายังมีพรรคพวกอีกเจ็ดคน แต่เจ้ามีคนเดียว”
ไบรอันไม่ตอบ เขาไม่จำเป็นต้องสะกดกลั้นโทสะของตัวเองอีกต่อไป เขาฟาดดาบเป็นแนวทแยง ฟันถูกคมดาบของแผลฉกรรจ์ด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า ประกายไฟพุ่งออกมา เขาไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตั้งท่าอีกครั้งก็แทงปลายดาบเข้าหัวไหล่ของแผลฉกรรจ์!
แผลฉกรรจ์คำรามอย่างเจ็บปวดก่อนจะเซถอยไปข้างหลัง ชายอีกคนรีบก้าวมาบังหน้าเพื่อขวางไบรอันไม่ให้ตามไปจู่โจมซ้ำ
ที่นี่เป็นทำเลที่เหมาะแก่การตั้งรับศัตรูมาก ทางเดินที่คับแคบทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมดข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนคน เขาเพียงแค่ยืนอยู่กลางทางเดิน คอยเผชิญหน้าศัตรูตรงๆ อีกฝ่ายก็ไม่สามารถเล่นลูกไม้อะไรได้แล้ว...ที่นี่แคบเกินกว่าที่คนสองคนจะยืนกวัดแกว่งอาวุธข้างๆ กัน
ไบรอันมั่นใจว่าฝีมือดาบของตนไม่เป็นรองใครในกองลาดตระเวน
ตอนที่พวกสวะนั่นแอบอู้งาน เล่นพนัน หรือกินเหล้าเมายากัน เขายังคงฝึกทักษะการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดหลายปีมานี้ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งเขาได้ทั้งนั้น...นี่คือเหตุผลที่เขาไม่เลือกที่จะแหกปากร้องขอความช่วยเหลือ
เขาอยากล้างแค้นให้เกรย์ฮาวด์ด้วยมือตัวเอง
........................................