ดาวน์โหลดแอป
3.95% ราชันเร้นลับ / Chapter 46: 0046 ภาพเหมือน

บท 46: 0046 ภาพเหมือน

ราชันเร้นลับ 46 : ภาพเหมือน

อุแหวะ!

แค่ก!

ไคลน์ก้มลงอาเจียนอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ แต่มันก็สำรอกไม่นานนัก แถมยังมีปริมาณของเหลวข้นไม่มาก สาเหตุเพราะตอนเช้ายังไม่ได้ทานอะไรติดตัวมา

ทันใดนั้น ขวดดีบุกทรงสี่เหลี่ยมที่ดูคล้ายกล่องบุหรี่ได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าชายหนุ่ม

ทันทีที่จุกขวดถูกดึงออก กลิ่นของยาสูบ ยาฆ่าเชื้อ และใบมินท์ผสมผสานอย่างลงตัวพลันหอมโชยออกเตะจมูก ไคลน์รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าผิดธรรมชาติ

แม้กลิ่นเหม็นบัดซบยังคงตลบอบอวล แต่มันกลับไม่รู้สึกคลื่นไส้หรือสะอิดสะเอียนอีกแล้ว อาการอ้วกหยุดลงในอีกไม่กี่อึดใจ

ชายหนุ่มแหงนหน้ามองตามขวดดีบุก มันได้พบฝ่ามือที่ขาวซีดราวกับไม่ใช่ของมนุษย์ ถัดมาเป็นชายแขนเสื้อกันลมสีดำสนิท

เมื่อเงยศีรษะขึ้นอีกนิด ไคลน์ได้พบกับใบหน้าของผู้เก็บซากศพ·ฟราย ผู้มีบรรยากาศเย็นยะเยียบและดำมืดตลอดเวลา

“ขอบคุณมาก”

ไคลน์หายจากอาการย่ำแย่เป็นปลิดทิ้ง มันใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างยันเข่าและพยุงตัวขึ้น

ฟรายพยักหน้าไม่ยินดียินร้าย

“พอเริ่มชินแล้วจะดีขึ้นเอง”

เมื่อกล่าวจบ ผู้เก็บซากศพปิดจุกขวดดีบุกและเดินเข้าห้องไปสัมผัสร่างหญิงชราด้วยมือเปล่า สภาพศพเน่าเปื่อยแล้วหลายวัน ฟรายก้มหน้าตรวจสอบร่างหญิงชราโดยละเอียด

ขณะเดียวกัน ดันน์และเลียวนาร์ดแยกย้ายสำรวจรอบๆห้องโดยสวมถุงมือจับนู้นนี่เรื่อยเปื่อย

ลุงนีลล์บีบจมูกแน่นทั้งที่ยังไม่ได้เดินเข้าไปในห้อง สีหน้าของมันบิดเบี้ยวเหยเก

“โสโครกชะมัด! ฉันสาบานว่าจะเรียกร้องค่าชดเชยเพิ่มเติมจากภารกิจคราวนี้!”

ดันน์เบนความสนใจมายังเตาผิง มันใช้มือขวาที่สวมถุงมือหนังดำลูบไล้ไปตามผนังอิฐด้านใน ก่อนจะหันมาถามไคลน์

“คุ้นรึเปล่า?”

ไคลน์สูดลมหายใจเข้าลึก มันใช้มือกำนาฬิกาพกสีเงินในกระเป๋าเพื่อให้จิตใจสงบลง

ปัจจุบัน ชายหนุ่มอยู่ในภาวะเนตรวิญญาณ การมองเห็นจึงแตกต่างจากภาพตาเปล่าภายในฝัน ไคลน์พยายามกวาดสายตารอบห้องหนึ่งหน เพื่อเรียกความทรงจำจากฝันกลับมาโดยละเอียด

เตาผิง เก้าอี้โยก โต๊ะไม้ หนังสือพิมพ์ ตะปูขึ้นสนิมบริเวณบานประตู กระป๋องดีบุกเลี่ยมเงิน…

ฉากในฝันทั้งมืดและไม่คมชัด คลับคล้ายการชมภาพยนตร์จากแผ่นฟิล์มโบราณบนโลกเก่า เรียกว่าพร่ามัวก็ไม่ผิดนัก แถมยังมีลักษณะฟุ้งกระจายเหมือนกับอยู่บนดินแดนความฝัน

ฉากฝันและความจริงเบื้องหน้าเริ่มซ้อนทับอย่างรวดเร็ว อาการเดจาวูหวนกลับมาประทับร่างไคลน์แจ่มชัดอีกหน ทันใดนั้น เสียงมายาไร้ตัวตนพลันกรีดร้องทะลุกำแพงที่มองไม่เห็นแทรกเข้าในหัว

“โฮนาซิส… เฟรเกีย… โฮนาซิส… เฟรเกีย… โฮนาซิส… เฟรเกีย…”

“ค่อนข้างคุ้นครับ”

ไคลน์ตอบเถรตรง หัวสมองเริ่มทวีความเจ็บแปลบ แต่โชคดีที่มันแตะหว่างคิ้วสองหนได้ทันท่วงทีและหลุดพ้นจากภาวะเนตรวิญญาณ

โฮนาซิส… หมายถึงเทือกเขาโฮนาซิสที่ถูกเอ่ยถึงในไดอารีของไคลน์คนก่อนงั้นหรือ?

นั่นคือเนื้อหาที่ไคลน์ เวิร์ช และนาย่าช่วยกันถอดรหัสสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส…

เสียงกระซิบโฮนาซิสคล้ายคลึงกับเหตุการณ์เมื่อครั้งดื่มโอสถมาก

หรือคำว่า‘โฮนาซิส’จะเป็นเสียงที่คอย‘ล่อลวง’ให้ผู้วิเศษเกิดอาการคลุ้มคลั่ง?

ดันน์พยักหน้าเล็กน้อยและเดินไปยังตู้กับข้าวเก่า ถุงมือหนังข้างขวาออกแรงกระชากบานประตูไม้

ภายในตู้มีเพียงขนมปังขึ้นราและหนูสีเทาราวเจ็ดตัวที่นอนแห้งตายอย่างสงบ

“เลียวนาร์ด ลงไปชั้นล่างและแจ้งกับตำรวจลาดตระเวนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน”

ดันน์กำชับ

“ครับผม”

เลียวนาร์ดหันหลังและเดินไปจากห้อง

ถัดมา ดันน์ลงมือสำรวจภายในห้องนอนอีกสองห้องที่เหลือ มันพยายามค้นหาเบาะแสด้วยท่าทีระมัดระวัง

หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่พบเบาะแสใด รวมถึงการมีตัวตนของสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส ฟรายลุกขึ้นยืนขึ้นและเช็ดมือด้วยผ้าสีขาวส่วนตัวที่เตรียมมาเอง

“ตายนานกว่าห้าวัน ไม่มีบาดแผลภายนอก ไม่มีร่องรอยการลงมือจากผู้วิเศษ สาเหตุการเสียชีวิตต้องชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง”

“พวกคุณพบอะไรบ้างไหม?”

ดันน์หันไปถามทางฝั่งลุงนีลล์และไคลน์

ทั้งสองที่ไม่ได้อยู่ในภาวะเนตรวิญญาณต่างส่ายศีรษะพร้อมกัน

“นอกจากศพแล้ว ทุกอย่างในห้องปรกติดี แถมยังไม่มีกำแพงใสหลงเหลือภายในห้องก่อนพวกเราจะมาถึง …ก็อย่างที่นายทราบ การจะลงมือทำพิธีกรรมทุกครั้ง จำเป็นต้องพึ่งพากำแพงที่มองไม่เห็นเพื่อให้ไม่ถูกรบกวน”

ลุงนีลล์ครุ่นคิดสองสามวินาทีก่อนจะอธิบาย

ขณะดันน์กำลังจะกล่าวบางสิ่ง สายตาของมันพลันชำเลืองไปนอกประตู ไคลน์และนีลล์ที่สัมผัสถึงความผิดปรกติต่างหันไปมองบันไดพร้อมกัน

ไม่กี่วินาทีถัดมา เสียงฝีเท้าดังเจือจางจากชั้นล่าง เป็นตำรวจลาดตระเวนที่เลียวนาร์ดพาตัวมาทำคดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวหลังได้กลิ่นไม่พึงประสงค์

โดยไม่รอช้า ตำรวจคนดังกล่าวรีบให้ความร่วมมือกับ‘เพื่อนร่วมงาน’ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เจ็ดอย่างกระฉับกระเฉง มันเดินลงไปเคาะประตูห้องชั้นล่างเพื่อไต่ถามถึงข้อมูลบุคคลที่พักอาศัยบนชั้นสาม

หลังจากสอบสวนไม่นานก็ได้ความ ตำรวจยศสองบั้งเงินเดินขึ้นมายังห้องเกิดเหตุ สายตาชำเลืองมองศพบนเก้าอี้โยกเล็กน้อย

“เคธี่·สเตฟาน่า·บีเบอร์ อายุระหว่างห้าสิบห้าถึงหกสิบปี เป็นหม้าย เช่าห้องนี้ร่วมกับบุตรชาย รีเอล·บีเบอร์ มานานกว่าสิบปีแล้ว สามีเป็นช่างอัญมณีฝีมือดี บุตรชายอายุราวสามสิบ สืบทอดกิจการต่อจากบิดา ทำเงินได้สัปดาห์ละหนึ่งปอนด์สิบห้าซูล จากปากคำของเพื่อนบ้าน ทั้งสองถูกพบตัวครั้งสุดท้ายราวหนึ่งสัปดาห์ก่อน”

ยังไม่ทันที่ตำรวจจะอธิบายต่อ ไคลน์ทราบทันทีว่าตัวการสำคัญเป็นใคร

หายไปไหน…

รีเอล·บีเบอร์หายไปไหน!

มีโอกาสสูงมากที่สมุดบันทึกโบราณจะอยู่กับหมอนั่น!

“คุณมีภาพของรีเอล·บีเบอร์ไหม?”

ดันน์หันมองตำรวจก่อนจะเอ่ยปากถาม มันกำลังแสร้งทำทีเป็นนายตำรวจระดับสูง

แต่อันที่จริง ใช้คำว่าแสร้งคงไม่ถูกนัก เพราะในรายชื่อข้าราชการตำรวจอาณาจักรโลเอ็น ดันน์·สนิทติดยศนายตำรวจระดับสูง!

เงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงส่วนหนึ่งของดันน์ก็มาจากกรมตำรวจโดยตรง และยังมีอีกส่วนที่มาจากโบสถ์

เจ้าหน้าที่ตำรวจส่ายศีรษะกระสับกระส่าย

“ผมให้คำตอบไม่ได้ ต้องกลับไปตรวจสอบที่สถานีก่อน พวกเราไม่ได้มีภาพของชาวเมืองทุกคนเก็บไว้”

“เข้าใจแล้ว รบกวนสอบปากคำผู้อยู่อาศัยทุกห้องในอาคารโดยละเอียดด้วย”

ดันน์ออกคำสั่งเสียงขรึม

ขณะยืนมองเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินจากไป ดันน์รีบปิดประตูมิดชิดก่อนจะหันมองลุงนีลล์

“ผมจะให้คุณจัดการที่นี่ แต่ถ้ายังไม่สำเร็จ ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำให้ผู้พักอาศัยทุกคนในตึกหลับ นั่นคือวิธีเดียวที่เราจะได้ภาพรีเอล·บีเบอร์อย่างชัดเจน ผมไม่คิดว่าการสเก็ตช์ภาพคนร้ายจากปากคำพยานจะแม่นยำน่าเชื่อถือสักเท่าไร”

ลุงนีลล์พยักหน้า มันหยิบขวดปริศนาขนาดเล็กราวหัวแม่มือออกจากกระเป๋าชุดคลุมดำ ก่อนจะบรรจงสาดของเหลวในขวดตามลำดับอย่างพิถีพิถัน

ถัดมาเป็นการกำผงบางสิ่งโปรยรอบตัวเป็นวงกลม

น่าประหลาดมาก กลิ่นประหลาดเริ่มโชยไปทั่วห้องแทนที่กลิ่นเหม็นเน่าซากศพ ไคลน์เริ่มสังเกตเห็นกำแพงใสก่อตัวรอบลุงนีลล์ สนามพลังดังกล่าวราวกับทำหน้าที่กั้นแบ่งระหว่างสภาพแวดล้อมด้านในและด้านนอกให้แยกจากกันโดยสิ้นเชิง

บรรยากาศห้องกลับไปมีลักษณะคล้ายคลึงในตอนเพิ่งพบศพอีกครั้ง

ลุงนีลล์หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ริมฝีปากพึมพำคาถาด้วยเสียงค่อยจนยากจะฟังได้ศัพท์ แต่ถึงอย่างนั้น ไคลน์ก็พอจะจับใจความได้บ้างเล็กน้อย ในบทคาถามีประโยคซ้ำเดิมบ่อยครั้ง จำพวก‘ท่านเทพธิดา ได้โปรดประทานพลังให้พวกเราด้วย’และ‘พวกเราปรารถนาการปกป้องจากรัตติกาล…’

ฟุ่บ!

สายลมพันผ่านฉับพลันเข้ามาทางหน้าต่าง ผงปริศนาที่ลุงนีลล์โปรยไว้รอบตัวเริ่มฟุ้งกระจาย

หัวใจไคลน์เต้นระรัว เส้นขนลุกชูชันทั่วร่าง เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ยากอธิบายด้วยถ้อยคำ ชายหนุ่มพบว่า‘กลิ่น’ที่ตนกำลังสูดดมเข้าปอดได้มอบความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจ

ความสับสนเพิ่มพูนควบคู่ไปกับความตึงเครียด คล้ายกับในยามที่เรียนคาบวิชาคณิตศาสตร์แล้วไม่เข้าใจที่ครูสอน

ทันใดนั้น ดวงตาลุงนีลล์เบิกโพลงด้วยนัยน์ตาดำสนิท

มันหยิบปากกาหมึกซึมจากกระเป๋าเสื้อและเริ่มก้มหน้าวาดบางสิ่งลงบนกระดาษด้วยความเร็วสูง เร็วจนร่างกายชายชราสั่นเทิ่มไม่เป็นจังหวะ

ไคลน์เพ่งสมาธิจดจ้องไปบนแผ่นกระดาษ เพียงไม่นาน ภาพโครงหน้าและสันจมูกของบุรุษผู้หนึ่งเริ่มปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง

เมื่อวาดผมสั้นหยักศกตามธรรมชาติเสร็จ ลุงนีลล์เขียนบางสิ่งกำกับลงไปใต้ภาพเหมือน

“ผมดำ นัยน์ตาฟ้าเข้ม ฝั่งซ้ายของช่องปากเป็นฟันเซรามิก”

ตึก!

ปากกาหมึกซึมถูกวางกระแทกลงบนกระดาษจนเกิดเสียง ร่างกายลุงนีลล์ออกอาการชักกระตุกสองสามหน

“นี่คือภาพของรีเอล·บีเบอร์จากเบาะแสที่หลงเหลือภายในห้อง”

ลุงนีลล์ส่งเสียงกระซิบขณะเปลือกตาเริ่มเปิดขึ้น ถัดมา มันเดินกลับไปยืนในจุดกึ่งกลางวงกลมพิธีกรรม ก่อนจะหมุนตัวหนึ่งรอบอย่างเชื่องช้าเพื่อสลายกำแพงใสที่มองไม่เห็นให้กลายเป็นสายลม

“เทพธิดาจงเจริญ”

ลุงนีลล์ทำสัญลักษณ์สี่จุดบนหน้าอกแสดงถึงจันทร์สีชาด

ไคลน์เริ่มผ่อนคลาย สมาธิของมันเพ่งมองไปยังภาพเหมือนของรีเอล·บีเบอร์ บุรุษวัยกว่าสามสิบผู้นี้ไม่มีเอกลักษณ์ใดโดดเด่นหรือผิดธรรมชาติ ใบหน้าค่อนข้างราบเรียบอ่อนโยน จุดเดียวที่เตะตาคือบริเวณใต้จมูกเหนือริมฝีปากซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ …อาจเกี่ยวพันกับฟันเซรามิกก็เป็นได้

“ผมจะลองค้นหาด้วยเทคนิคแท่งวิญญาณ”

ชายหนุ่มหยิบภาพเหมือนของรีเอลขึ้นมาถือ จากนั้นเดินรื้อค้นเสื้อผ้าบุรุษเก่าภายในห้องพักจนพบ

วัตถุทั้งสองถูกวางลงบนพื้นห้อง

ดันน์ เลียวนาร์ด และลุงนีลล์ ไม่มีใครคิดขัดขวางไคลน์ แต่ละคนทำเพียงยืนจ้องมองชายหนุ่มหยิบไม้ค้ำปักลงพื้นในจุดเหนือเสื้อผ้าเก่า ส่วนฟรายยังคงเงียบงันเช่นเคย

นัยน์ตาไคลน์แปรเปลี่ยนจากน้ำตาลเป็นเกือบดำ มันพึมพำคาถาเสียงค่อยก่อนจะปล่อยมือเป็นอิสระจากไม้ค้ำ

ไม้ค้ำเลี่ยมเงินตั้งตรงกลางอากาศโดยไม่แยแสกฎแห่งแรงโน้มถ่วง ประหนึ่งปลายแหลมเสียบปักพื้นไว้ก็มิปาน

“ที่อยู่ของรีเอล·บีเบอร์”

มันทวนซ้ำกับตัวเองเจ็ดรอบ

เมื่อเกิดสายลมพัดผ่าน ไม้ค้ำเริ่มเอนตัวลงเล็กน้อย แต่กลับหมุนเปลี่ยนทิศทางกะทันหันเป็นวงกลม หมุนอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งกลับมาตั้งตรงใหม่อีกหนโดยปราศจากแรงกระทำจากภายนอก

ไคลน์เดินเข้าไปใช้มือจับไม้ค้ำและท่องคาถาเสียงค่อยก่อนจะปล่อยมือเริ่มทำนาย

ไม้ค้ำแสดงอากัปกิริยาเหมือนเดิมทุกประการ มันทิ้งตัวเล็กน้อยและหมุนเป็นวงกลมก่อนจะกลับไปตั้งตรงดังเดิม

หลังจากเกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำขึ้นอีกสองสามหน ไคลน์ตัดสินใจยอมแพ้

มีพลังลึกลับขัดขวาง‘การทำนาย’ไว้

ดันน์ถอดถุงมือหนังสีดำออกและไปกล่าวกับเลียวนาร์ด

“นำภาพเหมือนของรีเอล·บีเบอร์ไปสอบปากคำผู้พักอาศัยเพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกัน เมื่อแน่ใจแล้ว ให้รีบออกหมายจับในคดีสังหารมารดาตัวเองทันที”

“ครับผม”

ไคลน์เก็บไม้ค้ำกลับและโน้มตัวลงไปหยิบภาพเหมือนของรีเอล·บีเบอร์ที่ลุงนีลล์ร่างไว้

หลังจากเพื่อนบ้านยืนยันแล้วว่าภาพดังกล่าวคือรีเอล·บีเบอร์ไม่ผิด ดันน์ออกคำสั่งให้เลียวนาร์ดและเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไปจัดการเอกสารที่สถานีให้เรียบร้อย ส่วนตัวมันมุ่งหน้าไปยังบาร์สองสามแห่งในทิงเก็นเพื่อขอความร่วมมือผ่านช่องทางอื่น

ด้านไคลน์และลุงนีลล์เดินทางกลับบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬบนถนนซุตแลน ในตอนที่มาถึง เข็มสั้นบอกชั่วโมงยังขยับไม่ถึงเลขแปด จึงไม่แปลกที่โรแซนจะยังไม่เข้างาน

หลังจากปิดประตูสำนักงาน ไคลน์เงยหน้ามองลุงนีลล์ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างใคร่รู้

“ทำไมผมถึงต้องส่งสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสให้รีเอล·บีเบอร์์ด้วย? ”

อาคารที่เกิดเหตุเป็นคนละทิศทางกับบ้านพักของเวิร์ชและถนนกางเขนเหล็กโดยสิ้นเชิง

ลุงนีลล์เดินไปนั่งบนโซฟาก่อนจะส่งเสียงคิกคัก

“แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? สมุดเล่มดังกล่าวมีพลังเร้นลับซ่อนอยู่ เจ้าอาจประกอบพิธีกรรมกับเพื่อนโดยไม่รู้ความ ส่งผลให้ไปปลุกตัวตนลึกลับภายในสมุดเข้า”

“ตัวตนดังกล่าวครอบงำเจ้าให้มอบสมุดบันทึกกับรีเอล·บีเบอร์และลบร่องรอยทั้งหมดทิ้งหลังจากเสร็จพิธี เพื่อไม่ให้ใครตามหามันพบเป็นหนที่สอง”

“ด้วยเหตุนี้ เจ้าที่เป็นผู้ส่งสมุดจึงมีชีวิตอยู่เป็นคนสุดท้ายและเดินทางออกจากบ้านเวิร์ช ส่วนมิสเตอร์เวอร์และมิสนาย่าลงมือปลิดชีวิตตัวเองในที่เกิดเหตุ… แต่หากถามถึงสาเหตุที่เจ้ายังรอดชีวิต ฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน”

“เรื่องนั้น… ผมเองก็อยากทราบ”

ไคลน์นั่งลงและกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มเย็นชืด

“ผมเคยวิเคราะห์ในสมมติฐานแบบเดียวกับคุณมาก่อน แต่สิ่งที่ยังคาใจคือ ทำไมพลังลึกลับในสมุดถึงดลใจให้ผมมอบสมุดบันทึกให้รีเอล·บีเบอร์? ทำไมถึงเป็นหมอนั่น?”

ลุงนีลล์ยักไหล่ตอบ

“บางที อาจเป็นเพราะดวงชะตารีเอล·บีเบอร์มีการเชื่อมโยงกับสมุดอย่างแนบแน่น หรือไม่ก็เพราะมันคือทายาทคนสุดท้ายของตระกูลอันทีโกส จะเป็นแบบไหนก็ได้… สรุปโดยสั้นก็คือ พวกเรามีข้อมูลน้อยเกินกว่าจะหาคำอธิบาย… และเรื่องที่สมุดโบราณเล่มดังกล่าวปรากฏตัวในเมืองทิงเก็นก็คงด้วยเหตุผลเดียวกัน”

“ผมไม่คิดว่ารีเอล·บีเบอร์จะเป็นทายาทตระกูลอันทีโกนัส”

ไคลน์ถอนหายใจอย่างผิดหวัง

“น่าเสียดาย ผมน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้ ก่อนที่รีเอล·บีเบอร์จะไหวตัวทันและหนีไปพร้อมสมุดบันทึก”

ลุงนีลล์อมยิ้ม

“นั่นอาจเป็นเรื่องแย่สำหรับดันน์ แต่สำหรับตัวเจ้า ฉันกลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว”

“คุณหมายความว่ายังไง?”

ไคลน์ขมวดคิ้วงุนงง

........................


Load failed, please RETRY

ของขวัญ

ของขวัญ -- ได้รับของขวัญแล้ว

    สถานะพลังงานรายสัปดาห์

    Rank -- การจัดอันดับด้วยพลัง
    Stone -- หินพลัง

    ป้ายปลดล็อกตอน

    สารบัญ

    ตัวเลือกแสดง

    พื้นหลัง

    แบบอักษร

    ขนาด

    ความคิดเห็นต่อตอน

    เขียนรีวิว สถานะการอ่าน: C46
    ไม่สามารถโพสต์ได้ กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
    • คุณภาพงานเขียน
    • ความเสถียรของการอัปเดต
    • การดำเนินเรื่อง
    • กาสร้างตัวละคร
    • พื้นหลังโลก

    คะแนนรวม 0.0

    รีวิวโพสต์สําเร็จ! อ่านรีวิวเพิ่มเติม
    โหวตด้วย Power Stone
    Rank NO.-- การจัดอันดับพลัง
    Stone -- หินพลัง
    รายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
    เคล็ดลับข้อผิดพลาด

    รายงานการล่วงละเมิด

    ความคิดเห็นย่อหน้า

    เข้า สู่ ระบบ