นับจากวันที่ยุติสงครามระหว่างเขตทั้งสอง ประชากรที่เคยบาดหมางกันก็เริ่มทำงานและอาศัยอยู่ร่วมกันที่ชายเขตปกของฝั่งคามาโดและฝั่งฮาวเวอร์ซึ่งในตอนนี้มีนามเรียกขานใหม่แล้วว่า นครฮาวเวอร์
นครฮาวเวอร์นั้นถูกสร้างที่ใต้พื้นดิน ส่วนบนพื้นดินนั้นเป็นพื้นที่ทำการเกษตรและมีกำแพงล้อมรอบพื้นที่การเกษตรนั้น
เมื่อเขตปกครองเริ่มขยายใหญ่ขึ้นก็เริ่มมีผู้เข้าร่วมสวามิภักดิ์กับผู้ปกครองเขตฮาวเวอร์ จากหลายสายพันธุ์และท้องที่ เพราะได้ยินมาว่าฮาวเวอร์ไม่รับเครื่องบรรณาการวิญญาณ จึงทำให้หลายคนต้องการอยู่ใต้เขตปกครองของเขา แม้จะเริ่มเป็นที่ขุ่นเคืองของมารปกครองเขตอื่น แต่การปกครองทั้งสามเขตได้ในเวลาอันสั้นก็ไม่อาจประมาทผู้ปกครองเขตนี้ได้เช่นกัน
"นายท่านขอรับ วันนี้ก็มีผู้เข้าร่วมสวามิภักดิ์กับเราเพิ่มขึ้นอีกแล้ว"
"รับมา จ่ายงาน แล้วให้กลับไป"
"ขอรับ"
"นายท่านเจ้าคะ มีชาวบ้านแจ้งมาว่ามีอสูรมาโจมตีหมู่บ้านพวกเขาเจ้าค่ะ"
"ส่งทหารฝีมือดีไป"
"เจ้าคะ"
การงานทุกวันเริ่มเพิ่มมากขึ้นจนล้นมือ ฮาวเวอร์แทบไม่ได้หยุดพัก จนบางทีอีคอนต้องออกมารับงานแทน อย่างในวันนี้ที่ฮาวเวอร์คิดแบบแปลนงานจนน็อก จะมีใครรู้ไหมว่า ฮาวเวอร์สลบเหมือดไปแล้ว และอีคอนก็กำลังสวมรอยเป็นเขาอยู่ ไม่รู้ว่าเหมือนรึเปล่าแต่ก็ไม่มีใครทักท้วงอะไร
"ท่านฮาวเวอร์!! มีสัตว์ประหลาดมาบุกไร่เราขอรับ!!"
อีคอนทำหน้าเคร่งขรึมก่อนจะลุกเดินออกไป เมื่อขึ้นมาถึงบนดิน พื้นที่ราบเรียบไม่ปรากฏสัตว์ประหลาดตัวไหน อีคอนหันไปมองคนแจ้ง เขาก็เอาแต่หลบอยู่ในที่กำบังไม่ยอมโผล่หัวออกมา
'ตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหนแล้วเนี่ย' ฮาวเวอร์เพิ่งตื่นจากจิต
'พอดีเลยฮาวเวอร์ เจ้าช่วยมาปราบสัตว์ประหลาดให้ที ไม่รู้ตอนนี้มันไปไหนแล้ว'
ฮาวเวอร์ยังไม่ทันได้สติดีก็ถูกดึงขึ้นมาสวมร่าง ประจวบเหมาะกับตัวอะไรบางอย่างบินโฉบมาแล้วพ่นลาวาใส่
ก๊าาาาาาาาซ!!
ลาวาร้อนไหลลวกฮาวเวอร์อย่างไม่ทันตั้งตัว เขาเดินออกจากลาวานั้นก่อนจะปัดเนื้อตัวที่เปื้อนเขม่าดิน ร่างกายก็ฟื้นฟูเพียงแค่ตัวก่อนจะใช้เวทย์ย้อนกลับกับเสื้อผ้าที่ถูกเผาไป
"นั่นมันตัวอะไรวะเนี่ย!!"
เจ้าตัวนั้นบินโฉบกลับมาเมื่อเห็นว่าฮาวเวอร์ยังไม่ตาย มันก็ไล่พ่นลาวาออกจากปากตามหลังเขา ฮาวเวอร์วิ่งหนีอุตลุดไปหาที่หลบกำบัง ไม่ใช่ว่าเขากลัวตายแต่เขาอยากเห็นมันจังๆ ก่อนจะถูกเผาทั้งเป็น พอได้มองเต็มๆ ตาก็เห็นว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทกิ้งก่าติดปีก หรือจะเป็นสัตว์ในเทพนิยายที่ชาติก่อนเขาเรียกมันว่า
'มังกร!! มันอยู่ที่นี่ได้ไงวะเนี่ย'
'ในชาติก่อนมังกรในโลกข้าไม่ได้เป็นอย่างนี้หรอกนะ มันจะมีลำตัวยาวอย่างงูและมีแขนขาและกรงเล็บแบบเหยี่ยว'
'ยังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้เรากำลังเห็นมังกรตัวเป็นๆ '
เมื่อเจ้าตัวนั้นมันไม่เห็นใครมายืนตรงหน้าแล้วก็บินไปที่หุบเขาในป่าลึก ฮาวเวอร์ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมชาวเมือง จาคอบเองก็เดินมาสมทบเขาก่อนจะพูด
"สิ่งนั้นคือบรรพบุรุษของข้าเอง แต่ไม่ใช่พวกเดียวกันหรอกนะขอรับ เพียงแค่อยู่ในตระกูลเดียวกัน"
"แล้วเจ้านั่นมันมาก่อกวนข้าทำไม หรือไม่พอใจที่ข้าตั้งรกรากแถวนี้"
"เรื่องนั้นไม่เกี่ยวหรอกขอรับ เจ้านั่นมันเป็นอันธพาล ถ้านึกอยากจะออกมารังแกใครล่ะก็ จะเข้ามารังควานที่เผ่าข้าก่อน ตอนนี้มันคงเห็นว่าเผ่าข้าสวามิภักดิ์ต่อท่านแล้ว ก็เลยเลือกจะมาก่อกวนท่านแทน"
"อ้าว อย่างนี้ก็มีเรื่องน่ะสิ เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะไปหาเจ้ามังกรนั่นถึงที่เอง"
"แค่สองคนหรือขอรับ?"
"ใช่!"
ฮาวเวอร์และจาคอบเตรียมออกเดินทาง นครฮาวเวอร์ก็ถูกลาติโนดูแลต่อให้ฐานะรองผู้ปกครองนคร
ทั้งสองเดินทางมาจนเข้าเขตป่าลึก ที่นี่แตกต่างจากป่าด้านนอกเพราะทุกๆ สองก้าวที่ฮาวเวอร์เดินจะมีสัตว์เข้ามาจู่โจม รวมถึงอสูรไร้สติปัญญาด้วย จาคอบเองก็เกือบถูกโจมตีหลายครั้ง แต่ก็รอดมาได้เพราะฮาวเวอร์ช่วย ทั้งคู่เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนพบเข้ากับถ้ำในหุบเขา แม้ทั้งคู่จะไม่แน่ใจว่าเป็นถ้ำอะไร แต่ก็ลองเดินเข้าไปโดยใช้หินคริสทัลนำทาง
"นายท่าน ไม่รู้ท่านเคยได้ยินหรือเปล่าว่าที่ป่าแห่งนี้มีสัตว์ประหลาดจอมเขมือบมักจะอาศัยอยู่ในถ้ำและล่าสัตว์ป่าหรืออสูรกิน แม้แต่มารก็ยังต่อกรไม่ได้ ท่านว่าเรากำลังเข้าไปหามันหรือไม่"
"ไอ้ตัวอย่างนั้นมันคงไม่โผล่มาแถวนี้แล้วล่ะ บางทีนี่อาจเป็นแค่ถ้ำเปล่า ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอก"
เมื่อเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ ก็ไม่เจออะไร เป็นถ้ำเปล่าอย่างที่ฮาวเวอร์คิด แต่ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเดินออกก็ได้ยินบางอย่างจากผนังถ้ำ เป็นเสียงพูดคุยสองเสียงระหว่างชายกับหญิง อายุน่าจะราวยี่สิบถึงสามสิบปี ภายในถ้ำไม่มีรูลอดอื่นๆ ให้ทะลุ แต่จากที่ได้ยินเสียงพวกนั้น เขาเดาว่าไม่ไกลจากนี้ต้องมีอีกถ้ำที่มีผนังด้านเดียวกันติดกับที่นี่ หากจะทำลายผนังตรงนี้เพื่อทะลุก็กลัวถ้ำจะถล่ม แถมตัวถ้ำยังมีน้ำซึมอยู่ด้านบนอีก คิดว่าต่อให้เจาะเป็นรูเล็กก็อาจสร้างรอยรั่วบนเพดานทำให้เกิดน้ำท่วมภายในถ้ำอีก ทั้งสองคนเดินออกมาจากถ้ำพลางทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้ที่โขดหินเป็นการบ่งบอกว่าสำรวจแล้ว และเดินหาถ้ำอีกฝั่งเพื่อดูให้รู้ว่ามีมนุษย์แบบไหนอาศัยอยู่ในป่าลึกกัน
"ดูเหมือนว่า ยิ่งเข้ามาก็ยิ่งมีปริศนาเยอะขึ้นนะขอรับ"
"อืม ถ้าไม่พิสูจน์ให้เห็นกับตา คนที่เขตอาจมีอันตรายอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมานอกจากมังกรก็เป็นได้"
"ฟังจากที่เจ้าพวกนั้นพูดกัน ถึงแม้จะฟังไม่เป็นภาษา แต่เสียงพูดนั่น คงเป็นมนุษย์ไม่ผิดแน่"
ทั้งคู่เดินเข้าไปจนใกล้หุบเขา ฮาวเวอร์จับการเคลื่อนไหวได้อีกทั้งยังรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะมีขนาดใหญ่ต่างจากสัตว์ประหลาดที่เคยเจอ พอวิ่งไปดูการเคลื่อนไหวนั้นก็ประจวบเหมาะกับที่มันบินออกจากถ้ำพอดี ดวงตาของมันเหลือบมองคนทั้งคู่ แล้วบินวนกลับมาทางฮาวเวอร์ก่อนจะพ่นลาวาใส่ จาคอบกระโดดหลบไปอีกทาง ฮาวเวอร์ก็กระโดดหลบไปอีกทาง เจ้ามังกรต้องเลือกเล่นงานระหว่างสองคนนี้ แต่ดูจากไอเวทย์แล้วจาคอบน่าจะเหนือกว่าอมนุษย์ตุ่นที่พกมาด้วย มังกรบินเข้าไปเล่นงานจาคอบทันที ฮาวเวอร์มองการเมินของมันนิ่งๆ ก่อนจะเดินเข้าถ้ำมันไป เขาต้องไปดูว่ามีมนุษย์คู่ถูกจับมาอยู่ที่นี่ไหม
ทางฝั่งจาคอบ เมื่อเขาเห็นฮาวเวอร์เดินเข้าถ้ำมังกรไปจึงเปิดวงแหวนเวทย์อัญเชิญขึ้นมา แต่ว่าปีศาจอัญเชิญครั้งนี้ต่างออกไป ปีศาจครั้งก่อนเป็นเพียงปีศาจชั้นต่ำที่ไม่มีสติปัญญา จาคอบสร้างวงแหวนเวทย์ขึ้นมาแล้วโยนหอกเหล็กแหลมชั้นดีมีพู่สีแดงสดที่ด้ามหอกลงไปในวงแหวน และโล่ไม้เนื้อแข็งสลักลายหัวเสื้ออยู่ตรงกลาง สิ่งนี้เป็นเครื่องบรรณาการที่ฮาวเวอร์สร้างให้ แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่อัญเชิญมานั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แต่พลังเวทย์ของเขาลดฮวบลงจากครั้งก่อนที่เคยอัญเชิญมา
แสงเวทย์แห่งการอัญเชิญส่องเรืองรองออกมา จาคอบวิ่งหนีไปหลบอยู่หลังต้นไม้ก่อนจะเห็นสิ่งที่ถูกอัญเชิญมาได้เต็มตา ปีศาจทั้งสองสูงเพียงสองเมตร อยู่ในชุดนักรบประหลาดตาและแตกต่างกัน พวกมันหันมามองหน้ากันอย่างพิจารณา
"มีคนอัญเชิญพวกเรามาจริงๆ วะ คิคิคิคิคิ"
"แกจะตื่นเต้นทำไม ก็เรื่องปกติเปล่าวะที่ถูกอัญเชิญ แต่พวกเรา… ถูกอัญเชิญมาจริงๆ ด้วยวะ คุคุคุคุคุ"
ทั้งสองปีศาจหัวเราะคิคุกันไปมาไม่ได้มองสิ่งที่กำลังพุ่งตรงมาหาพวกตน แต่ก่อนที่ลาวาจะพุ่งออกจากปากมังกร ปีศาจทั้งสองก็วิ่งแยกทางกันไปคนละทิศ ไม่นานก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งแล้วปีศาจหอกก็กระโดดขึ้นเหยียบมือปีศาจโล่ก่อนจะกระโดดขึ้นไปเกาะบนตัวมังกร มังกรบินสะบัดมันออกจากหลังแต่ทำไม่ได้ ปีศาจหอกไต่ขึ้นตามตัวก่อนจะคลานไปถึงคอก็แล้วเอาหอกแทงหัวมัน แต่ก็แทงไม่เข้า มังกรทุ่มตัวใส่หุบเขาเพื่อให้มันหลุด และมันก็หลุดร่วงลงออกจากหลังก่อนจะเกาะตามผาแล้วไถลตัวลง
เมื่อเห็นว่าปีศาจสองตัวนี้ไม่ธรรมดา อาจจะเก่งกว่ามารบางเขตด้วยซ้ำ เมื่อคิดอย่างนั้นก็ไม่อยากยื้อเวลานาน พุ่งเข้าใส่ตัวแรกแล้วคว้ามันไว้ในอุ้งเท้าก่อนจะเหวี่ยงมันติดก้อนหิน ปีศาจตัวนั้นติดอยู่กับที่อยู่พักหนึ่งก่อนจะขยับตัวออกจากกำแพงแล้วยืนขึ้นใหม่
'อย่างที่คาด มันฟื้นตัวเร็วกว่าโดยไม่พึ่งเวทย์ฮิลด้วยซ้ำ'
กรี๊ดดดดดดดดด
เสียงร้องดังขึ้นจากภายในถ้ำ มังกรก็รีบดิ่งตัวเข้าไปในทันที จาคอบเองก็วิ่งตามเข้าไปพร้อมกับปีศาจที่อัญเชิญมาสองตัว
ทางฝั่งฮาวเวอร์ เขาเดินเข้ามาในถ้ำก็พบเข้ากับขุมทรัพย์มหาศาล ทองคำเหรียญและเพชรพลอยถูกกองเป็นภูเขาจนเต็มถ้ำ แสงของมันสะท้อนวิบวับไปมาเล่นกับแสงจากคบเพลิงที่ถูกวางรอบผนัง ฮาวเวอร์เดินเข้าไปดูเหรียญนั้นไกลๆ ก็เห็นว่ามันไม่ใช่เหรียญทองซีรูที่ใช้กันในยุคนี้ แถมยังมีขนาดใหญ่และหนักกว่า
ตุบ!
ของแข็งบางอย่างถูกทุ่มใส่หัวจากด้านหลัง ฮาวเวอร์ไม่ได้ล้มในทันทีก่อนจะหันมามองคนกระทำอย่างเอาเรื่อง เบื้องหน้าเป็นสตรีโฉมงามถือท่อนไม้ด้วยสีหน้าช็อกสุดขีดก่อนจะกรีดร้องออกมา เสียงกรี๊ดของนางดังลั่นทั่วถ้ำฟังแล้วแสบแก้วหู ฮาวเวอร์ยังคงมองหน้าเธอนิ่งๆ ต่อ เธอก็ยังกรีดร้องจนไอออกมา
"กรี๊ดจนพอใจรึยัง แก้วหูข้าแตกไปสามรอบแล้ว"
"กรี๊ดดดดดดดดดดดด แค่ก แค่ก"
ฮาวเวอร์มองนางไอไปพักหนึ่งก่อนจะมองรอบถ้ำต่อ ที่นี่เหมือนเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์เก่าที่ถูกภูเขาถล่มใส่จนเป็นโพรงภายใน มีซากศพมากมายที่คาดว่าน่าจะตายเพราะออกไปไม่ได้มากกว่าจะถูกแทะกิน และส่วนใหญ่ก็อยู่ในท่าคุกเข่าอยู่ต่อหน้ารูปปั้นเทพที่มีปีกถึงสี่คู่ด้วย แต่ว่าส่วนหัวได้แตกจากลำตัวไปแล้ว
"เจ้าอยู่ที่นี่มานานกี่ปีแล้ว"
"แค่ก แค่ก แค่ก"
ฮาวเวอร์หันไปมองนางอย่างเอือมระอาก่อนจะหยิบน้ำให้ดื่ม นางหยิบเข้าไปดื่มได้สองอึกก็พุ่งพรวดเป็นสายรุ้งออกมา
"ยาพิษ!! อ๊าาาาาาาาาาาาา!"
"ใช่! อีกไม่นานเจ้าก็จะเจ็บคอ! หายใจไม่ทันแล้วก็ตาย!"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นนางก็หยุดกรี๊ดแล้วดื่มไปอีกหลายอึกก่อนจะเรอออกมา
"ถ้าเจ้าคิดจะสังหารข้าก็คิดผิดไปแล้ว เพราะข้าน่ะเป็น อมตะ ตะ ตะ ตะ ตะ"
ตูมมมมมมม
ที่ทางเข้ามีควันไฟกระจายเข้ามาก่อนที่ร่างมังกรจะพุ่งใส่ถ้ำด้วยความเร็วสูง ร่างของมันสะบักสะบอมทั้งปีกโดนกรีดจนฉีกขาด เจ้านั่นพยายามตั้งตัวอีกครั้งก่อนที่ปากถ้ำจะปรากฏร่างปีศาจสองตนยืนขังทางออกอยู่
"ใกล้ตายรึยัง? คิคิคิคิคิคิ"
"ใกล้ตายแล้วมั้ง? คุคุคุคุคุคุ"
จาคอบโผล่หัวมาจากด้านหลังปีศาจทั้งสองก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาหาฮาวเวอร์เพื่อรายงาน
"นายท่าน ปีศาจที่นายท่านให้อัญเชิญมีความสามารถมากกว่าสามตัวแรกที่ข้าเคยเรียก แล้วก็สามารถจัดการกับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้อย่างสูสีเลยขอรับ"
"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว หลังจากนี้ข้าจะให้เจ้าพวกนั้นทำพันธะกับเจ้า เจ้าจะได้เรียกพวกมันได้ทุกครั้งที่ต้องการ"
"ขอรับ"
ฮาวเวอร์หันไปมองการต่อสู้ของสองปีศาจกับหนึ่งมังกรก่อนที่ร่างบางของหญิงสาวจะวิ่งเข้าไปขวางการต่อสู้ในขณะที่ปีศาจกำลังพุ่งโจมตีใส่มัน ปีศาจไม่หยุดยั้งแรงจวนจะปะทะกับสตรีที่กางแขนพยายามปกป้อง ทันใดนั้นร่างของปีศาจหอกถูกเตะกระเด็นไปติดกำแพงก่อนที่ทั้งสองฝั่งจะมองผู้เข้ามาขวาง
"ท่านฮาวเวอร์? "
แม้ไม่รู้ว่าสาเหตุนั้นคืออะไร แต่จาคอบก็ได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปขัด
"ช้าก่อนคาเอลหอกกับคาเอลโล่" ปีศาจทั้งสองตะลึงงันทันทีที่ฮาวเวอร์เอ่ยชื่อแต่งตั้ง "ผู้หญิงคนนี้บอกว่าตัวเองเป็นอมตะ ไม่แน่ว่าอาจมีพลังอย่างอื่นแฝงอยู่ หากว่าเข้าไปซุ่มสี่ซุ่มห้า พวกแกอาจจะถูกเด้งออกจากมิติจนเสียชื่อเลยก็ได้"
เมื่อฟังเหตุผลแล้วเข้าหูก็ยืนดูอยู่ห่างๆ ก่อนที่ฮาวเวอร์จะเข้าไปใกล้นางแล้วบีบลำคอของนางไว้ในกำมือ
"เจ้ามีฤทธิ์อะไรก็แผงออกมาซะ ไม่งั้นข้าจะกระชากวิญญาณเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้แหละ"
"ถ้าเจ้าทำได้ก็เอาเลยสิ แต่ต้องปล่อยฟอสเตอร์ไปก่อน"
"อย่านะ ถ้าหากมันต้องการแค่ข้ากับสมบัติ ก็ให้มันเอาไป เจ้าไม่ต้องมาทำให้ข้าอับอาย!"
"ถึงยังไงข้าก็ไม่ตายอยู่แล้ว เจ้ายังต้องห่วงอะไร รักษาชีวิตตัวเองไว้เถอะ ยังไงชีวิตเจ้าก็มีแค่ชีวิตเดียว"
ฮาวเวอร์ไม่ได้สนใจการพูดคุยนั้นก็เริ่มบีบคอนางแรงขึ้นเรื่อยๆ นางเริ่มเจ็บปวดรอบคอก่อนจะกระอักเลือดสีสดๆ ออกมา ฟอสเตอร์ทนเห็นนางเจ็บปวดไม่ได้ก็สะบัดหางเข้าใส่แต่ยังไม่ทันที่หางนั้นจะถึงตัว ปีศาจโล่ก็เข้ามากัน ปีศาจหอกก็เข้ามาแทงหางจนทะลุอยู่กับที่ มังกรฟอสเตอร์ไม่อาจขยับหางได้ก็คิดจะขยับตัวไปขัดขวางแทน แต่ยังไม่ทันขยับลำคอของนางก็ถูกบีบจนหักออกจากกัน ฮาวเวอร์ทิ้งร่างนั้นให้แน่นิ่ง ไม่นานหลังจากนั้นกระดูกคอของนางก็ต่อเข้าหากันก่อนจะกลับมาหายใจอีก
ส่วนฟอสเตอร์ แม้จะรู้ว่าร่างของนางไม่มีวันตาย แต่หัวใจของเขาก็ไม่อาจทนเห็นคนรู้จักให้ทรมานอยู่ต่อหน้าได้ เขาเอาตัวเข้าคลุมร่างของนางไว้ไม่ให้ฮาวเวอร์เฉียดเข้ามาใกล้
"เป็นอมตะจริงๆ สินะ"
ไม่มีเสียงตอบรับจากทั้งคู่ ฮาวเวอร์หันหลังไปเรียกจาคอบกับบรรดาปีศาจมารวมตัวกันก่อนจะทำธุระของตัวเองต่อ
"ถ้าพวกแกอยากถูกอัญเชิญมาอีกก็ทิ้งนามไว้ให้ผู้อัญเชิญ เจ้านี่เองก็เป็นลูกน้องข้า มีพลังมากพอที่จะเรียกพวกเจ้าหลายครั้งต่อเดือน"
"อย่างแจ่มเลยอะดิ คิคิคิคิคิ"
"เอาเลยพวก คุคุคุคุคุคุ"
ผู้อัญเชิญและผู้ถูกอัญเชิญทำพันธะต่อกัน ไม่นานปีศาจทั้งสองก็ถูกอัญเชิญกลับไปยังมิติของตน จาคอบก็ถูกไล่ให้ไปดูต้นทางเพราะกลัวว่าจะถูกลูกหลงไปด้วย เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ฮาวเวอร์ก็หันมาเผชิญหน้ากับมนุษย์อมตะและมังกร
เหมือนว่ามังกรจะฟื้นตัวเรียบร้อยและเตรียมตัวพร้อมสู้กับฮาวเวอร์ แต่เขากลับทำตัวนิ่งเฉย ไม่รู้สึกตื่นกลัวเลยสักนิด
"เจ้ามีนามว่าอะไร มนุษย์อมตะ?"
"ข้า? ข้ามีนามว่าไลลา"
"แล้วเป็นอมตะได้ยังไง?"
"เจ้าจะรู้ไปทำไม อยากเป็นเหมือนข้ารึไงถึงได้ถาม"
"ตอบมาเถอะน่า เจ้าพูดอย่างกับว่าการเป็นอมตะมันง่ายขนาดนั้น ถึงข้ารู้ไป ข้าก็ไม่ได้อยากเป็น แค่ก่อนที่ข้าจะจัดการพวกเจ้าข้าต้องรู้ก่อนว่าเจ้าเป็นประเภทไหน"
"จัดการ?"
ก่อนที่นางจะต่อปากต่อคำกับฮาวเวอร์ต่อ ฟอสเตอร์ก็เขี่ยนางไถลลงไปกองกับพื้นแล้วเผชิญหน้ากับฮาวเวอร์แทน
"เจ้าต้องการอะไรกันแน่ถึงได้เข้ามาในป่าลึกแห่งนี้ ถ้าต้องการสมบัติละก็ ต้องข้ามศพข้าไปก่อนถึงจะเอาไปได้"
"ตอนแรกก็คิดจะมากำจัดเจ้าที่เข้าไปรุกรานเขตปกครองของข้า แต่ว่าตอนนี้ข้าเจอสิ่งที่ต้องจัดการมากกว่าเจ้าแล้ว"
"หมายความว่ายังไง เจ้าคิดจะฆ่านางรึ? ทั้งที่นางไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้เจ้าเลย ถ้าเจ้าแค้นข้าทำไมไม่มาลงที่ข้าเล่า? "
"ข้าไม่ได้แค้นเจ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และที่ข้าจะฆ่านางก็เพราะข้าถูกส่งมาเพื่อจัดการเหล่ามนุษย์อมตะ"
แรงกดดันที่ไม่ได้เกิดจากไอเวทย์แผ่ออกมาจากร่างของฮาวเวอร์ ไลลาเมื่อได้ยินว่าฮาวเวอร์สามารถฆ่าตนได้ก็รีบวิ่งไปหาทันที
"เจ้าสามารถทำอย่างนั้นได้จริงๆ หรือ? "
"ก็ขึ้นอยู่กับประเภทด้วย ถ้าเป็นอมตะจากของวิเศษข้าก็คงจัดการได้ง่ายขึ้นหน่อย แต่เจ้ายังไม่บอกข้าเลยว่าเจ้าเองไปเป็นอมตะได้ยังไง"
"ถ้าเจ้าทนฟังเรื่องของข้าได้ ข้าก็จะเล่าให้ฟัง ราวสามพันปีก่อนหน้านี้ ข้าเป็นเพียงแม่ชีอยู่ในวิหารแห่งนี้ เทพประจำวิหารนี้ก็คือเทพแห่งความเมตตา มีความเชื่อว่าจะไม่ขัดขืนโชคชะตาไม่ว่าจะเลวร้ายมากแค่ไหน จะโอบรักความไม่สมบูรณ์ของโลกใบนี้ไว้จนกระทั่งตายจาก ข้านั้นบวชมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ได้เรียนรู้เรื่องโลกภายนอกเลยว่ามีชีวิตอยู่เช่นไร อยู่มาวันหนึ่งข้าได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาแสดงออกว่าตกหลุมรักข้า ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้อยากพบหน้าเขา และห่วงหาเขาตลอดเวลาจนพวกเราทำผิดประเพณีกัน ข้าที่ยังเป็นแม่ชีอยู่นั้นคิดจะหนีตามชายรักไป แต่ในวันที่ข้าได้ทอดทิ้งวิหารไป วันนั้นกลับมีสัตว์ประหลาดเข้าถล่มเมืองจนพังพินาศ ภูเขาถล่มมาทับวิหารให้จมไปกับดิน คนในนั้นตายหลายร้อย มีแค่ข้าที่รอดมาเพียงผู้เดียว และเพราะอย่างนั้นเทพของวิหารจึงโกรธที่ข้าไม่อยู่ร่วมรับโชคชะตาไปพร้อมกับนักบวชและแม่ชีภายใน ทั้งที่ขอให้พระองค์ทรงเมตตาตนมาตลอด เมื่อนั้นท่านเทพจึงสาปข้าให้เป็นอมตะเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากของการมีชีวิตอยู่จนกว่าจะได้รับการอภัยจากพระองค์"
"เป็นอย่างนี้นี่เอง…"
"แต่ว่าความโชคร้ายมันไม่ได้อยู่แค่นั้น หลังจากที่ข้าหนีไปอยู่กับคนรักได้เพียงสองปี เขาก็เริ่มเบื่อหน่ายข้าและทิ้งข้าไปหาผู้หญิงคนอื่น ตัวข้าที่ไม่มีที่ไปแล้วจึงได้เร่ร่อนไปตามความปรารถนาของชายหลายคน จนข้าเริ่มรู้ตัวแล้วว่าการมีชีวิตอยู่มันช่างทรมาน ข้ากลับมายังที่แห่งนี้ แล้วใช้เวลาชั่วชีวิตขุดหาวิหารเพื่อที่ข้าจะได้เข้ามาด้านในและนั่งภาวนาขอให้ตนได้รับการอภัย แต่จนแล้วจนรอด ข้าก็ไม่เคยได้รับการอภัยเลย จนฟอสเตอร์เข้ามาที่นี่เพื่อหาที่อาศัยเมื่อหนึ่งพันปีก่อน และก็เอาข้าวของมาวางรกเกะกะที่ทางการอธิษฐานของข้า"
ฮาวเวอร์ถอนหายใจยาวกว่านางจะเล่าจบ เมื่อค้นความทรงจำดูแล้ว การถูกสาปจากเทพ ต้องได้รับการอภัยจากเทพผู้ถูกสาป แต่เขาจะให้นางได้รับการอภัยได้ยังไง
'ฮาวเวอร์ ข้าเคยเห็นมือทะลุออกจากมิติประหลาดในร่างเรา พวกเราทำอย่างนั้นแล้วทะลุเข้าไปมิติสวรรค์ได้หรือเปล่า'
'เป็นไปไม่ได้หรอก การจะสร้างมิติเคลื่อนย้ายได้ต้องเป็นเทพเท่านั้นถึงจะทำได้ ตัวข้าที่เป็นปีศาจชั้นสูงยังทำได้แค่ช่องมิติเท่ารูเข็มหนีออกจากโลกที่ไม่อยากเผชิญเลย'
'แต่ว่าข้าเห็นจริงๆ นะ ตอนที่เจ้าถูกมารผมสีแดงดึงวิญญาณไป มันมีหลุมประหลาดปรากฏออกจากตัวเรา'
'อืมมม เดี๋ยวเปิดให้ดูก็ได้ พอใจรึยัง? '
ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกันฟอสเตอร์ก็ลอบทำร้ายร่างกายฮาวเวอร์ แต่ไม่โดน โหมดอัตโนมัติเคลื่อนที่หลบการโจมตีนั้นอย่างว่องไวถึงแม้จะไม่ได้มองการโจมตีก็ตาม
"คนเขาเล่าจบแล้วเจ้านี่ยังนั่งเหม่ออยู่อีก มันหลับไปแล้วรึไงวะ? "
"เอาน่า ถ้าการนั่งคิดนั่นทำให้ข้าหายเป็นอมตะแล้วล่ะก็ ข้ายินดีรออีกร้อยปีเลย"
ฟอสเตอร์ไม่ได้ตอบกลับประโยคนั้น หากนางหายไปจริงๆ ละก็ เขาก็จะได้ครองถ้ำแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องมาได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนอย่างกับจะเป็นจะตายอยู่ทุกคืนอีกด้วย
ฮาวเวอร์ยื่นมือออกมาทางด้านหน้าก่อนจะรวมพลังไปที่จุดเดียวแล้วขยายมิติเดินทางออก อาจเป็นเพราะลูกแก้วที่ฝังอยู่ในมือด้วยทำให้สามารถดึงและส่งพลังได้แม่นยำขึ้น ประตูมิติเปิดออกกว้างพอให้เดินเข้าไปได้ สถานที่ที่ฮาวเวอร์เลือกคือจุดเดียวกับที่มีมือปริศนาโผล่ออกมา เขาชะโงกหน้าเข้าไปดูในมิติก็เห็นเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์แบบเดียวกับที่ตนเคยเข้ามาหลังวิญญาณออกจากร่าง
"ฮ่ะฮ้า อยู่นี่เองไอ้ยมโลก!! ขอประทานอภัยหากข้าเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต พอดีข้ามีวิญญาณหลงทางที่ต้องการได้รับการอภัยจากท่านเทพแห่งความเมตตา"
"เชิญเข้ามาเลย ยังไงข้าก็ว่างสำหรับวิญญาณหลงทางอยู่แล้ว"
อีคอนชะโงกหน้าเข้าไปกวักมือเรียกไลลาเข้ามาในมิติ นางเดินเข้าไปได้เพียงวิญญาณ ร่างของนางนอนหายใจไร้วิญญาณอยู่อีกโลกหนึ่งส่วนวิญญาณนั้นเดินไปยืนต่อหน้าท่านยมโลกที่เป็นรูปปั้นตัวสูงใหญ่
"ข้ารับฟังเรื่องราวของเจ้ามาหมดแล้ว เจ้าขออภัยกับเทพแห่งความเมตตาถึงสองพันห้าร้อยปี แต่กลับไม่ได้รับการให้อภัยใดๆ เลย เพราะอย่างนั้นข้าจึงลองไปค้นหาเทพผู้สาปเจ้ามา ณ บัดนี้เขาได้ไปจุติเป็นมนุษย์ในโลกแล้วและมีเทพแห่งความเมตตาองค์ใหม่เข้าแทนที่ แถมวิหารขอพรท่านเทพก็ถูกทำลายไปนานแล้ว ท่านเทพองค์ใหม่จึงไม่รับรู้ความปรารถนาของเจ้า แต่ทุกข์มหันต์ของเจ้ากำลังจะสิ้นสุดแล้ว ข้าได้เชิญเทพแห่งความเมตตามารับฟังความปรารถนาเจ้าถึงนี่"
"เป็นมหากรุณาอย่างยิ่งเจ้าค่ะ"
"ท่านยมโลก ข้ามีเรื่องจะถามขอรับ" อีคอนเอ่ยขึ้นขณะรอการเดินทางของท่านเทพ
"มีอะไรหรืออีคอน"
"ท่านรู้ได้ยังไงว่านางมีความเป็นมายังไง หรือว่าท่านมีข้อมูลของเหล่าวิญญาณผู้หลงทางอยู่แล้ว"
"เรื่องนั้นตอบได้ง่ายมากเลยอีคอน เพราะว่าเจ้าเป็นร่างอวตารของเราลงไปเกิดยังไงเล่า ความทรงจำในร่างของพวกเจ้าก็คือของเรา และความสามารถทุกอย่างที่เจ้ามีก็เกิดมาจากเรา วิญญาณหลงทางที่เราให้ตามหานั้นไม่ได้มีที่มาอย่างละเอียดหนักหรอก รู้เพียงว่าวิญญาณหลงทางที่ข้าให้เจ้าตามหาในโลกนั้นมีถึง สองพันหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าดวง แล้วเจ้านำกลับมาให้เราเพียง สามดวงเท่านั้นในตอนนี้"
"เยอะขนาดนั้นเชียวหรือขอรับ"
"ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ถ้าเทียบกับโลกอื่น เรียกได้ว่าพื้นฐานที่มีกันทุกโลกเลยก็ว่าได้"
"แล้วทำไมท่านถึงให้ข้ากำเนิดสองจิตในร่างเดียวกันล่ะขอรับ"
"นั่นก็เพราะพวกเจ้าจะได้แบ่งสมดุลความดีความชั่วให้กันยังไงล่ะ หากเป็นวิญญาณชั่วที่เกิดใหม่ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นคนดีได้ถ้าได้รับการปลูกฝังที่ดี และวิญญาณดีก็อาจเป็นคนชั่วได้หากถูกเลี้ยงดูมาไม่ดี แต่พวกเจ้าต้องไปทำภารกิจให้ข้า ข้าจึงต้องส่งไปทั้งวิญญาณดีและชั่วจนกว่าพวกเจ้าจะเรียนรู้ที่จะสมดุลความดีความชั่วด้วยตัวเอง"
"ถ้างั้นนี่คือคำถามสุดท้ายนะขอรับ ทำไมท่านถึงสั่งให้เราล่าวิญญาณลูคัสล่ะขอรับ"
เมื่อพูดจบเกิดความเงียบในบัดดล ทั้งที่คนถามเป็นอีคอน แต่แรงกดดันมหาศาลนั้นราวกับเป็นฮาวเวอร์ก็ไม่ป่าน
"นึกอยู่แล้วว่าเจ้าต้องทำไม่ได้ หากว่าเจ้าสามารถส่งวิญญาณแยกลูคัสมาที่นี่ได้ข้าจะจัดการเขาเอง"