เศษซากก้อนหินใหญ่ภายในถูกทำลายลงจากแรงระเบิดของพลังเวทย์กลายเป็นฝุ่นควันฟุ้งกระจายทั่วทั้งถ้ำ
วิคตัสล้มลงกับพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว แม้ในช่วงสุดท้ายของการถูกขัดจังหวะเขาจะรีบเปลี่ยนท่าทีเพื่อยกเลิกคาถาแต่ผลของฟันเฟืิองพลังเวทย์ที่ย้อนกลับยังคงตกกระทบใส่เขาอยู่ไม่มากก็น้อย
แสงประกายในดวงตาสีเขียวพยายามจ้องมองไปยังเงาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางกองฝุ่นกระจายของผู้มาใหม่ แต่เมื่อหมอกควันจางหายไปกลับพบเพียงรูปปั้นน้ำแข็งทรงแปลกตาตั้งอยู่ไม่ขยับเขยื้อน
" นั่นใคร! .. แสดงตัวออกมา "
ถ้ำหินเกลือแห่งนี้มีขนาดค่อนขว้างกว้าง นอกจากแท่นหินจำนวนมากผุดขึ้นรอบๆบริเวณส่วนใหญ่เป็นเพียงพื้นดินว่างเปล่าเขาจึงแยกแยะสิ่งแปลกปลอมได้อย่างง่ายดายด้วยเหตุผลบางอย่างวิคตัสรู้สึกได้ถึงพลังจิตเบาบางถูกปล่อยออกมาจากรูปปั้นน้ำแข็งนั้น
หลังจากสังเกตอยู่ชั่วครู่เขาก็เหลือบมองไปทาง "คนรู้จัก" ที่ถูกห้อยตรึงอยู่กลางบ่อทะเลเกลือราวกับต้องการความคิดเห็นจากอีกฝ่าย
" นักบวชเคียโซ? "
สายตาคมจ้องมองรูปปั้นแปลกตาที่เพิ่งปรากฎตัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุก่อนจะคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ในทันที
'ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนเก่าของ 'คนรู้จัก' แสดงว่าไม่ใช่ศัตรูสินะ ?'
วิคตัสถอนหายใจพร้อมกับลดความระมัดระวังลง แม้คาถาจะถูกขัดขวางระหว่างทางแต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมไม่อาจย้อนกลับได้เวทย์ที่ถูกร่ายออกมาก่อนหน้าเพื่อทำลายกรงขังยังคงทำงานได้อยู่ชั่วขณะ
เมื่อเห็นว่าไม่มีอันตรายใหม่เกิดขึ้นวิคตััสจึงรีบปรับคลื่นพลังเวทย์ที่วุ่นวายในตัวเองทันที พลังจราจลที่เกิดจากการยกเลิกคาถาโดยไม่ได้ตั้งเช่นนี้มีความอันตรายเป็นอย่างมากต่อพ่อมดแม่มดหากไม่รีบจัดการพลังให้กลับคืนสู่ความสงบทันเวลาเวทย์มนตร์ในตัวจะปั่นป่วนคล้ายคลื่นพายุในทะเลก่อนระเบิดตัวเองออกมา
ฟู่ววว อันตราย อันตราย จริงๆ !
รูปปั้นน้ำแข็งยังคงนิ่งเงียบสงบไม่ตอบคำถามก่อนหน้าและใช้เวลาสักพักก่อนจะเริ่มส่งเสียงอีกครั้ง
" เวลามีน้อย..เหลือเพียง....ไม่นาน.. .. ท่านเอคารอน โปรดช่วยเหลือเด็กคนนี้ .. "
หลังจากคำตอบตอบกลับรูปปั้นตรงหน้าก็ค่อยๆละลายลงเหลือเพียงแอ่งน้ำที่คงอยู่ วิคตัสเฝ้ามองทุกอย่างด้วยความงุนงง ก่อนหันหน้าไปยังชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า 'ท่านเอคารอน' ท่าทีของชายคนนั้นยังคงนิ่งสงบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในความสับสนจู่ๆถ้ำหินก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมเสียงคำรามจากบางสิ่งที่ดังขึ้นอย่างกระทันหันเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและความขุ่นเคือง มีเสียงสะท้อนแปลกๆอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่รู้ว่าเป็นเสียงกรีดร้องของแมลงหรือเสียงคำรามสัตว์ประหลาดชนิดใด
วิคตัสตื่นตระหนกก่อนได้ยินเสียงของ 'คนรู้จัก' พูดขึ้นอย่างเร่งรีบ
" ข้าจะลองควบคุมพลังเพื่อเปิดเส้นทางป่าวาลดอนไว้ชั่วขณะ หากสำเร็จพวกอสูรวิญญาณภายในจะแตกตื่นและหลุดออกไปเป็นจำนวนมากส่วนที่เหลือเจ้าต้องหาทางต่อเอง รีบไปซะ! "
วิคตัสเตรียมพร้อมสำหรับการหลบหนีจากมิติแห่งความฝันทันทีที่ถ้ำเริ่มคลุ้มคลั่ง หลังจากได้ยินคำสั่งเขาก็เริ่มร่ายคาถาที่คุ้นเคยอีกครั้ง ก่อนจากไปเขาเห็นมือสีดำยื่นออกมาจากผนังดึงกระชากไปที่ชายคนนั้นอย่างรุนแรงหลายต่อหลายครั้งความหวาดกลัวเพิ่มขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจและแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกายอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อลืมตาก็มองเห็นฉากตรงหน้าที่คุ้นเคยพร้อมเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชของเหล่าทาสที่ดังขึ้นตลอดเวลา วิคตัสพบว่าตอนนี้ทาสถูกฆ่าไปทั้งหมด 5 คน เด็กชายตัวเล็กที่อยู่ก่อนหน้าเขาคือคนที่พยายามป้อนอาหารให้กับเขาขณะที่ถูกจับอีกฝ่ายหน้าซีดลงด้วยความกลัวหลังจากส่งเสียงอ้อนวอนมานานกลับไม่มีวี่แววว่าจะหยุดการสังหารหมู่ลงได้เลย
เด็กชายหันกลับไปมองเด็กตัวเล็กๆที่อยู่ห่างกันออกไปจนเกือบสุดท้ายของแถวหิน อีกฝ่ายเพียงมองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตาแต่ไม่ได้พูดสิ่งใด วิคตัสเฝ้ามองเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดด้วยหลากหลายความรู้สึกในใจ
หญิงชราที่ทำพิธียังคงหัวเราะและเต้นรำอย่างบ้าคลั่งพร้อมควันสีน้ำเงินที่หมุนรอบตัวโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเมื่อเธอเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเด็กชายคนนั้นพร้อมกับอ้าปากจนมองเห็นสิ่งสกปรกในปากของเธอวิคตัสก็รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา สร้อยคอหัวกระโหลกบนศรีษะของอุม่าสงสัยกรีดร้องและหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากเธอ
ทาสเด็กชายผู้เป็นเหยื่อรายต่อไปร้องตกใจก่อนพยายามดิ้นรนอย่างรุนแรง เมื่อนักบวชอูม่ายกมือขึ้นและพลังวิญญาณของเธอกำลังเคลื่อนไหวเสียงที่คมชัดของใครบางคนก็ดังขึ้นขัดจังหวะของเธอ
" นังปีศาจเฒ่าข้ารู้แผนการทั้งหมดของเจ้าแล้ว พิธีครั้งนี้ไม่ใช่การบูชาเทพเจ้าอะไรทั้งนั้นหากข้าเดาไม่ผิดเจ้าต้องคอยดูดซับวิญญาณผู้คนเป็นระยะๆเพื่อให้มีชีวิตรอดใช่รึเปล่า ? "
การกระทำของอูม่าหยุดชะงักลงด้วยความแปลกใจเธอหันกลับมาสนใจทาสอีกคนที่พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้ แม้ร่างกายของทาสสกปรกคนนี้จะมีบาดแผลจากการลงโทษมากมายแต่พลังชีวิตของมันกลับดูไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ช่างน่าอร่อยเหลือเกิน ! พลังชีวิตของมันจะหอมหวานแค่ไหนกันนะ
ดวงตากลวงโบ๋ของกระโหลกบนหัวอูม่าเปล่งแสงสลัวสีน้ำเงินพร้อมเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกอยู่ตลอดเวลา บางครั้งจะเห็นว่าปากเหล่านั้นดูเหมือนจะขยับอยู่เล็กน้อย
วิคตัสกลืนน้ำลายสิ่งน่ากลัวชนิดใดอยู่ในร่างกายของหญิงชราคนนี้กัน? เสียงกรีดร้องที่ส่งออกมาจากภายในปากช่างน่ากลัวมาก
พระเจ้าชอบอยู่ในสถานที่เช่นนั้นจริงหรือ? ฉันกลัวว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้
ทาสคนอื่นๆบนแท่นหินบูชายันต่างดูซีดเซียวแต่นอกเหนือจากเสียงคำรามและความตื่นตระหนกดูเหมือนไม่มีใครคิดจะส่งเสียงรบกวนออกมา ในเวลานี้อูม่าเอียงคอของเธอก่อนจ้องมองไปในตาของวิคตัสการแสดงออกของพ่อมดหนุ่มยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมีการต่อต้านอยู่ในนั้นไม่มากก็น้อย
สิ่งที่เขากำลังพยายามทำตอนนี้คือถ่วงเวลาไว้ให้มากที่สุดเพื่อรอสัญญาณความช่วยเหลือ ก่อนออกจากมิติแห่งความฝันชายคนนั้นถูกรุมทำร้ายและเขาไม่รู้ว่าการช่วยเหลือที่อีกฝ่ายบอกไว้ก่อนหน้านี้ยังคงมีอยู่หรือไม่ทุกอย่างดูเหมือนเป็นเพียงอากาศที่ว่างเปล่า
อูม่ายกไม้คทาเก่าๆของเธอก่อนชี้ไปที่วิคตัสพร้อมท่องคาถาบางอย่าง หลังจากได้รับพลังชีวิตจากทาสเด็กจำนวนมากเธอเริ่มรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณในร่างกายที่เพิ่มขึ้นความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีเกินกว่าจะอธิบายได้
ข้าต้องการอีก ข้าต้องการชีวิตของพวกมันทั้งหมด !!
" ข้าเกลียดเสียงที่น่าหนวกหูของทาสสกปรกอย่างพวกแกมากที่สุด ในเมื่อเจ้าชอบส่งเสียงมากนัก ทำไมไม่ลองกรีดร้องให้ดังกว่านี้ก่อนตายล่ะ ? ฮี่ ฮี่ ฮี่ !! "
เมื่อเธอพูดจบเดือยกระดูกมากมายก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศคล้ายกับศรธนู มันลอยนิ่งรอคำสั่งของผู้บงการเพียงแค่อูม่าสะบัดไม้เท้าของเธอกระดูกเหล่านั้นจะปักไปทั่วตัวของวิคตัสอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้เมื่ออยู่ในเผ่าเธอเคยใช้การโจมตีเพื่อสั่งสอนทาสมาหลายครั้งต่อหลายครั้งและสูญเสียพลังวิญญาณจากการแสดงอำนวจไปเป็นจำนวนมาก ขนาดของเดือยกระดูกที่เคยสร้างนั้นมีขนาดเล็กและพลังโจมตีเบาบางไม่อาจเทียบได้กับอาวุธที่อัดแน่นด้วยพลังเหมือนในตอนนี้
วิคตัสซึ่งมีประสบการณ์ชีวิตขึ้นลงมามากกว่าสิบกว่าปีได้เยาะเย้ยอยู่ในใจ หญิงชราคนนี้พยายามจะทรมานเขาอีกครั้งจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถรอความช่วยเหลือจากชายคนนั้นได้อีกต่อไปวิคตัสรีบกระตุ้นพลังเวทย์ในร่างกายเพื่อรอโอกาสหลบหนี
ก่อนที่เขาจะเริ่มจู่โจมทันใดนั้นความเงียบสงบที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นและบรรยากาศในพื้นที่ก็เปลี่ยนไปโดยไม่มีใครได้สังเกตก่อนที่ทุกคนจะรู้สึกตัวเสียงกรีดร้องคำรามของสัตว์ป่าก็ดังออกมาจากทางป่าอาถรรพ์
ชนเผ่าดอร์สทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรจากลานทำพิธีกรรมสัตว์อสูรวิญญาณจำนวนมากกำลังพุ่งตรงมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็วดวงตาสีแดงหลายร้อยคู่จับจ้องไปยังมนุษย์กลุ่มใหญ่ตรงหน้าอย่างหิวกระหาย
ชาวเผ่าพากันวิ่งหลบหนีเอาชีวิตรอดโดยไม่สนใจกันบางคนที่สะดุดล้มต่างถูกเหยียบย่ำจนไม่อาจรู้ได้ถึงชีวิตและความตายของพวกเขาผู้ที่อยู่ใกล้คลื่นสัตว์ร้ายมากที่สุดถูกกลืนกินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อกลุ่มนักรบเริ่มควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่หัวหน้าเผ่าดอร์สจึงรีบออกคำสั่งให้ทุกคนถอยตั้งหลักก่อนวางแผนวิ่งฝ่าฝูงสัตว์ป่าเพื่อไปรับตัวนักบวช
วิคตัสเองก็ตกใจไม่ต่างจากคนอื่นเขารีบเรียกสติและใช้โอกาสจากความวุ่นวายเพื่อปลดเชือกที่พันธนาการตัวเองออกทันที
เมื่อนักบวชชราอูม่าหันกลับมาเพื่อจัดการทาสที่อยู่ตรงหน้าทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว บนลานพิธีตอนนี้มีเพียงเสาหินที่ว่างเปล่าตั้งอยู่เท่านั้น อูม่ากรีดร้องด้วยความโกรธและเริ่มมองหาทาสที่หลบหนีออกไปอย่างบ้าคลั่ง
" พลังชีวิตนั่นต้องเป็นของข้า แกอยู่ที่ไหน !! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้"
แต่ทุกที่กลับมีเพียงความวุ่นวายและสิ่งที่เธอต้องการได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทาสเด็กบนเสาหินทั้งสามคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่นาที ฉากการหลบหนีและสัตว์ป่ามากมายที่วิ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งทุกอย่างช่างเหลือเชื่อเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้
ในที่สุดอูม่าจึงตัดสินใจจบชีวิตทาสที่เหลืออยู่ทันที
หลังจากหันหน้าเข้าแท่นพิธีเธอจึงลงมือร่ายคาถาอีกครั้งพลังวิญญาณสีทะมึนเริ่มก่อตัวขึ้นและพุ่งไปยังตำแหน่งของทาสทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่พลังของอูม่าจะได้เริ่มกลืนกินจิตวิญญาณของเหยื่อ ปลายมีดคมก็จ่ออยู่ที่คอของเธอแล้วหญิงชราตกใจจนดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่คอ
" ในเมื่อแกชอบเสียงกรีดร้องมากนัก ทำไมไม่ลองร้องเองดูบ้างละ ? "
ช่วงเสี้ยวินาทีที่วิคตัสกำลังลงมือฆ่านักบวชอูม่าคลื่นพลังโจมตีที่รุนแรงก็พุ่งเข้าใส่เขา วิคตัสกระโดดหลบออกไปอย่างหวุดหวิดและพบว่าตำแหน่งที่เคยยืนอยู่นั้นกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่เป็นผลจากพลังโจมตี
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็สบกับดวงตาที่ดุร้ายของนักรบร่างสูง ไคออร์ส อีกฝ่ายยืนปกป้องด้านหน้าทำหน้าที่คุ้มกันนักบวชปีศาจได้เป็นอย่างดีจนไม่มีช่องว่างให้สามารถลอบโจมตีได้
แน่นอนถ้าหากเป็นการโจมตีทั่วไปล่ะก็นะ
นักบวชชราไม่ต้องการให้โอกาสวิคตัสมีชีวิตอีกต่อไป หลังจากปกปิดบาดแผลที่คอเธอจึงรีบออกคำสั่งทันที
" ฆ่ามันไคออร์ส ด้วยคำสั่งของนักบวชแห่งเผ่าดอร์สจงกำจัดศัตรูที่นำพาความมืดมายังดินแดนตะวันออกแห่งนี้ซะ! "
วิคตัสผู้ไม่เข้าใจสถานการณ์และคำพูดของพวกเขาไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนเลยสักนิดแต่กลับกันเขาสังเกตเห็นถึงความวุ่นวายรอบด้านที่เกิดขึ้น ดูเหมือนพื้นที่ในลานพิธีกรรมแห่งนี้จะถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง แม้แต่สัตว์อสูรวิญญาณที่บ้าคลั่งยังคงเพิกเฉยพวกเขาราวกับมองไม่เห็นผู้คนที่ยืนอยู่ที่นี่
เมื่อหันสายตากลับมาเห็นท่าทางพร้อมจู่โจมของชายหนุ่มตรงหน้าวิคตัสจึงเรียกไม้กายสิทธิ์ของเขาออกมาทันที กิ่งไม้ในมือโบกขึ้นลงเป็นจังหวะก่อนจะมีขวดยาสมุนไพรสีสวยปรากฏขึ้นและถูกยกดื่มจนหมดภายในชั่วอึดใจท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของผู้คนดึกดำบรรพ์
ทันทีที่น้ำยาสงบวิญญาณเริ่มทำงานพลังเวทย์ในร่างกายของวิคตัสก็เริ่มฟื้นฟูตัวเองขึ้นอีกครั้ง บาดแผลตามร่างกายค่อยๆถูกรักษาในความเร็วที่น่าตกใจจนทุกคนที่มีสายตาที่ดีเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
พ่อมดหนุ่มโยนขวดแก้วที่มีเอกลักษณ์ทิ้งโดยไม่สนใจใยดี เมื่อขวดโพชั่นตกกระทบลงสู่พื้นดินมันก็กระจัดกระจายกลายเป็นฝูงผีเสื้อสีเงินส่งเสียงคล้ายแก้วกระทบกันก่อนเริ่มบินจากไปมนอากาศ
สายตาสีสวยเปิดขึ้นอย่างช้าๆก่อนจ้องมองไปยังศัตรูตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มที่ดูเย้ายวนเป็นพิเศษ
" เอาล่ะ เกมอาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยนะ "
GOOD LUCK