บทที่ 21
อดีต 6
"เดี๋ยววันนี้แยกย้ายไปหาข่าวพรรคมังกรนิลเพลิงกันคนละที่นะ เสี่ยวหู่ไปที่ท่าเรือ พี่หลงไปสืบกับพวกชาวยุทธ์ที่พักอยู่โรงเตี๋ยมในเมือง ส่วนข้าจะไปสืบที่หอเล่านิทานค้าข่าวในตลอด"
"จะไม่อันตรายไปเหรอหลันเอ๋อร์ ที่หอเล่านิทานมักจะมีแต่ชาวยุทธ์ที่มักเดินทางไปค้าข่าวและหาซื้อข่าวที่นั้น อาจจะมีเส้นสายของพรรคมังกรนิลเพลิงก็เป็นได้นะ"เสี่ยวหู่เอ่ยเตือนถึงความเป็นไปได้นี้ พรรคมังกรนิลเพลิงเป็นพรรคใหญ่อันดับต้นๆที่มีชาวยุทธ์มากฝีมือเป็นพรรคพวกและเส้นสาย ฉะนั้นอาจจะมีเส้นสายแฝงตัวอยู่ทุกที่ก็เป็นได้
"ไม่มีหรอก เพราะที่นั้นมีกฏว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคพวกใดพรรคหนึ่ง โดยทุกคนที่ทำงานให้หอเล่านิทานจะได้ทำพันธะสัญญาเลือดกับหยกสามสีของประจำพรรคฉีหลินหรือกิเลนที่ขึ้นชื่อเรื่องจงรักภักดิ์ดีที่สุด ใครที่แฝงตัวมาหรือเป็นคนที่มีจิตใจคดโกง ไม่ทำตามกฏของที่นั้น มักจะจบชีวิตลงด้วยคำสาปจากหยกสามสีนั้นเสมอ เพราะฉะนั้นไว้ใจได้ที่นั้นจะปลอดภัยต่อหลันเอ๋อร์"พี่หลงจึงพูดขัดขึ้นมา เมื่อเห็นเสี่ยวหู่พูดจบ
"เจ้ารู้ได้ยังไงชิงหลง?"เสี่ยวหู่ถามหน้านิ่ง
"ข้ารู้ก็แล้วกัน"
"เจ้านี้รู้หลายเรื่องนะ หรือรู้แทบทุกเรื่องที่พวกข้าอยากรู้เลยต่างหาก จนข้าชักจะสงสัยแล้วว่าเจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงรู้เรื่องราวในยุทธ์ภพเยอะขนาดนี้กัน"
"นั้นสิ ทำไมพี่หลงรู้เยอะขนาดนั้นละ"เขาถามอย่างสงสัยพอๆกับเสี่ยวหู่เพราะตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกันมาเป็นอาทิตย์แล้วเนี่ย ไม่ว่าเขากับเสี่ยวหู่จะแอบไปสืบหาข่าวที่ไหน พี่หลงมักจะรู้และไปรอดักหน้าก่อน แถมยังหาคนที่จะมีข่าวที่เขาอยากรู้มาให้อีก จนเขากับเสี่ยวหู่ได้แต่บอกว่ามีความแค้นต้องสะสางกับพรรคมังกรนิลเพลิง แต่ตอนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพรรคมังกรนิลเพลิงเลย จึงต้องมาสืบข่าวหาข่าวสารของพวกมันให้เยอะที่สุด เพื่อจะมีทางชนะมากขึ้น พอพวกเขาบอกไปแบบนั้น พี่หลงไม่มีทีท่าตกใจหรือแปลกใจสักนิด แถมยังไม่ถามอะไรเพิ่มเติมมีแต่ช่วยพวกเขาในการหาข่าวและช่วยพวกเขารวบรวมข่าวด้วย โดยเฉพาะส่วนใหญ่ข่าวที่พวกเขาสืบการมาหลายวันก็ได้พี่หลงนี่แหละที่ช่วยกรองข่าวให้ ราวกับเป็นคนในพรรคมังกรนิลเพลิงก็ว่าได้ แต่พี่หลงก็บอกเพียงว่าตนเองก็มีความแค้นที่ต้องสะสางกับพรรคมังกรนิลเพลิงเช่นกัน นั้นจึงทำให้เขารู้เรื่องในพรรคนั้นดี พวกเขาจึงรู้สึกไว้ใจพี่หลงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน วันนี้เราจึงวางแผนแยกย้ายกันไปตามหาข่าวเพิ่มเติม เพราะตอนนี้รู้แค่ว่าพรรคตั้งอยู่ที่ไหน มีคนในพรรคมากน้อยเท่าไหร่ เข้าออกทางไหนได้บ้าง หรือแม้แต่คนในพรรคส่วนใหญ่มีฝีมือขั้นจอมยุทธ์ขึ้นไป มีนักเวทย์ไม่กี่สิบคนในขั้นจอมเวทย์ และตอนนี้ที่ไม่รู้เลยคือเจ้าสำนักพรรคมังกรนิลเพลิงหลิงหลง เพราะต่อให้หาข่าวยังไงก็แทบจะไม่มีข่าวคราวคนผู้นี้เลย จนไม่คิดจะหา แต่บุกไปฆ่าเลยจะได้จบๆ แต่ใจก็ยั้งความคิดได้อยู่ เพราะหากบุกไปสุมสี่สุมห้า อาจจะเป็นพวกเขาที่จะถูกฆ่าเอง เลยหาข่าวต่อดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
"ข้าก็บอกไปแล้วไง ว่าข้าเป็นคนแคว้นหนาน เรื่องในหัวเมืองและแคว้นหนาน ข้าย่อมรู้ดีกว่าพวกเจ้า"พี่หลงตอบด้วยท่าทางสบายๆ ซึ่งก็ถูกของพี่หลง เป็นคนท้องถิ่นจะไม่รู้ดีกว่าพวกเขาที่โตในป่าได้ยังไงกัน
"ก็ถูกของพี่หลงนะหู่เอ๋อร์"เขาจึงเห็นด้วยกันพี่หลง
"เจ้าเชื่อเขาง่ายเกินไปนะหลันเอ๋อร์ หัวเมืองนี้เดิมทีเป็นเมืองติดท่า ที่ชาวบ้านหาปลาเลี้ยงชีพค้าขาย ผิวพรรณส่วนใหญ่จึงคล้ำแดดเยอะ บุตรธิดาคณบดี หรือแม้แต่ท่านเจ้าเมืองเองก็ยังผิวเหลืองน้ำผึ้ง ไม่มีใครผิวขาวซีดเท่าเขาที่บอกว่าเป็นคนแคว้นหนานเลย"
"แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในหัวเมืองของแคว้นหนานนะเสี่ยวหู่ พี่หลงอาจจะเป็นคนในเมืองหลวงของแคว้นหนานก็เป็นได้"เขาแย้งสิ่งที่เสี่ยวหู่สงสัย
"เอาเป็นว่าเมื่อถึงเวลาข้าจะบอกพวกเจ้าทุกอย่างที่พวกเจ้าอยากรู้แล้วกัน แต่ตอนนี้เราแยกย้ายไปหาข่าวสารกันก่อนดีกว่า จะได้กลับมาปรึกษากันเร็วหน่อย"พี่หลงเลยตัดบทสนธนาแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงเขาและเสี่ยวหู่ที่ยังคงที่อยู่ที่เดิม
"เราจะเชื่อใจเขาได้จริงเหรอหลันเอ๋อร์ ข้ารู้สึกว่าเราไม่รู้จักเขาเลยสักนิด"
"เหรอ แต่ข้าเชื่อใจพี่หลงนะ ไม่รู้สิ ข้าอธิบายไม่ถูก แต่เวลาที่พี่หลงพูดถึงพรรคมังกรนิลเพลิง ข้ากลับสัมผัสถึงความโศกเศร้าของพี่หลงได้ ข้าจึงคิดว่าเขาอาจจะโดนแบบที่เราโดนนะเสี่ยวหู่ ข้าจึงเชื่อใจเขา" อี้หลันอธิบายถืงความรู้สึกที่สัมผัสได้จากพี่หลง เมื่ออีกฝ่ายเล่าเรื่องข่าวสารที่สืบกลับมาได้ให้ฟัง ซึ่งน้ำเสียงที่เล่าออกมาบางช่วงกลับปนความเศร้าสร้อยออกมา เขาจึงคิดว่าพี่หลงและครอบครัวน่าจะโดนแบบที่เขาโดน แต่พี่หลงน่าจะหนีรอดมาได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัสจนพวกเขาไปเจอเป็นแน่ นั้นก็เป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดละนะ แต่ตลอดเวลาทั้งอาทิตย์ที่พวกเขารู้จักพี่หลงมา เขาก็เป็นคนดีที่พึ่งพาได้ และยังเป็นที่ปรึกษาได้ดีอีกด้วย ยิ่งทำให้เขาเชื่อใจพี่หลงมากขึ้น จากคนที่หัวอกเดียวกันละมั้ง
"เจ้ามันเชื่อใจคนง่ายดายเกินไปจนภัยอาจจะมาถึงตัวได้ง่ายๆ ข้าไปดีกว่า"เสี่ยวหู่ตัดพ้อเขาเสร็จ ก็เดินละลิ่วไปอีกทางทันที เขาจึงออกเดินทางบ้าง โดยเดินเข้าไปในตลาดที่ตอนนี้คนกำลังพลุ่งพล่านทำการเดินจับจ่ายซื้อของในช่วงสายๆของวันเช่นนี้ที่ตอนนี้กำลังมีเทศกาลไหว้เจ้าแม่หมี่กวาที่เป็นความเคารพเชื่อถือในเขตหัวเมืองนี้ โดยเจ้าแม่หมี่กวาเป็นเทพในน่านน้ำที่ชาวบ้านทำมาหากินอยู่ คนที่นี่เชื่อว่าเจ้าแม่จะช่วยให้คนในหัวเมืองทำมาหากินกับน่านน้ำนี้มีกินมีใช้ตลอดไป จึงมีการกราบไหว้ขอพรจากเจ้าแม่ทุกปี ซึ่งจากกราบไหว้ก็ใช้เพียงผลไม้มงคลต่างๆและขนมหยกที่มีสีเขียวเหมือนน่านน้ำนี้ ทำให้ช่วงนี้ตลาดคนจึงคึกครึ้นทั้งวัน เขาที่เดินแทรกชาวบ้านเข้ามาถึงท้ายตลาดที่ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าหอเล่านิทาน ที่ดูเหมือนโรงเตี๋ยมทั่วไป แต่ป้ายที่ติดเหนือประตูกับเขียนว่าหอเล่านิทาน ซึ่งพอเข้ามาด้านในก็จะมีเสี่ยวเอ้อเข้ามาต้อนรับเขาไปที่ห้องๆนึงที่เป็นส่วนตัว
"เสี่ยวเอ้อเอาน้ำชามากานึงและอาหารที่ขึ้นชื่อสักสองสามอย่างมา ออ แล้วหานักเล่านิทานที่พอจะรู้เรื่องของพรรคมังกรนิลเพลิงมาให้ข้าสักคนด้วยละ"เมื่อเข้ามาในห้องเขาจึงไปนั่งที่โต๊ะแล้วสั่งเสี่ยวเอ้อที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่หน้าประตู
"รอสักครู่ขอรับคุณชาย"เมื่อเสี่ยวเอ้อรับคำสั่งก็ออกไปแล้วปิดประตูให้อย่างเบามือ เขาจึงถอดหมวกออกแล้ววางไว้ที่เก้าอี้ข้างตัว ปกติพวกเขาออกมาสืบข่าวมักจะแต่งตัวมิดชิดอย่างนี้อยู่แล้วเพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่นมากเกินไป เพื่อป้องกันการถูกจำใบหน้าได้ พวกเขาจึงมักใส่หมวกที่มีผ้าผืนบางปิดบังใบหน้าไว้ตลอด แต่เมื่อที่นี่ไว้ใจได้มีกฏไม่ขายความลับลูกค้าที่มาซื้อข่าวเขาจึงถอดหมวกออก นั่งรอสักพักเสี่ยวเอ้อก็เดินเอาน้ำชามาให้พร้อมทั้งอาหารไก่ตุ๋นสมุนไพร ปลานึ่งซีอิ๊วและถั่วผัดพริก จากนั้นก็เดินนำชายสูงอายุที่แต่งตัวภูมิฐานน่าเชื่อถือ ลักษณะท่าทางและหน้าตา รวมทั้งบารมีที่ออกมาจากร่างชายคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนราชครูในราชวังมากกว่าจะเป็นนักเล่านิทานในหอเล็กๆทั่วไปนี้ได้ เมื่อเดินเข้ามาแล้วชายสูงวัยก็ไปนั่งตรงจุดที่นั่งของนักเล่านิทานที่เป็นเตียงนั่งขนาดกลางห่างจากโต๊ะอาหารเขาไปไม่กี่ก้าว
"คารวะคุณชายน้อย ข้า…ฟู่จงนักเล่านิทานที่รู้ทุกเรื่องในพรรคมังกรนิลเพลิงขอรับ คุณชายน้อยทราบเรื่องใดรึขอรับ"เมื่อชายสูงวัยนั่งที่เรียบร้อยจึงทำความเคารพเขา แล้วแนะนำตัวทันที
"คารวะท่านฟู่จง ข้าอยากรู้เรื่องสถานการณ์ภายในพรรคมังกรนิลเพลิงตอนนี้และเจ้าสำนักพรรคที่ชื่อหลิงหลง"เขาจึงทำความเคารพกลับ แต่ไม่แนะนำตัวไปเพราะไม่อยากเปิดเผยตัวตน จากนั้นก็ถามสิ่งที่อยากรู้ทันที
"ตอนนี้ในพรรคมังกรนิลเพลิงกำลังวุ่นวาย เพราะการจัดระบบระเบียบภายในใหม่ ฆ่าคนเก่าต้อนรับคนใหม่ แย่งชิงกันไปมาจนมีแต่ความนองเลือดภายในพรรคความสงบสุขหามีไม่ แต่เดิมพรรคนี้ขึ้นชื่อเรื่องความยุติธรรมไม่แก่งแย่งชิงดีกับพรรคใด แต่เมื่อดวงดาวบุตรแห่งมารปรากฏตัว ก่อเกิดในครรภ์ของภรรยาเจ้าสำนักหลิงหลง ภายในพรรคก็เริ่มมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีฝ่ายที่ไม่สนับสนุนให้บุตรแห่งมารถือกำเนิดเพราะจะเป็นภัยต่อพรรคได้ หากคนในยุทธภพหันหน้ามากำจัดบุตรแห่งมารอาจทำให้คนในพรรคเป็นอันตรายไปด้วยได้ แต่ก็มีอีกฝ่ายที่สนับสนุนเพราะบุตรแห่งมารที่กำเนิดมาจะมีพลังที่มากพอจะทำให้พรรคมังกรนิลเพลิงเป็นใหญ่เหนือใต้หล้านี้ได้ หากกำจัดจิตมารในตัวเขาได้ก็จะทำให้บุตรแห่งมารคนนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยากยิ่ง จะบำลุเป็นเทพเซียนตั้งแต่อายุยังน้อยและนำพาความรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดมาให้พรรคมังกรนิลเพลิง แต่เมื่อบุตรแห่งมารคลอดออกมา ก็ทำให้แม่ผู้ให้กำเนิดตกเลือดจนสิ้นชีวิต นั้นยิ่งทำให้คนในพรรคที่ไม่สนับสนุนอยู่แล้วนำเรื่องนี้มาบีบบังคับให้เจ้าสำนักฆ่าบุตรคนนี้ซะ ซึ่งเจ้าสำนักที่รักภรรยาและรักลูกดั่งดวงใจจะยอมฆ่าบุตรคนนั้นที่ภรรยาเหลือไว้ให้เป็นสิ่งสุดท้ายได้ยังไง จึงจัดการเข่นฆ่าฝ่ายที่ไม่สนับสนุนทุกคนรวมทั้งครอบครัวเขาด้วย จนเหลือแต่คนที่ยินดีกับการเกิดของบุตรคนนี้เท่านั้น ซึ่งเด็กคนนั้นสมแล้วที่เป็นบุตรแห่งมาร เพราะเกิดมาไม่ถึงสามวันในพรรคก็มีแต่การนองเลือด จากนั้นไม่นานก็ได้ยินว่าพรรคมังกรนิลเพลิงทำการกวาดล้างพรรคเล็กพรรคน้อยและเผ่าพันธุ์สัตว์เวทย์ที่หายากต่างๆเพื่อตามหาอะไรสักอย่าง ทำอยู่แบบนั้นเป็นปีๆจนเหมือนหยุดกวาดล้างไปนานเกือบสี่ห้าปี จากนั้นก็กลับมาทำเหมือนเดิมกวาดล้างและทำร้ายเผ่าพันธุ์สัตว์เวทย์แต่คราวนี้กลับรุนแรงอำมหิตกว่าเดิมมาก เพราะทุกเผ่าพันธุ์ที่โดนกวาดล้างมักจะโดนจับตัวไปทรมานก่อนจะให้ตายอย่างช้าๆ ไม่ฆ่าทันทีเหมือนเดิม นั้นยิ่งทำให้ชื่อเสียงด้านความเลวร้ายของพรรคมังกรนิลเพลิงดังออกไปทุกแว่นแคว้น ทำให้ยุทธภพไม่สงบสุขอีกต่อไป แต่พรรคอื่นๆก็ทำอะไรไม่ได้มาก จะทำการกวาดล้างพรรคมังกรนิลเพลิงก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะตอนนี้พรรคมังกรนิลเพลิงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งที่มีคนมากฝีมือในพรรคมากที่สุดทั้งด้านยุทธ์และด้านเวทย์ แต่ด้านผู้ใช้โอสถยังน้อยนัก แต่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พรรคอื่นๆไม่กล้าล้มล้างพรรคมังกรนิลเพลิง เมื่อศึกนอกไม่มีแต่ศึกในกลับเข้มข้นดุเดือดกว่ามาก เพราะเมื่ออำนาจมีมากขึ้น คนที่อยากได้มาซึ่งอำนาจก็จะมากขึ้นตาม ทำให้เมื่อเร็วๆนี้มีการฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ที่นั่งเจ้าสำนักพรรคมังกรนิลเพลิง ทำให้เจ้าสำนักหลิงหลงถูกฆ่าตายไปแล้ว เรื่องสถานการณ์ในพรรคก็ประมาณนี้ละขอรับคุณชาย"เขาที่นั่งฟังฟู่จงเล่าอย่างออกรสออกชาติ กลับมาชะงักตรงช่วงท้ายๆที่ฟู่จงเล่า หลิงหลงคนนั้นตายแล้วงั้นเหรอ ทำไมเรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ไปได้ละ
"แล้วใครขึ้นเป็นเจ้าสำนักแทนละ แล้วตอนนี้พรรคมังกรนิลเพลิงกำลังคิดจะทำอะไรต่อ แล้วบุตรแห่งมารอะไรนั้นละอยู่ที่ไหน หรือไปไหนซะแล้วละ ทำไมไม่เห็นเจ้าฟูดถึงเลย"เขาถามสิ่งที่สงสัยไปทั้งหมดในคราวเดียวถึงสิ่งที่ได้รับรู้มาใหม่
"คนที่ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนใหม่เห็นว่าเป็นน้องชายของเจ้าสำนักหลิงหลงนะ ชื่อเฟิงหลง บุคคลที่เลือดร้อนและชื่นชอบการใช้กำลังเป็นที่หนึ่ง ไม่มีความสุขุมที่จะปกครองพรรคได้เลยสักนิด ช่างน่าเวทนาพรรคมังกรนิลเพลิงในอนาคตนัก จากมังกรน่าจะเป็นเพียงไส้เดือนดินมากกว่า ส่วนบุตรแห่งมารก็น่าจะตายไปแล้วเช่นกัน เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นยังไง เก่งกาจแค่ไหน หรือหน้าตายังไง เพราะโดนเก็บซ่อนไว้แต่ในพรรคมังกรนิลเพลิง ไม่เคยเหยียบย่างไปที่ใดเลย แต่มีคนในพรรคลือกันว่าบุตรแห่งมารผู้นี้โดนคำสาปให้ทนทุกข์ทรมานจนเจ็บปวดเจียนตาย เมื่อคิดจะทำร้ายผู้อื่น เหมือนกับมารที่โดนสาปให้ทำแต่ความดีห้ามทำร้ายหรือความชั่วละมั้ง แต่ก็เป็นเพียงแค่คำลือนะ เรื่องจริงจะเป็นอย่างไรก็สุดรู้ แต่ที่แน่ๆคือไม่มีใครพบเห็นบุตรแห่งมารนั้นมานานแล้ว"เขาที่ถามไปนิดเดียว แต่ฟู่จงก็สมกับเป็นนักเล่านิทานเพราะเล่นเล่ามาได้เป็นเรื่องเป็นราวตอบซะยาวเหยียดทั้งที่คำถามนิดเดียว
"ขอบใจท่านฟู่จงมาก นี้ของตอบแทนและค่าอาหาร ข้าขอตัวละ"เขาวางตำลึงทองให้เป็นค่าตอบแทนและอาหาร จากนั้นก็บอกลาแล้วรีบเดินอย่างเร่งรีบเพื่อกลับจวนอย่างรวดเร็ว อยากแจ้งข่าวที่ทราบมาใหม่หมาดๆให้คนอื่นได้ทราบ จะได้วางแผนใหม่หรือตกลงกันใหม่ว่าจะเอายังไงกันต่อ แต่ทันทีที่เขาเลี้ยวเข้าซอยตรอกนึงที่ลับตาคนพอสมควรก็มีคนใส่ชุดดำปิดบังหน้าตาไว้มาขวางทางเขาทั้งข้างหน้าและข้างหลังด้านละสามคน และดูจากพลังปราณที่แผ่อยู่รอบตัว คนพวกนี้มีระดับไม่ต่ำกว่าจินตานตอนกลาง ถือเป็นผู้ใช้ยุทธ์ระดับสูง แต่ก็ไม่ได้สูงมากเท่าเขาหรอก เขาสามารถจัดการได้สบายๆเลยละ ถ้าใช้ควบคู่กับการร่ายเวทย์ละก็นะ แต่ที่เขาสงสัยคือคนพวกนี้เป็นใคร มาขวางทางเขาทำไม ต้องการจากอะไรจากเขาต่างหาก และมันรู้จักเขารึเปล่า ถ้ารู้ มันจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นใคร
"พี่ชายทั้งหลายกำลังไปที่ใดกันหรือขอรับ ข้าคงจะขวางทางพี่ชายอยู่กระมัง"เขาจึงถามหยั่งเชิงไป
"เจ้าใช่ลูกของชิวหลิงใช่มั้ย คุณชายน้อย"คนร่างใหญ่ที่สุดในกลุ่มตอบกลับมาอย่างยียวน
"พี่ชายคงเข้าใจผิดแล้วกระมัง ข้าไม่รู้จักคนชื่อชิวหลิงมาก่อนเลย เพิ่งเคยได้ยินจากพี่ชายคนแรกนี่ละมั้ง พี่ชายคงหาผิดคนแล้ว"เขาจึงแสร้งตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ไร้เดียงสา
"หึหึหึหึ เจ้าจะหลอกอะไรข้าก็ให้มันเนียนๆหน่อย ต่อให้เจ้าปฏิเสธเท่าไหร่ข้าก็ไม่เชื่อ เพราะกระดูกของแม่เจ้าในมือข้าตอนนี้ กำลังสั่นระริกราวกับตื่นเต้นที่จะได้เจอลูกมันงั้นแหละ5555"เขาที่ยินแบบนั้นก็กัดฟันแน่นโกรธที่พวกมันยังคงทรมานแม่เขา ยังคงเอากระดูกท่านแม่มาตามหาพวกเขาอยู่ คงเพราะใช้ของท่านพ่อไม่ได้ เนื่องจากก่อนจะตายนอกจากเวทย์ผลึกความทรงจำใส่จิตวิญญาณแล้ว ท่านพ่อยังขอเพลิงพิโรจน์จากวิหคเพลิงที่สื่อกันในมิติจิตสุดท้าย เมื่อสิ้นลมหายใจให้เพลิงนั้นเผาร่างกายตนเองให้เป็นจุณจนเหลือแต่เถ้าถ่านที่พวกมันจะตามอะไรไม่ได้จากธุลีนั้นเลย เขาจึงร่ายเวทย์หายวับไปต่อหน้าต่อตาพวกมันทั้งหกคนที่กำลังยืนหัวเราะอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าเขาหายไปพวกมันจึงหยุดหัวเราะแล้วเหาะตามรอยเวทย์ที่เขาพยายามทิ้งรอยเล็กๆไว้ล่อพวกมันให้ตามมาที่ชายป่าจะได้ฆ่าพวกมันง่ายๆไม่โดนชาวบ้าน และเขาจะได้ใช้พลังอย่างเต็มที่อีกด้วย เมื่อถึงชายป่าเขาจึงหยุดยืนบนต้นไม้ใหญ่ต้นนึงรอพวกนั้นเหาะเหินเดินกระบี่ตามหลังเขามา ซึ่งเขารอไม่นานพวกมันก็มาถึง แถมทั้งห้าคนยังล้อมตัวเขาไว้เป็นวงกลม หายไปไหนคนนึง เมื่อคิดได้ดังนั้นก็มีเงาเล็กเงานึงอยู่บนหัวเขา เขาจึงเงยหน้ามองข้างบนทันควัน เห็นเพียงวงแหวนสีม่วงที่แผ่กว้างลงมาครอบตัวเขาไว้แล้วพันธการตัวเขาไว้ทันที มองดีๆก็รู้ว่าเป็นเชือกมัดเซียนเวทย์
"นี่ตั้งแต่ที่ท่านพ่อของข้าตายไป พวกเจ้าก็ไม่มีใครพัฒนาเชือกมัดเซียนเวทย์ได้เลยกระมัง หรือไม่พวกเจ้าก็มัวแต่ฆ่าฟันชิงดีชิงเด่นกันเองอยู่ เลยไม่พัฒนาอะไรสักอย่าง หนึ่งในนั้นคงจะเป็นสมองพวกเจ้าด้วยสินะ"เขาจึงด่าพวกมันกลับไป ที่ใช้วิธีการแบบเดียวกับที่ทำกับท่านพ่ออย่างนี้ ไม่พัฒนาเลยจริงๆ
"ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ปากดีนักนะ ยอมรับแล้วละสิว่าเป็นลูกของพวกมันจริงๆ"เข้มเอ่ยอย่างหงุดหงิดและโมโหที่โดนเด็กอย่างเขาปรามาสไป
"ใช่ ข้าเป็นลูกของท่านทั้งสองคนเองละ"เขาตอบอย่างให้เกียรติและภาคภูมิใจในตัวพ่อและแม่ตนเอง
"พ่อแม่ลูกช่างเหมือนกันจริงๆเลยนะ โง่เหมือนกันเลย แต่ไม่เป็นไร พวกข้าจะสังเคราะห์ช่วยให้เจ้าได้เจอพ่อกับแม่เร็วๆนี่ละ55555"พวกมันคนนึงพูดออกมาอย่างขบขันและหัวเราะเยาะหลังจากพูดเสร็จ
"55555 ใครกันแน่ที่จะต้องตายก่อนกัน ข้าต่างหากที่จะส่งเจ้าไปขอขมาพวกท่านในปรโลก"พูดจบประโยคเขาจึงสะบัดตัดขาดเชือกมัดเซียนเวทย์นี่ทันที ตั้งแต่ที่เห็นท่านพ่อโดนมัดแล้วทำอะไรไม่ได้แบบนั้น เขาจึงค้นตำราเวทย์ท่านพ่อจนเจอเวทย์ตัดเซียนที่ท่านพ่อยังคิดไม่สมบูรณ์ ทำให้เขามาคิดค้นต่อจนสามารถใช้เวทย์บทนั้นได้ แถมมีประสิทธิภาพมากกว่าเพราะสามารถทำลายอาวุธเวทย์ที่พลังต่ำกว่าตัวเองได้ทุกอย่าง เนื่องจากเขาเป็นปรมาจารย์เวทย์ ซึ่งอยู่ในจุดสูงที่สุดด้านเวทย์จึงสามารถทำลายอาวุธเวทย์ได้ทุกอย่าง พอเชือกมัดเซียนหล่นไปจากตัวเขา พวกมันที่ยืนหัวเราะกับคำพูดเขาอยู่จึงชะงักเงียบไป
"เกิดอะไรขึ้นนะหัวหน้า ทำไมเชือกมัดเซียนจึงขาดเป็นเสี่ยงๆแบบนั้น"มันคนนึงตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ ที่เชือกมัดเซียนขาดง่ายๆเพียงแค่คนร่างเล็กขยับตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!