เกิดเป็นเทวดานั้นแสนเหนื่อย
จะนอนเลื้อยให้สบายก็โดนด่า
ถากถางเอื้อนเอ่ยด้วยวาจา
ทำอุราขื่นขมระบมใจ
ธาวินมองดูเรือนพักที่เหมือนศาลาท่าน้ำบ้านสวนที่เขาเคยทำเอาไว้ ดูยังไงไม่เหมือนที่ที่จะนอนได้ ที่นอนก็ไม่มีหมอนก็ไม่มี ผ้าห่มโอ๊ยมันไม่มีอะไรสักอย่างแบบนี้จะนอนได้ยังไง โยนหนังสือเล่มโตเอาไว้บนศาลาเอาเถอะไม่มีหมอนไอ้หนังสือกฎนี่ก็พอจะหนุนหัวกล้อมแกล้มได้อยู่ เดินออกมานอกศาลาเห็นแค่ปุยเมฆขาวๆ ตอนอยู่ข้างล่างมองไกลๆ ไม่ค่อยเห็นรายละเอียดพอมามองใกล้ๆ แบบนี้เหมือนใยสังเคราะห์ไม่มีผิด ลองดึงๆ มาดูฟูๆ นุ่มๆ แบบนี้เอาไปปูนอนก็ได้นี่หว่าคิดแล้วรีบโกยปุยเมฆเอาไปปูเป็นที่นอนเด้งๆ บนศาลาแค่นี้ก็ได้ที่นอนนุ่ม ๆ แล้วเอาหนังสือกฎมาหนุนหัวให้มันซึมเข้าไปในหัวจะได้ไม่ต้องอ่าน ตั้งแต่ขึ้นมาก็เจอแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ตอนนี้ไม่ไหวขอนอนเอาแรงก่อนดีกว่า นอนไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ทำงานมาทั้งชีวิตได้นอนพักเสียทีต่อไปไม่มีใครมาเรียกให้ทำอะไรอีกแล้ว
"เจ้าอ่านกฎจบหรือยังถึงได้นอนเอกเขนกอยู่แบบนั้น" เสียงที่จำฝังแน่นอยู่ในสมอง พึ่งมาถึงจะไม่ให้พักเลยหรือยังไง พลังงานเหลือเฟือไปหรือเปล่านะ
"อ่านแล้ว กำลังอ่านอยู่ในฝัน" ผงกหัวมายิ้มหวานให้ ดูๆ ไปเทวดาพี่เลี้ยงนี่ก็หล่อไม่ใช่เล่น เสียอย่างเดียวขี้บ่นไปไหน
"ถ้าเจ้าจำกฎไม่ได้ แล้วโดนทำโทษอย่าหาว่าเราไม่เตือน อีกอย่างถ้าเจ้าไม่ทำงานเจ้าก็จะไม่มีแต้มไปแลกบุญ" ยืนทำหน้าตาอ่อนใจอยู่แบบนั้นมันผิดนะ!
"เดี๋ยวสิ มีทำงานเอาแต้มไปแลกบุญด้วยเหรอ เกิดมาพึ่งเคยได้ยิน" ธาวินลุกขึ้นนั่ง
"ก็เจ้าพึ่งเป็นเทวดา จะได้ยินได้อย่างไร" ตอบแบบซื่อๆ เออมันก็จริงเกิดมาไม่เคยเป็นเทวดาและพึ่งเป็นวันแรกนี่แหละ
"ว่าแต่คุณพี่เป็นเทวดามานานแล้วเหรอ" ยิ้มหวานจ๋อยเตรียมอ่อยเทวดา
"เราเป็นเทวดามาตั้งแต่เกิด" อุบ๊ะเทวดาตัวจริงเสียงเว้ยเฮ้ย
"งั้นก็ไม่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน"
"ก็เราเกิดมาเป็นเทวดา" ส่ายหัวไม่รู้ว่าเจ้าเทวดาใหม่จะถามไปทำไม
"งั้นก็ขอถามเลย คือแบบสงสัยอะนะ ทำไมบนนี้ถึงไม่มีต้นไม้ล่ะ" มีแค่ที่โล่งๆ แล้วก็ปุยขาวๆ สุดลูกหูลูกตา
"ก็ไม่มีใครปลูก" เออจริงไม่มีใครปลูกมันจะมีต้นไม้ได้ยังไง
"พอไม่มีต้นไม้มันก็ร้อนใช่มั้ยล่ะ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเทวดาถึงชอบไปสิงอยู่ตามต้นไม้ แบบนี้นี่เอง" ธาวินพึมพำ
"เจ้าว่าอะไร เราไม่เห็นเข้าใจ" วัชเรนทร์ขมวดคิ้ว
"ก็เราเคยได้ยินว่าเทวดาขอบสิงสถิตอยู่ตามต้นไม้ในป่าอะไรแบบนี้ ตอนแรกเราก็สงสัยว่าทำไมถึงได้ไปสิง ตอนนี้เรารู้แล้วเป็นเรา เราก็อยากอยู่ที่เย็นๆ ร้อนๆ โล่งๆ แบบนี้ไม่ไหวหรอก" ธาวินส่ายหน้า เหลืออีกนิดเดียวก็จะถอดชุดที่ใส่นอนแก้ผ้าอยู่แล้วเนี่ย
"ใครบอกเจ้าว่าเทวดาชอบสิงสถิตอยู่ในต้นไม้" วัชเรนทร์ ย้อนถาม
"ก็เขาเล่ามา" ธาวินยักไหล่
"เขาคนไหน"
"เขาก็คือเขา"
"ก็นั่นแหละคนไหน"
"ไอ้เขาที่บอกต่อ ๆ กันมาไง ท่านโง่หรือเปล่า" วัชเรนทร์ฉุนกึ๋กจู่ๆ มาโดนเทวดาใหม่ด่าว่าโง่ อยากจะปราดเข้าไปจับทุ่มสักหนึ่งทีแต่ไม่ได้เด็ดขาดถึงจะเป็นเทวดาชั้นฉกามาพจรก็ยังต้องสำรวมอาการ
"เอาล่ะ เราจะอธิบายให้เทวดาฉลาดอย่างเจ้าฟัง" วัชเรนทร์ส่งเสียงกึ่งๆ โมโหออกไป
"โอเค ว่ามา" ตั้งหน้าตั้งตาฟัง
"เทวดาอย่างเราลำดับชั้นเหนือกว่าเทวดาที่ไปสถิตอยู่ตามต้นไม้ พวกเราเรียกว่ารุกขเทวดา ไม่มีที่อยู่บนวิมานจึงต้องอาศัยตามต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุมาก" พอเห็นธาวินตั้งใจฟังก็ใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย
"อ้อ แล้วมีรุกขเทวดาอย่างเดียวเหรอที่อยู่ในโลกมนุษย์" ย้อนถามด้วยความสนใจ
"มีเทวดาที่อยู่ตามบ้านเรียกว่าพระภูมิ"
"อีกหน่อยรุกขเทวดาคงต้องเปลี่ยนไปเป็นพระภูมิมากขึ้น" ธาวินถอนหายใจ
"เพราะอะไร" วัชเรนทร์ทำหน้าสงสัย
"ก็ต้นไม้น้อยลงเรื่อยๆ ใช่มั้ย พอไม่มีต้นไม้ก็ไปอยู่ตามบ้านแทน เปลี่ยนจากรุกขเทวดาไปเป็นพระภูมิ ดีที่เราอยู่บนวิมาน" ธาวินเริ่มเข้าใจมากขึ้น
"เอาล่ะ นอกเรื่องมากมาแล้ว เจ้าท่องกฎให้ขึ้นใจ เพราะถ้าเจ้าท่องไม่ได้หากถูกถามเราจะโดนทำโทษไปด้วย" วัชเรนทร์เอ่ยบอก
"โอ๊ะ โดนทำโทษด้วยเหรอ" พอเป็นเรื่องที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนธาวินเริ่มร้อนรน เพราะตัวเองไม่ชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่แล้ว
"เจ้าคิดดูว่าถ้าจำกฎไม่ได้ ทุกคนทำอะไรตามใจตัวเอง มนุษย์มีกฎหมายทำไมเทวดาจะมีกฎไม่ได้"
"อึ่ม งั้นเราจะอ่านแต่ตอนนี้ขอเรานอนก่อน เราพึ่งมาถึงเหนื่อยนิดหน่อยแถมความร้อนทำให้เราง่วง" ปิดปากหาวหวอดๆ
"งั้นเรากลับมาอีกทีเจ้าต้องตอบกฎที่เราถามได้" วัชเรนทร์ยื่นข้อเสนอ
"ก็ได้ๆ" รับปากแบบขอไปที วัชเรนทร์พยักหน้ายอมกลับแต่โดยดี
ธาวินเป็นพวกแพ้แดด เวลาอยู่กับแดดมักง่วงเหงาหาวนอนบ่อยๆ แล้วตอนนี้ไม่มีอะไรมาบังแดดรอบๆ สักอย่างจะไม่ให้ง่วงได้ยังไงต่อให้ฝืนสักพักก็ล้มตึงเพราะเผลอหลับอยู่ดี
หากเป็นโลกมนุษย์คงเป็นการสวดชุมนุมเทวดาเพื่อเรียกเทวดามารวมกันแต่สำหรับสวรรค์พอถึงเวลาก็มาจับกลุ่มชุมนุมพูดคุยสัพเพเหระเหมือนในโลกมนุษย์นั่นแหละ สภากาแฟเทวดาเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายหลังจากที่ทุกคนทำหน้าที่กันเสร็จหมดแล้ว ต่างมาชุมนุมเพื่อพูดคุยกันถือว่าเป็นการระบายความเครียดได้อย่างหนึ่งโดยเฉพาะวัชเรนทร์ถ้าไม่ได้บ่นคงอกแตกตายแน่
"คิ้วเจ้าแทบจะผูกกันได้แล้ว" เพื่อนเทวดาเอ่ยทัก
"จะไม่ให้ปวดหัวได้ยังไงได้เทวดาใหม่มาดูแล ไม่สนใจอะไรสักอย่าง" วัชเรนทร์ยกแก้วน้ำทิพย์ขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด
"ไปคลายเครียดกันไหม" เพื่อนเทวดาเอ่ยถาม
"มีนางฟ้า บุปผางามให้เจ้าชื่นชม ถ้าเป็นเจ้าคงมีแต่คนต้อนรับ"
"ไม่มีอารมณ์" วัชเรนทร์ส่ายหน้า
"ตอนนี้ไม่มี เดี๋ยวไปถึงก็มีเอง" ลากวัชเรนทร์เหาะขึ้นฟ้าไปหานางฟ้าบุปผาสวรรค์ ที่ที่จะหาความสำราญได้ยามที่หดหู่ใจหรือไร้เรี่ยวแรงจะทำงาน
ตอนไปถึงที่นั่นมีเทวดามากมายที่ยืนรอคิวอยู่ คงเพราะช่วงนี้มีเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวันจึงทำให้เกิดความเครียดสะสมจนต้องหาที่ระบาย แค่เห็นคิววัชเรนทร์ก็อยากจะกลับวิมานของตัวเองแล้ว
"เรากลับดีกว่า พวกเจ้ารอไปเถอะ" ทำหน้าเบื่อหน่าย
"แต่เรามาถึงแล้วนะ" เพื่อนเทวดาทำท่าไม่อยากให้กลับ
"เอาเถอะน่า เราไม่เป็นอะไร เดี๋ยวก็ดีเอง เชิญพวกเจ้าตามสบาย" หันมายิ้มให้เล็กน้อยแล้วเหาะกลับวิมานของตน
กลิ่นหอมๆ ลอยฟุ้งไปทั่วทำให้วัชเรนทร์แปลกใจไม่น้อยปกติแล้วกลิ่นแบบนี้มีแต่บุปผานางฟ้าเท่านั้นแต่ตอนนี้กลับ ไม่สิหรือว่าเทวดาใหม่นั่นรีบก้าวขาฉับๆ ตรงไปยังวิมานเล็ก
"เจ้าไปเอาดอกไม้มาจากไหน" วัชเรนทร์ถามเสียงดัง
"อุ้ย ตกใจหมด เราไปขอเขามา" ธาวินยิ้มหวานจ๋อย
"ขอใคร" วัชเรนทร์เดินเข้ามาใกล้ๆ
"ขอที่สวน"
"ที่สวน" วัชเรนทร์ย้ำ
"ใช่ที่สวน" ธาวินพยักหน้า
"เจ้าขออย่างไรถึงได้มา"
"เราไปที่สวนเห็นดอกไม้สวยมากเลย เราก็เลยเดินหาเจ้าของแต่ไม่เจอ เราก็เลยตะโกนไปว่า เราขอดอกไม้ไปปลูกหน่อยนะ เอ้อเอาไปได้เลย" เราก็เลยเอามา
"เดี๋ยวนะ เจ้าตะโกนเองตอบเอง" วัชเรนทร์กำหมัด
"เจ้าไม่เคยใช้เหรอ ตอนเราอยู่ที่โลกมนุษย์ทำบ่อยเลยเวลาไปต่างจังหวัดเห็นมะม่วงแล้วอยากกินก็จะตะโกนไปว่า ขอมะม่วงหน่อยนะ เอ้อเอาไปได้เลย ผีบ้านผีเรือนตอบมาเราไม่ได้ยิน เราก็ตอบตัวเองให้ได้ยิน" ธาวินยิ้มหวาน
"นั่นเขาเรียกว่าขโมย" วัชเรนทร์กัดฟัน
"ไม่ใช่เสียหน่อย ไม่ได้ขโมยเราขอแล้ว คนอื่นๆ ก็ทำกันแบบนั้น" ธาวินยืนยัน
"อย่ามาเฉไฉ" วัชเรนทร์เจ้าเทวดาใหม่นี่หาทางเอาตัวรอดชัดๆ
"เจ้าไม่เชื่อเราเหรอ" ธาวินทำเสียงอ่อน
"ไม่เชื่อ" วัชเรนทร์ยืนยัน
"งั้นพาเราไปที่โลกมนุษย์สิ เราจะพาไปดู"
"ได้" วัชเรนทร์อยากจะให้เจ้าหมอนี่ยอมรับความผิดของตัวเอง ยังไงมันก็ขโมยชัดๆ เลยพาลงไปที่โลกมนุษย์อีกครั้ง
พวกเขามาปรากฏกายอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งแถบชนบท รอบๆ บ้านมีผักผลไม้ขึ้นงานเต็มไปหมด รวมถึงดอกไม้ต่างๆ ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ยืนอยู่พักใหญ่ๆ ก็มีชายแก่เดินเข้ามาหาทั้งคู่
"ท่านเทวดาเหตุใดถึงมาที่นี่ได้" ชายแก่คนนั้นเอ่ยถาม
"เราแวะมาเยี่ยมเยี่ยน แล้วท่านสบายดีเหรอ" เอ่ยถามชายแก่ผู้นั้น
"สบายดี" ขณะที่คุยกันอยู่ก็มีคนเดินมาที่รั้วบ้านชะโงกมองเข้าไปในบ้านอยู่นาน ยืนเกาหัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก
"ขอยอดกระถินหน่อยเน้อ" แล้วก็ยืนนิ่งอยู่พักใหญ่
"เอาไปเถอะ" ชายแก่บอก
"เอ้อเอาไปเถอะ" ชายที่ตะโกนถามบอกตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มเก็บกระถินได้กำใหญ่ กำลังจะเดินออกจากรัวไปเจ้าของบ้านก็กลับมาพอดี
"เอายอดกระถินไปกินกับน้ำพริก เห็นไม่อยู่เลยขอกับผีบ้านผีเรือนไปแล้ว" เขาบอกเสียงดัง
"เอาไปเถอะ มีเยอะ" เจ้าของบ้านยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านไป
"เห็นไหมเราบอกเจ้าแล้ว" ธาวินยิ้มกว้าง
"ผีบ้านผีเรือนท่านกลับไปเถอะ" หันไปบอกชายแก่ ตอนนี้เส้นเลือดผุดอยู่ที่หน้าผากวัชเรนทร์ ลากธาวินเทวดาใหม่กลับขึ้นไปวิมาน
"เราบอกเจ้าแล้วว่าไม่ได้ขโมย" ยิ้มกว้างอย่างมีชัย ทำเอาวัชเรนทร์อยากจะลาออกจากการเป็นเทวดาผู้ดูแลตั้งแต่วันแรกนอกจากจะเรื่องมากกวนประสาทยังขี้ขโมยอีกขึ้นสวรรค์มาได้ยังไงกันวะเนี่ย