รถเบนซ์สีขาวโดนรถเก๋งชนเข้าเต็มแรง ประตูฝั่งซ้ายบุบจนเห็นได้ชัด โชคดีจุดที่โดนชนนั้นไม่ใช่ฝั่งคนขับ ทำให้ชีฟไม่ได้เป็นอะไรมากนัก กลางสี่แยกไฟแดงตอนนี้ไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย เนื่องจากเป็นถนนเส้นเก่าที่ไม่ค่อยมีรถสัญจร
ชีฟจ้องมองรถเก๋งที่ค่อย ๆ ถอยออกไป ผู้ชายในรถเก๋งสองคนจ้องหน้าเขาเขม่น ก่อนที่คนขับจะเปิดกระจกแล้วตะโกนออกมา
"ถ้าไม่อยากตายก็เซ็นเอกสารซะ"
พูดจบรถเก๋งก็หักเลี้ยวไปทางตัวเมืองแล้วขับหนีไป ชายสองคนบนรถชีฟคุ้นหน้าเป็นอย่างดี เพราะคือคนที่มากับเจ้าหน้าที่หญิงที่ชื่อสิริน
ชีฟขับรถตัวเองไปจอดข้างทางเพื่อดูรอยชน รถเบนซ์คันนี้เป็นของครูน้ำตาล ซึ่งราคาของมันแพงมาก เมื่อตรวจสอบร่องรอยการชนเสร็จ เขาก็แจ้งให้ครูน้ำตาลกับพ่อแม่ทราบ ซึ่งพอได้ยินเสียงครูน้ำตาลแล้วเขาก็ดีใจมาก เพราะครูน้ำตาลไม่ถามถึงรถเลยแต่เอาแต่ถามถึงอาการบาดเจ็บของเขา
เมื่อรถยังขับได้ พ่อแม่ของครูน้ำตาลก็บอกให้เอารถไปไว้ที่ศูนย์ซ่อมในตัวเมือง ส่วนชีฟนั้นก็ซื้อรถบิ๊กไบค์คันหนึ่งมาขับแทน เพราะเขานั้นไม่มีใบขับขี่รถยนต์ ที่ขับรถเบนซ์ออกมาในตอนแรกนั้น ก็เพราะชีฟไม่ได้ซื้อรถเอาไว้ เลยต้องยืมรถของครูน้ำตาล ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกตำรวจตรวจจับเป็นอย่างมาก เมื่อไหน ๆ ก็ต้องเปลี่ยนรถแล้ว ชีฟจึงซื้อบิ๊กไบค์มาแทน
ชีฟขับบิ๊กไบค์ไปซื้อของจนเสร็จเรียบร้อยแล้วรีบกลับบ้าน กล่องจดหมายหน้าบ้านนั้นมีจดหมายซองหนึ่งอยู่ด้านใน เมื่อชีฟล้วงออกมาอ่านก็พบว่ามันคือเอกสารเซ็นยินยอมการโยกย้ายสกิลที่คนพวกนั้นเอามาฝากไว้
เมื่อเห็นจดหมาย ชีฟก็รีบเข้าไปในบ้านแล้วเรียกหาทุกคน ซึ่งก็พบว่าทุกคนยังอยู่ดีและไม่มีใครเป็นอะไร
ยามค่ำชีฟนอนกอดครูสาวพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สกิลของเขานั้นแม้จะเป็นแค่การปลูกต้นไม้ แต่ต้นไม้ที่เขาปลูกบางอย่างก็สามารถทำเงินให้เขาได้ ตอนนี้ชีฟมีครูน้ำตาลเป็นคนรัก ครูสาวนั้นเป็นลูกคุณหนู ซึ่งแน่นอนว่าใช้เงินมาก และถึงแม้พื้นฐานของครูน้ำตาลนั้นจะร่ำรวยอยู่แล้ว แต่เขาจะไม่มีวันเป็นผู้ชายสายแมงดาที่เกาะผู้หญิงกินแน่ ๆ แต่จะทำยังไงนี่สิ อีกฝ่ายมีสกิลสายต่อสู้แบบเต็มรูปแบบ ส่วนเขานั้นมีแค่สกิลปลูกพืชปลูกผัก จะสู้ยังไงถึงจะชนะ และจากการตรวจสอบในอินเทอร์เน็ตของเขา เจ้าหน้าที่หญิงและตำรวจที่มาในวันก่อนก็เป็นตัวจริงเสียด้วย การที่สามารถบงการพนักงานข้าราชการของรัฐได้แบบนี้อีกฝ่ายต้องมีเส้นสายที่ไม่ธรรมดา เขาจะทำยังไง
ครูน้ำตาลเงยมองเด็กหนุ่มเจ้าของอ้อมกอดอย่างสงสัย ปกติหากนอนกอดกันแบบนี้ ไม่เกินห้านาทีเธอจะโดนรบเร้าแล้วเริ่มมีเพศสัมพันธ์กัน แต่วันนี้อีกฝ่ายกับกอดเธอไว้เฉย ๆ
"ชีฟ เป็นอะไร ไม่เห็นหื่นเหมือนทุกวันเลย ฮึ"
ครูสาวเอื้อมมือไปหยิกแก้มหนุ่มหื่นเล่น เพราะตั้งแต่มีสัมพันธ์กันครั้งแรก อีกฝ่ายมักจะขอมีอะไรกับเธออย่างน้อย ๆ ก็วันละสองรอบ
ชีฟที่กำลังเหม่อลอยเหลือบตาลงมามองหน้าครูสาว เขารู้สึกผิดที่ทำรถอีกฝ่ายพัง เพราะค่าซ่อมรถหรูนั้นแพงมาก ถึงแม้ตัวครูน้ำตาลกับพ่อแม่ของครูจะไม่ได้ว่าอะไรเขา แต่เขาก็รู้สึกผิดอยู่ดี
"เปล่า ไม่มีอะไร แล้วทำไมต้องบอกว่าผมหื่นด้วยเนี่ย"
"แหม เอาวันละสองรอบเช้าค่ำ ไม่ให้เรียกหื่นแล้วเรียกอะไรหึ"
ครูสาวดึงแก้มนุ่ม ๆ ของอีกฝ่ายเล่นอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะถามต่อ
"เป็นเรื่องของคนพวกนั้นหรือเปล่า"
ชีฟตอบเสียงเบา
"ก็...อืม"
"ร้องเรียนไปที่องค์กรยุติธรรมแห่งโลกสิ"
"นานอยู่นะ กว่าพวกนั้นจะลงมาจัดการให้"
ฟังจบครูสาวก็ทำท่านึก เพราะเธอเคยเห็นคดีที่คนไทยไม่ได้รับความยุติธรรมจนต้องร้องเรียนองค์กรยุติธรรมแห่งโลก ซึ่งส่วนมากกว่าจะรับเรื่องแล้วมาดำเนินการ อย่างช้าสุดก็เกือบเดือน
"งั้นก็ร้องเรียนไว้ก่อนเลย แล้วที่เหลือเราก็หลบอยู่แต่ในบ้านก็ได้ เธอสร้างป้อมปราการที่ดีได้อยู่แล้ว พี่เชื่อแบบนั้น"
คำแนะนำของครูสาวทำให้ชีฟยิ้มออก และเขาก็นึกถึงคำคำหนึ่งขึ้นมาได้ 'ซื้อเวลา'
เมื่อเห็นแฟนหนุ่มยิ้มครูสาวก็ยิ้มด้วยเช่นกัน แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขึ้นมาคร่อมบนร่างเธอ
"แนะ สบายใจก็จะเอาเลยนะ"
ชีฟไม่ตอบแต่กลับก้มหน้าลงมาจูบลงที่คอของเธอแทน แน่นอนว่าครูสาวก็ไม่ได้อยากจะขัดขืนอะไรอยู่แล้ว เมื่ออีกฝ่ายรุก เธอก็พร้อมที่จะรับและสุขสมไปกับมัน
เช้าวันรุ่งขึ้นชีฟหอมแก้มครูสาวที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วหาเสื้อผ้าใส่
ครูสาวจ้องมองชีฟที่กำลังใส่เสื้อผ้าด้วยสายตาอันอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยถาม
"วันนี้รีบจังนะ"
"ใช่ พอดีผมมีแผนนิดหน่อย"
"มานี่"
ครูสาวดึงชีพที่พึ่งแต่งตัวเสร็จให้นั่งลงบนเตียง ก่อนจะขยับเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังอย่างแนบชิด
"ดูแลตัวเองดีดีนะชีฟ ห้ามทิ้งพี่ไปเด็ดขาด"
"ครับ"
สิบโมงเช้าชีฟขอให้พ่อของครูน้ำตาลพาขับรถมินิแวนสีฟ้าสุดหรูเข้าไปในตัวเมือง เพื่อซื้อข้าวของที่จำเป็นสำหรับการหลบซ่อนอยู่ในบ้านเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน
แต่เหมือนการซื้อของในวันนี้จะไม่ราบรื่นเท่าไหร่นักเมื่อหลังจากที่พวกเขาซื้อของเสร็จและกำลังจะกลับ ก็มีรถตู้สีดำสองคันขับตามพวกเขา
ชีฟที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายหันไปมองด้านหลัง
"คุณพ่อครับ สองคันนั้นตามเรามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วใช่มั้ย"
คุณพ่อเหลือบมองกระจกหลังแล้วตอบ
"น่าจะใช่ลูก เอาไงดี"
"มาเร็วกว่าที่คิดแฮะ"
ชีฟนิ่งคิด ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในตัวเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยรถมากมาย พวกมันเลยยังไม่กล้าทำอะไร แต่ถ้าออกนอกตัวเมืองเมื่อไหร่เป็นเรื่องแน่
ชีฟกวาดสายตามองในขณะที่รถก็วิ่งไปเรื่อย ๆ และเมื่อสายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับตึกร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ตัวตึกมีสองชั้นและมีขนาดพอพอกับห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก เหมาะกับแผนการที่เขาคิดไว้เป็นอย่างมาก
"คุณพ่อครับ รีบเหยียบให้มิดไปที่ตึกร้างนั่นเลย พวกเราจะได้มีเวลาเตรียมตัว"
คุณพ่อไม่รอช้ารีบเร่งความเร็วแล้วหาทางไปยังตึกร้างที่ชีฟบอก ไม่นานพวกเขาก็มาถึงตึกโทรม ๆ สองชั้นที่ล้อมรอบด้วยต้นหญ้าสูงใหญ่ พื้นที่ตรงนี้ห่างจากถนนและเขตตัวเมืองเล็กน้อย และยังเต็มไปด้วยบ้านร้างกับตึกร้างอีกหลายหลังที่มีหญ้าขึ้นอยู่เต็มไปหมด พวกเขาเอารถจอดที่ด้านข้างตึก ก่อนจะวิ่งเข้าไปข้างในและขึ้นไปบนชั้นสอง
ชีฟพาคุณพ่อนั่งลงตรงขอบหน้าต่างที่หันหน้าไปทางถนนที่พวกเขาเข้ามา
"คุณพ่อนั่งตรงนี้นะครับ เดี๋ยวขอจัดการอะไรหน่อย"
ชีฟหว่านเมล็ดไปรอบ ๆ ตึกที่กินพื้นที่ถึงสองไร่อย่างรวดเร็ว เมล็ดพันธุ์เหล่านี้คือตีนตุ๊กแกที่นิยมปลูกติดกับผนังบ้านผสมกับเถาวัลย์น้ำ ซึ่งเป็นเถาวัลย์ที่มีความเหนียวแน่นที่สุด เมื่อเร่งโต พวกมันก็เจริญงอกงามขึ้นมาและเลื้อยพันขึ้นมาบนตัวตึกจนปกคลุมตึกทั้งตึกไว้อย่างมิดชิด นอกจากนั้นชีฟยังปลูกพืชมีพิษอีกหลายชนิดขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับต่อสู้
ทางด้านรถตู้สีดำสองคันที่ขับตามเข้ามา ที่จริงแล้วยังมีรถเบนซ์สีดำอีกคันตามมาด้วย ในรถเบนซ์คนขับหันไปมองสามพ่อแม่ลูกที่นั่งมาด้านหลัง
"เจ้านายครับ ตึกนั้น"
คนขับชี้ไปที่ตึกที่มีพืชไม้เลื้อยขึ้นอยู่เต็มไปหมด ก่อนจะพากันขับไปจอดที่หน้าตึก
เด็กสาวผมยาวอายุสิบเจ็ดหน้าตาน่ารักตะโกนบอกพ่อที่พึ่งจะเดินลงรถไป
"คุณพ่อคะ เอาสกิลมาให้ได้เร็ว ๆ นะ อีกสองวันการประเมินรับเหรียญก็จะปิดแล้ว หนูไม่อยากเข้าเรียนทีหลังเพื่อน"
ผู้เป็นพ่อหันมาลูบหัวลูกสาว
"ได้ลูก ลูกพ่อต้องเป็นสาวน้อยที่ใช้สกิลได้เก่งที่สุด"
สองพ่อลูกส่งยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น วันนี้คือวันที่ 12 ตุลาคม เป็นวันที่มีการคัดเลือกผู้ที่ได้รับเหรียญในแต่ละปี ซึ่งการคัดเลือกจะดำเนินไปทั้งหมดห้าวัน นั่นก็คือวันที 10 ถึง 14 ตุลาคม