ดาวน์โหลดแอป
96.15% ล่านิรันดร์ / Chapter 25: บทที่ 24 ชะตาอาภัพ

บท 25: บทที่ 24 ชะตาอาภัพ

ภายใต้พระจันทร์เต็มดวงสีเลือด ปีศาจที่มิได้ถูกอัญเชิญปรากฏอยู่ต่อหน้าเด็กน้อยทั้งสิบเอ็ดคน เจ้าโจรที่ลักพาตัวพวกเด็กนี้มานั้น​ คิดว่า​เด็กที่เคยขโมยมาก่อนหน้านี้คงใช้การไม่ได้แล้ว จึงคิดจะหาเด็กคนอื่นมาแทน แต่แทนที่จะเอามาคนเดียว ไม่สู้เอามาหลายๆ คน​ ให้ปีศาจตนนี้เลือกเอาไปเองจะดีกว่า

สัญญาแรงปรารถนาคือสิ่งที่เคยถูกเล่าขานกันมาหลายร้อยปี​ หากทำสัญญานั้นได้จริงล่ะก็ ต่อให้ขอเป็นอมตะก็ยังได้ ในระหว่างที่ปีศาจมองเด็กทีละคนเจ้าโจรก็คิดถึงเงินทองมหาศาลที่กำลัง​จะได้ แต่จนแล้วจนรอด ปีศาจตนนั้นก็ไม่หยิบเด็ก​สักคนในนี้​ออกไป

"นายท่าน ท่านไม่พอใจเด็กพวกนี้หรือขอรับ? "

"อยู่นี่ แต่อยู่ไหน? ทำไม? สัมผัสได้แต่ไม่เห็น"

ปีศาจพร่ำพูดอยู่ตนเดียวพลางหยิบเด็กน้อยไปดูทีละคน เด็กทุกคนตัวสั่นเทาเพราะปีศาจตรงหน้าทั้งน่ากลัวและน่าขยะแขยงในเวลาเดียวกัน เมื่อมันหาสิ่งที่ต้องการไม่พบสักที​ก็คิดจะกระชากดวงวิญญาณของเด็กพวกนี้​ออกมาทุกคน​ มันกางมือออกพร้อมจะปัดวิญญาณทุกดวงตรงหน้า

สวบ!

แขนของปีศาจหลุดออกจากร่างทั้งยังดิ้นไปมาน่าขนลุก ฮาวเวอร์ตั้งหลักอีกครั้งพร้อมฟันมันอีกรอบ แล้วหันไป​พูดกับเด็กๆ​ ให้หลบไป

"พากันไปหาที่หลบก่อน แล้วไม่ต้องออกมาหากทุกอย่างไม่สงบดี ไปได้แล้ว!"

คำสั่งเสียงกร้าวดังขึ้นจนเด็กคนอื่นต้องลุกวิ่งหนี แต่โจรที่เพิ่งได้สติก็คิดจะวิ่งตาม​ ทันทีที่พวกเด็กน้อย​วิ่งหนีออกไปไกลเกินสิบเมตร ฮาวเวอร์ก็ขังทั้งสามไว้ทันที เมื่อมองพินิจปีศาจตรงหน้าแล้วก็รู้ทันทีว่าไอ้สิ่งนี้คือตัวอะไร

"มึงนี่เองไอ้เดรัจฉาน เดี๋ยวนี้หากินกับวิญญาณเด็กน้อยหรือวะ"

"ก็ขอบใจที่อุตส่าห์จำได้ แต่ว่าพวกมึงมันสันดานเหมือนกันหมดจนกูแยกไม่ออกสักคน ไหนลองเรียกชื่อแต่งตั้งให้กูฟังดิ เพื่อจะนึกออกว่าเป็นไอ้กระจอกตัวไหน"

ปีศาจได้กลิ่นอายวิญญาณร้ายจากตัวฮาวเวอร์ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าวิญญาณชั่วร้ายตนนั้นมาสิงอยู่ในร่างเด็กอาภัพผู้นี้ได้ยังไง แต่ก็คงเป็นฝีมือใครบางคนที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายให้ผู้อื่นได้อย่างยมโลก

ฮาวเวอร์ออกแรงปะทะกับมันอีกครั้ง คราวนี้ปีศาจไม่อยู่เฉยก็ควักเอาดาบออกจากก้อน​เนื้อของตัวเองมา มันไล่ฟันตามหลัง​ฮาวเวอร์​ ในขณะที่เขาอ้อมข้างหลังเพื่อดูขอบเขตความสามารถของมัน เมื่อฮาวเวอร์อยู่ด้านหลังมันแล้วก็ฟันเข้ากลางลำตัว​ แรงตัดผ่านผิวหนังของมันไปกระทบกับบาเรียก่อนจะกลับมาติดกันอย่างเดิม เจ้าปีศาจนั่นหันหลังกลับมามองฮาวเวอร์แล้วเหวี่ยงดาบเข้าใส่ เขาตีลังกาหลบแล้วกระโดดไปตั้งหลักใหม่ ในเมื่อการโจมตีด้วยดาบทำอะไรมันไม่ได้ก็ต้องลองใช้เวทย์ดู ฮาวเวอร์ร่ายลูกไฟใส่ตัวมัน แต่เมื่อไฟนั้นเฉียดเข้าไปใกล้ก็ดับลงในทันที ทางฝั่งนั้นเองก็ลองใช้เวทย์กับฮาวเวอร์ดูบ้าง มันร่ายเวทย์ไฟแบบเดียวกับฮาวเวอร์มาแล้วปาเข้าใส่เขาจนร่างทั้งร่างติดไฟ แต่เมื่อไฟดับก็เห็นเพียงรอยพุพองที่ใกล้สมานแล้วเรียบร้อย ร่างกายฮาวเวอร์ล่อนจ้อนจนต้องร่ายเวทย์ย้อนกลับใส่เสื้อผ้า และเริ่มตระหนักได้ว่า

'งานหนักแล้วทีนี้'

ทั้งสองพิจารณากันและกัน ฮาวเวอร์มีร่างกาย​เป็นอมตะ วิญญาณเป็นปีศาจ และความสามารถเป็นเทพ ส่วนปีศาจตนนั้นมีร่างตามนามธรรม หากกำจัดวิญญาณชั่วภายในไม่ได้มันก็จะเปลี่ยนรูปร่างไปมาเรื่อยๆ แต่จะไม่ใช่การกลายร่างเป็นอย่างอื่น และความสามารถน้อยกว่าปีศาจอัญเชิญ แต่จะเหนือกว่าตรงที่หากเป็นปีศาจไร้ผู้อัญเชิญจะไม่มีสัญญาผูกมัด และเป็นอิสระจากความตาย แต่ปีศาจอัญเชิญถึงจะมีความสามารถแปดสิบเปอร์เซ็นต์กับตอนอยู่ในนรก แต่หากฆ่าผู้อัญเชิญได้ ปีศาจก็จะหายไป ถ้าให้เทียบระหว่างสองอย่างนี้นับว่ารับมือยากและต่างกัน หากอีกฝ่ายเป็นปีศาจอัญเชิญที่แกร่งกว่าเขาก็จะแพ้ และถึงจะเป็นปีศาจไร้ผู้อัญเชิญก็ยังยากอยู่ดีเพราะมีร่างกายเปลี่ยนแปลงตามนามธรรมและเป็นอิสระจากความตายหรือมีความคล้ายกับการเป็นอมตะไม่ต่างกัน

แต่ถึงยังไงทุกอย่างก็ย่อมมีข้อจำกัดของมัน หากตะวันขึ้นจากฟ้าเมื่อไหร่ปีศาจตัวนี้ก็จะกลับเข้ามิติเดิม และฮาวเวอร์ก็ยังอยู่ที่นี่ต่อไป ปีศาจคิดว่าต่อให้ไม่ได้วันนี้ให้รออีกห้าปีก็ย่อมได้ และฮาวเวอร์เองก็คิดว่า หากถ่วงเวลาเอาไว้จนถึงเช้าเดี๋ยวปีศาจตนนี้ก็จะหายไป แต่อีกใจหนึ่งของทั้งสองมันกลับคัดค้าน เพราะต่อให้ปล่อยไปหรือถ่วงเวลาไว้ สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องกลับมาสู้กันอีกอยู่ดี ไม่ว่าจะกี่สิบปียี่สิบปี สุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็ตามมาราวีกันไม่เลิก

"ย๊ากกกกกกกกกก"

"ฮ้ากกกกกกกกกก"

ฮาวเวอร์เหวี่ยงดาบเข้าฟันทั้งร่ายเวทย์ไฟปะทะ ปีศาจเปลี่ยนรูปร่างให้เหลวจนล้นบาเรีย ฮาวเวอร์ต้องสู้กับคลื่นก้อนเนื้อยักษ์ที่ถาโถมตัวเข้าใส่ แต่ถึงอย่างนั้นเข้าก็เหวี่ยงดาบฟันพอให้เกิดช่องว่างหนีไปได้ ปีศาจก็ใช้โอกาสที่ฮาวเวอร์หนีแทงดาบเขาใส่ก่อนจะตวัดดาบเข้าตัวฮาวเวอร์จนตัวขาดเป็น​สอง​ท่อน​ ร่างนั้นร่วงหล่นใส่ก้อนเนื้อเหลวและถูกจับแยกออกจากกัน ทั้งสองซีกต่างดิ้นรนที่จะเข้าหาอีกฝั่งแต่ก็ทำไม่ได้ ปีศาจเริ่มสับดาบลงท่อนล่างให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย​ ส่วนท่อนบนก็ถูกบดทับจนแหลกเหลว คล้ายว่าวิธีการนี้จะได้ผลเพราะร่างกายของฮาวเวอร์คือขีดจำกัดของความสามารถทั้งหมด หากร่างต่อสู้ไม่ได้ ความสามารถมากมายก็ไม่แสดงผล

แต่ใช่ว่าฮาวเวอร์จะถอดใจ ในเมื่อฆ่าไม่ได้ ใช้อาวุธไม่ได้ ใช้ร่างกายไม่ได้ ใช้ความสามารถไม่ได้ มีความได้เปรียบอย่างเดียวคือไม่ตาย ก็คงต้องพึงความโกงอีกอย่างที่ได้รับมา ฝ่ามือข้างซ้ายที่เคยฝังลูกแก้วของเทพธรณีเอาไว้กำลังร่ายเวทย์ต่างมิติขึ้นมา

'ในเมื่อมันโผล่เข้ามามิติคนอื่นทั้งร่างตามนามธรรม งั้นก็ลองให้ไปโผล่ในมิติที่มีร่างเป็นวิญญาณดู จะได้สู้ให้สมน้ำสมเนื้อกันไปเลย!'

ประตูมิติเปิดใต้ก้อนเนื้อที่กดทับ ร่างทั้งสองถูกดูดเข้าไปตามแรงโน้มถ่วงภายใน ปีศาจไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปโผล่ที่ไหนก็พยายามตะเกียกตะกายออก แต่เพราะแรงดูดนั้นมีมากเกินไป ร่างตามนามธรรมของมันทั้งหมดรวมถึงวิญญาณก็ถูกพาไปยังที่แห่งนั้นด้วย

วิหารพิพากษาตน เบื้องหน้าเป็นรูปปั้นองค์เดิมที่เคยเห็นหน้า ฮาวเวอร์เริ่มได้ร่างมาประกอบคืน พร้อมกับร่างตามนามธรรมของปีศาจกำลังเปลี่ยนรูปร่างเป็นคน ร่างกายไร้เสื้อผ้า มีผมสีน้ำตาลอ่อนยาวปรกหน้าและมีใบหน้าดุดันสมชาย แม้รูปร่างจะสมสัดส่วนแต่ความสูงของร่างมีขนาดเท่าฮาวเวอร์ที่ยังเป็นเด็ก เมื่อทั้งสองหันมาประเมินอีกฝ่าย ไม่นานทั้งคู่ก็กระโจนเข้าหากันอีกรอบ

ตึง!

บาเรียถูกกั้นระหว่างกลาง​ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง

"ที่นี่ไม่ใช่สังเวยสู้รบของพวกเจ้าหรอกนะ อย่าทำอะไรให้เราต้องลำบากใจเลย"

ฮาวเวอร์ถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มบ่น "ถ้าไม่ใช่ก็กลับดีกว่า อย่างน้อยสู้บนโลกก็ไม่ต้องได้ยินเสียงบ่น"

"เออ น่ารำคาญฉิบหาย"

ฮาวเวอร์กับปีศาจกำลังช่วยกันยกตัวเองขึ้นไปบนมิติที่เปิดอยู่เหนือหัวแต่ก็ถูกยมโลกปิดไปเสียก่อน

"แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบใจเจ้าที่ช่วยจับเอาวิญญาณลักจิตมาคืนข้า เจ้านี่ช่างเป็นคนชั่วช้าที่บังอาจขโมยดวงวิญญาณเพิ่งเกิดไปจากโลก ทำให้มีวิญญาณสูญหายจำนวน 1,341 ดวง"

"ถ้าเป็นวิญญาณคนอื่นก็ไม่เกี่ยวกับข้าแล้วใช่ไหม? งั้นข้ากลับก่อนละ"

"วิญญาณทั้งหมดนั้นเป็นวิญญาณแยกลูคัส…"

เกิดความเงียบในบัดดล ฮาวเวอร์พุ่งตัวเข้าใส่ปีศาจลักจิตอย่างรวดเร็วเตรียมจะง้างหมัดต่อย​ ถึง​แม้จะรู้ว่ามีบาเรียกั้นอยู่ก็ตาม ส่วนตัวปีศาจนั้นก็ยืนนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูก และถึงอยาก​จะหนีก็ทำอะไรไม่ได้อยู่​ดี​ บรรยากาศกดดันจนคนภายในเริ่มอึดอัด

ฝีเท้าเบาๆ ไร้เสียงเดินเข้ามา กว่าทุกคนในวิหารจะรู้ตัว เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว

"ท่านยมโลก…"

เทพแห่งความเมตตาเอ่ยขานขึ้นก่อนจะมองไปที่ทั้งสองคน ฮาวเวอร์เมื่อเห็นเป็นท่านเทพก็เงียบสงบปากสงบคำในทันที ท่านยมโลกเองก็เปิดโหมดอัตโนมัติไว้โต้ตอบกับท่านเทพ ส่วนปีศาจลักจิตนั้น

"ดาเมียน…"

"มาร์ติน…"

เมื่อทั้งคู่ได้พบกันก็ถึงกับตกอยู่ในภวังค์ ไม่นานปีศาจมาร์ตินก็วิ่งเข้าไปหาแล้วกอดดาเมียนเอาไว้แม้ได้เพียงครึ่งขา

"ข้าตามหาเจ้ามานานแสนนาน จริงๆ แล้วเจ้าอยู่ที่นี่เองหรือ? "

"ข้าอยู่ที่นี่มาตลอด แต่เพราะเจ้าต้องอยู่ในนรก เราจึงไม่มีโอกาสได้พบกัน ที่เจ้าต้องลักพาดวงวิญญาณแยกลูคัสนั้นคงเป็นความผิดข้าเองที่มีความเชื่อผิดๆ เรื่องความดีงาม หากว่าข้าไม่พร่ำบอกเจ้าว่าตัวเองต้องตกนรกแน่ๆ เจ้าคงไม่ต้องทำบาปเพิ่มเพื่อยื้อเวลาตามหาข้า"

"ข้าคิดว่าเจ้าไปเกิดนานแล้วเพราะมีบาปน้อยกว่าจึงได้เที่ยวตามหาจากทั่วทุกโลก ถึงแม้วิญญาณที่ได้มาจะไม่ใช่เจ้า แต่ข้าก็ไม่อาจปล่อยวิญญาณน่าสงสารเหล่านั้นให้ไปเผชิญกับความเลวร้ายของโลกได้ต่อ ดาเมียน ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะทำทุกอย่างให้เราได้กลับมาพบกัน"

ฮาวเวอร์มองเจ้าปีศาจนั่นได้ความรักจากลูคัสก็รู้สึกโหวงเหวงในใจ ได้แต่สงสัยว่าทำไมเขาถึงรักกันขนาดนั้น ตัวฮาวเวอร์เองถึงจะเคยเจอลูคัสมาหลายคนแล้ว แต่ยังไม่เคยได้รับความรู้สึกอย่างอื่นเลยนอกจากขอบคุณ ถึงแม้มันจะดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นคนที่ได้รับความรู้สึกที่ดีกว่าก็เกิดความอิจฉาภายใน

'ทำไมถึงไม่ได้บ้าง ทำไมถึงไม่มีบ้าง'

ยมโลกเริ่มเห็นความอิจฉาในตัวฮาวเวอร์ก็เริ่มขัดความสุขของคนทั้งคู่ก่อน

"ปีศาจลักจิต ถ้าเจ้าอยากพบกับท่านเทพแห่งความเมตตาอีกครั้งก็คงต้องรอให้ทั้งคู่ได้เกิดใหม่บนโลก พอถึงตอนนั้นก็จงทำความดีเข้าไว้ อย่างน้อยถ้าเจ้าได้เป็นเทพก็มีอิทธิฤทธิ์มากกว่าวิญญาณชั่วร้าย"

"ท่านยมโลก นั่นไม่ถือว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอกหรือขอรับ? "

"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าให้เลือกแล้วระหว่างแยกวิญญาณทั้งสองเพื่อลดหายนะกับรวมวิญญาณทั้งสองเพื่อชี้นำใหม่ละก็ ข้าขอเลือกเส้นทางที่สองดีกว่า อย่างน้อยข้าก็รู้แล้วว่าอย่างแรกที่เคยทำนั้นมันไม่ได้ผล จะให้ลองอย่างที่สองก็ไม่เสียหาย"

"ถ้าอย่างนั้นข้าจะตั้งตารอวันที่เราจะได้พบกันอีกครั้งนะมาร์ติน"

"ข้าก็เช่นกัน"

ทั้งคู่มองตากันหวานหยดย้อยทำเอาฮาวเวอร์อิจฉาอีกครั้ง ส่วนปีศาจก็เริ่มกรีดร่างกาย​ที่กลางอกควักเอาหัวใจตัวเองออกมา ดาเมียนมองอย่างเจ็บปวดก่อนที่มาร์ตินจะกรีดหัวใจนั้นอีกทีเพื่อควักเอาลูกแก้วสีแดงสดออกมา​ เขาบีบจนมันแตกออกจากกัน วิญญาณนับพันก็กระจายออกจากลูกแก้ว กลายเป็นก้อนขนปุกปุยมีแขนมีขา วิญญาณสูญหายเหล่านี้ต่างจากวิญญาณสูญหายครั้งก่อนตรงที่ทุกดวงยังมือสติปัญญาอยู่ ปีศาจมาร์ตินเดินไปยืนต่อหน้าดวงวิญญาณทุกดวงที่มองมาทางเขาไม่ต่าง

"ข้าต้องขอโทษจริงๆ ที่ลักพาดวงวิญญาณพวกเจ้ามาเก็บไว้กับตัว พวกเจ้าไม่ต้องยกโทษให้ข้าก็ได้เพราะยังไงเสียข้าก็สมควรถูกเกลียดอยู่ดี"

หลังสิ้นคำกล่าว เจ้าก้อนขนปุกปุยก็เข้าไปโจมตีมาร์ตินด้วยการกอด แต่เพราะความนุ่มนิ่มพวกนั้นจึงทำให้เขาไม่เจ็บตัวแถมยังรู้สึกดีขึ้นอีก การกอดครั้งนี้เหมือนเป็นการจากลา มาร์ตินต้องจากกับเหล่าวิญญาณลูคัสและดาเมียนก่อนที่ยมทูตจะพาเขาไปส่งที่ประตูนรกอีกทาง

ฮาวเวอร์ยังคงนิ่งมองเหล่าก้อนขนปุกปุยเบื้องหน้าพลางสงสัยว่าจะมีลูคัสคนไหนยอมรักกับเขาไหม จะลักพาไปสักดวงดีไหม หรือเนียนอุ้มกลับมิติไปเลยดี ยังไม่ทันคิดจบ​ ร่างตัวเอง​ก็ถูกดูดลงประตูมิติไปยังโลกแบบเดียวกับที่เคยถูกทำเมื่อครั้งก่อน

ในห้องที่ไร้ปีศาจและฮาวเวอร์ ดาเมียนเดินไปหยิบลูกแก้วสีแดงที่แตกกระจายนั้นขึ้นมาก่อนจะร่ายเวทย์ให้กลับมาประกอบขึ้นใหม่ เมื่อวิเคราะห์ดูภายในแล้วถึงเข้าใจว่าทำไมเหล่าลูคัสถึงเกลียดเขาไม่ลง ลูกแก้วนี้ถูกออกแบบมาให้มีความคล้ายคลึงกับโลกที่ใช้บรรจุมนุษย์เข้าไป ถ้าให้เทียบก็คงเหมือนมาร์ตินเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลก และเหล่าลูคัสก็เป็นสาวกของเขา

'แม้จะรู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัวมา แต่พอถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจริงไม่คิดโกรธสินะ น่าสงสารจริงๆ ถึงอย่างนั้น​ โลกใบนี้ที่เขาสร้างก็เป็นที่ที่เขาทำไว้ให้เราอยู่ เพื่อหลีกหนีบททดสอบของพระเจ้าและความตายที่พรากเราทั้งคู่'

ดาเมียนเก็บลูกแก้วเอาไว้เป็นของแทนใจ ยมโลกเองก็ไม่ได้ห้ามก่อนจะส่งวิญญาณลูคัสไปเกิดทันทีโดยไม่ต้องตัดสิน

บนโลกทดลอง ฮาวเวอร์นอนหมดอาลัยตายอยากเพราะถูกพรากจากสิ่งที่รักไป พวกเด็กๆ​ พอเห็นเรื่องเงียบลงก็โผล่หัวออกมา เจ้าโจรหัวหน้าตายเพราะถูกปีศาจทับถมไปนานแล้ว ฟอสเตอร์กลับมาอีกรอบพอเห็นฮาวเวอร์นอนเล่นอยู่ก็อุ้มเด็กอีกห้าคนกลับที่พัก ตอนนี้มีเพียงฮาวเวอร์และสิ่งมีชีวิตอีกเจ็ดคนนั่งอยู่ไม่ห่างจากเขา

"นี่ๆ เจ้านั่นใช่สัตว์ประหลาดรึเปล่า? "

ฮาวเวอร์เงยหน้าขึ้นมามองเด็กน้อยที่สะกิดก่อนจะมองไปทางนิ้วที่ชี้อยู่ สิ่งที่ทำเด็กน้อยกลัวอยู่ตอนนี้ก็ คือ​สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายคนนั่งกอดเข่าอยู่ ศีรษะไร้ผมเหมือนฮาวเวอร์ ลำตัวฟีบบางอย่างกับหนังติดกระดูก สีผิวซีดเทาราวกับคนตาย แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือดวงตาสีแดงเลือดจ้องมองทุกคนที่ออกห่างเขาอย่างหวาดกลัว

'มันมีตัวอย่างนี้บนโลกตัวหรือ? '

ฮาวเวอร์เดินเข้าไปหา เจ้าสิ่งนั้นก็เอามือป้องหัวอย่างหวาดกลัว ฮาวเวอร์ถอนหายใจก่อนจะเอามือของเจ้านั่นออกแล้วจับใบหน้าเข้าเผชิญ ตาหูจมูกปากทุกอย่างมีคล้ายมนุษย์ เสียอย่างเดียวคือมีตาเป็นสีแดงอย่างกับเลือด เมื่อเจ้านั่นมองขึ้นมาสองตาก็สะท้อนกับพระจันทร์เต็มดวงสีเลือดอีก

"เจ้าชื่ออะไร? "

"...บรรณา…การ" เจ้านั่นพูดด้วยเสียงแหบแห้งวนซ้ำกับคำว่า "เครื่องบรรณาการ…"

ฮาวเวอร์เข้าใจในทันที เจ้านี่เป็นมนุษย์เด็กที่ถูกเลี้ยงมากับพวกโจร อาจเป็นลูกของโสเภณีสักคนที่ท้องกับพวกมันและถูกเลี้ยงไว้เป็นเครื่องบรรณาการให้ปีศาจ สภาพร่างกายถูกละเลยอย่างหนักไม่รู้ว่าจิตใจจะกระทบกระเทือนขนาดไหน บางทีเด็กคนนี้อาจสติไม่สมประกอบก็เป็นได้ ฮาวเวอร์เปิดกางเกงของเด็กคนนั้นแล้วดูเครื่องเพศ

"เด็กผู้ชาย…แต่ข้าคิดชื่อผู้ชายไม่ออก งั้นเจ้าชื่อ จัสมิน ก็แล้วกัน"

หลังจากนั้นฟอสเตอร์ก็กลับมาหาฮาวเวอร์อีก รอบนี้เขาพาทุกคนขึ้นหลังและนำไปส่งให้ที่พักตามเดิม เมื่อทุกคนกลับมาครบหมดแล้ว ทหารของฮาวเวอร์ก็ย่างเนื้อสัตว์ที่ล่าได้มาให้กิน​ และเริ่ม​พูดคุยถึงเส้นทางที่จะเดินไปนครฮาวเวอร์

"ทางผ่านระหว่างอาณาจักรอาเรียดกับนครฮาวเวอร์จะผ่านอยู่สองเขตตามที่เจ้าจาคอบเคยบอก ตอนนี้พวกเรามีกันอยู่ 23 คน เราจะแยกออกไปเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกฟอสเตอร์จะบินข้ามเขตทั้งสองไปโดยบรรทุกเด็กอายุต่ำกว่าเจ็ดปีจำนวน 7 คนไป กลุ่มสองข้ากับทหารอีกสองคนจะพาเด็กที่เหลือไปขอทางผ่านกับเขตแรกก่อน ระหว่างนั้นให้ฟอสเตอร์ไปแจ้งกับลาติโนให้เดินทางไปเจรจากับเขตที่อยู่ติดกันกับนครฮาวเวอร์ ยังไงเสีย ถ้าหากเราขอผ่านเส้นทางทั้งสองเขตไม่ได้ พวกเราก็จะได้ไม่ต้องบุกโจมตีสองต่อ"

"ขอรับนายท่าน"

เมื่อตกลงการเดินทางเรียบร้อยทุกคนก็เข้าสู่ห้วงนิทรา เหลือเพียงฮาวเวอร์กับทหารอีกสองนายที่คอยอยู่เฝ้ายาม แต่ในยามดึกนั้นกลับมีเด็กอีกคนตื่นขึ้นมา และเดินเข้ามาหาเสบียงก่อนจะยกเอากระบอกน้ำขึ้นดื่ม เพราะแรงยกดื่มไม่ค่อยมีจึงทำให้น้ำหกเต็มพื้นไปหมด สองทหารมองมาที่เขาพลางส่ายหน้าระอา จัสมินพยายามกอบโกยน้ำเข้ากระบอกแต่มันก็ได้แค่โคลนดิน ฮาวเวอร์หยุดมือนั้นก่อนจะเอามือน้อยมาเช็ดให้สะอาด

"ของที่ตกไปแล้วไม่จำเป็นต้องเก็บขึ้นมาอีก และมือเจ้าก็อย่าปล่อยให้เปรอะเปื้อน"

ฮาวเวอร์สอนแล้วหยิบเอากระบอกน้ำอีกใบขึ้นมา จัสมินกำลังยื่นมือรับแต่ฮาวเวอร์ชักกลับก่อนจะจับหน้าของอีกคนเชิดขึ้นมาแล้วค่อยๆ เทน้ำเข้าปาก จัสมินค่อยๆ กลืนทีละนิดตามที่ฮาวเวอร์เทให้ เมื่ออิ่มแล้วฮาวเวอร์ค่อยวางลง พอหันไปมองที่จัสมินนอน เป็นมุมไกลๆ จากเด็กคนอื่น ก็เริ่มรู้สึกเห็นใจ เขาพอเข้าใจเด็กคนอื่นที่กลัวจัสมิน จัสมินต่างจากโฟบี้ที่สีตา และโฟบี้เองก็เป็นที่รู้จักของเด็กคนอื่นๆ พวกเขาถึงได้ชินที่โฟบี้มีหน้าตาอย่างนั้น ส่วนเขาเองก็เป็นคนแข็งแกร่งพอที่จะดูแลตัวเองได้และไม่หวั่นไหวกับสายตาดูถูก ผิดกับเด็กคนนี้ แตกต่างและอ่อนแอ ดูแลตัวเองก็ไม่ได้และไร้การดูแล ไม่มีพวกพ้องอยู่เคียงข้างอีก คงเรียกได้ว่าน่าสงสาร

"จัสมิน มานอนใกล้ๆ ข้าสิ"

ฮาวเวอร์โล่งอกที่อย่างน้อยเขาก็รู้ชื่อ​ ก่อนจะหยิบผ้าที่เคยให้มาวางไว้ตรงหน้าเขาแล้วก็นอน

'นี่ก็ใกล้ไป แต่ช่างมันเถอะ'

เช้าวันรุ่งขึ้น ฮาวเวอร์ปลุกฟอสเตอร์ให้เตรียมตัวออกเดินทางก่อนจะอุ้มเด็กแต่ละคนขึ้นหลังเขาและปล่อยให้เดินทางล่วงหน้ากันไปก่อน ที่เหลือก็ขึ้นรถม้าและเดินทางไปยังป่าอาถรรพ์

รถม้ากลุ่มฮาวเวอร์เดินทางมาถึงด้านในป่าอาถรรพ์ ถึงจะไม่มีข้อมูลของเขตนี้มาก แต่ขึ้นชื่อว่าป่าอาถรรพ์ก็ย่อมต้องอันตรายกว่าป่าแบบอื่น

"นายท่าน ถ้าเราเดินทางไปต่อทั้งอย่างนี้เลยอาจจะดีกว่านะขอรับ เราจะได้ไม่ต้องเสี่ยงปะทะกับใครด้วย"

"อืม ถ้าง่ายอย่างนั้นก็ดี"

ยิ่งเข้ามาลึกเรื่อยๆ ก็เริ่มเปลี่ยว แถมระหว่างทางก็ได้กลิ่นแปลกๆ​ ด้วย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ทั้งที่เขาปล่อยอณูไว้จับการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ยังไม่ตรวจพบอะไรทั้งที่สัญชาตญาณของเขามันกลับตื่นตัวอยู่ตลอดราวกับว่ามันอยู่ใกล้ๆ นี้แล้ว

คณะฮาวเวอร์เดินทางต่อไปโดยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกจ้องมองจากสายตานับร้อยในละแวกนั้น ในป่าอาถรรพ์ที่พบเรื่องหน้าประหลาดมากมาย แต่กลับไม่เคยมีใครเล่าขานเรื่องเขาเจ้าพวกนี้เลย หรืออาจเป็นเพราะไม่มีใครกลับมาเหล่าได้

ฮาวเวอร์เดินทางไปต่อจนถึงธารน้ำใสมีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางลำ เขาให้รถม้าหยุดและเดินเข้าไปที่ริมน้ำนั้นเพื่อตักน้ำไว้ดื่มระหว่างทาง แต่ก่อนที่กระบอกน้ำจะแตะลงผิวน้ำ ก็มีฟองอาการลอยออกมาที่รากทั้งยังส่งกลิ่นเหม็น ฮาวเวอร์เริ่มไม่แน่ใจที่จะตักน้ำต่อก็เก็บกระบอกไปแล้วเดินข้ามธารเข้าไปดูใกล้ๆ

ปุงปุงปุงปุงปุงปุง

ฟองอากาศลอยขึ้นพร้อมกันจนเขาต้องถอยหนี กลิ่นเน่าเหม็นพวกนี้คุ้นจมูกอย่างไม่น่าเชื่อ ทันทีที่ถอยออกก็มีตัวประหลาดผุดขึ้นจากดินแล้วพุ่งโจมตีเข้ามา ฮาวเวอร์ไม่รีรอชักดาบขึ้นมาฟันจนมันขาดครึ่งตัวทันที ซากของสิ่งนั้นขาดสองท่อนลงน้ำ อีกท่อนกระเด็นมาทางเขาจนมันหยุดลง เขามองซากที่ตายใกล้ตัวก็เริ่มเห็นบางอย่างผิดปกติขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกหรือเปล่าก็เดินเข้าไปเลียบเคียงข้างศพก่อนจะปักดาบลงรากไม้ เงาจากน้ำสะท้อนภาพมุมสูงเห็นต้นไม้เอนตัวลงมาคล้ายเจ็บปวด ฮาวเวอร์ดึงดาบออกก็มีน้ำยางสีขาวไหลออกมาก่อนที่ต้นไม้จะเอนกลับตรงอย่างเดิม

"ต้นไม้นี่เหมาะกับการทำซุงดีจริงๆ ข้าชักอยากตัดเอาไม่ทำเตียงให้ตัวเองนอนจัง"

"แต่ท่านก็ไม่ค่อยนอนอยู่แล้วนี่ขอรับ"

ฮาวเวอร์ส่งซิกขยิบตาสื่อให้ตามน้ำไป ทหารนายนั้นก็หรี่ตามองพักนึงก่อนจะเริ่มพูดต่อ

"แต่ถ้าเอาไปทำเป็นเก้าอี้ก็เหมาะดีนะขอรับ พอมีเด็กเพิ่มแล้วเราก็ต้องมีเก้าอี้เพิ่มตามด้วย

"ความคิดดี"

แม้ไม่รู้จะให้ทำไปทำไม แต่ก็ต้องเชื่อใจฮาวเวอร์ไว้ก่อน ฮาวเวอร์หันไปมองปฏิกิริยาของต้นไม้ก็เห็นว่ามันไม่แสดงออกอะไรก็เริ่มเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย

"งั้นข้าจะฟันแล้วนะ จะฟันจริงๆ แล้วนะ"

พอเห็นต้นไม้ไม่ขยับเขาก็เริ่มคิดแล้วว่าตัวเองอาจคิดไปเองก่อนจะเดินกลับไปทางรถม้า

'ซะที่ไหนล่ะ!!'

แอ่ก!

ฮาวเวอร์พุ่งตัวเข้าหาต้นไม้ก่อนจะกระโดดเตะขาคู่ใส่ ต้นไม้กางลำธารก็ล้มลงทันที เดิมทีนั้นต้นไม้ยิ่งสูงก็ยิ่งหยั่งรากได้ลึก​ แต่ต้นไม้ต้นนี้กลับมีรากตื้นจนล้มลงง่ายๆ แถมพอฮาวเวอร์ไปดูใกล้ๆ มันก็มีเสียงตึกตักในลำต้นเต้นรัวเร็วจนหยุดไป

"เวรล่ะ!"

ฮาวเวอร์รีบทำซีพีอาร์ให้ต้นไม้ พวกทหารไม่รู้​เรื่อง​อะไรก็ทำได้แต่ยืนดูทั้งเฝ้ารถม้าไป ไม่นานฮาวเวอร์ก็ได้ยินเสียงหัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง

"เกือบแล้วไหมล่ะ"

เขากระโดดลงก่อนจะกลับไปที่รถม้าอย่างเดิม เริ่มรู้แล้วว่าสิ่งมีชีวิตที่นี่เป็นตัวอะไรก็ไม่คิดจะหาเรื่องต่ออีก แต่ทันทีที่ฮาวเวอร์หันหลัง เจ้าสิ่งนั้นมันก็ลุกขึ้นมาทั้งงัวเงีย

"ที่นี่ที่ไหน สวรรค์เหรอ? "

ซู่~

เสียงซู่ที่ไม่ได้มาจากฮาวเวอร์ดังรอบป่าก่อนฮาวเวอร์จะหันไปเห็น ต้นไม้พูดได้จริงๆ

"อาฮ้า แกขยับได้จริงด้วย!"

ต้นไม้ทำหน้าช็อกสุดขีดก่อนจะตีหน้าเข้ม "เพราะข้าคือต้นไม้ปีศาจยังไงล่ะ ถ้าแกไม่อยากตายก็ไสหัวออกไปจากถิ่นข้า! แฮ่!!"

ฮาวเวอร์หยุดนิ่งพิจารณามันก่อนจะนั่งลงตรงโขดหิน "แกเป็นตัวอะไรกันแน่ แล้วใครเป็นผู้ปกครองป่าเขตนี้"

เมื่อหลอกฮาวเวอร์ไม่สำเร็จเจ้าพวกนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมจำนน หากจะให้ต่อสู้ก็คงทำไม่ไหว เพราะตลอดทางที่ฮาวเวอร์เข้ามา เขาใช้​พลังเวทย์สร้าง​บาเรียไม่หยุดพักเลย แถมตอนที่หนอนตัวนั้นเข้าโจมตีแบบกะทันหัน ฮาวเวอร์ก็ตอบโต้พวกมันในทันที พลังที่ต่างชั้นกันนี้ ขืนต่อสู้ก็จะยิ่งเจ็บตัว และหากนิ่งไว้จนถูกฟันคนสองคนก็ดีกว่าแตกตื่นแล้วถูกฆ่ากันหมด ดูเหมือนทุกคนจะยอมตายเพื่อสละให้คนหมู่มาก แต่ความดันแตกซะก่อน

"ถ้าท่านถามเราก็จะตอบตามตรง ผู้ปกครองเขตนี้เป็นอมนุษย์ต้นไม้ประเภทกินเนื้อ พวกเราถูกพวกนั้นไล่ต้อนให้มาอยู่ชายป่าแล้วก็คอยเลี้ยงหนอนแมลงไปให้กิน

"เลี้ยงด้วยอะไรกัน? พวกเจ้าก็เป็นพืชไม่ใช่หรือ ไม่กลัวถูกกินไปด้วยหรือไง"

"เรื่องนั้น เจ้าพวกนั้นไม่สนใจหรอก เพราะถึงยังไง เราก็ออกเขตนี้กันไม่ได้อยู่ดี แถมถ้าอยู่ในเขตพวกเรายังจะปลอดภัยกว่า อย่างน้อยเราก็เจอแค่แมลงไร้สติปัญญา แต่ถ้าไปเขตอื่น นอนจากจะถูกล่าวิญญาณแล้ว ก็อาจจะถูกเลี้ยงไว้กินด้วย" ฮาวเวอร์นึกภาพตามก็เข้าใจในทันที

"ถ้างั้นข้ากลับก่อนละ"

เขาเดินกลับไปที่รถม้าก่อนที่ลูกธนูจะพุ่งเข้ามา ฮาวเวอร์หันไปมองต้นต่อก็พบเข้ากับกลุ่มอมนุษย์ต้นไม้ที่คาดว่าน่าจะเป็นเผ่าต้นไม้กินแมลง

"พวกแกยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น หากยังไม่ได้เป็นอาหารให้ข้าก่อน"


Load failed, please RETRY

สถานะพลังงานรายสัปดาห์

Rank -- การจัดอันดับด้วยพลัง
Stone -- หินพลัง

ป้ายปลดล็อกตอน

สารบัญ

ตัวเลือกแสดง

พื้นหลัง

แบบอักษร

ขนาด

ความคิดเห็นต่อตอน

เขียนรีวิว สถานะการอ่าน: C25
ไม่สามารถโพสต์ได้ กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
  • คุณภาพงานเขียน
  • ความเสถียรของการอัปเดต
  • การดำเนินเรื่อง
  • กาสร้างตัวละคร
  • พื้นหลังโลก

คะแนนรวม 0.0

รีวิวโพสต์สําเร็จ! อ่านรีวิวเพิ่มเติม
โหวตด้วย Power Stone
Rank NO.-- การจัดอันดับพลัง
Stone -- หินพลัง
รายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
เคล็ดลับข้อผิดพลาด

รายงานการล่วงละเมิด

ความคิดเห็นย่อหน้า

เข้า สู่ ระบบ