บนท้องถนนของเมืองรามานี่ เมืองหลวงของประเทศโรมานาคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยซื้อของ เพราะนอกจากจะเป็นเมืองหลวงแล้ว รามานี่ยังเป็นเมืองการค้าที่สำคัญอีกด้วย สินค้ายอดนิยมคือเครื่องถ้วยเซรามิคลวดลายท้องถิ่นดั้งเดิม และไข่ทาสีแปลกตาที่กล่าวกันว่าหากปราถนาสิ่งใดให้เจาะเปลือกไข่ นำคำอธิษฐานใส่ลงไป จากนั้นนำไปฝังดิน เหล่าภูติจิ๋วจะนำคำอธิษฐานไปมอบให้กับเทพเจ้าเพื่อให้บันดาลพรให้ แต่หลังจากจบสงคราม 4 เผ่าพันธุ์ไป ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าถูกแทนที่ด้วยวิทยาศาสตร์ และเวทมนตร์คาถาที่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าจึงถูกลดบทบาทลง สถานที่ที่ยังคงมีความเชื่อเรื่องเทพเจ้าคือดินแดนพ่อมดแม่มดอย่างประเทศอิงกริช
โคโกะเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันไปมา ช่วงนี้ตัวเมืองจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะพรุ่งนี้คือวันสอบเข้าโรงเรียนไบรอันนา สถานบันการศึกษาที่สนับสนุนโดยสภากลางเพื่อให้เรียนรู้วิถีชีวิตของแวมไพร์และมนุษย์โดยแบ่งเป็นไบรอันนาชายล้วนตั้งอยู่เมืองเรสเซเน่ เมืองทางตอนเหนือของประเทศโรมานา และไบรอันนาหญิงล้วนตั้งอยู่เมืองโฮซูเร่ เมืองทางตอนใต้ของประเทศโรมานา ถึงโรงเรียนจะตั้งอยู่ทางตอนเหนือและตอนใต้ แต่การสอบจะจัดขึ้นที่รามานี่ เพราะจำนวนนักเรียนที่เข้าสอบนั้นเยอะเกินกว่าที่ทั้งสองเมืองจะรองรับได้ การสอบจะจัดขึ้นที่ปราสาทนาโปคา ปราสาทโบราณในปัจจุบันเป็นปราสาทของราชินีของกษัตริย์อาเดลลี่ที่ 9 ในช่วงการสอบนั้นราชินีจะต้องกลับไปอยู่บ้านเกิดของตัวเองเนื่องจากปราสาทถูกใช้เป็นสถานที่สอบ นี่คือข้อตกลงระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ และตระกูลอาเดลลี่
"ขอใบสมัครสอบเข้าโรงเรียนไบรอันนาครับ" โคโกะเอ่ยกับหนังสือเล่มหนาที่มีตา และปาก
"1 ลิวโรค่ะ" หนังสือเล่มหนาเอ่ยก่อนที่จะมีกระดาษสีน้ำตาลเฮเซลนัทออกมาจากปาก
โคโกะรับกระดาษมาถือในมือก่อนจะส่งให้พ่อบ้านการ์ดเนอร์ พ่อบ้านส่วนตัวของเขาไปถือเอาไว้ เขาหยอดเหรียญทอง 1 ลิวโรใส่ปากของหนังสือ ใบเสร็จสีขาวออกมาจากปากของมัน เขารับมาถือไว้ แล้วเดินออกจากร้านขายอุปกรณ์การเรียนที่วันนี้คนแน่นขนัดเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันสุดท้ายในการขายใบสมัครสอบเข้า
"อ้าว..โคโกะ" เสียงทักของเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ เพื่อนเผ่ามนุษย์ของโคโกะที่คบกันมาเมื่อตอนเรียนชั้นจูเนียร์ "นายมาซื้อใบสมัครเหมือนกันเหรอ"
"สมิธ นายก็มาเหมือนกันเหรอ" โคโกะเอ่ยพลางมองไปยังใบสมัครสีน้ำตาลเฮเซลนัทในมือสมิธ
"แน่นอน ฉันน่ะตั้งใจจะสอบเข้าที่นี่ให้ได้ เพราะฉันอยากอัดหน้าเจ้าพวกแวมไพร์ให้หงายหลังตึงยังไงล่ะ" สมิธด้วยน้ำเสียงติดตลก เขาเป็นเด็กหนุ่มที่เด่นเรื่องกีฬามาแต่ไหนแต่ไรโดยเฉพาะชกมวย ความฝันของสมิธ ลอว์สันผู้นี้คือการต่อยกับแวมไพร์ และลงจากสังเวียนด้วยชัยชนะ
"โคโกะว่านายไปสอบเข้าที่โอลิเวียน่าจะเหมาะมากกว่านะ" โคโกะเอ่ยแซว แต่สิ่งที่ได้รักลับมาคือสีหน้ามู่ทู่ของเพื่อน
"ฉันไม่อยากต่อยกับพวกมนุษย์หมาป่าหรอก เรื่องอะไรจะต่อยกับคนที่เรารู้ว่ายังไงก็แพ้ให้อยู่ดีล่ะ" สมิธเอ่ย "แต่ว่านะฉันชักไม่มั่นใจแล้วสิว่าตัวเองจะสอบเข้าไปได้ไหม" เด็กหนุ่มเปลี่ยนสีหน้าจากร่าเริงมาเป็นเศร้าสร้อย
"เหลืออีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาสอบ โคโกะจะช่วยสมิธเอง" โคโกะเอ่ย รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฎที่มุมปาก
"จริงเหรอ" ดวงตาของสมิธเปล่งประกายขึ้นมาในทันที เขาไม่ใช่พวกหัวดีเหมือนโคโกะ ผลการเรียนของเขาอยู่ในระดับกลาง ๆ แต่กลับใฝ่ฝันอยากสอบเข้าโรงเรียนที่มีข้อสอบยากเป็นอันดับ 1 ของโรมานา
"คุณการ์ดเนอร์ครับ เดี๋ยวช่วยเตรียมห้อง เสื้อผ้า และอาหารเย็นสำหรับสมิธด้วยนะครับ" โคโกะเอ่ยสั่งกับพ่อบ้านส่วนตัว
"ครับ" พ่อบ้านการ์ดเนอร์ขานรับด้วยท่าทีนอบน้อม จังหวะเดียวกันนั้นเองรถยุโรปสีดำคันหนึ่งเคลื่อนที่มาจอดด้านหลังของเขา เขาเปิดประตูให้คุณหนูทั้งสองขึ้นไปนั่งด้านหลังก่อนที่ตัวเองจะขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับรถ
รถเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาซื้อใบสมัครสอบเข้าโรงเรียนไบรอันนา โคโกะหัวเราะด้วยความสนุกสนานให้กับเรื่องเล่าสุดตลกขบขันจากสมิธ เด็กหนุ่มทำท่าชกมวยโดยเล่าว่าเขาจะหยิบท่าในบ้างไปท้าชกกับเหล่าแวมไพร์ถ้าหากสอบติด มีหลายครั้งที่เด็กหนุ่มหน้าสวยคิดว่าสมิธจะมีสีหน้าเช่นไรหากรู้ว่าเขาเป็นแวมไพร์ เผ่าพันธุ์ที่เจ้าตัวอยากชกอัดหน้าแรง ๆ สักหน..
ค่ำคืนที่คฤหาสถ์เบลินดาวันนี้ค่อนข้างดุเดือดไปด้วยการติวสอบสำหรับข้อสอบในวันรุ่งขึ้น วิชาที่สอบประกอบไปด้วย วิชาประวัติศาสตร์ และศาสตร์ว่าด้วยเรื่องแวมไพร์ ถึงจะมีแค่ 2 วิชา แต่จัดว่าเป็นวิชาที่หนักมาก และกว้างมาก โคโกะนั่งอ่านคำถามข้อสอบเก่าย้อนหลังเมื่อ 10 ปีที่แล้วไล่ขึ้นมาโดยมีสมิธคอยตอบคำถามได้บ้างไม่ได้บ้าง ซึ่งเด็กหนุ่มร่างกำยำนั้นเกาหัวเครียดไปหลายจุดไม่น้อย เพราะคำถามบางข้อไม่มีในบทเรียนชั้นจูเนียร์ด้วยซ้ำ เขาชักอยากรู้แล้วว่าใครกันเป็นคนออกข้อสอบ แล้วไปขุดเนื้อหามาจากไหน
"พอแล้ว ฉันรับมากกว่านี้ไม่ไหวแล้วละ" สมิธเอ่ยด้วยท่าทีอ่อนแรง เขาเอนหลังพิงกับโซฟานุ่มสีดำภายในห้องสมุดของคฤหาสถ์เบลินดา "ฉันเหลือเชื่อเลยจริง ๆ ว่านายมีความอดทนอ่านหนังสือ และข้อสอบพวกนี้เข้าไปได้ยังไง" เขาเอ่ยพลางปรายตามองท่าทีสบาย ๆ ของโคโกะ
"เพราะว่ามันเป็นกฎของสภากลางไม่ใช่รึไงที่กำหนดให้ทุกคนที่อายุครบ 16 ปีเข้าศึกษาเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของเผ่าพันธุ์อื่น" โคโกะเอ่ย แม้เขาจะเกลียดชังแวมไพร์มากแค่ไหน ปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่มากเท่าใด แต่ต้องทำตามกฎของสภากลาง ยิ่งเขาเป็นลูกชายของครอบครัวเบลินดา ยิ่งถูกจับตามองจากสภากลาง และผู้คนที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเป็นเท่าตัว
"ทำไมพวกเราต้องไปศึกษาวิถีชีวิตของพวกแวมไพร์ที่ตัวเหม็นกลิ่นคาวเลือดด้วยนะ" สมิธเอ่ยด้วยสีหน้าขยะแขยงเต็มที
"ช่วยไม่ได้..เพื่อสันติภาพของเผ่าพันธุ์ทั้ง 4" โคโกะเอ่ยโดยทำเสียงทุ้มต่ำล้อเลียนเสียงของโฆษกวัยชราของสภากลาง เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งสองได้เป็นอย่างดี แต่เบื้องหลังเสียงหัวเราะนั้นเขากลับคิดว่าสันติภาพที่สภากลางพยายามสร้างนั้นช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะสุดท้ายแล้วสภากลางนั่นเองที่ซ่อนทุกอย่างไว้ใต้พรม!
ปราสาทอาลองเซ่
ปราสาทอาลองเซ่เป็นปราสาทเก่าแก่ที่ตั้งโดดเด่นอยู่เขตเหนือของเมืองรามานี่ กินพื้นที่มากกว่า 500 ไร่ ภายในมีระบบสาธารณูปโภคครบครันมากจนเรียกแทบว่าจะล้น อีกทั้งระบบการจัดการอุณหภูมิยังเป็นระบบใหม่ล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในปราสาทอาลองเซ่คือห้องโถงแก้ว ห้องโถงแก้วเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ภายในปราสาทอาลองเซ่ ทุกสิ่งที่อยู่ในนี้ล้วนทำจากแก้วทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเสา เพดาน กำแพง หรือแม้แต่ของตกแต่ง การซ่อนความสวยงามไว้ใต้อิฐหนาสีทึบจึงเป็นความภาคภูมิใจเทคโนโลยีการก่อสร้างของโรมานา ห้องโถงนี้สามารถจุคนได้เกือบหมื่นคน ซึ่งในยามนี้เต็มไปด้วยเหล่าเด็กหนุ่มสาวที่อายุถึงเกณฑ์ต้องเข้าไปศึกษาวิถีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ตามกฎของสภากลาง โคโกะมาถึงที่นี่ตั้งแต่ห้องโถงยังมีผู้คนไม่เยอะ เขามาพร้อมกับสมิธ แต่ตอนนี้เจ้าตัวไม่อยู่ เพราะไปทักทายเพื่อนคนอื่น ๆ ที่มาเข้าสอบ ด้วยเหตุนี้เขาจึงอยู่คนเดียวท่ามกลางเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ และเสียงเปิดหนังสือเพื่อทบทวนรอบสุดท้ายก่อนเข้าห้องสอบ ด้วยความรำคาญเสียงรบกวนเขาจึงคิดจะปลีกวิเวกตัวเองไปที่ไหนสักที่ พลันสายตาที่ดีกว่ามนุษย์เหลือบไปเห็นด้านหลังเปียโนแก้วตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่สุดห้องโถง ด้านหลังเปียโนตัวนั้นมีที่ว่าง แถมยังเว้นระยะห่างจากกลุ่มผู้เข้าสอบได้พอประมาณ ไม่รอช้าให้เสียเวลาร่างบางฝ่าฝูนเดินตรงไปยังเปียโนแก้ว เขาหย่อนกายนั่งลง ขณะเดียวกันนั้นเองก็มีเด็กหนุ่มอีกคนนั่งลงตามมาติด ๆ กัน โคโกะจึงยิ้มให้อีกฝ่ายตามมารยาท และคิดว่าจะแอบงีบหลับสักหน่อย แต่เด็กหนุ่มที่นั่งพร้อมกับเขาชวนคุยขึ้นมา
"มาสอบเหมือนกันสินะ ฉัน เอลีน บาร์เบอร์"
"โคโกะ เบลินดา" โคโกะเอ่ยแนะนำตัวกลับตามมารยาท
"นายคิดว่าข้อสอบจะยากไหม" เอลีนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าสอบตกโคโกะคงไม่กลับมาสอบทชเข้าที่นี่อีก คงไปเรียนที่อื่นแทน" โคโกะเอ่ย ถึงเขาจะอ่านหนังสือมามากบวกกับเรียนพิเศษเสริมจากอาจารย์ที่คุณพ่อรู้จัก แต่ข้อสอบเข้าโรงเรียนไบรอันนานั้นขึ้นชื่อลือชาว่าโหดหินเช่นกัน เขาจึงไม่มีความมั่นใจให้กับการสอบในครั้งนี้ทั้งที่ปกติเขาค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง
"ยังไม่ลองสอบเลยนายก็คิดว่าตัวเองตกแล้ว มั่นใจเข้าหน่อย จะว่าไปนายมาจากตระกูลเบลินดาสินะ อ๊ะ..หรือว่านายคือลูกชายของท่านบาร์ธาซ่าและท่านเมลิน" เอลีนพูดอย่างนึกขึ้นได้พร้อมกับใช้สายตาพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ดวงตาน้ำผึ้งเปล่งประกายขึ้นมาทันทีเมื่อรับรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนดัง คุณหนูโคโกะจากครอบครัวเบลินดา มีใครบ้างจะไม่รู้จัก แม้จะไม่ค่อยออกงานสังคมเป็นกิจจะลักษณะ ทว่าเขาคนนี้กลับขึ้นชื่อเรื่องใบหน้างดงามสมฉายา 'กุหลาบขาวแห่งโรมานา' "เจ๋งชะมัดเลย!" เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยความดีใจ
"เจ๋ง..ตรงไหน" โคโกะเอ่ยด้วยความสงสัย แต่เอ่ยกับตัวเองมากกว่าที่จะเอ่ยกับเอลีน น้ำเสียงจึงเบา
"วันนี้เอาไปอวดที่บ้านได้แล้วว้อย!" เอลีนเอ่ยด้วยความดีใจ เขาเกิดมาในครอบครัวชั้นกลาง โอกาสน้อยมากที่จะได้พบเจอบุคคลมีชื่อเสียงหรือบุคคลระดับสูงอย่างเช่นผู้สังเกตการณ์ ถึงแม้ว่าผู้สังเกตการณ์จะไม่มีความสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาภายในประเทศได้โดยตรง แต่กลุ่มคนเหล่านี้จะรับรู้ความเป็นไปภายในไม่แพ้กัน บางครั้งอาจจะกุมความลับสุดยอดของแต่ละประเทศที่ไม่เปิดเผยให้สามัญชนรู้!
"ประกาศการสอบจะเริ่มขึ้นในอีก 30 นาที ขอให้ผู้เข้าสอบดูสีที่ป้ายหมายเลขลำดับบนใบสมัคร หากเป็นสีขาวให้เดินไปทางขวา หากเป็นสีดำให้เดินไปทางซ้าย หากเป็นสีแดงให้เดินตรงไปด้านหน้า" เสียงประกาศดังขึ้นจากตรงไหนไม่ทราบ
ค้างคาวสีดำฝูงใหญ่บินเข้ามา พวกมันก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง แล้วกลายเป็นชายหนุ่ม 3 คนสวมชุดครุยสีขาว สีดำ และสีแดง นักเรียนที่รวมตัวกันแยกกลุ่มตามสีป้ายลำดับหมายเลข ต่างคนต่างเดินไปหาชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีเดียวกับป้ายลำดับหมายเลข
"ของฉันเป็นสีขาว ของนายล่ะ" เอลีนเอ่ยถามโคโกะ
"ของโคโกะสีแดง" โคโกะเอ่ยตอบ เขาเตรียมเดินไปหาผู้ชายที่สวมชุดครุยสีแดง
"จริงสิ..ถ้านายสอบเสร็จก่อน ช่วยรอฉันได้ไหม" เอลีนเอ่ย เมื่อเห็นว่าโคโกะแสดงสีหน้าสงสัย เขาจึงเอ่ยตอบว่า "พอดีว่าครอบครัวฉันชวนกันมาฉลองหลังสอบเสร็จ จะว่ายังไงดี..พวกเขาชื่นชมนายมาก ๆ เลย อยากเจอให้ได้สักครั้งน่ะ" เขาเอ่ยด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงจัดด้วยความเขินอาย ไปขอให้คนระดับนั้นมาฉลองหลังสอบเสร็จด้วยกัน เอลีนคิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ แต่คำตอบจากโคโกะทำเอาเขาตัวแทบลอย
"ได้สิ ไม่มีปัญหา"
"จริง ๆ เหรอ ขอบคุณมากนะ!" เอลีนเอ่ยรัวเร็วก่อนจะรีบจ้ำอ้าวไปรวมกลุ่มกับคนที่มีป้ายลำดับหมายเลขสีขาว
"ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วยนะ" โคโกะเอ่ยด้วยความสงสัยทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับคนที่มีป้ายลำดับหมายเลขใบสมัครสีแดง..
เสียงระฆังดังเหง่งหง่างบ่งบอกว่าหมดเวลาสอบ โคโกะกาคำตอบข้อสุดท้ายก่อนจะวางดินสอลง เขาผ่อนลมหายใจยาวออกมา ข้อสอบเข้าโรงเรียนไบรอันนาโหดหินสมฉายา วิชาประวัติศาสตร์นั้นออกข้อสอบกว้างมาก บางข้อย้อนไกลไปจนถึงช่วงที่โลกยังมีเพียงแค่เผ่ามนุษย์ ส่วนข้อสอบศาสตร์ว่าด้วยเผ่าแวมไพร์ออกรายละเอียดยิบย่อยจนาดเขาที่ใช้ชีวิตกับแวมไพร์มาหลายปียังตอบไม่ได้หลายข้อ ทำให้ความมั่นใจของเขาไม่ได้มีเยอะมากนักหลังจากส่งกระดาษคำตอบไป
"โคโกะ!" เอลีนรีบวิ่งมาหาโคโกะ เขาสอบเสร็จก่อนประมาณ 15 นาทีได้ จึงลงมารอที่ด้านล่าง "เป็นไงบ้าง ทำได้ไหม ข้อสอบศาสตร์ว่าด้วยเรื่องแวมไพร์โคตรยากเลยอ่ะ ฉันตอบได้ไม่ถึงครึ่งเลย" เด็กหนุ่มเอ่ยสีหน้าห่อเหี่ยวอย่างหมดกำลังใจ
"ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เขาไม่ได้วัดคะแนนรายวิชานี่ ขอแค่คะแนนรวมเกิน 500 คะแนนเท่านั้น" โคโกะเอ่ย ซึ่งเขาไม่รู้ตัวว่ากำลังให้กำลังใจเอลีนทางอ้อมอยู่
"แต่ข้อสอบยากชะมัด ฉันจะได้ถึงรึเปล่ายังไม่รู้เลย" เอลีนเอ่ยด้วยความรู้สึกท้อเล็ก ๆ อยู่ในใจ "แต่ว่ามันผ่านไปแล้วก็ช่างมันประไร ครอบครัวของฉันรออยู่หน้าปราสาท พวกเราไปฉลองหลังสอบกันเถอะ!" เขาเอ่ยพร้อมกับกอดคอโคโกะให้เดินไปด้วยกัน
"โคโกะต้องบอกทางบ้านก่อน คิดว่าตอนนี้พ่อบ้านการ์ดเนอร์น่าจะมารออยู่แล้ว" โคโกะเอ่ย เขายังไม่ได้แจ้งคุณพ่อคุณแม่ว่าจะมาฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนใหม่ เพราะเวลากระชั้นชิดเกินไป
บนทางเดินลาดยาวที่ปูด้วยพรมสีขาวสะอาดตาระหว่างเอลีนและโคโกะมีบทสนทนามากมายหัวข้อ โคโกะเพิ่งจะรู้ว่าครอบครัวของเอลีนทำอาชีพช่างทำผม พวกเขาเปิดร้านทำผมไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่ที่เมืองดาคูล ห่างจากเมืองรามานี่ไปประมาณ 150 กิโลเมตร เนื่องจากค่าใบสมัครค่อนข้างแพง ราคาค่างวดการเรียนเสริมก็สูงปรี๊ด ไหนจะค่าเดินทางมายังรามานี่เพื่อสอบ เอลีนจึงทำงานพิเศษด้วยการเป็นเด็กส่งของ แต่กระนั้นเงินตรงนั้นไม่พอที่จะมาเรียนเสริมอยู่ดี เด็กหนุ่มจึงรู้สึกภูมิใจที่ตัวเขามาสอบเข้าโรงเรียนไบรอันนาด้วยตัวเองโดยทำทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่อ่านหนังสือไปจนถึงมาเข้าสอบ
"นี่..โคโกะ ถ้านายได้เข้าเรียนที่ไบรอันนา นายจะทำอะไรเป็นอย่างแรง" เอลีนเอ่ยถาม ตอนนี้พวกเขาเดินออกมาจากห้องโถงแก้วแล้วกำลังจะเดินไปยังทางออกของปราสาท
"ไม่รู้สิ แกล้งพวกแวมไพร์ละมั้ง" โคโกะเอ่ยแบบติดตลก แต่คำพูดของเขาดันไปเข้าหูใครบางคน บุคคลที่ไม่คิดว่าจะปรากฎตัวที่นี่ ในเวลานี้
"ลูกพ่อทำไมเป็นเด็กขี้แกล้งอย่างนี้นะ"
"คุณพ่อ.." โคโกะเอ่ยเรียกคุณพ่อบาร์ธาซ่าของเขาที่ไม่น่าเชื่อว่าจะปรากฎตัวที่ปราสาทอาลองเซ่ ยิ่งเป็นช่วงวันสอบ ยิ่งไม่น่ามาปรากฎตัวเข้าไปใหญ่
"พ่อมีธุระที่นี่นิดหน่อยเลย ตั้งใจจะมารับลูกกลับด้วย แล้วพ่อหนุ่มตรงนั้น.." บาร์ธาซ่าเอ่ยพร้อมกับมองมายังเอลีนด้วยสายตาอ่อนโยน
"เอลีน บาร์เบอร์ครับ! เรียกเอลีนได้เลยครับ!!" เอลีนเอ่ยด้วยอาการตื่นเต้นเมื่อได้พบกับคนดังของประเทศ
"เอลีนสินะ เป็นชื่อที่ดีเลยทีเดียว" บาร์ธาซ่าเอ่ยชม ยิ่งทำให้หัวใจของเอลีนเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
"คุณพ่อ..เอลีนชวนโคโกะไปฉลองหลังสอบเสร็จ วันนี้คงไม่ได้ทานมื้อเย็นด้วยกัน" โคโกะเอ่ยกับคุณพ่อ ปกติแล้วครอบครัวเบลินดาจะทานอาหารพร้อมกันยกเว้นจะมีเหตุจำเป็น
"ฉลองหลังสอบเสร็จสินะ เอาอย่างนี้มาฉลองที่บ้านของพวกเรากันเถอะ คุณเอลีน.."
อีกตอนมาเสิร์ฟค่ะ >< ตอนนี้เป็นการสอบ มีตัวละครเพิ่มมา 2 ตัว แต่น้องเอลีนคือคนที่มีบทต่อ ส่วนนายสมิธ...ปล่อยไปแล้วกันค่ะ 555+ ช่วงนี้ยังเป็น slice of life ปูเรื่องให้เข้าใจกันก่อน สำหรับสกุลเงินของโรมานามีเรื่องชี้แจ้งดังนี้ค่ะ
1 ลิวโร = 100 บานี
1 บานี = 50 โซเล
1 โซเล = 25 เบน่า
โดยสกุลเบน่าคือสกุลเงินที่มีค่าน้อยที่สุดค่ะ
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!