"หึ…เฮอะ…"
ภพเหลือบมองกานต์ที่กำลังทำเสียงฟึดฟัด หน้าหงิกงอ เหมือนไม่พอใจเขาหรืออะไรสักอย่าง
"กานต์ ทุกสิ่งบนโลกนี้ย่อมเป็นตามกรรมและอายุขัย ผมฝืนไม่ได้ และไม่มีใครสามารถฝืนกฎของชะตากรรมได้"
"เฮ้ออ ผมรู้แล้ว…มันก็แค่ขัดใจอะ"
"เดี๋ยว…มีใครกำลังมา…"
ภพส่งเสียงให้กานต์หยุดพูด ความเงียบที่ปกคลุมถูกเงาจางๆของใครบางคนแทนที่ และภาพของยมทูตตนหนึ่งในยมโลกจึงปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาทั้งสอง
"อัคนี?"
"ใช่ ข้าเอง มีคำสั่งจากท่านผู้เป็นใหญ่ให้ข้ามารับหน้าที่ดูแลดวงวิญญาณตนนี้แทนเจ้า"
"เพราะอะไร…ทำไม…"
"หึ…ภพ เจ้าไม่ต้องเคร่งเครียดวิตกกังวลขนาดนั้น ข้าแค่มาดูแลชั่วคราว แค่วันเดียว เพราะมีคำสั่งให้เข้าไปทำหน้าที่บนโลกมนุษย์ด่วนเนื่องจากยมทูตที่มีในตอนนี้ไม่พอ"
"หืม…มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ"
กานต์ถามแทรกขึ้น ด้วยความอยากรู้และไม่เคยรู้
"มีสิ มีบ่อยจะตาย ช่วงนี้คนตายเยอะ พวกเราเลยทำงานหนักแทบไม่มีหยุด"
กานต์พยักหน้าตอบรับคำตอบของอัคนี และก่อนที่ทั้งคู่จะได้พูดกันไปมากกว่านี้ ภพที่ยืนอยู่ข้างๆจึงพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
"ข้าจะไปแล้ว ไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับมา ข้าฝากกานต์ไว้กับเจ้าไม่นานอัคนี"
อัคนีมองหน้าภพและยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ภพมองอัคนีและกานต์พร้อมถอนหายใจ ก่อนที่จะหายวับไป เหลือเพียงกานต์กับอัคนีที่ดูท่าจะสนิทกันเร็วเกินกว่าคนแปลกหน้า เพราะพูดคุยถามไถ่กันไม่หยุด
เวลาผ่านไปจนรุ่งเช้าของอีกวัน กานต์ที่นั่งหลับอยู่บนเตียงถูกเสียงรบกวนขอใครบางคนที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ และเเรงสัมผัสที่เกิดขึ้นข้างกาย
"อืออ…ภ…เฮ้ย! คุณอัคนี!?"
อัคนีรีบคว้าตัวกานต์ที่กำลังจะลุกหนี ขึ้นคร่อมทับร่างเล็กไว้จนดิ้นหนีไปไหนไม่ได้
"คุณจะทำอะไร คุณบ้าไปแล้วเหรอ ปล่อยผมนะ! ปล่อย!"
ในช่วงจังหวะที่หน้าคมของอัคนีกำลังจะก้มลงไปแตะถึงแก้มใส
ปัง! ตุบ!
ร่างของอัคนีได้ถูกแรงผลักมหาศาลเหมือนลมพายุหมุนเหวี่ยงจนร่างสูงใหญ่กระเด็นลอยไปกระแทกกับผนังห้องอีกด้าน
"เจ้าจะทำอะไรอัคนี!"
ร่างของภพปรากฎตนต่อหน้าอัคนีบีบคอคนตัวสูงเท่ากันให้ลุกขึ้น
"หึ…ข้าก็แค่…อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง แต่ไม่ต้องแล้วละ ข้ามั่นใจแล้วว่าสิ่งที่คิดมันไม่ผิดไปจากที่ข้านึกไว้"
"เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร"
"ภพ…ข้าแค่อยากเตือนเจ้า เจ้ากำลังทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และสิ่งที่เจ้ากำลังรู้สึกมันจะทำเจ้าสูญสิ้นทุกอย่างไป"
ภพขบกรามแน่น เขาค่อยๆปล่อยมือออกจากคออัคนี อัคนียิ้มเยาะให้กับสหายตรงหน้าพร้อมร่างที่ค่อยๆจางหายไป
"คุณภพ"
กานต์รีบลุกขึ้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาภพ มือเรียวซีดกำลังจะยื่นไปจับมือคนตัวสูงแต่กลับถูกปัดออก พร้อมร่างของกานต์ที่ถูกภพเหวี่ยงจับตรึงไว้กับผนังห้องแทน
ตุบ!
"ภพ! คุณ?"
"อย่าเข้าใกล้ผมอีก คุณมีความสุขแต่ผมกำลังจะมีความทุก อย่าทำในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ คุณก็รู้ว่าเรา…"
"เรากำลังจะรักกัน"
"กานต์!"
"ผมชอบคุณ และผมเองก็ไม่รู้ว่ามันมากกว่าคำว่าชอบตอนไหน ภพ…คุณเองก็ชอบผม อาการของคุณมันบอกหมดแล้ว เมื่อกี้คุณหึงผม และคุณก็ใจเต้นทุกครั้งเวลา…อื้อออ…"
ภพรีบประกบจูบปิดปากคนที่กำลังพูดให้หยุดเปร่งเสียง
"อึ…อื้อ…"
แม้ว่ากานต์พยายามจะเปร่งเสียงพูดออกมา แต่ก็ทำได้เพียงครางอื้ออึงในลำคอ เพราะแรงจูบบดขยี้จนปากบิดเบี้ยวทำให้ไม่สามารถส่งเสียงพูดออกมาได้
"อืออ…ภพ…อ่าา…แฮ่กๆ อึก…อื้อออ"
ภพหยุดจูบปล่อยปากอีกคนให้เป็นอิสระ แต่เพียงแค่ไม่นานเขาก็ประกบปากจูบบดขยี้ลงไปอีก และดูดดื่มเร่าร้อนมากกว่าครั้งที่แล้ว ลิ้นหนาได้ล้วงลึกเข้าไปในโพรงปากของคนตัวเล็กกวาดต้อนความหวานหอมจนน้ำลายไหลยืดเมื่อผละออกจากกัน
"อ่ะ…แฮ่กๆ"
กานต์หายใจหอบถี่ๆ ยืนก้มหัวใจตัวเองในอ้อมกอดของภพพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาให้กับความรู้สุขและความทุกข์ที่กำลังตีรวนอยู่ภายในอก
"ผมขอโทษ"
กานต์ที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดภพ ทำเพียงส่ายหน้าไปมาตัวสะอื้นไห้เล็กน้อย จนฝ่ามือหนายื่นมาจับปลอบประโลมลูบที่กลุ่มผมนิ่ง กานต์จึงได้ค่อยๆหยุดร้องและนิ่งเงียบไป
ซ่า…
เสียงคลื่นจากน้ำตกที่กระทบโขดหินและซัดสาดลงมาถึงชายหาด ทำให้จิตใจของคนสองคนที่กำลังสับสนว้าวุ่นค่อยๆผ่อนคลายและเงียบสงบลงได้บ้าง
"ผม…ขอโทษ เพราะผมเรื่องทุกอย่างมันเลยแย่ลง เพราะผมคุณถึง…"
"ไม่ใช่หรอก ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังอยู่แล้ว เรื่องนี้คุณไม่ได้ผิดแค่คนเดียว"
"งั้นเรากลับไปเริ่มใหม่ได้ไหม ผมจะไม่ทำอะไร ไม่คิดอะไรแล้ว"
"เวลามันย้อนกลับไม่ได้แล้วกานต์ ความรู้สึกก็เหมือนกัน ผมเองก็ยังแปลกว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึก…แบบนี้"
"แล้วเราจะทำยังไงต่อ"
"ไม่ห่วง…หลังจากครบกำหนดเวลาที่คุณต้องถึงแก่กรรม คุณก็จะลืมทุกอย่างไปเอง"
"แล้วคุณละภพ"
"…"
ภพนิ่งเงียบไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ทำเพียงแค่ยิ้มและขยับมือไปจับมือคนข้างๆไว้ พร้อมนั่งดูพระอาทิตย์ที่กำลังจมหายจนสีของท้องฟ้าเหลืองแดงฉานค่อยๆมืดครึ้มเข้ามาแทนที่