ผมกับละไมเดินเคียงกันมาถึงห้องพักในเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วหลังจากเข้าห้องปิดประตูลงกลอนแล้ว ผมก็นั่งลงบนแคร่ก่อนจะดึงมือละไมมานั่งด้วยกัน
"ท่านวีดูตื่นเต้นนะเจ้าคะ"
ละไมพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนผมที่ตื่นเต้นจนหัวใจจะทะลุมาด้านนอกอยู่แล้วก็พยายามเก็บอาการ เพราะไม่อยากทำตัวน่าสมเพชก่อนมีเซ็กส์ แถมยังเป็นครั้งแรกของผมด้วย ดังนั้นค่อยเป็นค่อยไปน่าจะดีที่สุด
"เพราะละไมน่ารักไง"
"แหม ขอบคุณเจ้าค่ะ"
ผมดึงละไมมาจูบอย่างดูดดื่ม ซึ่งละไมก็ไม่มีท่าทางรังเกียจหรือเขินอายอะไร แถมยังตอบรับการสอดลิ้นของผมอีกด้วย และเพียงแค่จูบก็ทำเอาเจ้าหนูของผมถึงกับแข็งตัวแล้ว
แล้วค่ำคืนอันเร้าร้อนของผมกับละไม ก็ได้บรรเลงเพลงรักจนสมใจอยากไปถึงสามรอบ และทุกครั้งช่างสุขสมอิ่มเอมจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ซึ่งละไมเองก็ดูจะมีความสุขดีเช่นกัน
ซึ่งหลังจากนั้นผมก็นอนสลบไสลจนถึงเช้า และเมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้รู้ว่าเหตุการณ์นั้นไม่ใช่ความฝัน ด้วยร่างเปลือยเปล่าของละไมที่นอนอยู่เคียงข้าง แล้วในที่สุดผมก็ได้ก้าวข้ามมาเป็นชายหนุ่มเสียที
"อรุณสวัสดิ์ละไม"
"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ ท่านวีตื่นเช้านะเจ้าคะ"
ผมทักทายละไมด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะออกจากห้องไปทานอาหารเช้าที่สาวใช้เตรียมไว้ให้ และหลังจากทานเสร็จผมก็ได้อาบน้ำที่เรือนเป็นครั้งแรก ซึ่งมันก็ไม่ค่อยสะดวกสบายเหมือนที่บ้าน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อาบเลย
จากนั้นผมก็บอกลาคุณกริณากับละไมเพื่อกลับมาโลกแห่งความเป็นจริง ที่พบว่าพ่อกับแม่กลับมาบ้านได้สักพักแล้ว และตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี ซึ่งผมที่พึ่งกินมาจากมิติปิดกั้นก็ใช้ข้ออ้างว่าไม่หิว แล้วกินพอเป็นพิธีไม่ให้ใครสงสัยเท่านั้น
"วี อยู่แต่บ้านแบบนี้ก็ดีนะ ปลอดภัยดี แต่ถ้าอยากหางานจะให้พ่อฝากให้ไหม"
พ่อของผมที่เป็นพนักงานอาวุโสในบริษัทมักจะถามแบบนี้อยู่เสมอ เพราะผมที่อยู่บ้านอ่านหนังสือมันก็เหมือนคนว่างงานในสายตาเขา แถมในยุคนี้ที่พละกำลังสำคัญกว่าความรู้ การอ่านหนังสือสอบจึงดูไร้สาระไปโดยปริยาย
"ขอเวลาผมอีกปีครับพ่อ ถ้ายังสอบไม่ติดผมจะหางานทำ"
"ก็ตามใจแก"
พ่อไม่จู้จี้กับผมเหมือนอย่างเคย ส่วนแม่ที่เห็นว่าผมยังอยากลองสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง แม้ในยุคนี้จะดูไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ก็ยังยอมตามใจผมเหมือนทุกครั้ง ซึ่งมันช่วยให้ผมเข้ามิติปิดกั้นไปฝึกฝนได้อย่างสะดวก
แล้วเมื่อมื้อเย็นจบลงผมก็ขอตัวกลับห้อง โดยที่ไม่ลืมจะล้างจานชามให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นผมก็ตั้งใจจะเข้ามิติปิดกั้นอีกครั้ง แต่แล้วผมก็รู้สึกงุ่นง่านอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าความต้องการทางเพศมันพร้อมระเบิดออกมาทุกเมื่อ
"เปิดค่าสถานะ"
ผู้ถูกเลือก เลเวล 23
ชื่อ ทวีโชค ใจงาม
สัญชาติ ไทย
พลังชีวิต 185 พลังเวท 10
ความแข็งแกร่ง 12 ความอดทน 50
ความว่องไว 10 (+5) ความแม่นยำ 10
พลังโจมตี 6 (+15) พลังป้องกัน 100 (+10)
แต้มทักษะ 20
ทักษะ
- ฟื้นฟูขั้นกลาง
- ช่องเก็บของต่างมิติขั้นต้น
- ซ่อนเร้นขั้นต้น
- ยั่วยุขั้นต้น
- ฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์
ความสามารถพิเศษ - ควบคุมประจุไฟฟ้าในร่างกายและพลังงานไฟฟ้าในอากาศ
อาการผิดปกติ - ติดสถานะ "หลงเสน่ห์"
แล้วเมื่อเปิดหน้าต่างทักษะขึ้นมา ผมก็ได้เห็นว่าตัวเองติดสถานะผิดปกติ ที่ทำให้ลุ่มหลงในตัวผู้ที่ร่ายคำสาปใส่ผม และมันทำให้ผมมั่นใจว่า ตัวตนของอัปสรสีหะนั้น มีไว้สำหรับทดสอบผู้ถูกเลือกเช่นเดียวกับสัตว์มายาในมิติปิดกั้น
แต่ผมที่เตรียมตัวมาแล้วก็ไม่รู้สึกตกใจอะไร แถมยังอยู่ในระดับที่คาดเดาไว้แล้วด้วย เพียงแต่ผลของมันออกจะน้อยกว่าที่คาด เพราะตามตำนานแล้ว การล่อลวงของนางอัปสรสามารถทำให้สูญเสียพลังทั้งหมดได้เลย
ทว่ากับอัปสรสีหะแล้วมีผลแค่ทำให้หลงเสน่ห์ และมีความต้องการทางเพศกับพวกเธอเท่านั้น ทำให้ผมคิดจะใช้โอกาสนี้หาความสุขใส่ตัวสักเล็กน้อย ก่อนที่จะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับบททดสอบของพระเจ้า
"แต่ทักษะฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์มันใช้ได้วันละครั้ง ดังนั้นลองไปสู้กับสัตว์มายาโดยที่ติดสถานะผิดปกติอยู่น่าจะเป็นการทดลองที่ดี เพราะไม่แน่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปมันอาจจะหายไปเองก็ได้"
จากนั้นเมื่อผมกลับเข้ามิติปิดกั้น ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะข่มใจตัวเองไม่ให้จับละไมเข้าห้อง แต่มันก็ยังอยู่ในระดับที่ผมรับมือกับมันได้ ดังนั้นการใช้ทักษะจึงเป็นตัวเลือกสุดท้ายตามแผนการที่วางไว้
แล้วเมื่อออกจากหมู่บ้านทิศอุดร ผมก็มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ตามคำบอกของมณี ว่าห่างจากหมู่บ้านไปราวสามกิโลเมตร จะพบกับถิ่นของนกเทศ ที่จากคำอธิบายแล้วผมว่ามันน่าจะเป็นนกกระจอกเทศ
ส่วนสาเหตุที่มณีแนะนำให้ผมล่าสัตว์มายาชนิดนี้ ก็เป็นเพราะเนื้อของมันอร่อยมาก แถมขนกับกระดูกก็นำมาใช้สร้างอุปกรณ์ต่างๆได้ดี ซึ่งชาวบ้านก็นิยมใช้ขนของมันทำหมอนหรือผ้าห่ม ส่วนกระดูกมักจะเอาไปทำที่ยิงลูกดอก
ซึ่งงานฝีมือของหมู่บ้านนี้อยู่ในระดับทั่วไปตามที่คุณกริณาบอก แถมกระดูกปลากับหนังปลาที่ผมให้ไปก็ไม่มีใครสามารถเอาไปทำของใช้ได้สักคน เพราะไม่คุ้นเคยกับวัตถุดิบ แถมยังเป็นของที่ผมนำมาเลยยิ่งไม่มีใครกล้าเสี่ยง เพราะกลัวว่าจะทำเสียหายนั่นเอง
"แต่หนังปลาเสือลายเมฆมันก็น่าจะเอามาทำอุปกรณ์ป้องกันได้นา ขนาดโล่นี่ยังทำมาจากหนังแบบเดียวกันเลย"
ผมบ่นเพราะผิดหวังที่ไม่สามารถเรียนทักษะเกี่ยวกับการประดิษฐ์ได้ แต่ถ้านำวัตถุดิบที่ชาวบ้านคุ้นเคยไปให้ ก็น่าจะช่วยสอนผมทำข้าวของเครื่องใช้แบบง่ายๆได้บ้าง แล้วถ้าระบบให้ทักษะมาผมค่อยหาทางทำเอง
"แต่ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า เพราะเหมือนละไมจะมีท่าทางมั่นใจมากขึ้น แถมสายตาจากผู้หญิงคนอื่นๆที่มองเธอ ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอิจฉา มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นตอนผมกลับบ้านรึไงนะ"
แล้วหลังจากผมวิ่งเต็มฝีเท้ามาเกือบครึ่งชั่วโมง ผมก็มาถึงถิ่นของนกเทศ และเป็นไปตามคาด ที่หน้าตาของพวกมันเหมือนนกระจอกเทศแทบทุกอย่าง ยกเว้นแค่อย่างเดียวคือขนาดตัวที่สูงใหญ่กว่าสองเมตร และระบบที่หายไปนานก็ส่งเสียงเตือนขึ้น
-ท่านได้รับภารกิจ กำจัด นกเทศ จำนวนห้าสิบตัว-
จากภารกิจที่ได้รับ ดูเหมือนไอ้นกพวกนี้จะมีดีแค่ตัวใหญ่ เพราะจำนวนที่มากถึงห้าสิบตัว มักจะเป็นเป้าหมายในการกำจัดสัตว์มายาที่ถือว่าอ่อนแอสำหรับผู้ได้รับภารกิจ
ในทางตรงกันข้ามหากมีจำนวนที่น้อยละก็ นั่นหมายถึงสัตว์มายาที่เป็นเป้าหมายมีความอันตรายสูงมาก ยกเว้นจะเป็นภารกิจฉุกเฉินอย่างตอนที่ผมเจอละไมครั้งแรก เพราะตอนนั้นมีศัตรูแค่สองตัว
แล้วผมก็นึกถึงคำสอนของมณีเกี่ยวกับการล่านกเทศ ว่าพวกมันมีความเร็วสูงมาก แต่ก็ไม่ฉลาดเท่าไหร่ทำให้ติดกับดักง่ายๆเสมอ แต่ถ้าไม่ชำนาญเรื่องกับดัก การต่อสู้ซึ่งหน้าไม่ใช่สิ่งที่เธอแนะนำ
เนื่องจากแรงเตะของนกเทศสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้แทบจะทันที และถึงแม้ว่าผมจะใส่เสื้อเกราะปูแดงก็ยังอันตรายอยู่ดี ดังนั้นมณีจึงให้ผมยืมหอกมาใช้ เพื่อที่จะใช้การโจมตีทีเผลอได้ในระยะที่ปลอดภัย
"ว่าแต่หอกนี่ทำจากอะไรนะ เหมือนเหล็กเลยแฮะ แต่จะบอกว่าพวกนั้นหลอมเหล็กเองได้ก็ไม่น่าจะใช่"
ผมพิจารณาใบหอกสีเงินที่ผูกติดอยู่กับท่อนไม้อย่างแน่นหนา ด้วยหน้าตาของมันเหมือนกับหอกสมัยโบราณที่เคยเห็นในหนัง จนต่อมความสงสัยของผมทำงานอีกครั้ง เพราะการสร้างหอกเองได้ มันก็ควรจะมีทักษะสายผลิตไม่ใช่รึไง
"เอาเหอะ ไว้กลับไปค่อยถามก็ได้"
แล้วมหกรรมล้างบางนกเทศก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยการใช้ทักษะซ่อนเร้น ทำให้ผมสามารถเข้าใกล้พวกนกเทศได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แม้ว่าบางตัวจะรู้ตัว แต่ด้วยพลังจิตของผมที่เสริมพลังโจมตี ก็ทำให้นกเทศทุกตัวถูกสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
จากนั้นศพของนกเทศก็ถูกเก็บเข้าช่องเก็บของต่างมิติ ซึ่งหลังจากได้เรียนรู้แล้วว่าซากสัตว์มายาชนิดเดียวกันสามารถอยู่ช่องเดียวกันได้ การขนนกเทศห้าสิบตัวกลับไปที่หมู่บ้านก็ง่ายขึ้นมาก
-ท่านได้รับค่าประสบการณ์ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล-
-ท่านทำภารกิจ กำจัดนกเทศ จำนวนห้าสิบตัวสำเร็จ ได้รับรองเท้านกเทศ-
รางวัลในรอบนี้เป็นรองเท้าที่มีหน้าตาเหมือนรองเท้าแตะส้นหนา ที่ดูแลเหมือนจะเลียนแบบเท้าของนกกระจอกเทศ แต่ในเมื่อมันเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ได้เป็นรางวัล มันก็ควรจะดีกว่ารองเท้าผ้าใบซอมซ่อของผมละนะ
"เปิดค่าสถานะ"
ผู้ถูกเลือก เลเวล 24
ชื่อ ทวีโชค ใจงาม
สัญชาติ ไทย
พลังชีวิต 185 พลังเวท 10
ความแข็งแกร่ง 12 ความอดทน 55
ความว่องไว 10 (+15) ความแม่นยำ 10
พลังโจมตี 6 (+15) พลังป้องกัน 110 (+10)
แต้มทักษะ 30
ทักษะ
- ฟื้นฟูขั้นกลาง
- ช่องเก็บของต่างมิติขั้นต้น
- ซ่อนเร้นขั้นต้น
- ยั่วยุขั้นต้น
- ฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์
ความสามารถพิเศษ - ควบคุมประจุไฟฟ้าในร่างกายและพลังงานไฟฟ้าในอากาศ
แล้วรองเท้าแตะหน้าตาประหลาดนี่ก็เพิ่มความว่องไวถึงสิบหน่วย ทำให้ผมตัดสินใจใส่มันวิ่งกลับหมู่บ้านทิศอุดร ส่วนการวิ่งเต็มฝีเท้าก็ทำให้ค่าความอดทนเพิ่มขึ้นอย่างที่คิด ทำให้ต่อไปนี้ผมต้องวิ่งแทนเดินแล้วสินะ
แถมอาการผิดปกติก็หายไปแล้วด้วย ทำให้ผมสามารถเก็บทักษะไว้ใช้ในยามจำเป็น และหาความสุขใส่ตัวในระหว่างที่อยู่หมู่บ้านนี้ได้อย่างสะดวกใจ คิดแล้วก็ชักงุ่นง่านซะแล้วสิ
ส่วนค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้ความเร็วในการวิ่งเพิ่มขึ้นด้วย เพราะผมกลับมาถึงหมู่บ้านได้ในเวลาราวสิบนาที ซึ่งลดลงจากขาไปเกือบครึ่ง จากนั้นผมก็เอาซากนกเทศไปให้มณีดู ซึ่งแน่นอนว่าได้รับคำชมจากบรรดาคนที่มามุงดูด้วย
"โอ้ ท่านผู้ถูกเลือกช่างขยันจริงๆ"
"แบบนี้พวกเราก็ไม่ต้องกลัวเรื่องเสบียงหมดไปอีกนานเลยละ"
"แหม แบบนี้ข้าไปปรนนิบัติท่านบ้างดีไหมนะ"
หญิงสาวในร่างมนุษย์มากหน้าหลายตาพยายามเข้ามาคุยกับผม และดูเหมือนอัปสรสีหะในหมู่บ้านจะเริ่มจำแลงกายกันมากขึ้น ทำให้ตอนนี้เหมือนอยู่ในหมู่บ้านธรรมดา ที่มีแต่ผู้หญิงมากกว่าหมู่บ้านในจินตนาการเหมือนตอนมาถึง
"ท่านวีน่าจะเหน็ดเหนื่อยแล้ว เชิญพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ"
มณีเข้ามากันบรรดาผู้หญิงออกไป ก่อนจะเดินนำทางผมไปที่ห้องพัก แต่ความจริงผมอยากไปหาละไมมากกว่า ทว่าสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
"เออ มณี ถ้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมออกไปก็ได้นะครับ"
สาวสวยผมแดงเริ่มถอดเสื้อผ้าออกหลังจากมาถึงห้องของผมในเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน ก่อนจะเข้ามากอดผมด้วยร่างเปลือยเปล่าพร้อมกับกระซิบข้างหู
"ให้เกียรติข้าได้ปรนนิบัติท่านเถอะเจ้าค่ะ แถมยังมีแค่ละไมคนเดียวมันขี้โกงไปนะเจ้าคะ"
แล้วสติของผมก็เหมือนหลุดออกจากร่าง พร้อมกับร่างของมณีที่ถูกผมจับกดลงบนที่นอน ก่อนที่เสียงครางจะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมมณียังเป็นฝ่ายรุกผมอีกหลายรอบด้วย แหม สาวผมแดงนี่มันร้อนแรงจังเลยแฮะ
และหลังจากเสร็จกิจผมก็ได้รู้ว่า เหล่าอัปสรสีหะนั้นรู้สึกอิจฉาละไมที่ได้ปรนนิบัติผม เพราะการได้รับใช้ผู้ถูกเลือกนั้นถือเป็นเกียรติสำหรับพวกเธอ ที่แม้แต่มณีเองก็รู้สึกอิจฉาเช่นกัน
มันเลยทำให้ผมเหมือนอยู่ในฮาเร็มสาวงาม ที่จะเลือกใครก็ได้มาหลับนอนด้วย แหม รู้สึกเหมือนเป็นพระเอกนิยายสายฮาเร็มเลยวุ้ย
แถมคราวนี้ผมยังทำกับมณีแบบสดๆอีกด้วย เพราะถุงยางใช้กับละไมหมดแล้ว ก็หวังว่าจะไม่มีอาการผิดปกติอะไรเพิ่มนะ
"แล้วเป็นยังบ้างเจ้าคะ ข้าพเจ้าดีกว่าละไมรึไม่"
"แหม มณีดีมากเลยครับ แต่ละไมก็ดีเหมือนกัน มันดีกันคนละแบบครับ แต่ผมชอบทั้งสองแบบเลยละครับ"
แล้วสาวผมแดงที่ร่างกายเหมือนนักกีฬาก็ขึ้นคร่อมผมอีกครั้ง จนคราวนี้ผมแทบจะเป็นฝ่ายส่งเสียงครางออกมาแข่งกับเธอเลยทีเดียว แถมการได้รู้ว่ายังมีสาวๆอีกหลายคนอยากมีอะไรกับผมด้วยแล้ว ก็ชักจะตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ