เส้นใยสื่อสารยังคงส่งเสียงสั่นสะเทือนต่อเนื่องไม่หยุด จากเมื่อวานจนถึงวันรุ่งขึ้น ไม่มีใครกล้าเปิดม่านหนาผืนนั้นออก กลัวว่าเปิดไปแล้วจะเห็นอะไรน่ากลัวจนติดตา มารงูผู้กดขี่เผ่าอมนุษย์ในละแวกนี้ช้านาน กำลังถูกฆ่าฟันอย่างไม่ปรานีโดยเด็กมนุษย์อายุไม่กี่ปี คนในเผ่ามางามูและเผ่าแมลงสาบเดินทางมาที่พักลับของมารงูเพื่อดูผลการต่อสู้ จากที่ได้ฟังบนใยสื่อสารนั่นก็พอเดาออกว่าใครจะชนะ
ตอนแรกพวกเขาก็ดีใจที่มารงูตายและถูกปลดปล่อย แต่หลังจากที่เสียงฟาดฟันยังไม่หยุดก็เริ่มหวาดกลัวกับนายคนใหม่ผู้ไร้ความปรานี นี่อาจเป็นการตัดสินใจผิดพลาดที่คิดจะย้ายฝั่งไปหาคนไม่รู้จัก แต่อย่างที่หลายคนในนี้มักจะพูด ยื้อชีวิตอีกหน่อยยอมดีกว่า
ม่านหนาถูกเปิดออก ร่างเปื้อนเลือดทั้งกายเดินออกมามองทุกอย่างเป็นสีแดง เพราะสองตามองกองโลหิตมานานจนเกิดภาพลวงตา เขาต้องหันไปมองท้องฟ้าหรือต้นไม้ เพื่อให้สีขั้วตรงข้ามปรับสมดุลการมองเห็น แต่คนที่เฝ้าดูฮาวเวอร์กำลังทอดสายตามองบนท้องฟ้าอย่างเงียบงันก็ตีความไปล้านแปด
"หรือนั่นจะเป็น… การไว้อาลัยของเหล่ามนุษย์ อำลาและส่งวิญญาณให้เดินทางไปยังปรโลกด้วยดี"
ทุกคนต่างเอาเยี่ยงอย่างแล้วมองท้องนภา รำลึกนึกถึงความทรมานที่มารงูสร้างเอาไว้
"โลอาโน สั่งคนปลดผ้าออก ตอนนี้วิญญาณเต็มถ้ำไปหมด มันรบกวนสายตาข้า"
โลอาโนทำตามคำสั่ง แมงมุมในเผ่าปีนขึ้นไปบนถ้ำสูง ผ้าม่านหนาถูกปลดออก ภายในบรรจุวิญญาณนับร้อยจนเต็มถ้ำ วิญญาณของเหล่าลูกหลานอมนุษย์ผู้ถูกสังเวย แม้ตอนแรกทุกคนจะหวาดกลัวฮาวเวอร์ แต่เมื่อเห็นความเมตตาอุตส่าห์ปล่อยดวงวิญญาณเหล่านั้นไม่จับกินเพื่อเพิ่มพลังก็รู้สึกซึ้งใจ จากที่ส่งวิญญาณด้วยความเกลียดชัง ก็เปลี่ยนความคิด ความรู้สึกใหม่ เป็นความรู้สึกผิดที่ยังหายใจอยู่ รู้สึกผิดที่ยังมีชีวิตต่อบนความตายของผู้อื่น
เหล่าวิญญาณน้อยเมื่อพ้นปากถ้ำก็ลอยลับไปไกลไม่มีใครเห็น จากที่บดบังวิสัยทัศน์ในถ้ำก็เบาบางลงจนหายไป ภายในปรากฏซากเนื้อก้อนใหญ่ถูกหั่นชำแหละจนเลือดเปื้อนทุกสิ่งอย่างในถ้ำดูน่ากลัว ฮาวเวอร์เดินกลับเข้าไปในถ้ำต่อก่อนจะแบกชิ้นส่วนของซากออกมาวางไว้นอกถ้ำ ทุกคนงงกับการกระทำนั้นจนฮาวเวอร์นำเอาซากออกมาจนหมดก่อนจะเผาด้วยเวทย์ของตนจนเหลือเพียงเถ้าถ่าน
"เอาล่ะ ทีนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่านางจะกลับมาอีก ยังมีใครสวามิภักดิ์กับนางและอยากงัดข้อกับข้าไหม?"
ฮาวเวอร์ถามเพราะเริ่มเหนื่อยเต็มทนจนอยากกลับไปนอน พอไม่มีใครเสนอหน้าเข้ามาเขาก็ดึงจิตอีคอนขึ้นมาควบคุมร่างแล้วหลับไปทันที
อีคอนยังสับสนมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า ไม่นานคนที่ยืนอยู่ละแวกนั้นก็คุกเข่าศิโรราบต่อหน้าเป็นการบอกว่าไม่มีใครคิดจะต่อกรกับเขา อีคอนมองการกระทำนั้นก่อนจะยกมือห้าม
"ช้าก่อนท่านทั้งหลาย ข้าไม่ได้ต้องการให้ใครมายกย่องสรรเสริญ เพียงแค่อยากสร้างเส้นทางตัดผ่านไปยังเขตปกครองในป่า เพราะอย่างนั้น พวกท่านจงเลือกผู้นำของตนเองเถิด"
"พวกเราคิดเอาไว้แล้วขอรับ จากที่นายท่านเคยกล่าวว่าจะให้พวกข้าเลือกใครก็ตามขึ้นเป็นผู้นำ พวกข้าจึงเลือกท่านกันขอรับ"
'ฮาวเวอร์? ไหงเรื่องมันกลายเป็นอย่างนี้ล่ะ'
ไร้เสียงตอบรับจากอีกจิต เขาคงจะหลับลึกจริงๆ ตั้งแต่สู้กับก้อนเมือกในถ้ำ ฮาวเวอร์ก็ไม่ได้พักจิตเลย แถมยังต้องมาสู้กับมารงูอีก จิตของฮาวเวอร์จึงรู้สึกอ่อนล้าจนถดถอย เพราะงั้นถึงได้เปลี่ยนจิตกับอีคอนก่อนที่จิตของเขาจะดิ่งพร้อมความเคยชินกับการฆ่า
"ถ้าพวกเจ้าต้องการอย่างนั้น ข้าจะเป็นให้ชั่วคราวก็ได้ อย่างที่เจ้ารู้ว่าข้าต้องกลับไปทำสงครามชิงบ้านเกิด คงอยู่ดูแลที่นี่ได้ไม่ยืดยาว"
"ตามแต่นายท่านจะประสงค์ขอรับ แค่พวกเราได้สัมผัสกับสันติสุขชั่วครู่ชั่วคราวก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีแล้วขอรับ"
คำพูดบาดจิต อีคอนมองทุกคนในที่นี้แล้วก็นึกสงสาร จากเรื่องที่ได้ยินมา พวกเขาถูกกดขี่จากมารงูให้นำลูกหลานมาบูชาเป็นอาหารเพื่อรักษาชีวิตคนทั้งเผ่า ความขมขื่นที่ต้องตัดเนื้อหนึ่งส่วนในร่างกายเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ช่างน่าเศร้า อีคอนกลืนความกระดากอายทิ้งไปแล้วเริ่มควบคุมการปกครองคนทั้งหมดนี้อย่างที่ฮาวเวอร์เคยทำกับทหารในค่าย
"แบ่งคนหนึ่งส่วนเข้าไปทำความสะอาดภายในถ้ำ ข้าจะใช้เป็นห้องบัญชาการ สร้างรากฐานในการปกครอง อีกส่วนกลับไปรายงานคนในเผ่าว่าพวกเจ้าได้ผู้ปกครองคนใหม่แล้ว และให้หัวหน้าเผ่ามารายงานตัวต่อข้าในวันพรุ่งนี้ที่ห้องบัญชาการแห่งใหม่ นอกจากนี้ให้ป่าวประกาศถึงเผ่าที่ยังไร้การปกครอง หากต้องการอยู่ใต้ร่มเงาข้าก็ให้มาพร้อมกับเหล่าหัวหน้าเผ่าอื่นให้วันพรุ่งนี้เช่นกัน"
คนบางส่วนทยอยกลับไปรายงานหัวหน้า อีกส่วนก็อยู่เพื่อทำความสะอาดภายในถ้ำ และจัดแจงฐานพักแห่งใหม่ อีคอนเดินรอบฐานภายในก็เห็นความสกปรกมากมายที่ไม่เป็นระเบียบ ที่ขับถ่ายมี แต่สกปรกจนล้นออกมาด้านนอก คนมาทีหลังไม่อยากใช้ก็ไปขับถ่ายที่อื่นตามพุ่มไม้จนเหม็นคลุ้งไปทั่ว ที่ทานอาหารก็พอดูได้ แต่ห้องครัวนั้นเน่าจนหนอนไต่ออกจากชามอาหาร อีคอนเดินสำรวจทุกอย่างจากนั้นก็เริ่มวาดแผนที่ฐานลงบนดิน ขีดให้เห็นว่าที่แห่งนี้ถูกวางโครงสร้างไว้ยังไง
"นายท่านขอรับ ข้าอยากแนะนำคนให้รู้จัก เจ้านี้เดิมทีเป็นผู้ควบคุมเสบียงอาหารของมารงูชื่อว่า อิล ส่วนเจ้านี้เป็นคนดูแลเรื่องอาคารชื่อว่า คลอย ข้าพามาเผื่อว่าท่านต้องใช้เขา"
"งั้นก็พอดีเลย ข้ามีเรื่องจะคุย นี่คือแผนที่ของฐานลับแห่งนี้ จากที่เจ้าเห็น ตัวอาคารสร้างอย่างไม่เป็นระเบียบ ทำให้เส้นทางสัญจรคดเคี้ยวจนต้องอ้อมหลายทาง ข้าจะให้เจ้าทำลายทั้งหมดนี่ทิ้งไปซะ สร้างตรงนี้ใหม่โดยเว้นว่างตรงกลางไว้เป็นลานชุมนุม รอบด้านสร้างอาคารโรงอาหาร ด้านหลังเก็บเสบียง ห้องน้ำให้สร้างสี่จุดรอบฐานสี่ทิศ ด้านตรงข้ามให้สร้างที่พักโรงนอน สำหรับผู้เฝ้ายาม ข้าให้เจ้าทำเท่านี้ก่อน พอจะสร้างได้ไหม"
"ขอรับ ภายในวันนี้พวกข้าคงทำลายอาคารได้หมดก่อน"
"ดี จากนั้นก็ทำที่ขับถ่ายเป็นอันดับแรก รองลงมาก็ที่เก็บเสบียง"
"ขอรับ"
อิลกับคลอยเร่งรีบไปทำงานตามที่สั่ง อีคอนมองแผนที่อีกครั้งพลางคิดจะขยายพื้นที่เพิ่ม แต่คิดได้ไม่นานก็มีคนมาขัดเสียก่อน
"นายท่าน ข้าเจอไข่อยู่ในถ้ำ ท่านจะให้ข้าทำอย่างไรกับมันดี"
พอพูดถึงไข่ก็นึกเรื่องมารฝังไข่ขึ้นมาทันที เขาเดินไปดูที่ถ้ำ ถ้ำด้านหลังมีช่องเล็กเก็บไข่จำนวนมากเอาไว้ อีคอนหันไปถามคนข้างตัว
"นี่เป็นไข่ของมารงูหรือเปล่า?" แค่คิดก็รู้สึกสลด ไข่พวกนี้ต้องกำพร้าแม่เพราะเขา
"ไม่ใช่หรอกขอรับ พวกที่จุติเป็นมารแล้วจะไม่สามารถให้กำเนิดทารกได้ขอรับ ส่วนใหญ่ในนี้เป็นไข่มนุษย์ที่ทิ้งไว้ในป่า บางส่วนก็เป็นเครื่องบรรณาการให้มารงู แต่เพราะไข่ยังไม่ฟักก็เลยดูไม่ออกว่าเป็นของเผ่าไหนบาง"
"เอาไข่พวกนี้ออกมาให้หมด แล้วหาที่อุ่นๆ ไว้กกไข่ อย่าให้ไข่แตกแม้แต่ใบเดียว"
"ขอรับ"
วันทั้งวันอีคอนสาละวนอยู่กับงานภายในถ้ำ พยายามจัดสรรให้ทุกอย่างเป็นระเบียบแบบแผนตามที่เคยพบในความทรงจำหลัก พอตะวันตกดิน แอดดี้ ลิลลี่ และเอวา เดินทางมายังฐานลับเพื่อพบกับอีคอน ทันทีที่พวกเขามาถึงฐานลับที่ควรจะมีอาคารและผู้คนน่ากลัวกลับเห็นเพียงพื้นที่กว้างและเศษซากอาคารที่ถูกรื้อถอน สถานที่เดียวที่พอมีที่ให้คลุมหัวก็คือถ้ำขนาดใหญ่ด้านในสุด เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับไข่หลายฟองถูกเศษหญ้าปกคลุมให้ความอบอุ่น
"ว้าว นี่นะหรือไข่ของบุรุษที่เขาว่ากัน" เอวากล่าว
"ท่านรู้ด้วยหรือขอรับ" แอดดี้
"ท่านยมโลกบอกมาว่าเพราะพลังข้าไหลเวียนบนโลกนี้มากเกินไปจึงทำให้เกิดมนุษย์หลายสายพันธุ์ เพราะอย่างนั้นมนุษย์จึงเกิดความแตกแยกและฆ่าฟันกันเอง ได้ยินว่าแม้แต่ไข่บุรุษก็ถูกทำลายเพราะไม่เป็นที่ยอมรับ"
"ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นมันก็มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่กล้าลงมือทำกับลูกตัวเอง พวกเราอมนุษย์ไม่ทำกันหรอก เรารู้ดีว่ามารไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้เพราะได้รับพลังจากคำสาป จึงเดาได้ไม่ยากว่าไข่ที่เกิดจากท้องบุรุษนั้น คงเป็นการกำเนิดแบบใหม่ที่เราได้มา" อมนุษย์แมงมุมกล่าว
"น่าสงสารจัง คงเป็นเพราะมีสติปัญญาก่อนมนุษย์สายพันธุ์อื่นจึงมีความคิดวกวนซับซ้อนสินะ ถ้าคิดอะไรง่ายๆ ก็คงไม่เกิดเรื่องน่าเศร้าเช่นนี้"
เอวานั่งลงแล้วลูบไล้ไข่ใบน้อยตรงหน้า ไม่นานไข่นั้นก็เกิดรอยแยกและค่อยๆ แตกออกจากกัน ปรากฏให้เห็นทารกภายใน เด็กน้อยข้างในมองเอวาตาใสจนทำให้เขาตกหลุมรัก
"ข้าอยากเลี้ยงดูเจ้าจนแก่เฒ่าจังเลย ทำไมเจ้าช่างน่ารักอย่างนี้นะ"
ลิลลี่มองเด็กเกิดใหม่ก็รู้สึกจุกในอก คิดถึงลูกน้อยที่จากกันไกลอย่างไม่รู้ชะตากรรม อีคอนเดินเข้ามาหลังจากไปสำรวจนอกฐานหมดแล้ว ทุกคนมองเขาเป็นตาเดียวก่อนที่เขาจะเข้ามาดูเด็กน้อยที่เพิ่งเกิดใหม่
"เจ้าเลือกเกิดวันนี้สินะ ในเมื่อเจ้าไม่มีครอบครัว ให้ข้าตั้งชื่อให้ดีไหม?"
"ข้าก็อยากตั้งชื่อให้มั่ง ทำไมเจ้ามีสิทธิ์ตั้งชื่อคนเดียวล่ะ" เอวาไม่ยอม
อีคอนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ "ถ้างั้นเราเขียนชื่อไว้บนใบไม้ ถ้าเด็กคนนี้จับได้ใบไหนก็ให้เรียกชื่อจากใบนั้น"
"เอาสิ อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็เลือกชื่อด้วยตัวเอง"
เทศกาลตั้งชื่อจึงถูกจัดขึ้นนะบัดนั้น ใบไม้หลายใบถูกวางไว้ด้านหน้าเด็ก หลายคนในนั้นนอกจากฮาวเวอร์และเอวาก็มีคนที่อยากตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ด้วยเหมือนกัน เมื่อมีมากพอจนได้กองใหญ่ก็โปรยใบไม้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ใบตั้งชื่อหลายใบลอยวนอยู่บนนภาก่อนจะตกลงมาบนตัวเด็กทารก อีคอนรีบไปดูว่าเด็กน้อยได้หยิบใบไม้ใบไหนไปหรือเปล่า ปรากฏว่าเด็กน้อยไม่ได้หยิบเลยสัก แต่กลับมีใบไม้หนึ่งใบหล่นอยู่บนหัวของเขา อีคอนจับขึ้นมาดูแล้วอ่าน พอเห็นว่าเป็นชื่อคนก็เอาชื่อนั้นตั้งให้ทารก
"เด็กคนนี้มีนามว่า ชีค!"
เมื่อกล่าวนามออกมาทุกคนก็ปรบมือให้ด้วยความยินดี แม้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้งให้แต่ก็รับรู้ได้ว่าเขาหวังดีและต้องการให้เด็กคนนี้มีนามไว้ให้ผู้อื่นเรียกขาน
เมื่อเทศกาลตั้งชื่อจบลง ทุกคนก็แยกย้ายไปพักผ่อน ลิลลี่เดินเข้ามาหาอีคอนในถ้ำเพราะอยากคุยบางอย่างกับเขา
"ฮาวเวอร์…"
"มีอะไรหรือ ลิลลี่"
นางทำท่าอึดอัดใจก่อนจะกล่าวต่อ "เจ้าก็รู้ใช่ไหมว่าสัตว์อสูรอย่างข้ามักเดินทางเพียงลำพัง"
"ข้าจำได้"
"แล้วเจ้าคิดยังไงถ้าหากข้าจะขอติดตามไปด้วย แบบว่า… ถึงแม้ข้าจะตามหาลูกพบแล้ว ข้าก็ยังจะอยู่กับเจ้าต่อ"
"ข้าไม่ห้ามหรอกนะถ้าเจ้าจะอยู่กับข้าต่อ แต่ข้าอยากรู้ว่าทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนความคิด"
ลิลลี่เดินเข้าไปนั่งใกล้ก่อนจะเริ่มพูด "ข้าเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เจ้าทำ ข้ารู้สึกว่าหากข้าฝากลูกไว้กับเจ้าได้ ชีวิตเขาคงอยู่รอดได้นานกว่านี้"
"ข้าชื่นชมความรักของเจ้าที่มีต่อลูกนะ ถ้าหากเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะช่วยดูแลเขาอย่างที่เด็กคนหนึ่งควรได้รับ ที่พักอบอุ่น อาหารอิ่มท้อง ที่เล่นกว้างขวางและการมอบความรู้ให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด"
ลิลลี่ยิ้มบางๆ อย่างวางใจ นางคงคิดมานานแล้วว่าวิถีชีวิตอย่างเก่าทำให้เธอและลูกตกอยู่ในอันตราย ถ้าหาทางเอาตัวรอดไม่ได้ เด็กที่เกิดในสายพันธุ์เดียวกันคงต้องตายกันหมด
"เจ้าในตอนนี้ดูอบอุ่นอย่างกับคนละคนเลยนะ" ลิลลี่เอ่ยแซว
"ฮะฮะ นี่และมนุษย์…"
อีคอนไม่ได้บอกเรื่องสองจิตให้กับนาง กลัวว่าถ้านางรู้ว่าเขามีความไม่แน่นอนในจิต นางคงเลือกเส้นทางเดิม ชีวิตเดิมที่เสี่ยงอันตรายกว่า
ตกดึกในคืนพระจันทร์ขึ้นเต็มดวง ยามเฝ้าสังเกตการณ์ยังคงมองทุกสิ่งอย่างภายนอกตาไม่กะพริบ ในคืนที่ไม่มีอันตรายจากภายนอกเข้ามาใกล้ กลับมีเรื่องประหลาดจากภายในเกิดขึ้น
กองเถ้าถ่านของมารงูถูกปลิวพัดไปกับสายลม ตั้งแต่ร่างมารงูถูกเผาก็ไร้คนเหลียวแลจนไม่ทันสังเกตเห็นบางอย่างกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ภายใน สิ่งนั้นกลิ้งออกจากเถ้ากระดูกไปยังถ้ำเก่าของมารงู ขนาดของมันเล็กเท่าก้อนกรวดกำลังกลิ้งตรงไปยังกลุ่มคนที่นอนกันอยู่ คนแรกที่มันเข้าหาคือแอดดี้ แต่เหมือนร่างนี้มันจะไม่พอใจ ก่อนจะไปหาลิลลี่ มันวนรอบร่างนางอยู่นานแต่ก็ต้องวนออกและรีบตรงไปหาร่างที่เคยพลัดพรากจากกันเป็นล้านปี ร่างของเอวา สิ่งนั้นกำลังกลิ้งเข้าไปหาแต่ถูกบางอย่างทุบให้หยุดนิ่งแล้วหยิบขึ้นมา
ฮาวเวอร์เอาสิ่งนั้นขึ้นมาถือก่อนจะนั่งพิจารณา ใบหน้าเรียบนิ่งแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็นก่อนจะกรีดมีดลงบนฝ่ามือแล้วฝังเอาลูกแก้วไว้ข้างใน สิ่งนั้นมันดูดกลืนพลังอย่างกระหาย ร่างกายที่เคยมีไอเวทย์เกินควบคุมจนน่าอึดอัดนั้นถูกลูกแก้วสูบเข้าตัวไปจนหมด ตัวเขาในตอนนี้ไม่มีไอเวทย์น่าอึดอัดให้คนอื่นแยกจิตทั้งสองออกจากกันได้ ฮาวเวอร์สามารถสวมรอยเป็นอีคอนได้แล้ว
หากคิดว่าการเป็นอีคอนนั้นมันมีดีอะไร ใช้ต่อสู้กับมารก็ไม่ได้ ใช้ปกครองทหารนับแสนก็ไม่ได้และใช้เจรจากับอาณาจักรโพราเท็สก็ไม่ได้อีก แม้จะควบคุมเผ่าอมนุษย์มารเขตนี้ได้แต่ก็ใช่ว่าจะคุ้มครองคนพวกนี้ได้ สำหรับฮาวเวอร์การเป็นอีคอนมันได้มีอะไรดีเลยสักนิด แต่มีสิ่งเดียวที่ต้องเป็นอีคอนเท่านั้นที่ทำได้ คือการได้เป็นเพื่อนเคียงข้างลีโอซึ่งเป็นวิญญาณแยกของลูคัส อีคอนไม่รู้หรอกว่า การอยู่ในนรกมันหดหู่เพียงใด แค่เศษเสี้ยวของความสุขก็ยังหาไม่ได้ ถ้าฮาวเวอร์ได้ครองร่างตอนอยู่กับลีโอแล้วล่ะก็ ชีวิตที่ได้เกิดมาครั้งนี้ก็นับว่าไม่เสียเปล่าแล้ว
ฮาวเวอร์ทดสอบพลังด้วยการสร้างไอเย็นขึ้นมา เพียงใช้พลังแค่นิดเดียว น้ำแข็งก็เกาะบนนิ้วมือเขาแล้ว แม้จะให้ความรู้สึกหนาวเย็น แต่ฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ถูกน้ำแข็งกัดกร่อนแต่อย่างใด ฮาวเวอร์ตวัดสายตาไปมองเพดานถ้ำ เหล่าลูกสมุนแมงมุมของโลอาโนจ้องมาที่เขาอย่างหวาดกลัว เจ้าพวกนี้ทำหน้าที่เฝ้ายามให้ฮาวเวอร์ ไม่ได้มีความคิดจะทำร้ายเขาเลยสักนิด แต่การที่ล่วงรู้กระทำนี้ก็ถือว่าเสี่ยงให้ถูกจับได้ ถ้าหากอีคอนรู้แล้วตีตัวออกห่างจากลีโอ จิตหลักนั้นย่อมมีอิทธิพลกับร่างมากกว่า เขาจะทำอะไรไม่ได้อีก แม้จะสวมรอยเป็นอีคอนได้แล้ว
ฮาวเวอร์กวักมือเรียกพวกอมนุษย์แมงมุมลงมา ก่อนจะร่ายเวทย์บนฝ่ามือเกิดเป็นลูกอมหลายเม็ดให้เจ้าพวกนี้หยิบไปกิน สิ่งนี้ไม่ใช่ยาพิษแต่เป็นมนต์ปิดปาก ไม่ให้เจ้าพวกนี้เอาเรื่องที่เขาทำไปเล่าให้ใครฟังได้ ฮาวเวอร์ล้มตัวลงนอนพลางมองไปยังเทพธรณี
'ท่านคงต้องอยู่เกินร้อยปีแล้วล่ะ เพราะยังไงข้าก็ไม่ปล่อยให้โลกแตกแน่นอน'
เช้าวันต่อมา เหล่าหัวหน้าเผ่าในการปกครองเก่าของมารงูเข้ามารายงานตัว เผ่าที่ถูกปกครองโดยมารงูส่วนใหญ่จะเป็นอมนุษย์แมลง
เผ่ามางามู อมนุษย์แมงมุมซึ่งเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว มีลาติโนเป็นหัวหน้าเผ่า นางเป็นสตรีมีครรภ์ ภรรยาของโลอาโน หนึ่งในนักเคลื่อนไหวสร้างการโจมตีและป้องกันให้ฮาวเวอร์ระหว่างที่เขายังต่อสู้อยู่ในถ้ำ ทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตและถูกยกย่องในฐานะนักเคลื่อนไหวผู้ชาญฉลาด นางได้นั่งในตำแหน่งที่ใกล้กับฮาวเวอร์มากที่สุดฝั่งขวาเพราะถือว่ามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด
เผ่าอมนุษย์แมลงสาบ ไม่มีชื่อเรียกทางการ หัวหน้าเผ่าเอโดเลีย ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นหัวหน้าด้วยการจับไม้สั้นไม้ยาว เป็นผู้มีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวเพราะถูกลาติโนขู่เข็ญมาอีกทีให้ทำตาม จึงได้ที่นั่งฝั่งซ้ายตรงข้ามกับลาติโน ถึงแม้หลายคนจะไม่ชอบใจ แต่ผลงานในครั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่มีเผ่าอมนุษย์แมลงสาบ งานในครั้งนั้นคงไม่สำเร็จ
ด้านหลังฮาวเวอร์มีผู้ติดตามอยู่สองคนคือแอดดี้ฝั่งซ้าย และลิลลี่ฝั่งขวา แม้แอดดี้จะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่กล้าปริปากว่าเมื่อมองฝั่งขวาแล้วเห็นอสูรเวทย์หมื่นดาราจ้องมองมาที่พวกเขา
เผ่าอื่นๆ ที่ไม่ได้รวมการเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงนั่งลดหลั่นกันไปตามโต๊ะไม้ยาว
"เอาล่ะ ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ก็เพื่อให้เป็นที่รับรู้กันว่าตอนนี้ข้าเป็นผู้ปกครองเขตนี้ เมื่อมีผู้ปกครองใหม่ กฎระเบียบจะถูกตั้งขึ้นใหม่ ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีการรับเครื่องบรรณาการลูกหลานจากเผ่าของพวกเจ้า และเสบียง หากพวกเจ้าหาได้สิบส่วน ต้องแบ่งมาให้ฐานลับสามส่วน ลูกหลานของพวกเจ้า เด็กวัย 5 ปีไปจนถึงวัย 20 ปี จะต้องเดินทางมายังฐานลับ เพื่อรับการศึกษา ทั้งเรื่องศาสตราวุธ และอักษรอย่างมนุษย์ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป และหลังจากนี้จะมีการรับเผ่าอื่นที่อยู่นอกเหนือการปกครองเข้ามาอีก เพราะเช่นนั้น พวกเจ้าที่อยู่มาก่อนต้องคอยกระจายข่าวเรื่องผู้ปกครองใหม่ของพวกเจ้าให้พวกไร้การปกครองเข้าร่วมกลุ่ม ข้าต้องการขยายอาณาเขตให้กว้างขึ้นด้วยจำนวนคนมิใช่พื้นที่ว่างเปล่า งดการเข่นฆ่าโดยไม่จำเป็น ใครฝ่าฝืนจะได้รับบทลงโทษตามสมควร"
ฮาวเวอร์กล่าวเสียงกร้าว คนในห้องเกิดความสับสนมากมาย แต่ก็ไม่มีใครกล้ากล่าวขึ้นขัด มีเพียงคนรู้จักกันมาก่อนถามเพื่อขยายความสงสัย
"ท่านจะรับเด็กวัย 5 ปีถึง 20 ปีไปทำไมเจ้าคะ เดิมทีเด็กเหล่านั้นจะต้องอยู่ช่วยครอบครัวหาอาหารมาส่งให้ท่าน หากท่านนำไป พวกเขาจะยิ่งเสียกำลังในการเพิ่มเสบียง" ลาติโนกล่าว
"นั่นก็เพราะพวกเจ้ารู้จักแต่การหาอาหาร นำมากิน และหาใหม่ ส่วนข้านั้นต้องการมากกว่าอาหารคือแรงงานของคนมีคนมีความรู้ ข้าต้องการคนที่เติบโตไปพร้อมข้าและสร้างสรรค์อารยธรรมแบบใหม่ขึ้นมา อย่างที่เจ้าเห็นข้าเป็นเพียงมนุษย์วัย 10 ปี พวกเจ้าที่อายุเกินจาก 20 ปีไปแล้วก็จะเข้าสู่วัยชราในตอนที่ข้าอยู่ในวัยกลางคน ช่วงเวลานั้นคงวุ่นวายหากอะไรหลายๆ อย่างไม่โตตามยุคสมัย อีกไม่นานมนุษย์ไร้ขนจะเข้ามารุกรานป่าอาถรรพ์มากขึ้น อย่างที่เจ้าเห็น ข้ายืนอยู่ตรงนี้แล้ว เพราะอย่างนั้นพวกเจ้าจึงต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบใหม่เพื่อไม่ถูกข้าผู้นี้บีบให้กลายเป็นชนกลุ่มน้อยในการปกครอง"
ลาติโนเข้าใจที่ฮาวเวอร์สื่อ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีสถานการณ์คล้ายกันอยู่ เผ่ามางามูเริ่มหมดความน่าเชื่อถือเมื่อไม่อาจตามล่าหาเผ่าอมนุษย์แมลงสาบได้มานานหลายปี พวกเขาจึงกลายเป็นเป้าหมายต่อไปให้ทำลาย ชนกลุ่มน้อยที่นางเข้าใจคือกลุ่มคนที่ไม่ถูกยอมรับความคิดเห็น และถูกเลือกปฏิบัติเพราะถูกแบ่งแยกจากคนส่วนใหญ่
"ถ้าเช่นนั้น หมายความว่าท่านอาจปกครองเขตนี้ยืนยาวไปหลายสิบปีเลยสินะเจ้าคะ"
"ไม่แน่ไม่นอน นี่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ข้าตั้งใจจะปูไว้ให้พวกเจ้าสร้างตัว และยืนได้ด้วยตัวเองในอีกร้อยปีหรือพันปีข้างหน้า คนในหมู่บ้านเจ้าคนใดคนหนึ่งอาจขึ้นเป็นผู้ปกครองเขตนี้แทนข้าในอนาคตหากมีความสามารถมากพอ"
"แล้วเรื่องมารจากเขตอื่นมารุกรานละขอรับ หากว่าไม่มีท่านผู้แข็งแกร่งคอยดูแล เจ้าพวกนั้นอาจส่งคนมาฆ่าผู้ปกครองของเราแล้วไล่ล่าคนในเขตก็ได้"
คนอื่นนอกจากลาติโนเริ่มออกความคิดเห็น ฮาวเวอร์แอบชื่นชมนางที่สามารถชักจูงคนอื่นให้คล้อยตามได้ก่อนจะตอบคำถามเมื่อครู่
"ข้าต้องขออภัยจริงๆ ข้าหลงลืมตัวตนจนไม่ได้บอกให้พวกเจ้ารู้ ข้าคือเจ้าชายจากอาณาจักรริลกลิม นี่คือหนังสือรับรองที่ท่านแม่ทัพของอาณาจักรลงนามไว้ยืนยันให้ข้า เขตนี้จะอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรริลกลิมทันทีหลังจากที่ข้าชนะศึก หากมีมารตนไหนกล้าบุกรุกเข้ามายังเขตการปกครองของข้าแล้วล่ะก็ ทหารราวหนึ่งแสนนายจะเหยียบย้ำเขตแดนของมันจนเหลือเพียงซาก"
คำกล่าวนั้นทำเอาหลายคนขนหัวลุก นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนผู้ปกครองธรรมดา แต่นี่คือการเปลี่ยนอนาคตของคนทั้งเขต ช่วงชีวิตที่เคยอิจฉาการเป็นอยู่ของมนุษย์ที่อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขเพราะอยู่ใต้การปกครองของราชามากปัญญาและทหารที่แข็งแกร่ง ในเวลานี้พวกเขาเองก็จะได้สัมผัสมันบ้างแล้ว
"เอาล่ะ ตั้งแต่นี้ไปเราจะต้องต้อนรับเผ่าใหม่ที่จะเข้าร่วมการปกครอง พวกเจ้าจงแสดงตัวอย่างองอาจให้สมกับมีข้าคอยหนุนหลัง"
ม่านบางๆ ถูกเปิดออกเผยให้เห็นเหล่าหัวหน้าภายในเดินยืดอกออกมาอย่างห้าวหาญก่อนจะเดินไปที่ลานกว้างแล้วยืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานต่อหน้าผู้ไร้การปกครองนับพัน ฮาวเวอร์เดินออกมาทีหลังพร้อมผู้ติดตาม ถึงแม้ไม่มีไอเวทย์น่าเกรงขามแต่แรงกดดันของลิลลี่ก็ทำผู้คนในที่นี้สั่นกลัวไม่น้อย
"สวัสดียามสาย เหล่าผู้ไร้การปกครองทั้งหลาย ข้าฮาวเวอร์ผู้นี้ยินดีต้อนรับ"
เกิดเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นในขณะที่ฮาวเวอร์กำลังกล่าว ผู้คนเริ่มหวาดกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้จะเป็นกับดัก เด็กอย่างฮาวเวอร์จะจัดการมารงูได้ยังไง คงเป็นเรื่องหลอกตาเพื่อเรียกบรรดาเผ่าอื่นที่ไร้การปกครองมาฆ่าเอาวิญญาณไปเสียมากกว่า บางคนคุยว่ายังดีที่ไม่ยกมาจนหมดหมู่บ้าน บางคนก็คุยว่าแย่ที่พาลูกหลานมาด้วย และเพราะเสียงเหล่านั้นทำให้ลิลลี่เดือดดาลจนต้องคำรามออกมา
"เงียบ!!"
เสียงนั้นให้ทุกคนเงียบราวกับเป็นคำสั่ง ฮาวเวอร์เห็นทุกคนหยุดพูดก็กล่าวต่ออย่างยินดีปรีดา
"นับจากนี้ไปข้าจะถือว่าคนที่อยู่ที่นี่ยินยอมให้ข้าปกครองเผ่าของพวกเจ้าอย่างเป็นทางการ แต่คนทุกคนก็ต้องทำตามข้อเสนอของข้าทุกประการ โดยข้าจะส่งคนไปป่าวประกาศตามเผ่าของเจ้าในวันพรุ่งนี้ หากใครมีเงื่อนไขใดๆ ก็ให้แจ้งหลังจากนี้กับผู้ส่งสาร"
ฮาวเวอร์ผายมือไปยังหัวหน้าเผ่าในการปกครองเดิม ณ ตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงผู้ส่งสารให้ฮาวเวอร์เท่านั้น แต่ก็ดีกว่าเผ่าอื่นที่ยังไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้เลย
"พวกเจ้าอาจเห็นข้าเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆ แต่เชื่อเถอะว่าข้านั้นจริงใจที่จะปกครองเขตนี้แทนมารงูที่กดขี่พวกเจ้ามานาน ข้าจะไม่รับบรรณาการลูกหลานใครทั้งนั้น พวกเราจะร่วมกันรักษาเขตนี้ให้คงไว้ซึ่งความปลอดภัยของทุกคนทุกเผ่า"
ไม่มีเสียงปรบมือมอบให้ คนในที่นี้ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ฮาวเวอร์จะสื่อ สิ่งที่เขารับรู้มากับสิ่งที่ฮาวเวอร์จะเปลี่ยนแปลงนั้น ช่างขัดกับความเชื่อเดิมของพวกเขา
"หากไม่บรรณาการวิญญาณ เขาก็จะอ่อนแอลงไม่ใช่หรือ"
"นั่นสิ ถ้าเขาอ่อนแอแล้วจะเอาพลังจากไหนมาสู้กับมารเขตอื่น"
"แต่เขาเป็นเจ้าของอสูรเวทย์หมื่นดารา ความแข็งแกร่งต้องไม่ธรรมดาแน่ พวกเราลองเข้าร่วมกันก่อน บางทีเขาอาจมีความสามารถอย่างอื่นก็ได้"
ผู้คนกลับมาส่งเสียงเซ็งแซ่อีกครั้ง ฮาวเวอร์ไม่สนใจ กำลังจะเดินกลับไปที่ห้องบัญชาการเพื่อหารือกันต่อ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเย้ยหยันก็ดังขึ้น
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเปี๊ยกนี่เนี่ยนะที่สังหารมารงูแล้วขึ้นเป็นผู้ปกครองแทน ข้าอยากจะขำ"
ใครคนหนึ่งเดินเข้ามากลางดงผู้คน ทุกคนแหวกทางให้เขาเดินก่อนจะเห็น เส้นผมสีแดงเพลิงกับใบหูสามเหลี่ยม
'นี่คงเป็นกลุ่มอมนุษย์ที่เข้าสวามิภักดิ์ต่ออาณาจักรริลกลิมสินะ ถ้าหากส่งหนังสือรับรองให้ดูก็คงไม่มีปัญหา'
"ข้าขอท้าเจ้า! มาสู้กับข้าตัวต่อตัว หากเจ้าแพ้ไม่ต้องเอาเจ้าหุ่นเชิดหน้าตาอัปลักษณ์นั่นมาอ้างสิทธิ์การขึ้นปกครอง แต่เจ้าต้องปกครองด้วยตัวเอง อสูรเวทย์หมื่นดารา!!"
นี่คืองานเขียนที่คิดวันต่อวัน
อย่าหาสาระอะไรกับมันเลย
จากใจนักเขียน <3