บทที่ 1
ทะลุมาหรือฝัน
ตึกๆๆๆๆ
"คุณชายขอรับ คุณชายสาม เสร็จรึยังขอรับ"
งืมมม เสียงเอะอะอะไรกันหน้าห้องนะ คนกำลังหลับกำลังนอน ยิ่งเหนื่อยๆจากงานแซยิดคุณปู่อยู่นะ จะปลุกทำไมแต่เช้าว่ะ กำลังจะลุกไปด่าสักหน่อย แต่ทำไมปวดหลังแปลกๆ ผมจึงลืมตาตื่นมาดู
เห้ยยย ทำไมผมมานอนฟุบหลับบนโต๊ะได้ละ แปลกๆละ ละรอบตัวผมคืออะไรเนี่ย ห้องนี่ห้องใครอะห้องผมไม่ใช่แบบนี้นะ ละทำไมมันดูโบราณจังเลย หยั่งกะอยู่ในห้องในซีรีย์จีนที่ดูในทีวีเลยละ อะไรว่ะเนี่ย
"คุณชายสามเหลียนหลงขอรับ นายท่านกับฮูยินรออยู่นะขอรับ " เสียงคนที่อยู่นอกประตูไม้ที่ลั่นดาลไว้ตะโกนเข้ามาเร่งอีก
"อะไรนะ ใครอะไร ใครรอใคร"ผมที่งงๆอยู่จึงเผลอตะโกนตอบไป
"ก็ท่านพ่อและท่านแม่ของคุณชายกำลังรอคุณชายอยู่ไงขอรับ"
ผมเหรอ พ่อแม่ผมเหรอ แต่เมื่อกี้ที่คนเมื่อกี้ตะโกนเรียกชื่อผมไม่ใช่เขมรัตน์นี่ แต่เป็นเหลียนหลง จะใช่อี้เหลียนหลงในหนังสือนิยายเล่มที่ผมเพิ่งได้มารึเปล่านะ ถ้าใช้ก็แสดงว่าผมทะลุเข้ามาในนิยายเล่มนั้นเหรอ บ้าน่าผมจะเข้ามาทำไม เข้ามาเพื่ออะไรว่ะ อะไรคือการที่ผมนอนอ่านนิยายอยู่ดีๆพอตื่นมาที ดันมาอยู่ในร่างใครก็ไม่รู้ แถมอยู่ในจีนโบราณอีกต่างหาก แย่แล้ว! แย่แล้ว!! แย่แน่ๆ!!! ถึงผมจะมีเชื้อสายจีนนิดหน่อยแต่ใช่ว่าจะเข้าใจทุกคำนะ และที่สำคัญร่างนี้ดันเป็นผู้หญิงงงงง แน่ๆอะตอนตื่นมานอกจากงงแล้ว ผมก็หันไปเจอกระจกบานนึง แทบสะดุ้งในความสวยหน้าตัวเองสวยมากอะ หน้าเรียวได้รูป คิ้วโก่งเรียวดำได้รูป ตากลมโต จมูกโด่งปลายรั้นเชิดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากที่เล็กบางจิ้มลิ้มสีแดงระเรื่อ ทั้งแก้มที่ชมพูอ่อนๆแลดูสุขภาพดีมีเลือดฝาดนั้นอีก หน้าคล้ายผมในปัจจบันมาก แต่ดูสวยกว่ามาก สวยแบบมีมนต์ขลังอะ ต้องใช่แน่ๆเลยอะ แต่เอ๊ะทำไมบนหัวไม่ได้ทำทรงผมอลังการงานสร้างอย่างที่ผมเคยดูในซีรีย์ละ ทำแค่รวบผมไว้ครึ่งศรีษะละก็มัดด้วยผ้าที่คล้ายริบบิ้นมัดม้วยผมไว้ละปล่อยผมยาวเงางามดกดำนั้นลงมาละ แต่ชุดที่ใช่ก็แปลกเป็นชุดฮั่นฝูผู้ชาย แล้วยังมีผู้ห้อยเอวที่มีหยกขาวประทับคำว่าอี้อีก ทำไมแต่งตัวเหมือนผู้ชายเลยละ รึจะปลอมตัวอยู่
หมับบบ!!!!!!ผมเลยยกมือขึ้นบีบตรงหน้าอกเพื่อความแน่ใจในความคิดตัวเอง เชี้ยยยย!!!!!!ไม่มีหน๊มน๊มมมม ไม่มีหน้าอก ผู้ชายเหรอว่ะะะ ไม่อยากจะเชื่อที่เคยบอกว่าผู้ชายก็สวยได้นี่คือตัวอย่างใช่มั้ย ตอบบบ ผมเลยสำรวจทั่วทั้งตัว หันซ้ายหันขวา รูปร่างเพรียวสวย เอวคอด สูงสัก 170 ซม. เตี้ยไปสักหน่อย อายุน่าจะสัก 14-15 ปี ทั้งรูปร่างน่าตาคล้ายผมเองในปัจจุบันถึง 6 ส่วนนะ แต่ยังแลดูไม่โตเต็มที่เท่าไหร่ ยังๆผมยังไม่เชื่อหรอกนะว่าผมจะทะลุมิติมาจริงๆนะ
เผียะะะะ ซี้ดดดดโคตรเจ็บเลยยยย ผมยกมือตบหน้าตัวเองฉาดนึงไปสิครับ แต่ไอ้ความเจ็บบนใบหน้านี่บ่งบอกเลยครับ ว่านี่คือเรื่องจริงอะะ แต่นี่อาจจะไม่ใช่ร่างผมเลยหรอกครับ เพราะร่างนี่ออกจะสวยกว่าอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้ ต้องพิสุทธิ์ ผมจึงปลดกระดุมชุดออกละรั้งคอเสื้อลงดูที่แผ่นอกขาวข้างซ้ายตรงหัวใจบนอกขาวไม่มีปานแดงเหมือนผมครับ เห็นมั้ยว่านี่ต้องเป็นร่างคนอื่นในนิยายแน่ๆไม่ใช่ผมสักหน่อยโธ่เอ้ย อาจจะไม่ใช่ฝันเพราะตบละเจ็บจริง แต่ต้องเข้ามาในนิยายเล่มดำนั้นแน่
"คุณชายขอรับ นายท่านกำลังรออยู่ที่ห้องหนังสือนะขอรับ คุณชายเปลื่ยนอาภรณ์เสร็จรึยังขอรับ"
ในขณะที่ผมกำลังสำรวจตัวเองอยู่นั้นๆจู่ๆก็ได้ยินเสียงของใครบ้างคนร้องเรียกผมอยู่หน้าห้องอีกแล้ว ทำให้ความทรงจำที่อยู่ๆก็เหมือนภาพในหัวผมลางๆเข้ามาว่าร่างที่ผมเข้ามาอยู่ตอนนี้คือ คุณชายอี้เหลียนหลง คุณชายสามแห่งตระกลูอี้ ที่บิดาหรืออี้เหลียนคง เป็นถึงพ่อค้าใหญ่ที่กุมอำนาจการค้าขายภายในแคว้นตงเกินครึ่ง ไม่เพียงเท่านั้นบิดามารดาเขายังเป็นผู้ฝึกยุทธ์คู่บำเพ็ญที่เข้าขั้นต้นของจินตานทั้งคู่ ทำให้แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องเกรงใจถึงห้าส่วน กำลังรอที่จะพูดคุยกับผมอยู่ ภาพที่ผมเห็นในความทรงจำนั้นคือเหมือนจะพูดคุยเกี่ยวกับที่จะส่งผมไปเรียนนะ
"สะ..เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว "ผมเลยตะโกนตอบกลับไปและเดินไปคลายลั่นดาลละเปิดประตูออกไป
เอี้ยดดดด เสียงประตูไม่เปิดออกทำให้ผมมองเห็นตงหมิง คนสนิทของอี้เหลียนหลงที่ยืนรออยู่ที่น่าประตู ตงหมิงเป็นลูกชายของตงเย่วพ่อบ้านตระกลูอี้ที่ตอนนี้เป็นคนสนิทของท่านพ่อ จึงส่งมารับใช้เขาด้วยความที่อายุใกล้เคียงกัน
"รีบไปกันเถอะขอรับคุณชาย เดี่ยวนายท่านจะโมโหเอาได้นะขอรับ นายท่านรอคุณชายมานานแล้ว"พอประตูเปิดออกจึงเห็นผู้เป็นนายของตน จึงรีบร้อนเตือนด้วยความกลัวคุณชายตนจะถูกลงโทษเอาถึงแม้ตั้งแต่ที่ตงหมิงมารับใช้คุณชายสามจะไม่เคยเห็นนายท่านและฮูหยินลงโทษคุณชายเลยก็เถอะ
"รู้แล้วๆ เจ้าก็นำทางไปสิ"ตงหมิงทำหน้าชะงักไปแวบนึงแล้วจึงเดินนำคุณชายของตนไป เขมรัตน์ในร่างอี้เหลียนหลงจึงเดินตามไปและลอบสังเกตเรือนของตนที่มีชื่อว่าเรือนบุปผา เนื่องด้วยท่านแม่ที่รักบุตรคนนี้มากเพราะมีความงามคล้ายนางถึง 7 ส่วน เรือนที่เต็มไปด้วยมวลบุปผานี้นางจึงประทานเรือนนี้ที่เคยเป็นเรือนส่วนตัวของตนให้บุตรนางและนางจึงไปอยู่ที่เรือนใหญ่กับสามีของนาง เพราะเมื่อยังเด็กอี้เหลียนหลงถูกเลี้ยงดูที่เรือนและติดกลิ่นมวลบุปผาที่รายรอบเรือนมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อท่านพ่อสร้างเรือนพักของเขาเสร็จตอนอายุ 7 ขวบ พอเข้าไปอยู่อี้เหลียนหลงกับนอนไม่หลับเมื่อไม่ได้กลิ่นบุปผา ลองพยายามให้คนไปตัดดอกไม้มาประดับที่เรือนตนจะได้มีกลิ่นหอมดั่งเรือนท่านแม่ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรทำให้ ท่านแม่จึงปรึกษากับท่านพ่อ ท่านพ่อจึงเสนอให้ท่านแม่ไปอยู่ถาวรกับท่านพ่อเลยส่วนเรือนบุปผาจึงยกให้เขาอยู่ ระหว่างทางก็มีคนก้มหัวคารวะเขาตลอดทาง ตงหมิงพาเดินลัดเลาะตามทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เหมือนจะเป็นอุทยานในจวนนะเพราะมีต้นไม้หายากบ้างต้นด้วยแฮะ ที่เขารู้เนี่ยก็เพราะที่บ้านคุณปู่ก็ปลูกครับ ซื้อมาแพงมากต้นเป็นล้าน บางต้นซื้อมาแค่ใบ แต่ใบนั้นใบเดียวแค่ล้านกว่าอะครับ ผมยอมใจเลยจริงๆและเข้าไม่ถึงถึงความสวยงามมันด้วย มันเอาอะไรมาแพงตั้งเป็นล้านอะใบไม้ใบเดียว ต้นไม้ใบหญ้าที่ควรราคาแพงขนาดนั้นควรเป็นสมุนไพรที่ทำยาช่วยชีวิตคนได้อะนะในความคิดผมอะ แต่ก็ช่างมันเถอะมันคงเป็นความชอบส่วนบุคคลจริงๆแหละ ขณะที่ผมกำลังคิดเพลินๆอยู่ จู่ๆตงหมิงก็หยุดเดินผมเลยหยุดตามทำให้รู้ว่าผมเดินมาถึงเรือนใหญ่ที่ติดป้ายหน้าเรือนว่าอี้ตัวใหญ่ๆไว้เหนือประตูไม้ตัวป้ายประดับด้วยสีทองงามอร่าม และลวดลายบุปผารายรอบป้ายที่ดูลงตัวกับมากกับตัวป้ายทำให้ป้ายนี้ดูงดงามอย่างไร้ที่ติ ผมไม่ได้อวยเกินไปนะครับ ผมพูดจริงๆในยุคปัจจุบันหาดูของเก่าสวยๆงามๆแบบนี้ยากมากเลยนะครับ การทะลุมิติมาก็มีประโยนช์เหมือนกันนะเนี่ย
"เชิญคุณชายด้านในขอรับ"พ่อบ้านตงเปิดประตูออกมาทันทีที่ตงหมิงเคาะประตูเสร็จ เพื่อเชิญนายน้อยของจวนเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ในเรือนที่ภายในตกแต่งด้วยเครื่องลายครามหายากจากหลายแว่นแคว้น ภายในมีบุตรและสตรีวัยกลางคนคู่นึงกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ราวกับโลกนี้มีเพียงสองคน พอผมเดินเข้าไปใกล้และได้เห็นหน้าทั้งคู่ชัดๆแล้วนั้น
"พ่อ แม่"ผมเผลอเรียกท่านตามความเคยชินปกติของผม
"หลงเอ๋อร์ มาแล้วรึลูก มานั่งข้างแม่สิลูก"ท่านแม่ของร่างนี้เรียกลูกตนให้ไปนั่งข้างที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ข้างสามีตน ผมที่กำลังงงอยู่จึงเดินมึนๆไปนั่งข้างนางอย่างมึนๆ จะไม่ให้มึนยังไงครับ ถ้าคุณมาเห็นพ่อแม่ตัวเองที่อยู่ในชุดจีนโบราณราวกับฝันไปแบบนี้ นอกจากร่างนี้จะหน้าตารูปร่างคล้ายเขาแล้ว พ่อแม่ยังเหมือนกันอีก อย่าบอกเชียวนะที่ร่างนี้เป็นคุณชายสามแสดงว่ามีพี่ชายอีกสองคน ไม่ต้องเดาเลยว่าต้องเป็นพี่ชายทั้งสองคนของผมแน่ๆอะ สรุปว่านี่โลกในนิยายรึโลกในอดีตของบ้านผมเนี่ย ให้ตายเถอะ
"ลูกเตรียมตัวเสร็จรึยัง ข้าวของที่จำเป็น เสื้อผ้า ศาสตราวุธของลูกนะ"ห้ะ!!! จะไปไหน ผมเพิ่งมาถึงจะให้ผมไปไหน ผมจะต้องไปไหนอีก
"เออ น่าจะเรียบร้อบแล้วขอรับท่านแม่"ผมตอบแบบตะกุกตะกัก ก็ไม่รู้ว่าร่างนี้เตรียมอะไรรึยังหรอกนะ แต่ตอบไปแบบนี้น่าจะดีละล่ะ แบ่งรับแบ่งสู้ดี
"ให้แม่ไปช่วยมั้ย"
"เด็กในจวนเยอะแยะ รึไม่ก็ให้ตงหมิงจัดช่วยสิลูก ส่วนคุณจะไปทำเองให้เหนื่อยทำไมกัน "ท่านพ่อรีบเสนอทางเลือกให้ผมมากมายเลยครับ แต่ไม่เหมือนหวังดีเลย เหมือนกลัวเมียเหนื่อยมากกว่านะผมว่า
"แต่น้องอยากช่วยลูกนี่เจ้าคะ คุณพี่"ท่านหันไปพูดกับท่านพ่อเสียงหวาน
"หากน้องอยากช่วยลูก พี่ก็จะช่วยเจ้าอีกแรงจ้ะ"นั้นปะไร ท่านพ่อผมหลังจากที่ได้ฟังเสียงที่อ่อนหวานของท่านแม่ล้วนใจอ่อนยอมทุกอย่างที่นางขอจริงๆ ให้ตายเถอะทำไมซื้อหวยไม่เคยถูกผมเดาไว้แล้วว่าท่านพ่อจะต้องเหมือนพ่อผมแน่ๆเลยที่ยอมแม่ผมทุกอย่างนะ
"ขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ ท่านพี่ช่างน่ารักและเป็นสามีที่ดีจริงๆ"ท่านแม่ตอบรับเสียงหวานและกล่าวชมสามีนาง ส่วนท่านพ่อดูจากสายตาคงเคลิ้มลอยไปไกลละมั้ง หมายถึงวิญญาณอะ ออกจากร่างลอยไปเลย
"เออ ท่านพ่อท่านแม่เลิกเกี้ยวกันสักทีเถอะขอรับ ลูกโตกันขนาดนี้แล้วพวกท่านยังเกี้ยวกันอยู่ได้" ผมพูดแบบที่พูดกับพ่อแม่ผมมาเลยครับเวลาที่พ่อแม่ผมจีบกัน ผมก็ตัดบทแบบนี้เหมือนกันครับเพราะรู้สึกเป็นส่วนเกินชอบกล
เพียะ จู่ๆท่านแม่ก็หันมาตีพัดใส่แขนผม
"ลูกคนนี้ ชอบขัดคอแม่จริงๆ ขัดได้ทุกวี่ทุกวันสิน่า"แม่ผมพูดพร้อมกับหยิกเอวผมเบาๆ ทำให้ผมสะดุ้งตัวโหยงเลย เหมือน เหมือนเลย แม้แต่วิธีการแกล้งตีผมยังเหมือนกันขนาดนี้ รึว่าจริงๆแล้วชีวิตผมคือในโลกของนิยายรึเปล่าว่ะะ เป็นไปได้
"เดี่ยวของลูกจะไปจัดเตรียมเองนะขอรับ ถ้ายังไงลูกขอตัวก่อน"ผมรีบบอกแบบนั้นเพื่อที่จะได้ไปทบทวนเรื่องราวในหัวผมอย่างละเอียดนะสิ
"เดี่ยวลูก เรายังไม่ได้คุยกันเรื่องสำคัญเลยนะ พ่อจะบอกเจ้าว่าอีกสามวันลูกจะได้ไปที่สำนักญาณศึกษาแล้วนะลูก มั่นทบทวนตำราการฝึกตนที่พ่อกับแม่เจ้าสั่งสอนให้ดีละ"ท่านพ่อรีบร้องบอกผมที่กำลังรีบร้อนกลับเรือนตน
"ขอรับท่านพ่อ ลูกจะมั่นทบทวนตำราขอรับ"ผมรีบตอบรับท่านพ่อทันที
"ไม่ต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นหรอกลูก ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แม่ขอแค่ลูกมีความสุขก็พอนะลูก ท่านพี่ก็อย่าบีบคั้นลูกสิเจ้าค่ะ ดูหน้าลูกสิ คิ้วขมวดเป็นปมเชียว"ท่านแม่ก็ยังคงเป็นห่วงลูกตนเสมอ กลัวลูกจะเครียดกดดันตัวเองจนไม่มีความสุขในชีวิต แต่ที่ผมขมวดคิ้วเนี่ยเพราะกำลังเครียดอยู่เพราะเหมือนความทรงจำรางๆในหัวมันกำลังชัด ชัดขึ้นว่าโลกนิยายนี้คือยุคกำลังภายใน บำเพ็ญตนเป็นเซียนและผมก็กำลังจะไปเรียนเรื่องการใช้กำลังภายในไง ในซีรีย์ที่ดูมันคือวิบากกรรมเลยนะ ทรมานสังขารดั่งดาวพระศุกร์เลยละทุกคน และผมที่เคยดูไปหัวเราะไปตอนที่พระเอกกำลังจะผ่านด่านเคราะห์อะไรสักอย่าง ตอนนั้นคิดแค่ว่าตลก แต่พอรู้ว่าตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนั้นเองก็อดเครียดไม่ได้ป่ะ รึเวรกรรมจะมาในรูปแบบทะลุนิยายเหรอ
"ลูกแค่ปวดหัวนิดหน่อยนะขอรับ พักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น"ผมตอบท่านแม่ไป ท่านจะได้ไม่เป็นห่วง
"สงสัยตอนลูกเดินมาจะต้องแดดมากไป งั้นลูกไปพักเถอะจ้ะ เดี่ยวแม่กับพ่อเจ้าก็จะไปพักแล้ว"
"ขอรับ"หลังจากตอบท่านแม่ ผมเลยคารวะท่านพ่อและท่านแม่ก่อนจะรีบกลับเรือนบุปผามา
"ไม่ต้องตามเข้ามา ข้าอยากอยู่เงียบๆคนเดียว เจ้าไปพักเถอะ"ผมรีบบอกตงหมิงทันทีที่เห็นว่าเขากำลังตามผมเข้ามาใน้องเพื่อรับใช้ผม
"เอ่อ..ขอรับคุณชาย"ตงหมิงจึงดินออกไปจากห้องและปิดประตูอย่างเบามือ ผมเลยเดินไปลงดาลประตูไว้จะได้ไม่มีใครเจข้ามาได้ จากนั้นผมเลยเดินไปนั่งที่เตียงไม้หอมที่หัวเตียงสลักเป็นดอกไม้ผลิกลีบงดงามจากนั้นจึงทบทวนทุกอย่างในความทรงจำว่าอี้เหลียนหลงชอบทำอะไร มีความรู้อะไรบ้าง จากความทรงจำร่างนี้ค่อนข้างมีพรสวรรค์มากเพราะในโลกนี้ผู้มีความสามารถจะฝึกตนเป็นเซียนได้ต้องมีพลังธาตุในร่างกายก่อนถึงจะพัฒนาพลังธาตุนั้นให้เป็นกำลังภายในได้ โดยแบ่งออกเป็นทางสามอย่าง คือ
ผู้ฝึกยุทธ์ (สีแดง) -เริ่มต้น
-ก่อกำเนิด
-ฝึกตน
-บำเพ็ญญาณ
-ทะลวงญาณ
-จอมยุทธ์
-จินตาน
-เทพเซียน
ผู้ใช้เวทย์ (สีฟ้า) -ผู้ฝึกเวทย์
-นักเวท
-จอมเวทย์
-ปรมาจาร์ยเวทย์
ผู้ใช้โอสถ (สีเขียว) -ผู้ฝึกตน
-นักปรุงยา
-ผู้ใช้โอสถ
-จอมโอสถ
-ปรมาจารย์โอสถ (หมอเทวดา)
ทุกระดับแบ่งออกเป็น ต้น กลาง ปลาย และยังมีสัตว์อสูร สัตว์เวทย์ อาวุธ และแก่นธาตุ มีความแข็งแกร่งระดับ 1-10 ส่วนสมุนไพร อุปกรณ์มิติ แบ่งเป็น ระดับพื้นฐาน ระดับราชัน ระดับจักรพรรดิ ระดับเทพเซียน ระดับตำนาน ซึ่งจากสำรวจในความทรงจำแล้วร่างนี้มีพลังธาตุในกายถึงสามธาตุ เช้ดดดด ไม่ใช่เล่นๆเลยเว้ย ไม่ธรรมดานี่หว่า เห็นหน้าสวยๆแบบนี้ สวยประหารสินะ ภูมิใจจริงๆ ประหนึ่งคือร่างตัวเองเลย แต่ก็นั้นแหละผมอยู่ในร่างนี้ละไงก็ถือว่าเป็นผมละกัน แห่ม ผมนี่เก่งจริงๆ หึๆๆๆๆภูมิใจว่ะ ความสามารถระดับเอสนี่ไม่ต้องเดาเลยว่าผมต้องเป็นพระเอกแน่ๆ55555 มันต้องอย่างนี้สิ ทะลุมิติมาทั้งต้องเป็นพระเอกเลย จะไปเป็นตัวรอง ตัวร้าย เป็นตัวประกอบทำไม เป็นพระเอกนี่ละลูกรักนักเขียนเขาละ ฮิ้ววว ภูมิใจ เพราะผมเชื่อว่าตัวเองต้องเป็นพระเอกที่เก่งกาจและสามารถมากแน่ๆ5555 หลังจากนั่งทบทวนความทรงจำละรู้สึกเมื่อยๆแฮะ เหมือนจะนั่งนานเลยอะ มองออกหน้าต่างไปละเริ่มเห็นฟ้าเปลี่ยนสี จึงเรียกตงหมิงมาเตรียมน้ำให้อาบละจัดชุดนอนให้พร้อมกับหาข้าวหาน้ำมาให้กิน ตั้งแต่มายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ต้องกินตุนพลังหน่อย คนจะเป็นพระเอกจะผอมเพรียวปลิวลมแบบนั้นไม่ได้ หลังจากจัดการตัวเองเสร็จผมจึงเตรียมตัวจะเข้านอนแต่หัวค่ำ แต่ปรากฏว่านอนไม่หลับครับ ไม่ใช่แปลกที่หรือไม่ง่วงอะไรหรอกนะ ผมอะง่วงมากแต่เตียงแข็งมาก นอนไปปวดหลังอะใครจะหลับลง ผมเลยมองหาอะไรที่ปูรองที่นอนได้อีกเห็นจะมีแต่พรมขนสัตว์ที่ปูรองเวลางีบหลับข้างๆหน้าต่างบนตั่งขนาดเล็กนั้นอะ แต่ก็น่าจะพอดีกับที่นอนอยู่ผมเลยจัดการปูรองนอนซะ นุ่ม อุ่น สบายขึ้นเยอะเลย อย่างงี้ค่อยหลับลงหน่อย จากนั้นร่างบอบบางจึงเข้าสู่ห้วงนิทราลึกอย่างรวดเร็ว
"มาถึงสักที ข้ารอคอยเจ้ามานาน นานเหลือเกิน"เสียงแผ่วเบาที่ดังมาจากปลายเตียงดังขึ้นด้วยความยินดี ดวงตาแดงกล่ำนั้นมองร่างเล็กบนเตียงด้วยความยินดีปรีดาอย่างสุดใจ ก่อนร่างกายที่บางเบานั้นจะเร้นกายหายไป
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!