อวัยวะทุกส่วนต่อต้านคำสั่งจากสมองทำให้ร่างชายหนุ่มนอนจมกองเลือดแน่นิ่ง นัยน์ตาสีน้ำเงินอันแสนบอบช้ำได้ทำหน้าที่สุดท้ายซึ่งคือการฉายภาพรถกระบะคันสีเหลืองกำลังเคลื่อนที่ห่างออกไป…
แต่เรื่องราวอันแปลกประหลาดก็ได้เกิดขึ้น…ทันทีที่เขาได้สติขึ้นมาก็พบกับแสงแดดยามเช้าและกองขยะที่อยู่ในตรอกถนน บาดแผลทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นก็หายไปโดยพลัน ไม่มีหลงเหลือความเจ็บปวดใดๆ ราวกับเหตุเมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน
เขาพยายามลุกขึ้นด้วยสภาพที่มีกลิ่นเหม็นเน่าจากกองขยะที่เลอะเปื้อนเสื้อผ้า ความสับสนงุนงงทำเอาชายหนุ่มกุมขมับแต่เมื่อยกแขนข้างขวาขึ้นมาก็พบกับนาฬิกาสมาร์ทวอชสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งนอกจากจะไม่ใช่เรือนที่เขาใช้ประจำแล้วยังเป็นเรือนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเป็นเวลากว่าสิบเดือนที่ชีวิตของเขาถูกลิขิตด้วยตัวเลขดิจิตอลบนนาฬิกาข้อมือ ตัวเลขที่แสดงเวลาคงเหลือในชีวิต มันจะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ หากเขาไม่ทำภารกิจที่ระบุไว้ในนาฬิกาให้สำเร็จ
"อีกหนึ่งนาที ฉันใกล้ถึงร้านแล้ว "
เสียงของชายหนุ่มที่อยู่ในสายทำเอาเขาหลุดออกจากภวังค์ ทำให้เขารู้ตัวว่าตอนนี้กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
"เออ รีบมาเร็วๆ ฉันนั่งรอจนรากงอกละ" ชายหนุ่มเค้นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนวางสาย เมื่อเขาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก็พบว่าเพื่อนคนนี้มาสายกว่าเวลานัดร่วมห้านาที
'ห้านาที' อาจเป็นเวลาเล็กน้อยสำหรับคนปกติทั่วไปแต่สำหรับคนที่เวลาชีวิตลดลงเรื่อยๆ เช่นเขาแล้วมันมีค่ายิ่งกว่าเอาเงินมากองตรงหน้าเสียอีก
ธีร์นั่งรออยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าติดกับกระจกหวังให้เพื่อนมองเห็นง่าย ร้านกาแฟนี้พวกเขาเคยมาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมัธยมปลายด้วยกัน ภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นเมล็ดกาแฟที่พึ่งคั่วสดใหม่ตามออเดอร์ลูกค้า การตกแต่งเป็นแบบเรียบง่ายสไตล์มินิมอล ผนังปูนเปลือยสีเทาเข้ากับโต๊ะเก้าอี้สีดำเป็นอย่างดี ด้านหน้าร้านเป็นกระจกยาวตลอดร้านจึงมีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องเข้ามา ตัวร้านจึงมีความสว่าง โปร่งโล่ง ทำให้รู้สึกสบายใจทุกครั้งที่นั่งคุยนั่งเล่น พวกเขาจึงได้แต่งตั้งให้ร้านกาแฟแห่งนี้เป็นร้านประจำที่ใช้บริการไม่เคยขาด
เสียงกระดิ่งหน้าประตูสั่นเป็นสัญญาณเตือนถึงลูกค้าคนใหม่กำลังเข้ามา ชายหนุ่มที่เข้ามาในร้านก็รีบมุ่งมายังโต๊ะของธีร์โดยไม่สนใจพนักงานต้อนรับภายในร้าน
"ฮัลโหล ว่าไงไอ้ธีร์" ลูกค้าผู้มาใหม่เอ่ยก่อน
'ดีน' ชายหนุ่มผมทรงอันเดอร์คัตสีบลอนด์ อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับธีร์ โครงหน้ามีส่วนคมเข้มตามลักษณะผู้มีที่เชื้อสายจากเมืองผู้ดีและส่วนโค้งมนตามสายเลือดบ้านเกิดของตน นัยน์ตาสีฟ้าคมเข้ม รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง สวมกางเกงและเสื้อยีนส์สีฟ้าทับเสื้อยืดสีขาว
"กว่าจะมาได้นะไอ้ผู้หมวดดีน" ธีร์ยังคงค่อนขอดอีกฝ่ายที่มาสาย
"นี่นายรับข่าวสารจากนกพิราบหรือไง? ฉันเลื่อนขั้นเป็นผู้กองมาหลายปีแล้วเว้ย! " ชายหนุ่มผมบลอนด์ท้วง
"แล้วมันต่างกันตรงไหน? สุดท้ายนายก็เป็นตำรวจซื่อบื้อเหมือนเดิม"
ดีนไม่โต้ตอบได้แต่มองสายตาเหนื่อยหน่ายราวกับอธิบายไปก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง จึงเบนความสนใจไปที่เมนูอาหารแต่ไม่ทันที่เขาจะได้หยิบมาอ่านรายละเอียดก็ถูกคู่สนทนาแย่งเสียก่อน
"คนมาช้าไม่มีสิทธิ์สั่ง จำไม่ได้หรือไงว่าเมื่อก่อนใครเลิกเรียนช้าต้องกินตามคนที่มาก่อนสั่ง"
"จริงสินะ ฉันไม่น่าพลาดมาสายเลย!" ชายหนุ่มผมบลอนด์ทำท่าหงุดหงิดที่ต่อให้มองจากระยะหนึ่งกิโลเมตรก็รู้ว่าแกล้งทำ
จู่ๆ ทั้งสองก็หัวเราะออกมาเบาๆ ตั้งแต่ที่พวกเขาต้องใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่เต็มตัว ครั้งสุดท้ายที่มีความสุขจากการพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนรู้ใจคือเมื่อไรกันนะ
จากนั้นสีหน้าชายหนุ่มผมสีน้ำเงินถูกปรับมาเป็นปกติอีกครั้งพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
"นายมีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงนัดเจอกันวันนี้"
"อะไรกัน แค่อยากเจอเพื่อนเก่าจำเป็นต้องมีธุระด้วยหรือไง"
"แหงสิ ตำรวจจากประเทศอังกฤษคงไม่กลับมาบ้านเกิดอย่างไม่มีเหตุผลหรอกว่าไหม?"
ดีนส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับถอนใจหายออกมาก่อนตอบ
"ฉันลาพักร้อนน่ะ ทำงานอยู่ต่างถิ่นตั้งนานก็อยากพักผ่อนบ้างไม่ได้หรือไง? ฉันไม่ได้ทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมง สามร้อยหกสิบห้าวันเหมือนคนแถวนี้สักหน่อย" คราวนี้ดีนได้เป็นฝ่ายเหน็บแนมกลับบ้าง
ธีร์ถึงกับสะอึกเมื่อเพื่อนเก่าตอบ ไม่ใช่เพราะเขาเจ็บใจที่โดนค่อนขอดแต่เป็นเพราะตอนนี้เขาออกจากงานที่ทำโดยที่ไม่สามารถอธิบายเหตุผลให้ดีนฟังได้
"จะว่าไป…" ดีนเห็นว่าได้โอกาสจึงเป็นฝ่ายถามบ้าง "ตอนนี้นายกับกวางยังคบกันดีอยู่ไหม…"