การเกิด ไม่ได้ถูกกำหนดโดยพระเจ้า และการตายไม่ได้ถูกกำหนดโดยยมทูต แต่มนุษย์บางพวกจะเป็นฝ่ายเลือกเอง และด้วยโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงมีเพียงบางคนเท่านั้นที่ยมโลกจะกำหนดความตายให้
โลกหลายล้านโลกที่ถูกปกครองโดยยมโลกเพียงผู้เดียว และ ณ เวลานี้เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ถูกเรียกขานจากพระเจ้าให้ประชุมพร้อมหน้ากันกับเหล่ายมโลกจากทิศอื่น ยมโลกบางองค์มีหลายลักษณะ แขนหนึ่งร้อยแขน ตาสามดวง และหัวสี่ทิศ ลักษณะเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและระยะเวลาที่นานเหนือผู้ใด ผิดกับยมโลกมือใหม่ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์มากที่สุด
"สาสน์จากพระเจ้าถึงยมโลกทุกทิศ บัดนี้เป็นเวลาเนิ่นนานแล้วที่เหล่าดวงวิญญาณน้อยของเรานั้นหลงทาง ความตายที่ไม่อาจนำวิญญาณเหล่านั้นกลับมาหาตัวเราได้ช่างน่าเศร้า หากมีวิธีใดก็ตามสามารถนำดวงวิญญาณกลับสู่วงจรชีวิตได้ จงทำเสียเถิดก่อนจะเสียสมดุลของโลก"
สาสน์นั้นหายไปจึงเกิดความสงสัยมากมาย
"ถ้าหากต้องใช้วิธีใดก็ได้ นั่นอาจหมายถึงการกำหนดความตายให้คนผู้นั้นซึ่งมันผิดวิถีของยมโลก"
"เราเป็นผู้รับและส่งดวงวิญญาณเหล่านั้นไป หากจะเรียกกลับมาอาจเป็นเรื่องที่ถูกต้อง"
"วิธีนั้นใช่ว่าเราจะไม่เคย หากแต่มันไม่ได้ผลกับมนุษย์อมตะบางประเภท เว้นเสียแต่ว่าต้องรีเซตโลกวิญญาณเหล่านั้นถึงจะกลับมา"
"เช่นนั้นไม่เกินไปหน่อยหรือ จำเป็นต้องแลกหลายล้านดวงวิญญาณเพียงเพื่อเอาชีวิตมนุษย์ไม่กี่คน"
"แต่หากไม่ทำอย่างนั้นโลกจะเสียสมดุลและกลายเป็นจุดจบของมนุษย์หลายล้านเช่นกัน"
"เช่นนั้นเราต้องแบ่งมนุษย์อมตะแต่ล่ะประเภท ผู้ใดพบเจอมนุษย์อมตะแบบใดบ้างให้ส่งลักษณะนั้นไปที่คลังกลางของยมโลกทุกทิศ
'รูปแบบของมนุษย์อมตะ
ผู้ขายวิญญาณให้ซาตาน
ผู้รับใช้ปีศาจ
ผู้รับพลังจากของวิเศษ
ผู้ถูกสาปโดยเทพ
ผู้ใช้มนต์ดำ
ผู้โชคร้าย'
"เหล่าวิญญาณสูญหายเหล่านี้เป็นหัวข้อหลักของการเป็นอมตะ โดยแต่ล่ะประเภทมีวิธีรับมือต่างกันคือ ผู้ขายวิญญาณให้ซาตาน ถึงแม้จะซื้อคืนมาได้แต่ก็ต้องเสียพลังมหาศาลในการแลกเปลี่ยน หากตอนนี้ได้กลายเป็นสาสน์ไปแล้ว เราคงต้องยอมเสีย แต่ร่างต้นของวิญญาณจะยังมีชีวิตและทำลายสมดุลโลกอยู่ดี เราไม่มีผู้รับใช้ที่จะสามารถทำลายร่างนั้นได้"
"ผู้รับใช้ปีศาจ เดิมทีเป็นเพียงมนุษย์ผู้หลงผิด แต่หากถูกนำร่างกายและวิญญาณไปแล้วจะให้กลับมาโดยสมัครใจคงทำไม่ได้ และเราไม่มีผู้มีพลังมากพอที่จะต่อกรกับปีศาจอีกด้วย"
"ผู้รับพลังจากของวิเศษ เป็นมนุษย์อมตะที่สามารถดึงวิญญาณกลับมาง่ายที่สุด แต่หากไม่ทำลายต้นตอของพลัง จะเกิดมนุษย์อมตะขึ้นอีกเรื่อย ๆ "
"ผู้ถูกสาปโดยเทพ มนุษย์กลุ่มนี้ช่างอาภัพต้องกลายเป็นวัตถุสนองความสาแก่ใจของเทพผู้ไร้เมตตา การเอาวิญญาณคืนมาต้องถูกไถ่ถอนคำสาปโดยเทพ แต่เทพเหล่านั้นจะยอมฟังหรือ ถึงแม้จะเป็นสาสน์จากพระเจ้า เทพบางองค์ก็ถือตนเสียจนคิดว่าตนเองเหนือกว่า"
"ผู้ใช้มนต์ดำ แม้จะดูไม่มีภัยเท่าไหร่นัก แต่มนุษย์เหล่านี้มักชักจูงผู้อื่นให้ทำตามความต้องการของตน หากจะแลกดวงวิญญาณนั้นมาได้ คงได้ลากดวงวิญญาณอื่นมาด้วย น่าสงสารผู้ที่ถูกชักจูงยิ่งนัก"
"ผู้โชคร้าย..."
แม้ไม่ได้นัดหมายแต่ยมโลกทั้ง 8 ทิศถอนหายใจให้กับมนุษย์อมตะประเภทนี้
"ผู้โชคร้าย คือมนุษย์อมตะที่น่าหนักใจที่สุด นำดวงวิญญาณกลับมายากที่สุด และน่าสงสารที่สุดเช่นกัน การจะนำดวงวิญญาณกลับ เห็นทีจะมีแต่ต้องรีเซตโลกเท่านั้นถึงจะทำได้"
ยมโลกทั้ง 8 ทิศพยักหน้าพร้อมกัน
"เว้นเสียแต่ว่า เราจะส่งวิญญาณไปเกิด วิญญาณที่เราจะหมอบพลังแห่งยมโลกให้ และมอบความตายให้ด้วยเราเอง เรารู้ว่าการมอบความตายให้ผู้อื่นไม่ใช่วิถีของยมโลก แต่พวกเราก็พูดเองไม่ใช่หรือว่านี่คือสาสน์จากพระเจ้า นี่ไม่ใช่การใช้อำนาจในทางมิชอบ"
ยมโลกองค์ใหม่ได้ทำการเสนอความคิดต่อผู้อาวุโสทั้งหลาย แม้จะเป็นความคิดที่ฉูดฉาดไปเสียหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผล หากต้องเสียพลังมหาศาลให้กับซาตานเพื่อแลกวิญญาณคืนแล้วล่ะก็ มอบให้ใครสักคนแล้วต่อสู้เพื่อเอาชนะมาให้ได้เสียดีกว่า รวมถึงส่งไปทำลายของวิเศษตามมุมโลกอีกด้วย อีกทั้งผู้โชคร้ายเจ้าปัญหา ต้องมีผู้ช่วยเหลือจึงจะพากลับมาหายมโลกได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถจัดการกับมนุษย์อมตะได้แล้ว
"แต่ว่า ใครกันเหล่าที่จะยอมต่อสู้เพื่อเรา เสียสละเพื่อเรา แม้แต่ยมทูตบริวารของเรายังไม่ทำตามคำสั่งเราเลย"
"พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองไม่ใช่เทพ ไม่ใช่ซาตาน เป็นเพียงผู้รับใช้ของพระเจ้า นั่นหมายความว่าเราไม่ต้องดีที่สุด หรือชั่วที่สุด เราแค่ใช้ประโยชน์จากความเป็นเราให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่พระเจ้า หรือจะให้เราทำการทดสอบและวัดผลจากแผนการที่เราสร้าง หากมันไม่ได้ผล ก็ไม่เสียหายที่จะลอง"
ยมโลก 7 ทิศพยักหน้ารับ และท้ายที่สุดก็จบการประชุม เพื่อแยกย้ายกลับไปคิดแผนของตนเอง ยมโลกทิศตะวันออกเฉียงเหนือผู้ริเริ่มคิดแผนการนั้นก็กลับมาดำเนินการต่อที่ห้องพิพากษาของตนเองโดยมียมทูตบริวารล้อมรอบ 4 ตนช่วยค้นหาประวัติผู้เหมาะสม
"ทำไมข้าต้องอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนด้วยเนี่ย งานเยอะสุด ๆ ไหนจะออกไปรับดวงวิญญาณ ไหนจะต้องมานั่งอ่านประวัติของใครก็ไม่รู้"
ยมทูตคนหนึ่งพูดอย่างไม่สนว่ายมโลกจะนั่งอยู่ตรงหน้า
"งั้นข้าส่งเจ้าไปรับดวงวิญญาณอย่างเดียวดีไหม แต่ต้องไปรับดวงวิญญาณแทนคนที่มาทำงานแทนเจ้านะ"
"ไม่เอาหรอก หากข้าต้องวิ่งไปรับวิญญาณให้คนอื่นล่ะก็ ทำงานของตัวเองดีกว่า"
"งั้นก็เลิกบ่นสักที ข้าไม่มีสมาธิ" ยมทูตอีกคนกล่าว
"เหมือนท่านจะหาเจอแล้วนะ บอกข้าบ้างสิ" ยมทูตมือใหม่อีกคนพูด
"ใช่ ข้าลังเลระหว่างสามคนนี้ ความสามารถ ความเก่งกาจอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ข้าไม่มั่นใจว่าจะเลือกคนไหนดี"
"เลือก ๆ มาสักคนมันจะยากตรงไหน ให้ข้าเลือกให้ไหมล่ะ ถ้าให้ข้าเลือกต้องเป็นคนนี้สิ ฆ่าคนมาเยอะกว่าพวก ถ้าใช้หมอนี่อาจจะได้วิญญาณหลงทางมาเยอะก็ได้"
"งั้นก็ลำบากพวกเจ้าล่ะสิ หากเขาฆ่าไม่เลือกว่าใครคือมนุษย์อมตะ"
"งั้นคนนี้ล่ะขอรับ ฆ่าคนน้อยที่สุด แถมยังมีบุญเยอะกว่าคนอื่นด้วย"
"เกรงว่าเขาจะใจดีเกินไปจนไว้ชีวิตมนุษย์อมตะประเภทถูกสาปโดยเทพ หรือผู้ใช้มนต์ดำเพราะกลัวจะฆ่าคนไม่รู้ความไปด้วยน่ะสิ"
"งั้นก็เหลือคนสุดท้ายสินะครับ แล้วคนนี้ท่านว่ายังไง"
"เขาเข้าสู่ด้านมืดได้ง่าย หากส่งไปอาจไม่พ้นเป็นเหมือนคนแรก"
"แล้วทำไมเขาฆ่าคนน้อยกว่าคนแรกล่ะครับ อะไรคือตัวแปรของโลกที่เขาอยู่" ยมโลกมีออร่าสว่างขึ้นทันที การทำภารกิจนี้ต้องมีตัวแปร ผลประโยชน์ร่วมกัน และการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม เมื่อคิดหาหนทางได้แล้วก็เริ่มวางแผนทันที
นิยายเรื่องนี้ยังไม่มีการแก้ไขคำผิด และจะมีการเรียบเรียงใหม่ให้ดีขึ้นในอนาคต ขออภัยถ้าหากมีเนื้อหาบางช่วงไม่เหมาะสม