ผลจากการหาข้อมูลทำให้รู้ว่าหน่วยโยชน์มีค่าเท่ากับสิบหกกิโลเมตร ทำให้พื้นที่ของป่าหิมพานต์มีถึง สี่หมื่นแปดพันตารางกิโลเมตร ที่หากเทียบเป็นพื้นที่จังหวัดของประเทศไทยแล้ว รวมสองจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดยังไม่เท่าพื้นที่ป่าหิมพานต์เลยด้วยซ้ำ
*พื้นที่จังหวัดของประเทศไทย 3 อันดับพท้นที่มากที่สุดได้แก่
นครราชสีมา 20,493.964 ตารางกิโลเมตร
เชียงใหม่ 20,107.057 ตารางกิโลเมตร
กาญจนบุรี 19,483.148 ตารางกิโลเมตร
ทำให้แผนการเดินทางไปหมู่บ้านอื่นๆของเผ่าอัปสรสีหะต้องพักไว้ก่อน เพราะการเดินทางด้วยเท้าจะไม่มีทางเป็นไปได้ในระยะเวลาหกเดือนแน่นอน แถมจะเอารถจักรยานยนต์เข้าไปในมิติปิดกั้น ก็ไม่รู้ต้องเตรียมน้ำมันไปเท่าไหร่ถึงจะพอดี และที่สำคัญ ผมไม่มีเงินพอจะทำแบบนั้นด้วย
"ต่อไปก็เรื่องของอัปสรสีหะ"
แต่ข้อมูลของอัปสรสีหะมีน้อยมาก และข้อมูลที่มีก็ไม่ช่วยให้รู้จักตัวตนเหล่านั้นได้เลย ทำให้ผมต้องลองเปลี่ยนคำค้นหา จนได้เจอกับข้อมูลที่น่าสนใจเข้า
"ข้อมูลของนางอัปสรเหรอ ชื่อคล้ายกันคงใช้อ้างอิงได้แหละน่า"
นางอัปสรคือนางฟ้าประเภทหนึ่ง และนางฟ้าในบทความก็ไม่ได้หมายถึงทูตสวรรค์ตามความเชื่อของทางฝั่งยุโรป แต่เป็นเหมือนภูตชั้นสูงซะมากกว่า และเกิดมาจากพิธีกวนเกษียรสมุทร เพื่อเอาน้ำอมฤต
โดยนางอัปสรจะมีรูปโฉมงดงาม แถมยังมีความสามารถในการขับร้องและเต้นรำ ทำให้เหมาะจะรับใช้เทพชั้นสูงทั้งหลาย ซึ่งในบรรดาเทพที่ปรากฏในบทความ พระอินทร์จะเป็นผู้ที่มีนางอัปสรคอยรับใช้มากที่สุด
แต่การใช้งานนางอัปสรออกจะเอนเอียงไปทางร้ายมากกว่าดี เพราะพวกนางอัปสรมักถูกส่งไปล่อลวงผู้บำเพ็ญตบะ เพื่อให้ลุ่มหลงและหมดอำนาจจากการบำเพ็ญเพียร โดยอ้างการจัดระเบียบมนุษย์เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
"ฉิบแล้วไง หมายความว่าถ้ามีเซ็กส์กับนางอัปสร พลังก็จะหายไปงั้นสิ แบบนี้ถ้าทำกับอัปสรสีหะก็น่าจะไม่ต่างกันหรอกมั้ง"
โอ้ ไม่นะ โอกาสเปิดซิงของผม แต่ก่อนที่จะหมดหวัง ผมก็นึกถึงแต้มทักษะที่ได้มาตอนเข้าหมู่บ้าน จึงเปิดระบบเพื่อค้นหาทักษะที่น่าจะช่วยเรื่องนี้ได้ ส่วนเรื่องการสะสมไว้แลกทักษะฟื้นฟูขั้นสูงไม่เหลืออยู่ในหัวผมอีกเลย
"เอ ทักษะที่ใช้ต้านอาการผิดปกติ หรือที่ใช้ป้องกันไม่ให้พลังหายไปมันมีไหมนะ"
แล้วสิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือ พลังจิตของผมอาจจะหายไปหากมีเพศสัมพันธ์กับอัปสรสีหะ เหมือนที่บทความบอกเอาไว้
"อืม ทักษะต้านพิษ ทักษะต้านเหน็บชา ทักษะ…"
ผมไล่อ่านทักษะสายป้องกันอาการผิดปกติของระบบ เพื่อจะใช้แต้มทักษะที่ได้มาเติมเต็มความต้องการของชายหนุ่ม จนสะดุดตากับทักษะหนึ่ง ที่ไม่เชิงเป็นทักษะสายป้องกัน แต่ออกจะไปทางสายรักษามากกว่า
"ทักษะฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ เป็นทักษะเรียกใช้ ที่สามารถทำให้ร่างกายกลับไปอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด ไม่ว่าสภาพร่างกายตอนใช้ทักษะจะอยู่ในสภาพไหน แถมยังรวมถึงค่าสถานะและทักษะที่มีอยู่ด้วย เอ แล้วพลังจิตนี่มันจะเอาคืนมาได้ไหมนะ"
จากรายละเอียดเกี่ยวกับทักษะที่ระบบมีให้ ทำให้ผมรู้สึกมีความหวังขึ้นมา เพียงแต่ว่าทักษะนี้มีข้อจำกัดที่สามารถใช้ได้วันละครั้งเท่านั้น และต้องรอให้ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงถึงจะใช้ใหม่ได้
"ระบบ ขอรายละเอียดทักษะฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์"
-ทักษะประเภทเรียกใช้ ฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ สามารถใช้ได้วันละหนึ่งครั้ง…-
เสียงระบบบรรยายสรรพคุณทักษะดังขึ้น ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในการทำงานของระบบที่พระเจ้ามอบให้ผู้ถูกเลือก เพื่ออำนวยความสะดวกในระดับที่ไม่ถือว่าแบ่งแยกผู้พิการ เพราะมีผู้ถูกเลือกบางคนเป็นคนตาบอดเหมือนกัน
และจากฟังรายละเอียดที่ระบบบรรยายด้วยเสียง ที่มีเนื้อหามากกว่ารายละเอียดในหน้าต่างของระบบในบางครั้ง ผมก็ได้รู้ว่าทักษะนี้สามารถนำพลังจิตของผมกลับมาได้ และเท่านี้ความหวังของผมก็จะได้รับการตอบสนองสักที
*แต้มทักษะ 20
"พอรู้แบบนี้แล้วชักตื่นเต้นซะแล้วสิ"
ผมจัดการแลกทักษะฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ทันที ก่อนจะออกไปซื้อถุงยางจากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน เพราะไม่แน่ใจว่าการมีเพศสัมพันธ์กับอัปสรสีหะจะปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศไหม
เนื่องจากทักษะนี้แม้จะฟื้นสภาพร่างกายได้เต็มร้อย แต่มันไม่รักษาอาการป่วยไข้ให้ เพราะดูเหมือนระบบจะถือว่าโรคภัยไข้เจ็บเป็นอาการผิดปกติ ที่ต้องใช้ทักษะอื่นในการป้องกันแทน
ดังนั้นถึงผมจะอยากเปิดซิงตัวเองแค่ไหน ก็ไม่กล้าเสี่ยงพอจะมีเพศสัมพันธ์ปบบไร้การป้องกันได้ แต่อีกใจก็อยากลองดูสักครั้ง ดังนั้นเป้าหมายต่อไปอาจจะเป็นทักษะที่ป้องกันเรื่องโรคภัยก็ได้ และดูเหมือนทักษะฟื้นฟูขั้นสูงจะอยู่ห่างออกไปทุกที
"อาบน้ำก่อนดีกว่าแฮะ"
และนี่ก็เป็นข้อเสียอีกอย่างของการเข้ามิติปิดกั้น เพราะเหงื่อไคลที่ติดตัวกลับมาโลกจริงด้วยนั้น ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ จนต้องรีบอาบน้ำทุกครั้งเพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ผิดสังเกต
แต่จะว่าไป ต่อจากนี้ผมที่สามารถใช้เรือนของคุณกิรณาได้ทุกเมื่อ ก็น่าจะขออาบน้ำก่อนออกจากมิติปิดกั้นได้ เอาไว้ลองขอดูดีกว่าแฮะ
"จริงสิ เกือบลืมกระดูกกับหนังปลาเลย"
ผมที่กำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหันกลับมาเก็บกระดูกและหนังปลาเข้าช่องเก็บของ เพราะเนื้อปลากับซากปูทั้งตัวผมยกให้คนในหมู่บ้านไปแล้ว แถมยังมีงานเลี้ยงต้อนรับผมด้วย ทำให้คาดหวังถึงมื้อเย็นฝีมืออัปสรสีหะเหมือนกัน
"แต่แบบนี้ นาฬิกาในร่างกายจะรวนเอาได้นะเนี่ย"
เพราะเวลาในมิติปิดกั้นเดินเร็วกว่าโลกจริง ทำให้ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากการเข้ามิติปิดกั้นตั้งแต่เช้า แถมเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนอีก จะสลบขึ้นมาก็คงไม่แปลก ดังนั้นการได้สถานที่ปลอดภัยอย่างหมู่บ้านอัปสรสีหะนับว่าช่วยได้มาก
แล้วหลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็พร้อมกับสำหรับการเข้ามิติปิดกั้นรอบที่สี่ของวันนี้
"เข้าสู่มิติปิดกั้น"
แล้วสถานที่ก็เปลี่ยนเป็นห้องสมัยโบราณ ที่มีแค่แคร่ไม้ไผ่สำหรับนอนพร้อมผ้าห่มหนึ่งผืน ส่วนหมอนก็มีลักษณะเป็นเหลี่ยมดูไม่น่านอนเท่าไหร่ แต่สำหรับมิติแห่งนี้ ผมว่าห้องนี้คงอยู่ในระดับดีทีเดียว
จากนั้นผมก็เปิดหน้าต่างเพื่อดูเวลา แล้วก็เป็นไปตามคาดที่ตอนนี้เป็นช่วงโพล้เพล้ ที่ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มอมม่วง แสดงให้เห็นว่ายามกลางคืนใกล้จะแทนที่แล้ว
และดูเหมือนการที่ผมเปิดหน้าต่างจะทำให้คนในหมู่บ้านรู้ตัวว่าผมกลับเข้ามิติมาแล้ว แล้วในเวลาไม่นานเสียงเคาะประตูจึงดังขึ้น ส่วนผู้ที่มาหาผมเป็นคนแรกก็คือละไม อู้ว ยังไม่ทันเตรียมใจเลยวุ้ย ตื่นเต้นเป็นบ้า
"ยินดีต้อนรับกลับนะเจ้าคะ"
"ครับ ขอรบกวนอีกครั้งนะครับ"
เสียงหัวใจเต้นของผมน่าจะได้ยินไปถึงนอกห้องได้ แถมมันยังเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกไปหมดแล้ว ส่วนต้นเหตุที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ก็ยืนมองด้วยความสงสัย โอ๊ย จะน่ารักอะไรขนาดนี้ จะห้ามใจไม่ไหวแล้วนะเนี่ย
"เออ ละไม ผมขอคุยด้วยสักครู่นะครับ"
"มีอะไรเหรอเจ้าคะ"
"คือ ที่ว่าละไมจะปรนนิบัติผมทุกเรื่องแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์เนี่ย ละไมฝืนใจตัวเองรึเปล่าครับ"
ละไมมีสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา ก่อนจะตอบคำถามของผมด้วยน้ำเสียงชื่นชม
"ท่านวีใจดีจังนะเจ้าคะ ต่างจากมนุษย์ที่พระเจ้าใส่ความรู้มาให้มากเลยเจ้าค่ะ"
พระเจ้าครับ ท่านเห็นมนุษย์เพศชายเป็นพวกบ้าตัณหาหมดเลยเหรอครับ ผมขอใช้สิทธิ์ประท้วงว่ามันไม่จริงครับ
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้แก้ตัว ละไมก็เดินเข้ามาอยู่ต่อหน้าผม ซึ่วมันใกล้กันมากจนได้ยินเสียงลมหายใจ และกลิ่นตัวของเธอนั้นหอมมาก จนผมแทบจะลืมตัวดึงเธอมากอดเสียเดียวนี้เลย
"ข้าพเจ้าไม่ได้ฝืนใจตัวเองหรอกเจ้าคะ ท่านวีไม่ต้องกังวล แล้วถ้าอยากเสพสังวาสกับข้าพเจ้าละก็ ขอแค่ออกปากข้าพเจ้าก็ยินดีให้ท่านเชยชมเรือนร่างนี้เจ้าคะ"
ละไมกระซิบข้างหูของผมด้วยน้ำเสียงยั่วยวน แต่ก่อนที่ผมจะขาดสติ สาวใช้ของคุณกิรณาก็เดินเข้ามาแจ้งว่าสำรับอาหารเสร็จแล้ว ผมกับละไมจึงเดินออกจากห้องเพื่อไปร่วมทานอาหารกับคุณกิรณา
โดยผุ้ที่ร่วมทานอาหารในครั้งนี้นอกจากคุณกิรณาแล้ว ยังมีห้าผู้ฝึกสอนและมณีรวมอยู่ด้วย สงสัยจะอยากให้ผมอยู่ฝึกเวทมนตร์ละมั้ง แต่ผมยังมีเรื่องที่อยากปรึกษาคุณกิรณาอยู่ จะทำตัวเสียมารยาทคงไม่ได้
"ท่านวี สำรับอาหารนี้ทำจากเนื้อปลาและปูที่ท่านมอบให้ แล้วยังมีพืชผักผลไม้อีกมากมาย เชิญทานได้เต็มที่นะเจ้าคะ"
อาหารตรงหน้าของผมนั้นมีหน้าตาค่อนข้างธรรมดา แต่ด้วยจำนวนที่หลากหลายทั้งต้มผัดแกงทอด แถมด้วยกลิ่นหอมจนน้ำลายสอ ผมก็ลงมือทานทันที และหลังจากผมตักอาหารเป็นคนแรกแล้ว ทุกคนก็เริ่มทานบ้าง
แต่ในระหว่างทานอาหารนั้น ละไมไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมทานด้วย เนื่องจากเธอมีฐานะเป็นคนรับใช้ของผม แต่คุณกิรณาก็ยินยันว่าอาหารการกินในมื้อนี้ ทุกคนในหมู่บ้านจะได้ทานเหมือนกัน ผมจึงเบาใจลงได้บ้าง
และต้องยอมรับว่าฝีมือทำอาหารของอัปสรสีหะนั้นมีดีกว่าที่คาด เพราะสามารถทำอาหารออกมาได้อร่อยและกลมกล่อมมาก ที่ทำให้คนอย่างผมสามารถทานผักสดควบคู่ไปด้วยได้อย่างเหลือเชื่อ
เพราะปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบทานผักสดเท่าไหร่ แต่การกินคู่กับอาหารมื้อนี้กลับเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี ราวกับว่ามันส่งเสริมรสชาติซึ่งกันและกัน และในเวลาอันรวดเร็วสำรับอาหารของผมก็หมดลงอย่างหมดจด
"ท่านวีเติมได้นะเจ้าคะ"
"ไม่ละครับ ผมอิ่มแล้ว อาหารอร่อยมากเลยครับ"
"เช่นนั้นก็ดียิ่งแล้วเจ้าค่ะ"
ผมนั่งพักดื่มน้ำครู่หนึ่ง จนแน่ใจว่าการสนทนาจะไม่ขัดขวางการทานอาหารของใคร ผมก็ถามคุณกริณาถึงทักษะงานฝีมือ เพราะหากมีทักษะประเภทนี้ติดตัว น่าจะทำให้ผมเพิ่มอุปกรณ์ที่จะใช้ได้มากขึ้น
"พวกเรานั้นไม่สันทัดเรื่องเช่นนี้ แต่พอจะแนะนำให้ได้บ้างในระดับใช้งานทั่วไปนะเจ้าคะ"
"ได้แบบนั้นก็ดีเลยครับ"
จากนั้นผมก็เอากระดูกและหนังปลาออกมาให้คุณกริณาดู เพราะผมอยากจะใช้วัตถุดิบที่หาได้จากสัตว์มายาให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทุกคนก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ ดังนั้นที่เหลือก็แค่หาคนมาสอนผมเท่านั้นเอง
"เรื่องนี้คงต้องใช้เวลา อย่างเร็วคงเป็นพรุ่งนี้ ท่านวีสะดวกไหมเจ้าคะ"
"ได้ครับ แล้วผมเองต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ขอร้องตามใจตัวเองแบบนี้"
"ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ พวกเราถูกสร้างมาเพื่อสนับสนุนผู้ถูกเลือกอยู่แล้ว"
การโต้ตอบของผมกับคุณกริณานั้นฟังดูเหมือนต่างฝ่ายต่างถ่อมตัว แต่ผมกลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยจะจริงใจเท่าไหร่ ไม่รู้คิดไปเอง หรือเป็นเพราะภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายกันแน่ แต่ไม่ว่าจะแบบไหน ผมก็จะหาประโยชน์ให้ได้มากที่สุดในระหว่างพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านนี้
"แล้วจากนี้ท่านวีจะพักผ่อนเลยไหมเจ้าคะ"
หลังจากสาวใช้มาเก็บสำรับและทำความสะอาดเสร็จแล้ว พวกเราก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ปรึกษากันอีก ดังนั้นมันก็ถึงเวลาที่ผมรอคอยซะที
"ก็คงจะเป็นแบบนั้นครับ แล้วผมอยากให้ละไมมาดูแลที่ห้องด้วย คงไม่มีปัญหานะครับ"
แล้วทุกคนก็ส่งสายตากันเหมือนเข้าใจในความคิดของผม ก็นะ ขอโทษทีละกันที่เป็นผู้ชายซื่อตรงกับความต้องการของตัวเอง
"ตามสบายเจ้าค่ะ แล้วถ้าหากละไมคนเดียวไม่พอ จะให้ข้าพเจ้าจัดหาสาวใช้ให้เพิ่มก็ได้นะเจ้าคะ"
"ไม่เป็นไรครับ ละไมคนเดียวก็พอแล้วละครับ"
แหม มีการเสนอฮาเร็มให้ด้วยเว้ย แต่อะไรที่ดีเกินกว่าจะเป็นจริงนี่ต้องระวังให้ดี ดังนั้นคืนนี้ผมขอแค่ละไมคนเดียวก็พอ
และในที่สุด หลังจากครองความบริสุทธิ์มากว่าสิบแปดปี มันก็ได้เวลาที่ผมจะก้าวข้ามการเป็นเด็กชาย เพื่อที่จะเป็นชายหนุ่มเสียที