ผมใช้เวลาประมาณสองวันในมิติปิดกั้นเพื่อฝึกใช้เวทมนตร์ให้คล่อง และถึงจะพัฒนาขึ้นแค่ไหน ระยะเวลาแค่นี้ก็ไม่ทำให้ผมกลายเป็นจอมเวทย์ได้เหมือนในนิยายหรือการ์ตูนทั้งหลาย
แล้วความสามารถด้านเวทมนตร์ของผมก็อยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางอ่อน ซึ่จะเรียกว่าไร้พรสวรรค์ก็คงได้ แต่เป้าหมายหลักอย่างการปลุกเสกอุปกรณ์สวมใส่นั้นสำเร็จตามความตั้งใจแล้ว ผมจึงเลือกที่จะออกเดินทางเสียที
"ท่านวีระวังตัวนะเจ้าคะ แล้วอย่าลืมแวะมาหาพวกเรานะเจ้าคะ"
ละไมออกมาส่งผมที่หน้าหมู่บ้าน โดยมีสาวๆที่ผมมีสัมพันธ์ด้วยตามมาส่ง และแต่ละคนก็บอกให้ผมกลับมาหมู่บ้านนี้บ้างหากเป็นไปได้ ซึ่งแน่นอนว่าผมรับปาก แต่จะทำได้ไหมคงต้องให้เป็นเรื่องของอนาคต
เพราะมิติปิดกั้นเป็นสถานที่ฝึกฝนผู้ถูกเลือก ดังนั้นหากเข้าสู่หุบเหวลึกอันเป็นบททดสอบที่แท้จริงแล้ว ก็คงกลับมาที่หมู่บ้านนี้ไม่ได้อีก แถมถ้าผมสามารถผ่านบททดสอบไปได้ มิติปิดกั้นก็จะหายไปเช่นกัน
และความจริงนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกใจหายเหมือนกัน แต่ในเมื่อมีชะตากรรมของประเทศและคนชาติเดียวกันอยู่บนบ่า แล้วถึงแม้จะไม่ได้เลือกที่จะรับภาระหน้าที่นี้ ผมก็คงทำใจทอดทิ้งทุกอย่างแล้วรอวันตายไม่ได้เหมือนกัน
"ไปก่อนนะครับ"
ผมมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก เพราะจากการสำรวจพื้นที่แล้ว ป่าในบริเวณนี้ค่อนข้างง่ายในการใช้จักรยานไฟฟ้า ต่างจากทิศอื่นที่เป็นทั้งโคลนตมและหญ้าสูงกว่าหนึ่งเมตร
ทำให้เป้าหมายแรกของผมเป็นหมู่บ้านอัปสรสีหะทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) ที่จากการคำนวณระยะทางแล้ว อย่างน้อยต้องเดินทางถึงหมื่นกว่ากิโลเมตร แล้วถึงจะมีจักรยานไฟฟ้าก็ต้องใช้เวลาหลายวัน
เพียงแต่การรู้ว่าเวลาในมิติปิดกั้นเดินเร็วกว่าโลกแห่งความเป็นจริงราวสี่เท่า ทำให้มีความหวังว่าอย่างน้อยจะได้พบหมู่บ้านอัปสรสีหะอีกสักแห่ง เพราะผมต้องการแต้มทักษะที่เป็นรางวัลของการเจอพื้นที่ใหม่
แล้วการชาร์จไฟฟ้าหนึ่งครั้งจะทำให้ใช้งานได้ราวห้าสิบกิโลเมตร ที่หากจะเดินทางให้ได้ระยะทางหมื่นกิโลเมตร ก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองร้อยวัน ที่หากคิดเป็นเวลาในโลกแห่งความเป็นจริงจะเท่ากับห้าสิบวัน
ซึ่งมันยังอยู่ในระยะเวลาที่ผมยอมรับได้ แถมยังเป็นการฝึกฝนอย่างจริงจังอีกด้วย เพราะการอยู่อย่างสุขสบายในหมู่บ้านอัปสรสีหะมันทำให้เพิ่มเลเวลลำบาก แถมยังมีสิ่งล่อลวงมากมายอีกด้วย
การเดินทางครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการฝึกฝนที่แท้จริงของผม หลังจากได้รับการสอนทักษะต่างๆจากมณีและภัสสร และผมยังต้องการทดสอบความสามารถของทักษะที่ได้มาด้วย ว่าใช้ในการต่อสู้จริงได้แค่ไหน
"เปิดค่าสถานะ"
ผู้ถูกเลือก เลเวล 26
ชื่อ ทวีโชค ใจงาม
สัญชาติ ไทย
พลังชีวิต 185 พลังเวท 10
ความแข็งแกร่ง 15 ความอดทน 52
ความว่องไว 11 (+15) ความแม่นยำ 12
พลังโจมตี 7 (+20) พลังป้องกัน 104 (+35)
แต้มทักษะ 50
ทักษะ
- ฟื้นฟูขั้นกลาง
- ช่องเก็บของต่างมิติขั้นต้น
- ซ่อนเร้นขั้นต้น
- ยั่วยุขั้นต้น
- ฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์
- หัตถกรรมขั้นต้น
- ควบคุมพลังเวทขั้นต้น
- รำดาบขั้นต้น
ความสามารถพิเศษ - ควบคุมประจุไฟฟ้าในร่างกายและพลังงานไฟฟ้าในอากาศ
เมื่อผมดูค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นจากอุปกรณ์ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยดาบหนอนชาเขียวติดไฟที่ภัสสรปลุกเสกให้มีธาตุไฟติดมาด้วย ทำให้การโจมตีของผมน่าจะรุนแรงขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพลังจิต
ส่วนความว่องไวที่เพิ่มขึ้นจากรองเท้าแตะก็ช่วยเรื่องการหลบหลีก และที่สำคัญผมยังได้ปลอกแขนและขาที่ปลุกเสกโดยภัสสร ทำให้มีพลังป้องกันถึงชิ้นละห้าหน่วย ส่งผลให้พลังป้องกันเพิ่มขึ้นมาก
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผมล่าสัตว์มายาได้ง่ายขึ้น แถมยังลดความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บได้อีกด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่ปัญหาคือตั้งแต่ขี่จักรยานไฟฟ้ามาเป็นชั่วโมง ผมก็ยังไม่เห็นสัตว์มายาสักตัว
"แปลกแฮะ หรือมันจะกลัวของแปลกปลอมอย่างจักรยาน"
ผมเคยดูจากรายการโทรทัศน์ว่าสัตว์ป่าจะไม่กล้าเข้าใกล้สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งเป็นสัญชาตญาณระวังภัยของสิ่งมีชีวิต แต่สัตว์มายามันถูกสร้างมาเพื่อฝึกฝนผู้ถูกเลือก ที่ถึงจะคล้ายสัตว์ป่าแต่มันก็ไม่ใช่สัตว์ป่าอยู่ดี
ทำให้การที่สัตว์มายาไม่โผล่มาให้เห็นเลยแบบนี้มันผิดปกติจนน่าสงสัย ว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นในบริเวณนี้ เพราะหากเป็นหนังหรือนิยายละก็ ความเงียบจนผิดปกติแบบนี้มักจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
และถ้าฉากหลังเป็นป่าแบบนี้ด้วยแล้ว สิ่งที่จะโผล่มาคงไม่พ้นสัตว์ร้ายระดับเจ้าป่าหรือไม่ก็สิ่งมีชีวิตระดับบอส ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตขึ้นมาทันที แต่จะให้ออกจากมิติปิดกั้นทั้งแบบนี้ก็ไม่ไหว เพราะเวลากลับเข้ามาจะกลับมาจุดเดิม
ดังนั้นในคำแนะนำของระบบจะให้ออกจากมิติปิดกั้นในจุดที่มั่นใจว่าปลอดภัย และแน่นอนว่าการอยู่กลางป่าแบบนี้มันจะไปหาจุดปลอดภัยได้ที่ไหนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วผมตั้งใจจะออกไปพักที่ชายป่าก่อนกลับบ้าน
แต่ในเมื่อมันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ขี่จักรยานไฟฟ้าต่อไปโดยเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ด้วยการสอดส่องรอบด้านและมองกระจกหลังเป็นระยะ เพราะหากโดนเล่นงานทีเผลอมีหวังจบไม่สวย
"อืม หรือจะคิดไปเองวะ"
แล้วหลังจากเวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผมชักจะไม่แน่ใจว่าคิดมากไปเองหรือแค่โชคดีเฉยๆ ที่ยังไม่เจอเหตุการณ์อะไรร้ายแรง แถมเวลาที่จักรยานไฟฟ้าจะใช้งานได้ก็ใกล้หมดแล้วด้วย
ทำให้ผมตัดสินใจเก็บจักรยานไฟฟ้าเข้าช่องเก็บของต่างมิติ แล้วออกวิ่งไปตามทิศทางที่น่าจะเป็นชายป่า พร้อมกับดูแผนที่ของระบบไปด้วย และจากแผนที่ก็ยังไม่พบสัตว์มายาในระยะร้อยเมตร
แต่แผนที่ของระบบก็ใช่ว่าจะแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะสัตว์มายาบางชนิดสามารถซ่อนตัวจากแผนที่ของระบบได้ แถมยังพลางตัวได้ยอดเยี่ยมจนสายตามนุษย์หาเจอได้ยากด้วย
ที่แม้ในพื้นที่เริ่มต้นจะไม่มีสัตว์มายาแบบนั้น แต่ในพื้นที่ป่าหิมพานต์มันเป็นอีกเรื่อง และหากไม่ระวังละก็ อาจจะตายไม่รู้ตัวก็ได้
"โอ้ เริ่มเห็นชายป่าแล้วแฮะ"
ผมวิ่งตรงไปยังชายป่าด้วยความยินดี แต่ก่อนที่จะออกจากเขตป่าหิมพานต์ เรื่องที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ เพียงแต่มันไม่ได้ร้ายแรงตามคาด เพราะสิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นเป็นศัตรูที่ผมเคยจัดการมาแล้ว
เจี๊ยก
-ท่านได้รับภารกิจฉุกเฉิน กำจัดพานรมฤคชั้นต่ำ จำนวนห้าตัว-
สิ่งที่กระโจนจากต้นไม้ลงมาล้อมผมเอาไว้เป็นลิงที่มีท่อนล่างเป็นกวาง และมันมีจำนวนถึงห้าตัว
"ไอ้ลิงครึ่งกวางนี่เหรอที่เป็นต้นเหตุความผิดปกติ"
ผมชักดาบหนอนชาเขียวติดไฟออกมาถือพร้อมกับโล่หนังปลาลายเมฆ และรู้สึกดีใจที่เก็บจักรยานไฟฟ้าเข้าช่องเก็บของต่างมิติแล้ว เพราะหากจักรยานไฟฟ้าเสียหายจากการต่อสู้มันคงทำให้แผนการเดินทางต้องล่าช้าอย่างแน่นอน
แล้วหลังจากพวกมันล้อมผมเอาไว้ก็ยังไม่มีท่าทางจะเข้ามาโจมตี ดังนั้นผมจึงเป็นฝ่ายเข้าไปโจมตีพวกมันเอง และดูเหมือนอุปกรณ์สวมใส่พวกนี้จะช่วยให้การเคลื่อนไหวของผมดีขึ้นด้วย
เพราะสามารถเข้าประชิดตัวลิงครึ่งกวางตรงหน้าได้อย่าวรวดเร็วผิดคาด ซึ่งคงต้องบอกว่าสมเป็นรองเท้าที่ได้จากนกเทศ ที่ช่วยให้ความว่องไวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนดาบหนอนชาเขียวติดไฟก็ถือว่าดีกว่าที่คาดเช่นกัน เพราะสามารถทะลวงคอของมันได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังส่งความร้อนเผาไหม้จากภายในอีกด้วย โดยที่ผมไม่ต้องเสริมพลังจิตเข้าไปเหมือนแต่ก่อน
และหลังจากกำจัดไปได้หนึ่งตัว พวกมันที่เหลือก็เลือกที่จะรุมผมพร้อมกัน แต่ช่องว่างที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผมวกกลับมาตั้งรับได้ไม่ยาก แถมยังปิดจุดบอดที่ด้านหลังได้อีกด้วย จึงทำให้ลิงครึ่งกวางอีกสี่ตัวต้องเผชิญหน้ากับผมโดยไม่สามารถลอบกัดได้
"แน่จริงเข้ามาสิวะ"
ผมพูดเพื่อใช้ทักษะยั่วยุ และผลของมันก็ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา เมื่อลิงครึ่งกวางเริ่มวิ่งเข้ามาโดยไม่มีการป้องกันตัว ซึ่งมันทำให้การโจมตีสวนกลับทำได้ง่าย และพวกมันอีกหนึ่งตัวก็สิ้นชีพลง
แต่ดูเหมือนพวกมันจะมีการเรียนรู้ เพราะหลังจากพรรคพวกตายไปสองตัวก็เหมือนจะไม่กล้าเข้ามาโจมตีอีก แต่การจะปล่อยให้พวกมันหนีจนภารกิจล้มเหลวไม่ใช่ตัวเลือกที่ผมต้องการ ดังนั้นผมจึงต้องเป็นฝ่ายบุกเข้าไปหาพวกมัน
"ย๊าก"
ผมร้องตะโกนเพื่อดึงพลังจากภายในเหมือนที่นักเทนนิสเคยบอกไว้ ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะได้ผล เพราะการตวัดดาบของผมทำให้ลิงครึ่งกวางตัวหนึ่งไร้หัวได้ในทันที และเมื่อเหลือกันแค่สองตัว พวกมันก็เลือกที่จะหนี
แต่ผมที่เตรียมตัวไว้แล้วก็ไม่ปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ ด้วยการดึงกระดูกปลาที่เหลาจนแหลมออกมาจากช่องเก็บของ ก่อนจะเสริมพลังจิตเข้าไปเพื่อให้มีพลังทำลายสูงขึ้น และขว้างออกไปเต็มแรง
ฉึก กี๊ซ
ลิงครึ่งกวางสองตัวที่เหลือร้องอย่างเจ็บปวดหลังจากถูกกระดูกปลาแทงเข้าที่หลังและก้น ซึ่งความจริงผมอยากขว้างให้มันตายในทีเดียว แต่ด้วยฝีมือในตอนนี้แค่เข้าเป้าผมก็พอใจแล้ว
จากนั้นเมื่อพวกมันขยับไม่ได้เพราะผลจากพลังงานไฟฟ้าที่ผมใส่เข้าไปในกระดูกปลา ผมก็เข้าไปปิดบัญชีพวกมันและทำภารกิจให้สำเร็จในเวลาเดียวกัน และดูเหมือนครั้งนี้ระบบจะใจดีกับผมบ้างแล้ว
-ท่านทำภารกิจฉุกเฉิน กำจัดพานรมฤคชั้นต่ำ จำนวนห้าตัวสำเร็จ ได้รับแต้มทักษะยี่สิบห้าหน่วย-
-ท่านทำภารกิจฉุกเฉินสำเร็จในเวลาน้อยกว่าสิบนาที ได้รับแต้มทักษะสิบหน่วย"
*แต้มทักษะ 85
ด้วยแต้มทักษที่ได้มานี้ หากผมเพิ่มเลเวลอีกสองครั้งก็จะได้แต้มทักษะครบร้อย ที่จะสามารถนำไปแลกทักษะขั้นต้นใหม่ๆได้ แต่เป้าหมายอย่างทักษะฟื้นฟูขั้นสูงคงต้องรออีกสักพัก
แถมผมยังรู้สึกว่าการฟันดาบของตัวเองมีความเฉียบคมและตัดสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นผลของทักษะรำดาบขั้นต้นก็ได้ และหากเป็นจริงละก็ การฝึกฝนในหมู่บ้านอัปสรสีหะก็ให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด
"เอาละ ไปพักที่ชายป่าแล้วกลับบ้านดีกว่า"
ผมไม่ลืมที่จะเก็บซากของลิงครึ่งกวางไปด้วย เพราะซากของพวกมันยังคงอยู่แม้ภารกิจจะสำเร็จไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกที่ปกติมันควรจะสลายไป แต่ในเมื่อผมสามารถหาประโยชน์จากซากของมันได้ มันก็ไม่เสียหายอะไรที่จะเก็บไว้
แล้วถ้าหากมันถูกทิ้งไว้ในช่องเก็บของต่างมิตินานเกินไปจนเน่าเสีย เมื่อถึงเวลานั้นผมค่อยเอาออกมาทิ้งก็ได้ เพราะต้องยอมรับว่าผมไม่มีความสามารถในการแล่ซากสัตว์มายาเพื่อเอาวัตถุดิบ
แม้จะเคยลองทำที่หมู่บ้านมาแล้ว ความสะอิดสะเอียดตอนแล่ผสมกับกลิ่นคาวเลือดมันก็เกินรับไหวสำหรับผม ทำให้ต้องยอมแพ้อย่างช่วยไม่ได้ และในอนาคตหากมีซากสัตว์มายาให้เก็บอีก ผมก็อาจจะต้องคิดเรื่องเพิ่มระดับช่องของเก็บของต่างมิติ
หรือไม่ก็อาจจะเอาไปขายให้ยัยเตี้ย แต่ก็ไม่รู้ว่ายัยเตี้ยเมริสาจะแล่เอาวัตถุได้รึเปล่า เพราะการแล่ปลากับสัตว์ชนิดอื่นมันค่อนข้างจะต่างกันพอสมควร แต่ไม่ว่าจะทางไหน ผมก็ไม่เสียอะไรอยู่แล้ว เพราะถึงจะได้วัตถุดิบมา ผมก็ยังไม่เก่งพอจะสร้างอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อยู่ดี
รายการอาวุธและอุปกรณ์สวมใส่
ดาบหนอนชาเขียวติดไฟ
พลังโจมตี +15
คุณสมบัติพิเศษ - แฝงธาตุไฟในการโจมตี
สนับมือเขี้ยวสุนัขช็อกโกแลต
พลังโจมตี +10
*ใส่อาวุธซ้ำซ้อนเกินกว่าหนึ่งชิ้น ลดพลังโจมตีของอาวุธหนึ่งชิ้นลง 50 เปอร์เซ็นต์
โล่หนังปลาลายเมฆ
ลดความเสียหายจากการโจมตีที่ได้รับ 50 ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับค่าสถานะความอดทน
สร้อยคอขนหางกบิลปักษา
ความว่องไว +5
เสื้อเกราะปูแดง
พลังป้องกัน +10
รองเท้านกเทศ
ความว่องไว +10
หมวกหนังกวาง
พลังป้องกัน +5
ปลอกแขนหนังปลุกเสก (ขวา)
พลังป้องกัน +5
ปลอกแขนหนังปลุกเสก (ซ้าย)
พลังป้องกัน +5
เกราะขาหนังปลุกเสก (ขวา)
พลังป้องกัน +5
เกราะขาหนังปลุกเสก (ซ้าย)
พลังป้องกัน +5