Tải xuống ứng dụng
77.77% จิต วิปริต สืบต่อ / Chapter 7: รูปทรงที่บิดเบี้ยว 7

Chương 7: รูปทรงที่บิดเบี้ยว 7

ในอดีตมีชายที่น่าสงสารคนหนึ่งเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าที่ดูสิ้นหวัง สภาพเขานั้นแทบไม่ต่างอะไรกับคนที่ตาย เขาขอร้องกับผมว่าอยากจะลืมเรื่องราวในอดีต อยากจะลืมทุกส่งทุกอย่างเกี่ยวกับมัน ถึงความข่มขื่น ความทรมาน 

แน่นอน! ผมที่เป็นคนเห็นใจคนอื่นก็เลยแนะนำไปว่า...

 "การลืมนั้นไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่จะทำให้ตัวเองนั้นอ่อนแอลง เพราะฉะนั้น ถ้าหากอยากจะลืมอดีต ก็ต้องกำจัดต้นตอ ที่เป็นสิ่งกำเนิดของสิ่งนั้นทิ้งไปซะ!"

 เขาดูดีใจมากหลังจากที่ได้รับฟังคำแนะนำของผม ไม่นานนักเขาก็วิ่งออกไปด้านนอกด้วยหน้าที่ยิ้มแย้ม สำหรับผมแล้วนั่นเป็นนิมิตหมายที่ดีที่บุคคลสารมารถก้าวข้ามอดีตของตนเอง และเอาชนะมันได้อย่างงดงาม หรือไม่แน่บางทีเขาอาจจะแค่ต้องการให้ใครสักคนเห็นด้วยก็เท่านั้นเอง

 ... 

 ค่าช่วยเหลือในการให้คำแนะนำ? เรื่องแบบนั้นสำหรับผมแล้วมันไม่ได้มีค่าไปมากกกว่าสีหน้าอันมีความสุขของเขาเลย เพราะฉะนั้นแล้วผมถึงช่วยเหลือเขาโดยที่ไม่คิดอะไรเลย เพียงแค่ผมสนใจสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อจากนี้ต่างหาก

 หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาหาผมอีกด้วยสีหน้าที่ดูกระวนกระวาย ระแวงหน้าระแวงหลัง ตรงเข้ามาหาผม ขอร้องผมให้ช่วยเหลือตัวเขาในตอนนี้ เขาบอกว่าได้ยินเสียง เสียงหนึ่งมันวนเวียนหลอกหลอนในหัวตั้งแต่เมื่อราว 7 เดือนหลังจากที่มาหาผมครั้งล่าสุด

 ถึงแม้ว่าผมนั้นจะคอยให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการดับทุกข์กับคนมามากมายหลายคนแล้วก็ตาม แต่สำหรับเขาแล้วครั้งนี้ผมก็...

 แปะ! 

 ...

 ในวินาทีนั้นผมก็ได้สังเกตเห็น ถึงสิ่งหนึ่งที่ตัวของเขานั้นได้กระทำลง มันทั้งน่าทึ่งและน่าประหลาดใจเสียจนทางผมนั้นมิอาจละสายตาออกไปจากการกระทำนั้นได้เลย

 ภาพของชายคนหนึ่งที่กำลังสูดดมกลิ่นเลือดที่ออกมาจากยุงตัวหนึ่งอย่างเพลิดเพลิน เขาสูดดมสิ่งนั้นราวกับมันเป็นสารเสพติดประเภทหนึ่ง แต่ที่น่าประหลาดใจอีกอย่างก็คือ... สีหน้าของเขานั้นกลับดูสงบนิ่ง ต่างจากที่ไม่กี่วินาทีก่อนนั้นที่เขายังดูเหมือนคนที่วิตกกังวลราวกับคนกำลังจะเป็นบ้าแท้ๆ

 วิเศษสุดๆ! นี่มันน่าสนใจมาก! น่าสนใจกว่าสิ่งใดๆ ที่ผมได้เคยพบเห็น สัญชาตญาณดิบเถื่อนราวกับสัตว์ป่าในอดีต 

 ตัวผมนั้นตื่นเต้นอย่างถึงขีดสุดจนเผลอยิ้มออกมากว้างจนเกือบจะฉีกถึงใบหู มันคุ้มค่ามากที่ผมจะให้การช่วยเหลือ และแนะนำคุณไปในทางที่ถูกที่ควร บางทีสิ่งนั้นอาจจะทำให้คุณรู้ตัวเองก็ว่าได้ รูปร่างของชีวิตนี้อะไรคือ และจุดประสงค์ที่ควรจะเป็น... 

... 

 พิรุณตื่นขึ้นมาในสภาพที่สะลึมสะลือมองไปยังรอบก็พบว่าที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้นั้นมันไม่ใช่ที่โกดังเก็บของที่พวกเขานั้นได้เข้าไปตรวจสอบก่อนหน้านี้ แต่มันกลับกว้างราวกับว่าเป็นคนละที่

 เขาพยายามขยับตัวก็พบว่าตัวเองในตอนนี้นั้นถูกมัดด้วยเชือกติดกับเสา ซึ่งข้างตัวเขานั้นมีเพื่อนตำรวจที่มาด้วยถูกมัดอยู่เช่นกัน และดูเหมือนว่ายังไม่ได้สติ

 "หมวด.... หมวด... หมวด..." พิรุณพยายามเรียกสติของตำรวจคนนั้นซึ่งนั่นเองก็ดูเหมือนว่าจะได้ผล ทางนั้นเองก็ดูเหมือนว่ากำลังจะได้สติขึ้นมา

 "สารวัตร ตอนนี้พวกเรา...อยู่ที่ไหน?"

 "ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ ที่จับพวกเรามามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ บางทีอาจจะเชือดคอพวกเราทีละคน ทำเหมือนเหยื่อที่มันเคยทำ และสลักรูปสามเหลี่ยมเหมือนอย่างเคย พวกเราคงจะถูกพบลอยไปติดที่ฝั่งแม่น้ำสักที่เองนั่นแหละ"

 "เวลาแบบนี้ยังจะมาพูดเล่นแบบนี้กันอีกหรอครับ สารวัตรไม่กลัวบ้างหรอ?"

 "ก็กลัวอยู่แล้วสิ... ก็เพราะว่ากลัวนั่นแหละเลยคิดแบบนั้นได้"

 "..."

ตอนนั้นเองที่ก็ได้มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้พวกเขาทั้งสอง เสียงรองเท้าส้นสูงดังตึกๆ กระทบกับพื้นปูนก้องดังไปทั่วโกดังเก็บของ ประจวบเหมาะกับแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านช่องรูบนหลังคา ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองคือ ผู้หญิงตัวสูงราว 170 เซนติเมตร ผมยาวสีบรอนซ์ทอง สวมชุดปิดบังเรือนร่างมิดชิด ใบหน้าเองก็ถูกปิดด้วยหน้ากากอนามัยจนไม่สามารถระบุหน้าที่แท้จริงได้ ซึ่งตอนนี้เธอยืนมองพวกเขาทั้งสอง

 "สารวัตร... อย่าบอกนะว่า..." ตำรวจคนนั้นพูดด้วยสีหน้าที่ดูกลัว

 ".....!!" 

 ไม่มีการพูดจาแม้แต่คำเดียว แค่การกระทำอันเลือดเย็นที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เธอหยิบมีดพับออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วค่อยเดินใกล้พวกเขาทั้งสองไปทีละก้าว อย่างช้าๆ คาดได้ว่าที่ถืออยู่ในมือนั้นอาจจะเป็นมีดที่เธอใช้ในการฆาตกรรมและใช้สลักสัญลักษณ์สามเหลี่ยมลงบนร่างกายของเหยื่อที่เธอได้สังหาร

 เธอเข้าไปใกล้และหยุดลงที่ตรงหน้าของพิรุณ ก่อนจะค่อยๆ เอามีดจ่อเข้าไปที่ดวงตาของเขา ซึ่งทางพิรุณนั้นไม่แม้แต่ที่จะขยิบตาเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขากลับจ้องเขม็งไปที่หน้าของหญิงที่เป็นฆาตกรด้วยแววตาที่ยังไม่ยอมแพ้ เขาพร้อมที่จะสู้จนหยดสุดท้ายแม้ว่าตัวเองจะสูญเสียดวงตาไปก็ตาม

 จนท้ายที่สุด เธอก็ง้างมีดออกกว้างและพุ่งมันตรงลงไปที่ดวงตาของพิรุณ แต่ทว่าเธอกลับหยุดมีดเล่มนั้นลงกลางคัน เธอหยุดมันลงอย่างกะทันหันด้วย มืออีกข้างของเธอเองที่หักห้ามมันเอาไว้อย่างฉิวเฉียด

 มันทำเอาทางตำรวจที่มาด้วยถึงกับสับสนไม่รู้ว่าทำไมฆาตกรคนนี้ถึงได้มีความขัดแย้งกับสิ่งที่ให้การขึ้นมา 

 "มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึง..." 

เธอที่กำลังทะเลาะกับตัวเองต่อหน้าต่อตาของทั้งสอง ท้ายที่สุดแล้วก็ดูเหมือนว่าเธอยังจะมีจิตใจที่ดีหลงเหลืออยู่ เธอทิ้งมีดลงพื้นก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบ

 "ว่าแล้วเชียว..." พิรุณพูดขึ้นมาหลังจากที่เห็นการกระทำของฆาตกร

 "หมายความว่าไงครับสารวัตร?"

 "เธอคนนี้ไม่ใช่ฆาตกรตัวจริง ใช่ไหมล่ะ!?" พิรุณพูดอย่างเสียงดังไปที่ทิศทางด้านหลังของหญิงสาวคนนั้น ด้วยสีหน้าที่มั่นใจ

 "ใช่แล้วล่ะ" เสียงปริศนาที่ดูคุ้นเคยดังออกมาจากที่มุมมืดข้างหลังของหญิงสาวคนนั้นที่กำลังสั่นกลัว เสียงของผู้ชายที่ทางของพิรุณที่น่าจะรู้จักเป็นอย่างดี

 เสียงเท้าย่ำเข้าใกล้พวกเขาทั้งสองอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงจากรองเท้าส้นสูง แต่เป็นโรงเท้าผ้าใบปกติ เสียงเดินนั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พร้อมกับก้มหยิบมีดที่เธอคนนั้นได้ทิ้งลงพื้นไปอย่างใจเย็น 

 ทันทีที่ผ่านแสงจันทร์ที่ส่องลงกระทบผ่านรูบนหลังคา ทั้งสองก็ได้เห็นสีหน้าและแววตาของฆาตกรที่แท้จริง 

 "ว่าแล้วเชียวต้องเป็นคุณ... เจ้าของร้าน"

 "ถูกต้องแล้วครับสารวัตร ผมนี่แหละฆาตกรที่พวกคุณกำลังตามจับอยู่" ชายเจ้าของร้านพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มที่มุมปากอย่างเป็นธรรมชาติ กับสายตาที่เย็นชาไร้อารมณ์ 

 "มันหมายความว่ายังไงครับ? หรือมีแต่ผมคนเดียวหรือเปล่าที่ไม่รู้อะไรเลย" ตำรวจคนนั้นพูดมาด้วยสีหน้าที่ดูร้อนรน หันหน้าเลิ่กลั่กไปมา

 "ก็ตามที่เขาบอกนั่นแหละหมวด นั่นแหละ! คนร้ายที่พวกเรากำลังตามจับกันอยู่ ที่จริงแล้วมันก็รู้สึกตงิดใจอยู่เหมือนกันว่าฆาตกรเป็นผู้หญิงจริงๆ อย่างนั้นหรอ มีแรงถึงขนาดสามารถฟัดเหวี่ยงกับชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ได้ ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นผู้หญิงได้เลย แต่ด้วยที่ว่ามันมักจะลงมือเก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อยก็เลยยังตัดสินใจไม่ได้สักที" พิรุณพูดข้อสันนิษฐานที่ตนเองคิดออกมาจนแทบทั้งหมด 

 "ว่าก็ว่าเถอะ คุณสารวัตรรู้ได้อย่างไรว่าคนลงมือนั้นเป็นผม ทั้งที่ผมเก็บรายละเอียดขนาดนั้นแล้วแท้ๆ" ชายเจ้าของร้านถามต่อ

 "ข้อความที่ฉันได้รับจากมือถือเมื่อตะกี้นี้ มันเป็นข้อมูลผมการพิสูจน์หลักฐานเส้นผมที่ได้จากที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้ไงล่ะ! ในเส้นผมพวกนั้นมันมี DNA ของคนมากกว่าหนึ่งคน แสดงว่าผมที่สวมใส่อยู่นั้นเป็นเพียงแค่วิกไว้หลอกตาเฉยๆ ถ้าซื้อมาทางนี้ก็สืบทราบได้ไม่ยากแสดงว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำขึ้นมาเอง จากเศษซากของผมลูกค้าที่ตัดต่อกันจนกลายเป็นวิก ใช่ไหมล่ะ? ส่วนที่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ ถ้าให้ฉันเดาน่าจะเป็นเพราะรีบเกินไปและกลัวว่าคนจะมาเห็นในช่วงกำลังหนี เลยไม่ทันได้ตรวจสอบให้ดี" 

 "แล้วคุณตำรวจแน่ใจจริงๆ อย่างนั้นหรอว่าผมนั้นเป็นคนลงมือทำจริงๆ น่ะ" แล้วเขาก็ชี้ไปที่ร่างของหญิงที่นั่งทรุดตัวสั่นกับพื้น

 "เธอคนนี้เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะฆ่าคนได้ เผลอๆ สัตว์ยังไม่กล้าที่จะฆ่าเลยละมั้ง ใช่ไหมน้องตาล? อีกทั้งเด็กนักศึกษาที่ไหนจะเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาใช้ซื้อกระเป๋าราคาหลักครึ่งแสนได้กันเล่า" พิรุณเรียกชื่อของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขา ซึ่งเป็นคนที่พวกเขากำลังจับตาดูก่อนหน้านี้ "แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่ามันถูก เพราะถ้าเธอคนนี้เป็นฆาตกรจริงๆ ดวงตาของผมก็คงไม่เหลืออยู่แล้ว"

 ทางของเจ้าของร้านที่ได้ยินสิ่งที่พิรุณคิดและสามารถเล่าออกมาได้เป็นฉาก ก็ถึงกับประหลาดใจ ก่อนจะตบมือแสดงความยินดี 

 "สุดยอด! สุดยอด! คุณสารวัตร ผมคิดถูกจริงๆ ที่ตอนนั้นผมไม่ฆ่าคุณทิ้งไปเสียก่อน"

 หลังจากที่เขาเชยชมข้อสันนิษฐานของพิรุณแล้ว เขาก็เดินเข้าไปใกล้ทางของตาลก่อนจะหยิบกระชากผมของเธออย่างรุนแรง ดึงขึ้นก่อนจะเอามีดพกนั้นจ่อไปที่ลำคอ

 "ผมจะเอายังไงกับคุณดีนะ? เด็กน้อย" สีหน้าของชายฆาตกรนั้นไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่การกระทำของเขาต่อจากนี้จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องตายก็ตาม

 "อย่านะเว้ย!" พิรุณตะโกนเสียงดัง

 "ขอร้องแหละ...อย่าทำหนูเลย ขอร้องแหละ..." ตาลพูดขอร้องชีวิตทั้งน้ำตา

 "มันเป็นเพราะเธอไม่ใช่หรือไงที่ทำให้ทุกอย่างมันพัง ถ้าเธอใจกล้าลงมือกับตำรวจพวกนี้ ผมเองก็จะปล่อยคุณไปแล้วแท้ๆ น่าเสียดาย... น่าเสียดายจริงๆ" เขาเริ่มเอามีดจ่อไปที่คอของตาลใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนปลายมีดจิ้มลงที่คอของเธอ จนเป็นแผลเลือดไหลออกมาเล็กน้อย

 "ขะ...ขอร้องแหละ... ได้โปรด... อย่าทำอะไรหนูเลย" ตาลเริ่มแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวอย่างสุดขีด น้ำหูน้ำตาไหลออกมาท่วมใบหน้าและแก้ม ความกลัวนั้นทำให้เธอถึงขนาดฉี่เล็ดแตกออกมา

 "ฮ่าฮ่าฮ่า..." เขาขำและหัวเราะออกมาอย่างสุดเสียง จนทางของพิรุณและตำรวจนั้นทนถึงความโรคจิตของเขาไม่ได้ถึงกับเอ่ยปากด่าออกมา

 "ไอ้โรคจิต! / ไอ้เวรวิปริต!"

 แต่ถึงแม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะด่าไปอย่างไร ทางของเขานั้นก็ดูไม่กระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยมือที่จับผมของตาลลงก่อนจะพูดขึ้นมาว่า... 

"ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง" เขาลุกขึ้นเหนือหัวของเธอ และโยนมีดพกเล่มนั้นให้พร้อมกับกำชับไปอีกด้วยว่า... 

"จำเอาไว้นะครับนี่เป็นโอกาสที่จะมอบให้ครั้งสุดท้าย อย่าทำมันพลาดล่ะ" 

 ตาลลุกขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับมีดพกที่อยู่ในมือ สีหน้าและแววตาดูสั่นกลัว ใบหน้าเลอะเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบน้ำหูน้ำตา ปากเองก็สั่นขยิบจนได้ยินเสียงฟันที่กระทบกัน ลมหายใจถี่และดังแสดงถึงความวิตกกังวล เธอได้แต่พูดออกมาแค่อย่างเดียวว่า...

 "หนูขอโทษ... หนูขอโทษ... หนูขอโทษ... แล้วหนูจะรีบทำให้มันจบ เร็วที่สุด..." 


next chapter
Load failed, please RETRY

Tình trạng nguồn điện hàng tuần

Rank -- Xếp hạng Quyền lực
Stone -- Đá Quyền lực

Đặt mua hàng loạt

Mục lục

Cài đặt hiển thị

Nền

Phông

Kích thước

Việc quản lý bình luận chương

Viết đánh giá Trạng thái đọc: C7
Không đăng được. Vui lòng thử lại
  • Chất lượng bài viết
  • Tính ổn định của các bản cập nhật
  • Phát triển câu chuyện
  • Thiết kế nhân vật
  • Bối cảnh thế giới

Tổng điểm 0.0

Đánh giá được đăng thành công! Đọc thêm đánh giá
Bình chọn với Đá sức mạnh
Rank NO.-- Bảng xếp hạng PS
Stone -- Power Stone
Báo cáo nội dung không phù hợp
lỗi Mẹo

Báo cáo hành động bất lương

Chú thích đoạn văn

Đăng nhập