ใบหน้าของชายร่างสูงเปลี่ยนไปและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภที่ชั่วร้าย ไคออร์สตะโกนขึ้นอย่างดุเดือดเมื่อเห็นทาสที่กล้าหยิ่งผยองต่อหน้านักบวชของชนเผ่า
" วันนี้ข้าจะให้เจ้ารับรู้ไว้ก่อนตายว่าจงอย่าบังอาจดูหมิ่นท่านนักบวชต่อหน้าข้า "
ทันทีที่ไคออร์สพูดจบร่างของเขาก็หายไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่อย่างกระทันหัน
วิคตัสนั้นระมัดระวังตัวเองมากกว่าปกติเมื่อเข้าสู่สถานะการต่อสู้ เมื่อสัญชาตญาณของเขารับรู้ได้ถึงอันตรายเขาจึงรีบหลบออกจากตำแหน่งเดิมทันที หลังจากมองย้อนกลับไปที่หลุมกว้างตรงหน้าและค้อนหินขนาดใหญ่ที่ทุบลงบนพื้นดินเขาก็แอบตัวสั่นอีกครั้ง
หากเมื่อครู่ข้าไม่ขยับตัวหลบตอนนี้อาจกลายเป็นแพนเค้กเนื้อบดไปแล้วก็ได้ มันอันตรายจริงๆ!!
จู่ๆวิคตัสก็เริ่มรู้สึกถึงวิกฤตอย่างลึกซึ้งโลกนี้ชักจะน่ากลัวเกินไปผู้คนที่นี่ช่างป่าเถื่อนและเลือดร้อน จะมีใครที่ไหนไล่เข่นฆ่าผู้คนเป็นผักปลาแบบนี้บ้าง? ท่านแม่ . . ข้าอยากกลับบ้าน!
ความสามารถพิเศษของไคออร์สคือพลังโจมตีที่ทรงพลังซึ่งเป็นเทคนิคการล่าระดับกลาง เขาฝึกฝนเทคนิคนี้มาตั้งแต่เด็กและใช้การโจมตีที่รุนแรงเพื่อสังหารศัตรูมานานหลายปีด้วยพละกำลังที่เกินขอบเขตของมนุษย์รวมกับอาวุธหินขนาดใหญ่การปลิดชีพเหยื่อที่อ่อนแอเช่นทาสไม่กี่คนนั้นถือเป็นเรื่องง่ายดาย
ระหว่างสังเกตสถานการณ์รอบตัวพ่อมดหนุ่มต้องคอยหลบหลีกการโจมตีจากนักรบระดับ 3 ของเผ่าดอร์ส แม้กระบวนท่าของชายคนนี้จะดูงุ่มง่ามแต่พลังโจมตีของอาวุธหินนั้นไม่อาจประเมินค่าได้จริงๆ วิคตัสเงยหน้าขึ้นมองไปที่หญิงชราที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลซึ่งกำลังร่ายคาถาบางอย่างและเตรียมพร้อมที่จะลงมืออีกครั้ง
ทางฝั่งของอูม่าเธอมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมาโดยตลอดเพราะไม่เพียงแค่เธอสามารถสร้างหมอกวิญญาณที่ดูดกลืนชีวิตผู้คนได้เท่านั้นแต่พลังของเธอยังสามารถสร้างเดือยกระดูกออกไปโจมตีจากระยะไกลได้อีกด้วย แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้เธอต้องรีบดูดกลืนชีวิตของคนที่เหลือเพื่อไปช่วยสมทบกับไคออร์ส
พลังของไอวิญญาณที่ชั่วร้ายเริ่มก่อตัวขึ้นและพุ่งไปยังเด็กที่เหลือทันที เด็กทั้งสามคนต่างตกตะลึงเมื่อรู้สึกถึงอันตรายก่อนเริ่มกรีดร้องอีกครั้ง
'นี่มันคงไม่คิดจะปล่อยให้ใครรอดชีวิตไปเลยสินะ . . .ช่างน่ารังเกียจจริงๆ'
" Ruva-Dormir ! "
"จงหลับใหลไปซะเถอะ . . พวกงี่เง่า! "
ในชั่วพริบตาของการหลบหลีกเมื่อเขาพบจังหวะโต้กลับวิคตัสจึงรีบยกมือขึ้นและใช้ลมหายใจเป่าผงฝุ่นสีดำออกไป ช่วงเวลาที่ผงเหล่านั้นปะทะเข้ากับทิศทางลมละอองฝุ่นในอากาศก็กระจายตัวเป็นกลีบดอกไม้สีม่วงและเริ่มปล่อยกลิ่นหอมเบาบางออกมาทั่วทั้งบริเวณก่อนที่ไคออร์สจะไหวตัวทันทุกอย่างก็สายเกินไป
" เจ้าสารเลว!! "
.
.
วิคตัสสาปแช่งด้วยรอยยิ้มก่อนเสกเถาวัลย์เพื่อมัดร่างชายที่ล้มลงไว้อีกครั้ง เขาโบกคทาในมือพร้อมกับร่ายมนต์ไปยังตำแหน่งแท่นทำพิธีกรรมอย่างรวดเร็วเพียงไม่นานต้นไม้จำนวนมากก็สูงขึ้นปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดและทำลายเชือกที่มัดนักโทษบนเสาหิน
เหล่าทาสที่รอดชีวิตทั้งสามไม่มีใครรู้ว่าทำไมจู่ๆพวกเขาถึงถูกปล่อยตัว ทุกคนดูสับสนและมองหน้ากันเพื่อหาคำตอบ ในเวลาเดียวกันนั้นเด็กชายคนหนึ่งในกลุ่มก็ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างกระทันหัน
" !! "
" @#@%^@@!$$#%#& "
วิคตัสหันตัวกลับและพบว่านักบวชชราได้เปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาอีกครั้งเขารู้สึกถึงความกดดันเล็กน้อยที่ปล่อยมาจากร่างกายเหี่ยวแห้งของนักบวชอูม่าดวงตาที่จ้องมองมาราวกับว่าเธอต้องการฉีกร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ
แม้จะรู้ว่าผู้คนเหล่านี้ไม่อาจเข้าใจคำพูดได้แต่การได้ตะโกนอะไรสักอย่างมันทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปล่าจริงๆ
" แอบลอบโจมตีตอนข้าเผลอเช่นนี้ช่างเหมาะสมกับเจ้าดี งั้นข้าจะมอบของพวกนี้ให้เป็นการตอบแทนล่ะกันนังปีศาจเจ้าเล่ห์! "
เมื่อพูดจบวิคตัสจึงรีบโยนขวดน้ำยาจำนวนมากออกไปราวกับว่าเขากำลังเล่นปาหิมะกับอีกฝ่าย
เอาล่ะ จงรับกลิ่นของน้ำยาที่ผิดพลาดเหล่านี้ไปซะ . .ฮ่าฮ่าฮ่า !
ขวดโพชั่นตกอยู่ปลายเท้าของอูม่าก่อนกัดกร่อนพื้นดินและส่งเสียงแปลกๆออกมา บางขวดนั้นปล่อยกลิ่นเหม็นคล้ายระเบิดไข่เน่าอีกทั้งยังมีควันสีสันแปลกประหลาดสร้างความตกใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก นักบวชอูม่าเป็นที่เคารพนับถือของชาวเผ่าทางดินแดนตะวันออกมาโดยตลอดจึงไม่เคยถูกดูหมิ่นเช่นนี้มาก่อนและการกระทำของวิคตัสทำให้เธอโมโหจนเสียสติตะโกนสาปแช่งอย่างไม่หยุดยั้ง
" บังอาจนัก!! กล้าดีอย่างไงไอ้ทาสต่ำช้า วันนี้ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!! "
ต้องฆ่ามัน พวกมันต้องตาย ต้องตายทุกคน!!
หญิงชราต้องการฆ่าวิคตัสและเขาไม่สนใจที่จะปกปิดตัวตนอีกต่อไปเธอเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีอย่างดุเดือดและเดือยกระดูกจำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่วิคตัสราวกับกระสุนปืน ช่วงจังหวะที่เขากำลังเสียการทรงตัวจากการหลบหลีกจู่ๆความเร็วของอาวุธเหล่านั้นกลับเคลื่อนไหวช้าลงคล้ายกับถูกบางสิ่งยับยั้งมันไว้
เพียงชั่วขณะของการขยับปีกผีเสื้อผลการหน่วงเหนี่ยวอาวุธกระดูกก็เสื่อมลงและหนามหินของหญิงชราก็พุ่งเข้าใส่วิคตัสอย่างต่อเนื่องแต่กลายเป็นว่าเป้าหมายของเธอหลบหนีไปได้อีกครั้ง
สิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นเพียงการถ่วงเวลาที่สั้นมากแต่มันกลับสร้างโอกาสให้วิคตัสได้ร่ายคาถาเพื่อตอบโต้ได้ทันเวลาในช่วงวิกฤต ด้วยสายเลือดพ่อมดทำให้วิคตัสสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังเวทย์ในชั้นบรรยากาศได้ดีกว่าคนทั่วไปเมื่อพบสาเหตุของความผิดปกติเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น
วิคตัสจ้องมองไปยังเด็กชายผอมแห้งที่นั่งขดตัวอยู่ด้านหลังเสาหินและทันใดนั้นเขาก็อุทานออกมา
" ยอดเยี่ยมมากเจ้าหนู ! "
... การไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน
วิคตัสหันกลับมาสนใจคู่ต่อสู้ตรงหน้าเขาก่อนเริ่มร่ายคาถาออกไปอย่างต่อเนื่องเถาวัลย์ขนาดใหญ่หลายสิบต้นพากันกวัดแกว่งกิ่งก้านของมันโจมตีใส่อูม่าอย่างไม่หยุดยั้ง แม้เธอจะหลบกิ่งเถาวัลย์เหล่านี้ได้แต่วิคตัสจะคอยขว้าง 'อาวุธชีวภาพ' ของเขาใส่เป็นระยะจนไม่มีเวลาให้เธอได้ตอบโต้
หลังจากกำลังเตรียมลงมือตาม'แผนการชำระหนี้แค้น ฉบับที่ 1'ที่มีความยาวหลายสิบหน้ากระดาษวิคตัสก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของเด็กชายที่พยายามอธิบายบางอย่าง
" ท่านนักบวชเราต้องรีบออกไปนักรบที่เหลือกำลังมุ่งหน้ามา มีเสียงฝีเท้าของสัตว์ตรงมาทางนี้หากพวกเขาพบเรามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะหลบหนี!! "
วิคตัสลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและหันมองตามนิ้วที่อีกฝ่ายชี้ให้เขาดูก่อนเข้าใจในที่สุด
. .. ชิ! ขัดจังหวะจริิงๆ
เด็กชายกำลังจะวิ่งหนีแต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นนักบวช หมุนกิ่งไม้เล็กๆในมือของเขา 2-3ครั้ง อีกฝ่ายยังคงนิ่งสงบดูไม่ร้อนรนก่อนพึมพำคำพูดแปลกๆออกมาอีกครั้งจนเขาเริ่มสับสน
" น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้จัดการพวกแกทุกคน . . .ไปกันเถอะ! "
เหล่านักรบพร้อมสัตว์สงครามวิ่งฝ่าทำลายฝูงอสูรวิญญาณเข้ามาอย่างดุเดือดพร้อมกับแรงผลักดันมหาศาลจนฝุ่นผงลุกกระพือเป็นกลุ่มคลื่น
แม้จำนวนอสูรวิญญาณจะมีพละกำลังมากแต่ด้วยขนาดที่เทียบเท่ากับสัตว์ป่าทั่วไปไม่นานมันก็ค่อยๆถูกนักรบเผ่าดอร์สจัดการลงได้สำเร็จ วิคตัสไม่กล้ามองย้อนกลับและรีบหนีไปพร้อมกับเด็กทั้งสามด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิตของพวกเขา
ระยะทางจากลานพิธีกรรมและป่าหนามตรงหน้าอยู่ห่างกันไม่เกิน 300 เมตร แต่ดูเหมือนเส้นทางจะยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด ฝูงสัตว์บ้าคลั่งยังคงวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้งและทุกคนต้องคอยหลบการโจมตีของพวกมันทุกครั้งที่วิ่งหนี
วิคตัสใช้เวลาคิดชั่วครู่ก่อนตัดสินใจมุ่งหน้าตรงไปที่ป่าดำเด็กที่เหลือแสดงสีหน้าหวาดกลัวแต่ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาและเพิ่มความเร็วเพื่อติดตามนักบวชที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้
จู่ๆลมแรงก็ปะทะเข้ามาทางด้านหลังวิคตัสและก่อนที่จะทันรู้สึกตัวค้อนหินขนาดใหญ่ของนักรบเผ่าดอร์สก็กระแทกใส่เขาอย่างรุนแรง ร่างกายที่ถูกโจมตีกระเด็นลอยออกไปไกลและกลิ่นเลือดก็คละคลุ้งไปทั่วลำคอของพ่อมดหนุ่ม
เด็กทั้งสามต่างกรีดร้องด้วยความตกใจและรีบวิ่งตามไปเพื่อช่วยเหลือทันที
ความเร็วของอีกฝ่ายนั้นสูงเกินมนุษย์ปกติและการโจมตียังไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย สติที่พร่ามัวเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้งและสายตาที่แทบจะปิดลงของวิคตัสเห็นเพียงกลุ่มเด็กเหลือขอที่วิ่งเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าแตกตื่นก่อนจะถูกอาวุธหินของกลุ่มนักล่าทุบตี
เสียงกรีดร้องดังขึ้นสองสามครั้งก่อนค่อยๆเงียบหายไปจากการรับรู้ของวิคตัส ผมสีเข้มดูยุ่งเหยิงติดอยู่ที่หน้าผากมีความชื้นหยดลงมาเขาไม่แน่ใจว่ามันคือเหงื่อหรือเลือด
วิคตัสส่ายหัวอย่างแรงและตบตัวเองสองครั้งเพื่อปลุกสำนึก ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น นับตั้งแต่ที่เขาฟื้นขึ้นมาทุกอย่างผิดปกติไปหมดไม่มีช่วงเวลาให้เขาได้ทำความเข้าใจเลยสักนิด
ผู้ลงมือครั้งนี้คือหัวหน้าเผ่าดอร์สหลังจากจัดการทาสที่หลบหนีคนอื่นๆเขาก็หันมาไล่ล่าวิคตัสต่อทันที สัตว์สงครามขนาดใหญ่ขู่คำรามด้วยเสียงที่ครอบงำและกระหายเลือด ฟันแหลมคมที่เปื้อนเลือดของมันทำให้ดูดุร้ายยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว
วิคตัสไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ นอกจากนี้เขายังมีลางสังหรณ์ว่าบางสิ่งที่สำคัญมากกำลังจะเกิดขึ้นแต่ในขณะนี้เขาเสียเปรียบและไม่สามารถต่อกรกับคนเหล่านี้ได้ทางที่ดีที่สุดคือรีบออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
. . เด็กๆพวกนั้น
เพียงกวาดสายตาไม่กี่ครั้งเขาก็พบกับกองเลือดที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลความรู้สึกหลากหลายก่อตัวขึ้นในจิตวิญญาณของวิคตัสหัวใจเต้นสั่นคล้ายกับกลองสนามและความรู้สึกเวียนหัวที่หลั่งไหลมาไม่จบสิ้น
เสียงกรีดร้องแห่งความตายค่อยๆจางหายไป วิคตัสจ้องมองไปยังผู้คนมากมายตรงหน้าเขาอย่างกล้าหาญแม้ศีรษะของเขายังคงเจ็บอยู่แต่เขายังพยายามลุกขึ้นยืนด้วยขาที่อ่อนแรง
— ตอนใหม่กำลังมาในเร็วๆ นี้ — เขียนรีวิว