เช้าวันรุ่งขึ้น ฮาวเวอร์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนก็เดินออกมาจากชั้นสองพร้อมคนติดตามอีกสี่คน คนทั้งร้านต่างมองพวกเขาเดินออกไปเป็นตาเดียว ไม่มีใครกล้ายุ่งหรือก่อกวนพวกเขาอีก
"ทำไมพวกเราไม่ฆ่ามันเสียล่ะ? พวกมันคิดจะขโมยของของเจ้านะ" ฟอสเตอร์ถาม
"ไม่จำเป็นหรอก ยังไงพวกเราก็ได้ของคืนมาแล้ว หากว่าทำการเจรจาการค้าเสร็จ พวกเราก็จะเดินทางกลับกัน ไม่อยู่ให้พวกมันมากวนได้อีก"
"ถ้าเจ้าต้องการเงินทอง ทำไมไม่เอาสมบัติในถ้ำข้าไปใช้เล่า ถ้าเอาไปใช้นิดหน่อยข้าก็พอยกให้ได้อยู่หรอก"
"ข้าทำการค้าเพื่อความน่าเชื่อถือต่างหาก หากนครฮาวเวอร์เริ่มเจริญขึ้นก็จำเป็นต้องรู้จักกับเมืองรอบข้างไว้บ้าง แต่เพราะความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับอมนุษย์นั้นมีมากเกินไป จะให้เข้าหาทางตรงเลยก็คงยาก ข้าจึงเข้าหาทางอ้อมด้วยสิ่งของเครื่องใช้ไปก่อน"
"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะทำให้มันยุ่งยากไปทำไม ยังไงมนุษย์กับอมนุษย์ก็ไม่มีทางญาติดีกันอยู่แล้ว"
ทั้งคู่เดินไปจนถึงตลาดกลางเมืองและลองเข้าไปเสนอสินค้าขายให้ร้านค้าในตลาด แต่เข้ามาหลายร้านก็ไม่มีใครรับซื้อ เขาให้เหตุผลด้วยว่า ช่วงนี้การค้าขายไม่คล่องเพราะการปิดอาณาจักรจากฝั่งริลกลิม ทำให้ไม่มีนักเดินทางเข้าออกอาณาจักรแห่งนี้ จึงไม่ค่อยมีเงินไหลเวียนภายในอาณาจักรจนต้องขายสินค้าที่มีอยู่ในหมดก่อนถึงพอจะรับสินค้าใหม่เพิ่มเข้ามาได้ แต่ถึงอย่างนั้นฮาวเวอร์ก็ไม่ได้ถอดใจ เดินทางไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาคนยอมรับซื้อได้
"นายท่านขอรับ ตอนนี้มันกลางวันแล้ว ข้าคิดว่าเราพักทานอาหารกันก่อนเถอะขอรับ"
เพราะฮาวเวอร์ไม่ทานอาหารจนเคยตัว จึงไม่คิดใส่ใจกระเพาะอาหารคนอื่น เขาควักถุงเงินให้ทหารเก็บไว้ใช้จ่าย ส่วนตัวเองก็ออกตามหาคนที่รับซื้อของต่อไป เมื่อเดินจนครบทุกร้านแล้วไม่มีใครรับซื้อก็ต้องมานั่งคิดอะไรคนเดียวในตรอก หากทำการค้าไม่ได้ ก็ต้องลองใช้วิธีอื่น หรือสินค้าอื่น สิ่งที่คนในอาณาจักรยังรับหรือส่งขายกันอยู่ถ้าไม่ใช่อาหารก็ต้องเป็นทาส
'ทุกอาณาจักรในละแวกนี้มีการซื้อขายทาสกันเป็นปกติเลยสินะ'
'เจ้าคงไม่คิดจะขายคนของเราหรอกใช่ไหม? '
'ไม่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า หากยังค้าขายกันได้อยู่ แสดงว่าเงินทั้งหมดต้องไปรวมอยู่กับผู้มีกำลังซื้อ ข้าเองก็ไม่เคยถามด้วยว่าคนที่นี่เสียภาษีให้อาณาจักรกันเท่าไหร่ และลูกค้าส่วนใหญ่ของพวกเขาคือใคร'
ระหว่างที่คิดอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งหยุดอยู่หน้ากองสัมภาระของเขา
"โอ้ เจ้าได้ผ้าสีแสดนี่มาจากไหน มันดูแน่นหนาแต่ก็น้ำหนักเบาดีจริงๆ " ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเขาก่อนจะจับถือผ้าผืนที่เขาหอบมา
"ข้ามาจากอาณาจักรโพราเท็สขอรับ ผ้าผืนนี้ถูกทอที่นั่น ตอนนี้ข้ากำลังหาผู้มารับซื้อมันอยู่ ท่านสนใจหรือขอรับ"
"อืมมม ก็นะ แล้วเจ้าขายเท่าไหร่กันล่ะ"
"เพียงสองร้อยเซโรเท่านั้นขอรับ หากท่านซื้อตอนนี้ล่ะก็ ข้าจะขายให้สองผืนสามร้อยเซโรเลยขอรับ"
ราคาผ้าที่ฮาวเวอร์เสนอนั้นเป็นราคากลางๆ ที่คนในโพราเท็สซื้อขายกัน ไม่รู้ว่าที่นี่จะยึดราคาเดียวกับที่นั่นไหม
"ถ้างั้นข้าเอาสองผืนเลยแล้วกัน"
ได้เงินมาเอาของไปเรียบร้อยฮาวเวอร์ก็เริ่มถามที่ทางในการซื้อขายต่อ
"ดูเหมือนคนที่นี่จะชอบสีแสดกันนะขอรับ มันเป็นสีประจำอาณาจักรหรือขอรับ? "
"เป็นสีของราชวงศ์น่ะ นิยมใช้กันในชนชั้นสูง"
"ฮืมมมม ถ้าอย่างนั้นคนที่นี่ก็ขายกันในราคาสูงสินะขอรับ" ฮาวเวอร์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่
"หา? ถ้าเจ้าคิดจะขึ้นราคาตอนนี้ล่ะก็ ข้าไม่คืนหรอกนะ!" ชายผู้นั้นกอดผ้าแน่นไม่ปล่อย
"ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นขอรับ ถ้าให้เทียบก็คงเหมือนกับผ้าสีน้ำเงินมักจะขายกันแพงในอาณาจักรโพราเท็สเพราะส่วนใหญ่นิยมกันในชนชั้นสูงไม่ต่าง แต่ว่าสีแสดนั้นก็แค่สีทั่วไปที่ไม่ค่อยนิยมกันเท่าไหร่นักจึงมีราคาถูกกว่า ถ้าหากท่านสนใจผ้าสีแสดราคาย่อมเยาที่เอาไปทำรายได้เพิ่มอีกเท่าตัวล่ะก็ ทำไมเราไม่ทำการค้ากันบ่อยๆ เล่าขอรับ ข้าเองก็ได้ขายสินค้า ท่านเองก็ได้ผ้าชิ้นงามราคาถูก"
ชายผู้นั้นนิ่งคิดก่อนจะแสยะยิ้มออกมา "ถ้างั้น หากเจ้ามาอาณาจักรอาเรียดอีกรอบล่ะก็ ให้ไปร้านกวินช่างตีเหล็กก็แล้วกัน"
"เป็นอันตกลงขอรับ"
ฮาวเวอร์เดินยิ้มร่ากลับไปยังจุดนัดพบกับทหารของตัวเอง ระหว่างเดินไปนั้นก็ถูกเด็กอายุไม่ต่างกันวิ่งเข้ามาชน นั่นเป็นมุกตื้นๆ ที่มิจฉาชีพมักใช้กัน ฮาวเวอร์รั้งข้อมือเด็กคนนั้นไว้ทั้งหลักฐานในมือที่ว่าเด็กคนนี้กำลังขโมยถุงใส่เงินของเขาไป
"ทำไมที่นี่มันมีมิจฉาชีพเยอะกันจัง"
"ปล่อย! ปล่อยข้านะ"
เด็กน้อยทั้งจิกทั้งทุบตีแขนของฮาวเวอร์ แต่เขาก็ยังไม่ปล่อยจนมีทหารของอาเรียดเดินผ่านมาเห็น
"ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้นน่ะ!"
เด็กน้อยยิ่งดิ้นรนขัดขืนพยายามกัดถีบตัวเขาให้ปล่อยข้อมือไปเสีย แต่เพราะอยากจะสั่งสอนเด็กน้อยจึงได้รอรั้งไว้จนทหารเดินเข้ามา
"เจ้าเด็กนี่มันพยายามขโมยถุงใส่เงินข้า"
ฮาวเวอร์กล่าวออกไปก่อนที่ทหารคนนั้นก็ทำท่าฟึดฟัดโมโหใส่เด็กน้อย
"ไอ้เด็กนี่ริอ่านเป็นหัวขโมยตั้งแต่เด็ก โตขึ้นคงเป็นโจรปล้นชิงทรัพย์ให้พวกข้าต้องตามจับอีก มานี่เลย!"
ทหารคนนั้นลากเอาเด็กน้อยไปลงโทษ หากเป็นอาณาจักรโพราเท็สล่ะก็ ความผิดเพียงเท่านี้ก็อาจจะโดนแค่ส่งเข้าคุกให้อดข้าวอดน้ำสามวัน
แต่เหมือนฮาวเวอร์จะคิดผิด เด็กคนนั้นถูกลากไปยังที่พักทหารก่อนจะถูกมัดมือทั้งสองข้างและเอาหมวกเหล็กมาครอบหัว มันประหลาดตรงที่หมวกเหล็กนั้นครอบคลุมทั้งศีรษะและไม่มีช่องให้มองเห็นหรือหายใจได้สะดวก ทหารผู้นั้นเอาเหล็กร้อนมาจี้ตะกั่วปิดตายหมวกนั้นไว้แล้วลากเด็กคนนั้นไปปล่อยที่นอกกำแพง ฮาวเวอร์ตามดูทุกกระบวนการลงโทษพวกนั้นก็เริ่มรู้สึกผิดที่เป็นฝ่ายยื่นความทรมานเจียนตายนั้นให้
'ข้าว่าเราไปช่วยเด็กคนนั้นกันก่อนเถอะ'
ฮาวเวอร์เดินออกไปนอกประตูกำแพงอาณาจักรแล้วเดินตามหาเด็กที่โดนเอาเหล็กครอบหัวใส่ แต่แปลกที่เด็กคนนั้นพอถูกครอบหัวแล้วก็น่าจะเดินไปไหนได้ไม่ไกล แต่นี่เขาเดินมาไกลขนาดนี้แล้วยังหาไม่เจอ
ฟึบ! เคร้ง!
เสียงดาบกับเหล็กปะทะกันดังลั่น ฮาวเวอร์เหลือบมองคนจู่โจมก็เห็นเป็นเพียงเด็กที่โตกว่าเขาไม่เท่าไหร่ ระหว่างที่พิจารณาคู่ต่อสู้ก็ถูกก้อนหินโยนเข้ามา ฮาวเวอร์หลบได้ทันทุกลูกก่อนจะเอาเด็กที่จู่โจมคนนั้นมาเป็นโล่ป้องกัน ก้อนหินถูกปาเข้าที่ท้องเด็กหนุ่มจนต้องร้องโอดโอย ก้อนหินพวกนั้นถึงหยุดปาในทันที
"โฟบี้? "
เสียงเด็กอีกคนทำให้ฮาวต้องหันไปดู เป็นเด็กคนเดียวกันกับที่ฮาวเวอร์ตามหาอยู่ ฮาวเวอร์เก็บดาบเข้าฝักก่อนจะดึงเหล็กออกจากมือเจ้าโฟบี้แล้วเข้าไปหาเด็กคนนั้น
"นั่นเจ้าจะทำอะไร ปล่อยนางไปนะ!"
เด็กที่ถูกครอบหัวเริ่มตัวสั่นเทิ้ม หวาดกลัวต่อสิ่งที่เข้ามาใกล้ ฮาวเวอร์จับนางหันหลังก่อนจะเอาเหล็กที่ได้มาแผ่ไอความร้อนใส่จนเหล็กเป็นสีแดง เหล็กร้อนถูกกดลงตะกั่วจนมันละลายแล้วเปิดออกมาได้ เด็กคนนั้นหายใจและมองเห็นได้อย่างสะดวกก่อนจะหันมาที่คนปลดปล่อยให้
"เจ้า! เจ้าคนที่จับข้าไปให้ทหาร! แล้ว… ทำไมถึงกลับมาช่วยข้าล่ะ"
เสียงหลังเริ่มอ่อนลงก่อนจะเดินไปรวมกับเด็กคนอื่นๆ เจ้าโฟบี้ที่เพิ่งหายเจ็บท้องเมื่อกี้ก็เดินเข้ามากันพวกเด็กๆ เอาไว้ เมื่อมองพินิจดีดีแล้ว ใบหน้าของโฟบี้มีรอยไฟไหม้ตามตัวดูน่ากลัว ศีรษะบนหัวมีเส้นผมเป็นหย่อมๆ ไม่ต่างจากเขา แถมตาข้างขวาก็ถูกผิวหนังละลายจนปิดทับไปครึ่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเขากับโฟบี้คนไหนโชคร้ายกว่ากัน แต่ว่าเมื่อมาเจอกันแล้วจะปล่อยให้ใช้ชีวิตอาภัพต่อไปก็น่าสงสาร
"พวกเจ้าเป็นคนของอาณาจักรอาเรียดหรือ? "
"...ไม่ใช่หรอก พวกเราเกิดที่เมืองนี้ก็จริง แต่ว่าไม่ได้ถูกรับเข้าเป็นประชากรของที่นี่"
'มีระบบรับประชากรเหมือนในอาณาจักรโพราเท็สสินะ'
"ถ้างั้นก็หมายความว่าพวกเจ้าไม่มีพ่อแม่หรือ? "
"พวกข้าในนี้มีพ่อแม่ แต่ว่าการเข้าเป็นประชากรของที่นี่ต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง คนที่ไม่มีเงินอย่างพ่อแม่ข้า จึงปล่อยให้ข้าเร่ร่อนอยู่นอกเมืองอย่างนี้"
"พ่อแม่แบบไหนกันถึงทิ้งลูกได้ลงคอ!"
ฮาวเวอร์รู้สึกโมโหทันที ถ้าเป็นเพราะความไม่รู้อย่างมารฝังไข่ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เกิดมาเป็นตัวเป็นตนแล้วกลับทอดทิ้งไม่ไยดี
"อย่าว่าพวกเขาเลย เพราะไม่มีทางเลือกจริงต้องปล่อยให้เป็นอย่างนี้ อย่างน้อยตอนนี้พวกข้าก็มีอิสระไปไหนมาไหนได้ ถ้าเทียบกับคนที่ถูกขายเป็นทาสแล้วละก็ พวกนั้นน่าสงสารกว่าเยอะ"
ฮาวเวอร์นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะมองรอบสถานที่ที่พวกเขาอยู่ ตรงนี้เป็นท่อระบายน้ำที่เชื่อมติดอยู่กับภายใน รอบนอกไม่ไกลจากนั้นก็เป็นหลุมแอ่งที่พวกเขาใช้นอนกัน เด็กที่อยู่ที่นี่เป็นเด็กในวัยเจ็ดถึงสิบสองปี มีจำนวนทั้งหมดสิบเจ็ดคน
'ถ้าเอาไปหมดนี่คงต้องเต็มหลังเจ้าฟอสเตอร์แน่'
'แถมขนไปบนหลังฟอสเตอร์ก็ดูจะอันตรายเกินไปสำหรับเด็กๆ '
ทั้งสองจิตตัดสินใจว่าคงต้องเดินทางตัดผ่านป่าอาถรรพ์เขตของมารอื่นเข้าไปในนครฮาวเวอร์ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นเขาคงต้องกลับไปเรียกเจ้าพวกนั้นให้ออกมาก่อน
"พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวข้าจะกลับมารับ"
"รับ? รับไปไหนกัน"
"ไปเขตปกครองของข้า นครฮาวเวอร์ ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะพาไปขายหรอก ถ้าไปอยู่กับข้าอย่างน้อยพวกเจ้าก็อาจมีชีวิตที่ดีกว่านี้"
ถึงแม้เด็กๆ จะไม่ค่อยเชื่อถือแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แม้ตอนนี้พวกเขาจะอยู่ดูแลกันได้ แต่ยังไงเสียพวกเขาก็ยังเป็นเพียงเด็ก
ฮาวเวอร์เดินกลับไปที่เมืองหลวง ณ จุดนัดพบของเหล่าทหาร พวกเขายังคงรอฮาวเวอร์อยู่ที่เดิมไม่ไปไหนตามคำสั่ง แม้ว่าเขาจะมาไม่ตรงตามนัดก็ตาม
"ข้าขายผ้าได้สามร้อยเซโร และพวกเราจะไปซื้อรถม้าแล้วขนของบางอย่างกลับไปด้วย"
แม้เหล่าทหารจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ปล่อยให้ฮาวเวอร์เป็นคนจัดการ รถม้าและเสบียงอาหารจำนวนมากที่ซื้อมาถูกขนขึ้นเกวียนใหญ่ซึ่งมีม้าลากอยู่สองตัว
คณะฮาวเวอร์ออกเดินทางอีกครั้งโดยเลาะขอบกำแพงเมืองมาสถานที่ที่นัดเด็กๆ เอาไว้เมื่อมาถึงก็กระโดดลงไปเรียกเด็กที่น่าจะรออยู่แถวท่อระบายน้ำ
"โฟบี้! เด็กๆ!"
"นายท่านกำลังตามหาอะไรอยู่หรือขอรับ? "
"พวกเด็กเร่ร่อนของอาณาจักรนี้น่ะสิ ข้าจะพาพวกเขากลับไปด้วย"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ช่วยกันเดินหา พวกเขาเรียกอยู่นานก็ไม่มีใครออกมา พอเดินไปที่แอ่งแต่ก็ไม่พบผู้ใด ไม่นานนายท่านคนหนึ่งก็เรียกฮาวเวอร์ให้ไปดู
"นายท่านขอรับ ข้าเจอร่างเด็กคนหนึ่ง!"
เขามองตรงนายทหารคนนั้นก็เห็นร่างเด็กจากที่ไกลๆ ใกล้กับป่า ฮาวเวอร์วิ่งตามไปก็พบเข้ากับร่างน้อยของโฟบี้มีรอยเลือดแถวซี่โครง พอเลิกเสื้อขึ้นก็เห็นเป็นรอยแทงของอะไรบางอย่าง เขาใช้เวทย์ขั้นสูงรักษาเด็กคนนี้อยู่นานก่อนที่สภาพร่างกายจะกลับมาเป็นปรกติ
'แล้วเด็กคนอื่นๆ หายไปไหนกัน? '
ฮาวเวอร์เองก็สงสัยเช่นเดียวกันแต่ก็ต้องรอให้เด็กคนนี้ฟื้นตัวขึ้นมาก่อน พวกเขานั่งรอจนตะวันลับขอบฟ้าโฟบี้ถึงได้สติตื่นขึ้นมาจากฟันร้าย
"อย่า!!"
เขาหันไปมองรอบกายก่อนจะมองที่ท้องตัวเองเมื่อไม่พบบาดแผลก็รู้สึกแปลกใจ แต่นั่นไม่ใช่เวลามาสงสัย เขาลุกขึ้นเตรียมถือไม้แล้วกำลังวิ่งออกไป
ตุบ
เจ้าตัวล้มก้นจ้ำเบ้าเพราะถูกแรงรั้งจะด้านหลัง ฟอสเตอร์ฉุดเสื้อเขากลับมาก่อนจะตีหน้าเข้มขู่
"ปล่อยข้านะ! ไอ้พวกโจรลักพาตัว!"
ฮาวเวอร์เดินออกมาจากป่าเมื่อได้ยินเสียงนั้น เด็กน้อยกำลังกัดแขนฟอสเตอร์พยายามให้เขาปล่อย แต่กัดเท่าไหร่ก็กัดไม่เข้า จนฮาวเวอร์ปรากฏตัวต่อหน้าเขาถึงหยุด
"โฟบี้ เด็กคนอื่นๆ หายไปไหนหมด"
พอโฟบี้เห็นคนถามเป็นฮาวเวอร์ก็เริ่มนึกย้อนไปตอนที่เขายังคงอาศัยอยู่ใกล้กับท่อระบายน้ำ
"พอเจ้าเดินจากไปพวกเด็กๆ ก็ตื่นเต้นกันใหญ่เพราะไม่รู้ว่าเจ้าจะพาไปไหน และเพราะเจ้ายังเป็นเด็กเหมือนกัน แถมยังแข็งแกร่งกว่าเลยคิดว่าน่าจะเป็นเด็กเร่ร่อนที่มีความสามารถสูงกว่าและคงพาไปหากลุ่มที่เจ้าคุมอยู่จึงได้วางใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มผู้ใหญ่เดินเข้ามา เจ้าพวกนั้นจับเด็กๆ ไปกันหมด ข้าพยายามจะช่วยพวกเขาแต่ก็ถูกแทงและทอดทิ้งไว้กลางทาง พอตื่นมาข้าก็ไม่พบบาดแผลนั้นแล้ว แถมเด็กพวกนั้นก็หายไป"
"งั้นเจ้าเคยเห็นพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นไหม? "
"จะว่าเคยก็ใช่ เจ้าพวกนั้นเป็นโจรที่อาศัยอยู่ในโรงพักผ่อนของนักเดินทาง พวกมันรวมหัวกับเจ้าของที่นั่นขโมยของของนักเดินกันจนคนแถวนั้นระอา เพราะพวกมันให้เงินกับทหารด้วยเลยไม่มีใครจับมัน ข้าไม่รู้มาก่อนว่ามันจะลักพาตัวเด็กด้วย"
"แล้วก่อนที่เจ้าจะสลบไป เจ้าเห็นว่าพวกมันไปทางไหน" โฟบี้ชี้ไปที่ป่าข้างใน ฮาวเวอร์ก็ลุกขึ้นทันที "ฟอสเตอร์กลับคืนร่าง พวกเจ้าทั้งสามอยู่เฝ้าเสบียงกับเจ้าเด็กนั่นอยู่ที่นี่ ระหว่างนี้ถ้าหากพบสัตว์ประหลาดหรือถูกโจมตีก็ให้เข้าไปหลบหนีที่อาณาจักรอาเรียดก่อน จำเอาไว้ว่าต้องรักษาชีวิตให้ดี"
"ขอรับนายท่าน!"
ฟอสเตอร์กลายร่างเป็นมังกรตัวใหญ่ให้ฮาวเวอร์นั่งก่อนจะบินสูงขึ้นเหนือป่าไม้พลางมองหาสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่เคลื่อนตัวได้ ฮาวเวอร์หาเป็นวงกว้างและไกลขึ้นเรื่อยๆ ถ้าช่วงเวลาครึ่งวันที่เดินทางด้วยรถม้าบรรจุเด็กสิบหกคน น่าจะเป็นระยะทางใกล้กว่าเมืองหลวงโพราเท็สกับเขตโอ้ค แต่ระยะทางไม่ใช่ปัญหาที่เป็นปัญหาคือต้นไม้หนาพวกนี้บดบังสายตาทำให้มองเห็นลำบาก จนเวลาล่วงเลยมากลางดึก
'ทำไมข้าต้องมาทำอะไรอย่างนี้ด้วยเนี่ย! กลับตอนนี้เลยดีกว่า ยังไงชีวิตเด็กพวกนั้นไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว'
'ไม่ได้นะฮาวเวอร์! ถ้าเจ้าไม่ตามหา งั้นข้าหาเอง!'
อีคอนขึ้นควบคุมร่างของเอาไว้ สายตาที่เหนื่อยล้าเมื่อครู่กลับมาเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง เมื่อมองรอบป่าอีกครั้งก็เริ่มเห็นความผิดปรกติบางอย่างขึ้น ที่ป่ามีควันไฟลอยขึ้นมาเหนือต้นไม้ นี่สินะที่ลิลลี่เคยบอกเขาเอาไว้ ว่าอย่าจุดไฟในป่าอาถรรพ์เพราะมันจะเป็นเป้าสายตา แต่นี่ไม่ใช่ป่าอาถรรพ์แต่ผลของมันก็ไม่ต่าง
ฟอสเตอร์บินเข้าใกล้กองไฟนั้นก่อนที่อีคอนจะกระโดดลงก่อนถึง เมื่อเดินเข้าไปสอดแนมก็เห็นเป็นเด็กน้อยที่ถูกพามาจริง อีคอนค่อยๆ ย่องไปหาพวกเด็กๆ พลางเอามือป้องปากเป็นสัญญาณให้เห็นว่าห้ามส่งเสียง กรงที่ใช้ขังเด็กพวกนั้นเป็นกรงไม้แข็ง ถ้าแค่เลื่อยออกก็น่าจะปล่อยออกมาได้ แต่การเลื่อยนั้นอาจส่งเสียงดังและใช้เวลานาน อีคอนจึงใช้วิธีเดียวกับที่ฮาวเวอร์ใช้ สร้างไอความร้อนที่ฝ่ามือแล้วส่งเข้าไปในวัตถุให้เกิดการเผ่าผลาญเฉพาะจุด แถมกลิ่นไหม้ก็ยังปะปนกับกองไฟที่พวกโจรจุดกันด้วย เมื่อเข้าดึงซี่ไม้ออกมาได้อันหนึ่ง เด็กตัวเล็กๆ ก็มุดออกจากกรงนั้นจนเหลือคนสุดท้าย อีคอนให้ไปหลบอยู่หลังต้นไม้รอคนที่เหลือก่อนจะเข้าไปหาอีกกรงที่อยู่ไม่ไกล
แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างเดิมอีกครั้ง สัมผัสแสบร้อนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกลางหลัง เมื่อหันไปก็เห็นโจรคนหนึ่งถือดาบเปื้อนเลือดเอาไว้อยู่ มันทำท่าจะแทงเขาอีกครั้ง แต่อีคอนร่ายเวทย์ไฟพุ่งตัดหน้ามันเสียก่อน ก่อนจะหันมาดึงกรงให้หลุดแต่ยังไม่ทันสำเร็จก็ถูกถีบจากโจรอีกคน พวกมันพากันกระทืบเขากับพื้น
"เก่งนักใช่ไหม!"
พวกมันลงน้ำหนักเท้าสุดแรงอย่างไม่สนใจเขาจะตายไหม ร่างเด็กแม้จะถูกพัฒนาให้เร็วขึ้นแกร่งขึ้น แต่ถ้าคนใช้ยังเป็นอีคอน ร่างนี้ก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา กระดูกภายในร่างแตกหัก อวัยวะภายในช้ำจนต้องกระอักเป็นเลือด อีคอนพยายามหยุดเท้าของพวกมันไว้แต่ก็ถูกอีกคนแทงเข้าที่มือจนขยับมือไม่ได้ เด็กที่รอกับเด็กในกรงต่างส่งเสียงร้องไห้จนพวกมันต้องเดินไปดุแล้วก็จับกลับมา
ฟอสเตอร์เดินเข้ามาทีหลังเห็นอีคอนถูกรุมกระทืบก็ได้แต่สงสัยแล้วเดินเข้าไปหา
"นั่นเจ้าทำอะไรอยู่? "
"ข้า… อึก!"
"อ้อ กำลังแสร้งว่าอ่อนแออยู่สินะ งั้นข้าเอาเด็กบางคนกลับไปก่อนนะ ถ้าเอากลับไปหมดเลยคงไม่ไหว" เขาเดินไปต่อยคนที่จับเด็กมาจนสลบก่อนจะอุ้มเด็กห้าคนไป
"เดี๋ยว! อึก!"
ยังไม่ทันห้ามเขาก็เดินจากไปไกลแล้ว แต่ยังดีที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาทำให้พวกโจรเริ่มระแวงว่าจะมีใครโผล่ขึ้นมาอีก ร่างกายอีคอนกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งก่อนจะตั้งหลักเตรียมต่อสู้กับพวกโจร เขากระโดดขึ้นคนใกล้ตัวสุดแล้วเอาหัวโขกจนมันน็อกแล้วสลบไป พอล้มไปคนหนึ่งเพื่อนของพวกมันก็เริ่มถอยห่างก่อนจะหลบอยู่หลังต้นไม้ไม่ให้เขาเห็น ไม่นานลูกธนูก็ถูกยิงเข้ามาทะลุร่างของอีคอนจากหนึ่งเป็นสอง และตามมาอีกสิบ ร่างเขาพยายามหลบให้ทันแต่ก็ทำไม่ได้ จนตัวเซไปมาก่อนจะถูกตาข่ายพุ่งเข้ามาจับตัวเอาไว้คราวนี้เขาดิ้นไม่หลุด พยายามดึงตาข่ายออกแต่ก็ทำไม่ได้
"ไอ้โง่เอ๊ย นี่มันตาข่ายที่ทำมาจากใยของอมนุษย์แมงมุมเชียวนะเว้ย จะดึงออกง่ายๆ ได้ยังไงวะหา?!!"
มันพูดทั้งแทงมีดเข้าร่างกายอีคอน เขาไม่ได้ส่งเสียงร้องเจ็บปวดแต่พยายามหาทางออกจากเส้นใยนี่ เจ้าโจรอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมร่ายวงแหวนเวทย์ที่พื้นใกล้กับตัวเขา วงแหวนนี้อีคอนจำได้ว่ามันเป็นวงแหวนไร้เวทย์ อาณาเขตห้ามร่ายเวทย์ พอพวกมันร่ายเสร็จต่างก็รุมแทงร่างอีคอนไม่ยั้งจนเลือดท่วมตัว พอพวกมันแน่ใจแล้วว่าเขาตายแน่ๆ ก็เดินออกมา
'ฮาวเวอร์ เจ้าช่วยเด็กพวกนั้นที'
'เจ้าเป็นคนอ่อนแอขนาดนั้นเลยรึไง ตอนนี้ตัวเจ้าก็คือตัวข้า หากอยากช่วยใครสักคนออกมา ต้องทำตัวเองให้เข้มแข็งและเด็ดขาดเสียก่อน ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ แต่ทำไมเจ้าถึงไม่ทำ'
ฮาวเวอร์ไม่ได้ออกมาควบคุมร่าง ปล่อยให้อีคอนทนอยู่กับบาดแผลที่รักษาตัวเองได้ไม่เต็มที่ ไม่รู้เพราะเลือดมันเข้าตาหรือเปล่าเขาถึงได้เห็นพระจันทร์เป็นสีเลือด เมื่อมองไปทางพวกโจร พวกนั้นมันก็รวมหัวกันทำอะไรบางอย่างกันเป็นกลุ่ม เขากลิ้งตัวออกจากวงแหวนเวทย์ก่อนจะใช้เวทย์ไฟละลายใยแมงมุม ถ้าหากเป็นเส้นใยที่ไม่ได้ใช้พลังเวทย์สร้างแล้วละก็ความเหนียวและความทนทานจะน้อยกว่า ที่ฮาวเวอร์มักจะให้ใช้ในสถานการณ์เร่งด่วนก็คือใยไร้เวทย์ แต่ถ้าใช้ทอผ้าจะเป็นใยเสริมเวทย์ที่แม้แต่ไฟก็ยังทนได้
เมื่อหลุดออกจากพันธนาการแล้วเขาก็ดึงศรธนูออกจากร่าง พอร่างกายกลับมาฟื้นฟูเป็นรอบที่สองเขาก็ตั้งท่าจะกระโดดเกาะร่างพวกโจรอีกครั้ง
'แค่ทำให้สลบก็พอ'
อีคอนคิดในใจก่อนจะกระโดดเข้าไป แต่ในช่วงเวลาต่อมาเจ้าพวกนั้นก็กระโดดหลบออกในแบบที่ไม่ได้หลบเขาแต่หลบบางอย่างที่พุ่งตัวออกมา
เสียงคำรามร้องลั่นป่าดังไปทั่วปฐพีจนนกกาบินหนี สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นประหลาดเกินกว่าจะบรรยาย เนื้อหนังสีแดงเลือดของมันดูยวบยาบอย่างกับเมือกอ้วก อีคอนที่กระโดดเข้าไปแล้วถึงกับปิดจมูกเมื่อมันส่งกลิ่นชวนเหียนเข้าจมูก เขาถอยออกมาได้ระยะหนึ่งดวงตาของมันก็จับจ้องมาที่เขา เจ้าของดวงตาสีดำนั้นชี้มาที่เขาก่อนจะสั่งพวกโจร
"จัดการมัน"
โจรป่าทำท่าฮึกเหิมราวกับรู้สึกคะนองใจ พากันเดินเข้าหาอีคอนพร้อมอาวุธครบมือ ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่พวกนั้นได้รับคำสั่งมา มันก็ดูแข็งแรงกำยำกว่าเดิมหลายเท่า
"นายท่าน ตามที่ข้าเคยให้สัญญา นี่เป็นเด็กที่ข้าหามาให้ท่าน ท่านเลือกเอาเลยขอรับว่าต้องการคนไหน"
ชายร่างใหญ่อีกคนดูเหมือนจะไม่ได้ถูกครอบงำก็คุยกับปีศาจต่อ ส่วนคนที่เหลือต่างพุ่งมาทางอีคอนแล้วโจมตีด้วยมีดดาบกันคนละที แม้ว่าบางคนอีคอนจะใช้แรงมากพอที่จะทำให้สลบแล้ว แต่ชายคนนั้นก็ยังยืนอยู่ได้ต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน อีคอนมองโจรสลับกับมองตัวประหลาดนั่นกำลังเลือกเด็กๆ แต่เพราะละสายตาเพียงนิดเดียวนั้นทำให้ลูกเตะของโจรโดนที่ท้องเขาเต็มๆ ก่อนจะกลิ้งไปไกล อีคอนตั้งท่าอีกครั้งพร้อมเตะต่อยกับเหล่าโจรอยู่นานจนเริ่มหวั่นใจ หากเขาใช้เวลามากไปเด็กพวกนั้นจะเป็นยังไงกัน และอยู่ๆ คำพูดของลาติโนก็ผุดขึ้นมาในหัว
'จะปกป้องชีวิตทหารของเราหรือจะปกป้องชีวิตของปีศาจตนนั้น'
นี่เป็นสถานการณ์ได้อย่างเสียอย่างที่เขาต้องเลือก แต่ตอนนี้นั้นต่างไป พวกที่สู้อยู่ต่อหน้านี้เป็นคนจริงๆ ที่มีชีวิตจิตใจ แต่ว่าพวกเขาคิดจะพรากชีวิตเด็กน้อยไร้เดียงสาไปเพียงเพราะความเห็นแก่ตัว
'สิบเอ็ด หรือ เจ็ด'
สวบ!
การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้ดูที่จำนวนหรืออายุ แต่ดูที่เจตนา หากว่าเขาไม่สามารถช่วยทุกคนบนโลกนี้ได้ ก็ขอเลือกคนที่มีโอกาสเป็นคนดีได้มากที่สุดดีกว่า
เหล่าโจรถูกสังหารตายอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน ความรวดเร็วและความอึดที่ฮาวเวอร์สร้างมาถูกใช้งานเต็มประสิทธิภาพ หากว่าตอนนี้อีคอนต้องต่อสู้กับมนุษย์อมตะแล้วละก็ คงสู้ได้สูสีไม่ต่างจากฮาวเวอร์ แต่ว่า…
'แจ้งเตือน ระบบจะทำการเคลื่อนย้ายจิตนาม อีคอน ไปยังดินแดนนรกเพื่อชดใช้การกระทำ หมายเหตุ สังหารคนจนถึงแก่ความตาย ต้องติดอยู่ในนรก 4 ล้านปี และอยู่ในสถานะไร้ร่าง 4 วันของโลกทดลอง'
'ฝากเด็กพวกนั้นด้วย ฮาวเวอร์…'
ทีส่งฮาวเวอร์ไปนรก ยังไม่เจ็บปวดเท่านี้เลย