ต้มจืดเดือดจนได้ที่แล้ว ป๊าปิดเตาก่อนตักใส่ถ้วยใหญ่กลางโต๊ะ
หม่อนเคี้ยวกล้วยสับหนึบหนับอยู่บนเก้าอี้สูง ใช้ดวงตากลมแป๋วเหมือนลูกแก้วจ้องมองผู้ปกครองในทุกอิริยาบถของการเตรียมอาหาร เวลาข้าวเย็นของทารกยังไม่แน่นอนเท่าไรนัก บางทีก็ร้องหิวนมหิวขนมขึ้นมากลางดึก ผิดกับสมาชิกอื่นของบ้านที่สามารถทานตรงเวลา
เมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ตรงไปที่เลขหก ป๊าถึงอุ้มลูกสาวคนเล็กเข้าไปเรียกอีกสี่ชีวิตในห้องนั่งเล่น เพราะไม่ว่าปาฏิหาริย์เกิดขึ้นหรือไม่ เรื่องสุขภาพและปากท้องของลูก ๆ ยังสำคัญสุดอยู่วันยังค่ำ
ป๊าออกไปเจอแด๊ดที่พึ่งเปิดประตูบ้านเข้ามาพอดี รอยยิ้มกว้างลดความรื่นเริงลงเมื่อเห็นสีหน้าดุ ๆ แบบรู้ตัวเลยว่ากำลังจะโดนบ่น สายตาของสามีมองประตูห้องนั่งเล่นที่เป็นจุดหมายแต่ยังไม่กล้าขยับไปไหน มือพยายามซ่อนกระสอบใบใหญ่ไว้ข้างหลัง
"ยังไม่หมดอีกเหรอ"
"รอบสุดท้ายแล้วน่า"
"โอ๊ยย ขยะทั้งนั้น เศษดิน เศษไม้ ปลวกลงอีก" คำบ่นทำให้คนฟังยืนอึดอัดตรงทางเข้า ชะงักเท้าอย่างไม่รู้จะไปไหนดี เลยได้แต่ยืนรับสภาพ "นี่แล้วไม่ต้องเข้ายุ้งอีกนะ เย็นป่านนี้แล้วเดี๋ยวได้โดนจงอางฉกสักที หาเรื่องเข้าโรงบาลนี่เก่งจริงจริ๊ง"
ยิ่งนึกย้อนไปเมื่อตอนสายกับตอนเที่ยงเขายิ่งบ่นติดลม การเข้ายุ้งฉางครั้งแรกจบลงแค่ได้สำรวจ สองสามีต้องกลับเข้าไปลากกระสอบมาใส่ข้าวของต่อ ป๊าช่วยคัดกรองสิ่งที่ดูยังไงก็เป็นขยะออกไป เก็บของอาจสำคัญไว้ พอเวลาล่วงไปช่วงบ่ายแล้วป๊าถึงละไปเตรียมข้าวเย็น ปล่อยให้สามีและความชอบเรื่องลึกลับของเขาช่วยงานลูก
"ทำให้ป๊าเป็นห่วง…"
"เออน่ะสิ!"
"ผิดไปแล้วครับ"
สีหน้าหงอย ๆ แววตาเศร้า น้ำเสียงรู้สึกผิด มันสั่นคลอนความหงุดหงิดจนไม่อาจทนปั้นหน้าโกรธได้นาน
"ฮึ รู้ตัวก็ดี"
น่าเสียดายที่ความใจอ่อนของเขาอยู่ได้เพียงอึดใจ ก่อนป๊าจะเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ลมแทบจับ
จากลักษณะการนูนของกระสอบ พอเดาออกว่าคงเป็นอะไรเหลี่ยม ๆ แข็ง ๆ อย่างเช่นเสาไม้ ผ้าสามสีที่โผล่พ้นรอยขาดของกระสอบเป็นหลักฐานมัดตัวดิ้นไม่หลุด
"แด๊ด! จะเอามาด้วยทำไมฮึ"
"ก็-ก็เผื่อไว้ก่อน อาจสำคัญ"
"โอ๊ยตาย ๆ นางมงนางไม้จะหักคอเอา รีบเอาไปเก็บที่เดิมเลย"
"แต่ข้างในมีปลวกด้วยนะ ไม่ใช้แล้วทุบให้ไก่กินก็ได้" แด๊ดให้เหตุผล นังพองหมายเลขหนึ่งถึงสิบโปรดปรานการจิกแมลงเล็ก ๆ กินมาก จอมปลวกรอบบ้านที่ถูกทุบพังไปเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี ในความคิดแด๊ด น้ำหนักของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบากว่าอาหารไก่ฟรีจากธรรมชาติ
ป๊าเลิกบ่นเรื่องขยะแล้วมาบ่นเรื่องลบหลู่ต่ออีกกว่าสิบประโยค เขาไม่ค่อยอยากแตะต้องอะไรจากยุ้งฉางเลย มีแต่ของน่าสงสัย ผู้เห็นด้วยอีกคนคือโรมที่พึ่งผลักประตูห้องนั่งเล่นออกมา
"เอ่อ ป๊าแด๊ดครับ พี่หลินอยากคุยด้วย" ดวงตาชายหนุ่มเลื่อนลงไปที่กระสอบของอาจสำคัญใบที่สาม "จดหมายกองใหม่เหรอครับ"
"เอ็งเคยได้ยินเรื่องเสาตกน้ำมันไหม"
ด้วยเหตุนี้ เสาไม้อาถรรพ์จึงถูกตั้งพิงผนังห้องนั่งเล่น ปล่อยบรรยากาศลึกลับน่ากลัวแข่งกับเสียงพัดลมหึ่ง ๆ จากชุดโต๊ะคอม
ห้องนั่งเล่นบวกห้องรับแขกมักมีแค่หมาแมวและห่านในบางเวลา นาน ๆ ทีถึงจะมีลูกมาอยู่ครบ หลินแบกโต๊ะกับคอมพิวเตอร์มาตั้ง เพื่อนลูกอีกหนึ่งนั่งเพ่งมองจดหมายเก่าตรงโซฟา ข้างกายเขาคือตวันผู้นอนคว่ำวาดรูปเล่น ยกขาขึ้นลงสลับกันในอากาศด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
ลูก ๆ นั่งคุ้ยข้าวของของลุงจรัญกันอย่างคร่ำเคร่ง หรือพูดให้ถูก มีแต่หลินกับโรมที่ตรวจสอบและคัดแยกแต่ละซองเข้ากล่องอย่างคร่ำเคร่ง กล่องแรกเขียนไว้ว่าเช็กโดยละเอียดทีหลัง กล่องที่สองคือเข้าเค้า กล่องที่สามเขียนว่าขยะ ซึ่งกล่องสามนี่เองที่ถูกตวันเอามาลากเส้นวาดเป็นสัตว์ต่าง ๆ ในจินตนาการ ใช้เบาะแสคดีได้คุ้มค่าเป็นที่สุด
ตรงข้ามกับหลินที่แผ่บรรยากาศมาคุออกมา
"ทั้งสองคนมาพอดี"
"ก็ได้เวลาทานข้าวแล้วนี่นะ หิวกันรึยังลูก ป๊าทำต้มจืดไข่น้ำไว้ให้"
"หนูว่าหนูเจอตัวการละ"
ป๊านิ่งหลังถูกตัดบท ต้องกลืนคำบ่นลูกร้อยแปดประโยคลงไป ข้าวเย็นล่ะ ได้เวลาอาหารแล้วนะ กินข้าวไม่ตรงเวลามันไม่ดีนะ อย่างน้อยต้องมีอะไรรองท้อง—แน่นอนสิ กุญแจไขปริศนาของ 'ปาฏิหาริย์' อันยิ่งใหญ่ย่อมสำคัญกว่า
เด็กหญิงเริ่มรายงานผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่สุดเท่าที่เด็กม.ต้นคนหนึ่งจะทำได้ เสียงเพลงทำนองเบา ๆ ที่เปิดประกอบการทำงานถูกปิดให้ประโยคจริงจังเอ่ยชัด "จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาสามเดือนก่อนลุงจรัญเสีย"
จดหมายสีขาวล้วนจากกล่อง 'เข้าเค้า' ถูกยื่นมาให้ป๊าพลิกเปิดดู พื้นสีขาวมีลายดอกไม้ชวนให้นึกถึงสิ่งที่เขาเห็นบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก
"ซองกฐินเหรอลูก"
"โอ๊ย ป๊า โบรชัวร์เข้าเวิร์คช็อปไหมล่ะ"
คำชวนไปอบรมกับ 'สมาคมนิรมิต' ดูธรรมดามากในสายตาคนแก่ ด้านล่างเป็นหมายเลขบัญชีเผื่อสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกมาแต่สะดวกโอน ชวนให้บริจาคเข้าองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอื่น ๆ ในเครือข่ายของสมาคม กระดาษเชิญไปทำบุญหลวงพ่อก็หน้าตาประมาณนี้ แต่หลินดูตื่นเต้นมากหลังค้นพบเบาะแสใหม่ มองของที่อาจเชื่อมโยงไปถึงอันตรายตาลุกวาว
ดูเหมือนจะเป็นองค์กรการกุศลทั่วไป แต่วัดจากสีหน้าของลูกแล้วป๊าเดาได้เลยว่าต้องมีอะไรแอบแฝง
"หนูว่าชื่อคุ้น ๆ เลยลองเสิร์ชหา ปรากฏว่าไอ้สมาคมเนี้ยมันเจ้าของบ้านเอื้ออารีที่บ.หนูทำบุญให้"
หลินเปิดหน้าเว็บที่ดูน่าเชื่อถือขึ้นมา วัดจากรูปคนดังหลายคนถ่ายตอนบริจาคแสดงว่าค่อนข้างมีชื่อเสียง นักการเมืองเยี่ยมศูนย์ฟื้นฟู เด็กจำนวนมากห้อมล้อมผู้ใหญ่ที่กำลังส่งมอบของเล่น ถือป้ายประกาศเขียนทุนการศึกษา ภาพงานกาล่าระดมทุน องค์กรการกุศลที่สมาคมเป็นผู้สนับสนุนเยอะมากจนยากจะหาว่าซ่อนสิ่งใดไว้บ้าง
"ยิ่งสืบก็ยิ่งแปลก งบบริษัทหนูอัดฉีดเข้าปีละหลายล้าน ปีไหนผลกำไรน้อยยังมีเงินส่วนตัวของผู้บริหารสูงสุดเสริมเข้าไม่เคยขาด มันเลยคำว่าการกุศลเสริมภาพลักษณ์ไปไกลแล้ว" ผู้พูดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องจอคอม จ้องรายชื่อผู้มอบทุนที่กระตุ้นต่อมอาฆาตอย่างรุนแรง "ไอ้คนแหลสด หลอกลวง จอมปลอม หอมแต่เปลือก"
ป๊าเอามือปิดหูลูกหม่อน ส่วนตวันของเขาไม่ค่อยพูดจาว่าร้ายใครจึงเบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง
"ตัวการมันอยู่ใกล้แค่นี้เองป๊า!"
หลินมองป๊าอย่างคาดหวัง แต่สีหน้าของผู้ใหญ่ยังมืดแปดด้าน
"จ๋าลูก?"
"อีตาธามไง!"
"อ้อ…" ถึงว่า หลินที่ระแวงอยู่แล้วยิ่งระแวงหนัก แต่เขาต้องถามอีกว่าลูกตัดสินจากอคติเก่าก่อนหรือเปล่า "แน่ใจใช่ไหม"
หลินไม่ตอบ ยังคงง่วนอยู่กับการด่าผู้ต้องสงสัยไปพร้อมกับขุดชีวประวัติ ฟังดูแล้วชีวิตธามก็เรื่องราวลูกคนรวยทั่วไป นามสกุลดัง คาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิด จบเมืองนอกแล้วก็กลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว ไม่มีข่าวอื้อฉาวมีแต่ข่าวการกุศล งานตัดริบบิ้นหน้าบ้านเด็กกำพร้าเป็นสิ่งน่าสนใจที่สุดที่สื่อหาเรื่องมาเขียนได้
"…ขาวสะอาดยิ่งกว่าจานอิเกีย แต่หนูไม่เชื่อหรอก มีแต่ลาสบอสกับฆาตกรต่อเนื่องที่โทรทวงงานช่วงวันหยุด ไม่มีทางที่ฮีจะใจบุญสุนทานปานนี้ หาทางดักตีหัวเลยเถอะ!"
"ไม่ใช้ความรุนแรง"
"กาแฟร้านประจำอยู่ตึกตรงข้ามบ. บ้านอยู่แถววังหลัง ส่วนใหญ่กินนอนในบริษัท กลับไปอยู่บ้านอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง" หลินมีกระทั่งตารางกิจวัตรของหัวหน้าผู้ใช้ชีวิตมัธยัสถ์บ้างานจนน่าสะพรึง "วางยาแม่งเลย รึไปเนียนเป็นคนขับรถบ้านมันแล้วก็พาไปที่มืด ๆ ต่อด้วยโน้ตบุ๊กฟาด"
"ตาย ๆ จะเล่นเป็นโจรรึไง แด๊ดห้ามลูกที" ด้วยความเหนื่อยใจจนเหมือนแก่ขึ้นอีกสัก 60 ปี ป๊าหันไปสั่งสามีด้วยความหวังริบหรี่ว่าเขาจะช่วยดึงลูกขึ้นจากวังวนพยาบาทได้
"โน้ตบุ๊กเบาไป"
"จริงด้วยค่ะ ไหน ๆ แล้วก็ PC เลยดีกว่า จากนั้นค่อยขังแม่มไว้ในห้องเก็บของแล้วฟาดจนกว่ามันจะคายข้อมูลออกมา"
ผู้เป็นพ่อถลึงตาใส่
"หนูล้อเล่นน่า"
"ถึงมีโอกาสก็ห้ามทำ" ประสบการณ์สอนให้เขารีบพูดดัก
ลูกโดนปรามไปหนึ่งแม้ค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่สำเร็จ เขาตวัดสายตาถามคนรักด้วยว่าเล่นตลกใช่ไหม แด๊ดทำหน้าตึงเครียดที่สุดในชีวิตเป็นคำตอบ มุมปากป๊ากระตุกหงึกไล่สามีไปสนใจเสาตกน้ำมันตามเดิม "ไปขูดตะเคียนใบ้หวยต่อไป๊"
"ไม่เสี้ยมลูกแล้วก็ได้…"
"ฮีพยายามจีบป๊าด้วย!" ลูกสาวคนโตเสี้ยมกลับแทน
เสียงสะอึกตกใจจากคนฟัง ท่าทางตึงเครียดเมื่อครู่อ่อนยวบลงทันที แทนที่ด้วยสายตาเหงาหงอย ตามด้วยเสียงสั่นเศร้า ๆ ของหมีตัวใหญ่กลัวโดนทิ้ง "ไม่-ไม่หรอกน่า ป๊าจะนอกใจแด๊ดเหรอ"
"โอ้ยย แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้นแหละ เขาคงลืมไปแล้วมั้ง ไม่มีกงมีกิ๊กอะไรทั้งนั้น" แม้ลูกจะช่างยุให้ร้าวฉานเสียเหลือเกิน ป๊ากลอกตามองลูกผู้แก่นแก้วให้รูดซิปปาก
เขารู้เลยว่าลูกสาวคนโตต้องการจะทำอะไรต่อ หลินอยากใช้ธามเป็นเครื่องมือในการหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเป็นเด็ก แต่จะอันตรายหรือเปล่า อีกฝ่ายต้องการอะไรจากครอบครัวเขา ป๊าไม่อยากให้ลูกเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย ไม่ว่าจะเพื่อดักตีหัวหรืออะไรก็ตาม
เศษเล็กเศษน้อยของเสาไม้อาถรรพ์ร่วงอยู่ตามพื้น มันช่างขัดหูขัดตาคนทำงานบ้านเสียจริง เช่นเดียวกับเศษข้าวติดจานหรือคราบเปื้อนบนเสื้อผ้า ไม่ว่ายังไงก็ตงิด ๆ ในใจอยู่ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ขจัดทิ้ง
_____