ร่างที่ดูผอมเพรียวถูกลากเข้ามาในป่าลึก บรรยากาศรอบด้านเต็มไปด้วยหมอกควันและต้นไม้สูงใหญ่ อากาศโดยรอบเย็นเฉียบ เย็นจนแม้แต่เสื้อที่ทำจากเนื้อผ้าอย่างดีอย่างชุดคอมมานโดก็ยังไม่สามารถทำให้เธออบอุ่นได้
แบมใช้ไฟเผาใส่เถาวัลย์หลังจากที่มันหยุดลากเธอ ร่างอันบอบบางค่อยลุกขึ้น มือสองข้างกอดอกไว้ด้วยความหนาวเหน็บ เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง ถ้าหากตาของเธอไม่ได้ฝาดไป บางสิ่งบางอย่างกำลังแอบเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดรอบตัวเธอ
แบมมองไปรอบ ๆ ก่อนจะติดต่อไปหาทีมของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะได้ใช้วิทยุสื่อสารที่ติดอยู่ข้างหู เธอก็รู้สึกว่าด้านหลังมีเงาใหญ่ ๆ กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
แบมหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่มาอยู่ข้างหลังเธอในระยะประชิดโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว เจ้าต้นไม้มีตามีปากแสยะยิ้มให้กับเธอ แบมที่เห็นดังนั้นก็กรีดร้องลั่น แล้วยื่นมือออกไปข้างหน้า ก่อนจะมีเปลวไฟอันร้อนแรงพวยพุ่งออกมาแล้วเผาต้นไม้ใหญ่จนไหม้เป็นจุณ
แต่ตรงหน้าของแบมไม่ใช่แค่ต้นเดียว รอบ ๆ ตัวเธอตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยต้นไม้สีดำทมิฬที่มีตามีปากมากมาย พวกมันพากันแสยะยิ้มกว้างแล้วล้อมกรอบเข้าหาเธออย่างช้า ๆ ด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ลูกไฟจำนวนมากก็ถูกปลดปล่อยออกมาแผดเผาต้นไม้เหล่านั้น
ต้นไม้หลายสิบต้นโดนเผาจนราบคาบ สกิลไฟที่รุนแรงจนสามารถเผาต้นไม้ใหญ่ได้ในพริบตา เป็นสกิลกรอบม่วงที่กินพลังเป็นอย่างมาก แม้หญิงสาวจะใช้งานมันได้หลายครั้ง แต่เหล่าต้นไม้ที่พากันโผล่มาไม่หยุด ก็ทำให้เธอใช้พลังจนใกล้หมด แต่ถึงกระนั้นแบมก็ได้มีเวลาพักผ่อน เพราะตอนนี้รอบด้านมีแต่ขี้เถ้าและต้นไม้ที่ไหม้เป็นตอตะโกอยู่เต็มไปหมด ไม่มีต้นไม้ต้นไหนกล้าเข้าใกล้เธออีก
แบมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเพื่อพักผ่อนเอาแรง
หมับ หมับ หมับ รากไม้โผล่ทะลุผืนดินขึ้นมา ก่อนจะตรงเข้ารัดร่างของแบมไว้อย่างรวดเร็ว รากไม้จำนวนมากเข้ารัดร่างของหญิงสาวเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
ฟุ่ว แบมจุดไฟขึ้นมาที่มือ ก่อนจะเผารากเหล่านั้นให้ออกไปจากตัวเธอ แต่ด้วยจำนวนรากที่มากมายบนร่างกาย ก็ทำให้แบมเผลอเผาเสื้อผ้าของเธอไปด้วย เชือกรัดหน้ากากขาดออกจากกัน ก่อนที่หน้ากากจะหลุดออกจากใบหน้าของแบม
เหล่าต้นไม้สีดำที่อยู่โดยรอบก็พากันอ้าปากและพ่นควันบางอย่างออกมาใส่แบม ซึ่งมันทำให้เธออ่อนแรงและสลบไปในที่สุด
ชีฟที่ใช้กล้องส่องทางใกล้มองดูอยู่บนต้นไม้สูง หันไปเอามือลูบดอกไม้สีแดงที่คล้ายกับดอกกุหลาบที่ยังไม่บาน ส่วนดอกตูม ๆ ของมันมีขนาดใหญ่พอที่จะกลืนมนุษย์คนหนึ่งเข้าไปได้ทั้งตัว และนอกจากนั้นมันยังมีปากและมีเขี้ยวที่แหลมคม เจ้าดอกไม้ชนิดนี้ถูกเรียกว่าราชินีแห่งความงาม ชีฟลูบไร้กลีบดอกของมันแล้วเอ่ยคำขอ
"อย่าฆ่าสาวคนนั้นนะ เราใช้เป็นตัวประกันได้"
ดอกไม้สีแดงเอาดอกตูม ๆ ของมันถูไถตัวชีฟอย่างออดอ้อน ก่อนจะพยักหน้ารับรู้แล้วออกคำสั่งกับต้นไม้ปีศาจต้นอื่น ๆ
ราชินีแห่งความงามเป็นพืชกรอบทองจากสกิลทองเมล็ดพันธุ์ปีศาจที่มีลักษณะคล้ายกับดอกกุหลาบ ลำต้นของเธอเป็นพืชไม้เลื้อยที่มีหนามอันแหลมคม เธอมีความสามารถในการสั่งการต้นไม้ปีศาจที่กรอบสีต่ำกว่าเธอได้ อันที่จริงแล้วต้องบอกว่าต้นไม้อื่นกลัวเธอจึงยอมเชื่อฟังเสียมากกว่า
ชีฟปลูกราชินีขึ้นมาเพียงแค่ต้นเดียว เพราะอีกฝ่ายนั้นกินพลังของเขาเป็นอย่างมาก แต่แค่ต้นเดียวที่ปลูกขึ้นมา เธอก็แตกหน่อออกรากแผ่กระจายไปทั่วผืนป่าจนเขาสามารถสั่งการต้นไม้ปีศาจได้ทุกต้น
ทางด้านพิมพ์และทีมที่กำลังวิ่งตามแบม ตอนนี้พวกเธอต้องหยุดวิ่ง เมื่อป่ารอบด้านอยู่ดีดีก็เปลี่ยนไปจนพวกเธอจำทิศทางไม่ได้ พิมพ์หันไปหาคนในทีม
"โม นายมีสกิลค้นหาใช่มั้ย"
ชายถือดาบคาตานะเดินเข้ามาหาพิมพ์
"ใช่"
"งั้นหาให้หน่อย ว่าแบมโดนลากไปทางไหน"
วิทย์ที่สัมผัสได้ถึงบางอย่างแปลก ๆ รอบตัวพูดขึ้น
"พิมพ์ เรามีกันเก้าคนไม่ใช่เหรอ"
พิมพ์หันไปมองรอบ ๆ และนับทุกคนที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ซึ่งจำนวนที่นับได้ก็คือห้า
"อีกสี่คนหายไปไหน"
ด้วยความมืดในป่า พิมพ์ใช้สกิลสร้างลูกบอลไฟขึ้นมาขับไล่ความมืดทันที
เมื่อรอบด้านสว่างขึ้น ภาพอันน่าสยดสยองก็ปรากฏ ดอกกุหลาบสีม่วงที่มีปากและเขี้ยวอันแหลมคมจำนวนมากกำลังแย่งกันกัดกินลูกทีมของพิมพ์กันอย่างเอร็ดอร่อย ดอกหนึ่งงับขา ดอกหนึ่งงับแขน ส่วนศีรษะนั้นได้หายไปแล้ว
เหล่าดอกไม้ที่เห็นว่าอีกฝ่ายรู้ตัวและกำลังจ้องมองตัวเองก็พากันหยุดรับประทานอาหารและหันมาจ้องอีกฝ่ายตอบกลับ
ดอกสีม่วงเหล่านี้คือหน่อที่ราชินีแตกออกมา พวกมันเปรียบเสมือนลิ่วล้อของเธอ
พิมพ์และนักรบสกิลอีกห้าคนตกใจและหวาดกลัวสุดขีด แต่พวกเขาคือนักรบ ยังไงพวกเขาก็ต้องสู้ ทั้งหมดตั้งท่าเตรียมพร้อมรอคำสั่งพิมพ์
"สู้มัน!!!"
หนุ่มสาวผู้ใช้หอกสองคนพุ่งเข้าแทงใส่ดอกไม้เหล่านั้นด้วยความเร็วสูง พิมพ์เสกลูกไฟขนาดใหญ่ออกมาแล้วระดมขว้างใส่ดอกอื่น ๆ
โมใช้ดาบคาตานะฟาดฟันออกไป ส่วนวิทย์นั้นใช้ดาบสั้นที่เรียกว่ากริดในการตัดอีกฝ่ายเป็นชิ้น ๆ
ดอกไม้สีม่วงถูกแทงถูกฟันและถูกเผา พิมพ์และพวกต่างพากันระดมโจมตีดอกไม้เหล่านั้นไม่หยุด แต่ดอกไม้เหล่านั้นกลับไม่ตอบโต้เลย พวกมันพากันเลื้อยหลบไปมา และบ้างก็เลื้อยอ้อมหน้าอ้อมหลัง เหมือนกับพวกมันกำลังหยอกเล่นเสียมากกว่า
การกระทำของดอกไม้ ทำให้ทั้งห้าคนต้องสาดสกิลออกไปหลายครั้ง กว่าจะสามารถจัดการดอกสีม่วงได้หมด
โมมีอาการเหนื่อยหอบเล็กน้อย เขาเดินไปเอนหลังพิงต้นไม้ ก่อนจะหย่อนขาแล้วนั่งลงพักผ่อน
"ขอพักเหนื่อยแป๊ป"
พิมพ์หันไปมองโม และหันไปมองคนอื่นที่มีอาการเหนื่อยไม่แพ้กัน
"หนึ่งนาทีนะ"
พิมพ์พูดจบ ต้นไม้ที่โมพิงอยู่ก็ลืมตาอ้าปากขึ้นมา ก่อนจะงับหัวของโมจนขาดแล้วกลืนเข้าไป เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาจากลำคอที่ไร้ศีรษะ ร่างกายที่เหลืออยู่ชักกระตุกไม่หยุด
พิมพ์และคนอื่น ๆ อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ต้นไม้ใหญ่ที่นิ่งสนิทอยู่นานก็พากันลืมตาอ้าปากแสยะยิ้มให้พวกเขา และค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
พิมพ์เมื่อหายตกใจก็มองเพื่อนที่ตายแล้วตะโกนลั่น
"แม่งเอ้ย!"
ทางด้านภูมิที่วิ่งตามป้อม ชีฟใช้วิธีลอบฆ่าคนที่มีร่างกายอ่อนแอก่อนเหมือนกับฝั่งของพิมพ์ แต่น่าเสียดายที่พึ่งฆ่าได้สองคนอีกฝ่ายก็รู้ตัวเสียแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะแถวนี้ชีฟได้เผาฝิ่นเอาไว้เยอะมาก นั่นทำให้ขอแค่อีกฝ่ายหน้ากากแตกก็เป็นอันเสร็จเขา
แม้เหล่าต้นไม้สีดำจะสู้ทั้งเจ็ดคนไม่ได้ แต่จำนวนของพวกมันก็ทำให้อีกฝ่ายหน้ากากแตกได้ไม่ยาก
ขวานสองคนดาบคาตานะสามคนจอมเวทไฟหนึ่งคนและนักธนูอีกหนึ่งคน ต่างพากันสาดสกิลใส่เหล่าต้นไม้ปีศาจที่รุมล้อมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งมีต้นไม้ล้มตายไปหลายต้น
เมื่อปีศาจต้นไม้โดยรอบโดนจัดการจนหมด ภูมิก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"กลิ่นพวกนี้ ฝิ่นนี่"
ภูมิหันไปหาคนอื่น ๆ แล้วออกคำสั่ง
"ใครมีสกิลสายลมใช้ออกมาเดี๋ยวนี้เลย พัดควันจาง ๆ พวกนี้ออกไปให้หมด"
แต่ถึงจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
พวกต้นไม้ปีศาจที่พากันงอกออกมาใหม่ต่างพากันยืนล้อมพวกเขาและส่งเสียงหัวเราะอันน่ากลัว เสียงหัวเราะเหล่านั้นมีทั้งเสียงแหลมที่มาจากหน่อของราชินี และเสียงทุ้มใหญ่จะต้นไม้ปีศาจสีดำต้นใหญ่ พวกมันพากันหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เหล่านักรบสกิลที่สูดดมกลิ่นฝิ่นเข้าไปเริ่มมีอาการประสาทหลอนอย่างหนัก พวกเขาเริ่มคลุ้มคลั่งและกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ภูมิที่ยังพอมีสติรีบคิดหาทางออก
ตูม หัวของภูมิระเบิดกระจุย เมื่อนักรบสกิลที่ใช้ธนูคนหนึ่งยิงศรอันทรงพลังใส่เขาจากด้านหลัง
นักรบสกิลคนนั้นคลุ้มคลั่งแล้วยิงซ้ำใส่ศพของภูมิไม่หยุด
"ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ!"
จากนั้นนักรบสกิลแต่ละคน ก็เริ่มลงมือฆ่ากันเอง โดยมีต้นไม้ปีศาจคอยกระทืบซ้ำ
ชีฟส่องกล้องมองอย่างพอใจ สารเสพติดนี่มันช่างดีจริง ๆ
จากนั้นชีฟก็ส่องดูรถตู้อีกสองคันที่ไม่ยอมเข้ามาลึกถึงข้างใน พวกนั้นไม่มีใครลงจากรถสักคน และในขณะที่ชีฟส่องดูอยู่ พวกนั้นก็พากันขับรถกลับออกไป
เมื่อเห็นดังนั้นชีฟก็ล้มตัวลงนอนบนกิ่งไม้ด้วยความสบายอารมณ์ ป่าแห่งนี้คือกับดักขนาดใหญ่ที่เขาเตรียมเอาไว้ด้วยเมล็ดพันธุ์ปีศาจที่เขาเลือกมา
ในข้อมูลของเมล็ดพันธุ์ปีศาจได้ระบุเอาไว้ว่า ต้นไม้ปีศาจเหล่านี้จะโจมตีทุกคนที่เข้าใกล้ นั่นทำให้ชีฟวางแผนที่จะปลูกต้นไม้สูง ๆ แล้วดูอยู่ข้างบนเพียงอย่างเดียว เพราะจากข้อมูลพวกมันคงโจมตีเขาด้วยแน่ ๆ แต่เมื่อชีฟปลูกราชินีแห่งความงามขึ้นมา แทนที่อีกฝ่ายจะมีท่าทีดุร้ายแล้วโจมตีเขา เธอกลับเข้ามาออดอ้อนเขาราวกับทาสสาวผู้แสนซื่อสัตย์ และต้นไม้ต้นอื่นที่กลัวราชินีก็ไม่กล้าที่จะโจมตีเขาแม้แต่ต้นเดียว แม้ข้อมูลจะเขียนไว้อีกแบบ แต่สิ่งที่ชีฟเจอกับเกิดขึ้นอีกแบบ นั่นทำให้เขาทำเพียงแค่ปลูกต้นไม้ที่สูงพอที่จะเห็นได้ทั่วป่า แล้วคอยบอกแผนการให้กับราชินีในการไปสั่งการกับต้นอื่นแทน
ทางด้านของพิมพ์ ตอนนี้เธอใช้สกิลไปจนแทบจะลุกยืนไม่ไหว ส่วนอีกสามคนก็เหนื่อยไม่แพ้กัน แต่เหล่าต้นไม้ก็ยังพากันปรากฏตัวออกมาไม่หยุด
วิทย์มองสถานการณ์โดยรอบ ก่อนจะตัดสินใจวิ่งมาอุ้มพิมพ์แล้วใช้สกิลเร่งความเร็ววิ่งหนีสุดชีวิต
พิมพ์มองเพื่อนอีกสองคนที่กำลังโดนทิ้งห่างออกมา
"วิทย์ทำอะไรน่ะ ปล่อยพิมพ์เดี๋ยวนี้นะ"
พิมพ์พยายามดิ้นขัดขืน
วิทย์ตะคอกกลับ
"พวกนั้นไม่รอดแล้ว เราอยู่ต่อไป เราก็ไม่รอดเหมือนกัน"
พูดจบวิทย์ก็กัดฟันแน่น ก่อนจะใช้สกิลเร่งความเร็วที่เป็นสกิลทอง แต่ด้วยพลังที่แทบไม่เหลือแล้วก็ทำให้วิทย์กระอักเลือดออกมา
พิมพ์ที่เห็นเลือดเต็มกระจกหน้ากาก ก็พูดอะไรไม่ออก และตอนนี้เธอก็อ่อนแรงมากเกินกว่าจะดิ้นขัดขืนอีกฝ่ายได้
วิทย์ฝืนกำลังวิ่งมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดพวกเขาก็เห็นแสงไฟจากรถยนต์บนถนนอยู่ข้างหน้า
ปึด เถาวัลย์เส้นหนึ่งถูกขึงดักเอาไว้ มันเกี่ยวใส่ใบหน้าของวิทย์เข้าอย่างจังจนวิทย์ตีลังกาหงายหลังไปหลายตลบก่อนจะกระแทกกับพื้น ส่วนพิมพ์ก็กระเด็นไปอยู่บนพื้นและสะบักสะบอมไม่แพ้กัน
เหล่ารากไม้เริ่มเข้ามารัดตรึงทั้งสองเอาไว้ วิทย์ที่รู้ว่าตัวเองจะไม่รอดแล้วก็เงยหน้ามองพิมพ์ด้วยสายตาของชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างจริงใจ แม้ว่าเธอจะไม่รักเขาก็ตาม
"พิมพ์ ฉันรู้นะว่าเธอชอบภูมิ แต่เธอช่วยมีใจให้ฉันสักนิดได้มั้ย"
พิมพ์มองเพื่อนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา ถ้าคำพูดสุดท้ายของเธอที่แม้จะโกหก แต่สามารถทำให้อีกฝ่ายจากไปอย่างมีความสุขได้ เธอก็จะทำ
"อื้อ ฉันชอบนาย ฉันชอบนายนะวิทย์"
วิทย์ยิ้มน้อย ๆ แล้วกัดฟันแน่น ก่อนจะใช้แรงฮึดเฮือกสุดท้ายใช้สกิลใบมีดวายุตัดรากรอบ ๆ ตัวออกไป จากนั้นก็ตัดรากที่รัดพิมพ์เอาไว้ เมื่อเป็นอิสระวิทย์ก็ลุกขึ้นมาฟันใส่ดอกไม้สีม่วงที่ไล่ตามพวกเขามา และสกัดดอกไม้เหล่านั้นไม่ให้ไปหาพิมพ์ได้ ก่อนจะตะโกนลั่น
"วิ่งไปพิมพ์ วิ่งไป!!!"
วิทย์พุ่งกระโจนใส่ต้นไม้แต่ละต้นอย่างบ้าคลั่ง ต้นไหนที่พยายามขวางทางพิมพ์หรือตามพิมพ์ไป ต้นไม้เหล่านั้นก็จะถูกคมมีดของวิทย์หั่นเป็นชิ้น ๆ
พิมพ์ปาดน้ำตาแล้วใช้แรงเฮือกสุดท้ายวิ่งสุดกำลังโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลัง สองเท้าพยายามฝืนยันพื้นและวิ่งไม่หยุด แต่ด้วยอาการเหนื่อยล้า ก็ทำให้พิมพ์วิ่งช้าจนเหล่ารากไม้สามารถจับขาเธอไว้ได้ พิมพ์สะดุดล้มหน้าทิ่มไปกับพื้น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงเงาของใครบางคนที่มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
ชายหนุ่มรูปงามในชุดเทพกรีกสีขาวปรากฏตัวออกมาต่อหน้าพิมพ์ ใบหน้าที่หล่อเหล่าราวกับเทพบุตร ดวงตาสีฟ้าครามเป็นประกายสดสวย ผมสั้นสีทองอันงดงามสั่นไหวตามแรงลม ผิวที่ขาวราวกับหิมะเปล่งประกายงดงามยามเมื่อต้องแสงจันทร์
พิมพ์เงยหน้ามองใบหน้าที่เปล่งประกายด้วยความหวัง
"ท่าน โอเอซิส"