บทที่ 7
การทดสอบ
หลังจากงานเลี้ยงในวันนั้นนี้ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็มแล้วที่ผมโยนทิ้งความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจเกี่ยวกับจินหลงไปแล้วตั้งหน้าตั้งตาใช้ชีวิตและเรียนไปวันๆเหมือนเดิมและนี่เข้าก็เข้าสู่ช่วงการทดสอบของเขตสำนักบุหลันแล้ว หลังจากที่อาจารย์เซียงสั่งสอนมาก็ถึงช่วงที่ผมจะต้องเข้ารับการทดสอบเลื่อนขั้นสักที โดยวันนี้อาจารย์จะให้ผมไปจัยฉลากโรคและทำการวินิจจัยโรคจากนั้นให้บอกวิธีการรักษาและตั้งตำรับยาที่จะใช้รักษาโรคเองแล้วอาจารย์เซียงก็จะให้ผมไปหาสมุนไพรในป่าหลังเขตสำนักเอง จากนั้นนำมาต้มแล้วลองชิมรสชาติว่าควรเติมสมุนไพรอะไรเสริมลงไปมั้ยเพื่อให้ยากินง่ายขึ้นแต่สรรพคุณยังคงเดิมและความบริสุทธิ์ยาต้องมีระดับ 7 ขึ้นไปถึงจะทดสอบผ่านด่านผู้ฝึกตนไปเป็นนักปรุงยาได้ แล้วที่ผมรู้ขบวนการการทดสอบก็เพราะศิษย์พี่ทุกคนละครับที่บอกผมทุกอย่างที่ตัวเองเคยทดสอบมา ทั้งยังบอกถึงทิศทางในการหาสมุนไพรกับผมอีกซึ่งพอรวมกันแล้วกลายเป็นทั้งป่าเลยครับที่มีสมุนไพร นั้นมันของแน่นอนอยู่แล้วนะที่สมุนไพรจะอยู่ในป่าอะ แล้วเหมือนเสี่ยวเสี้ยวจะรู้ว่าผมจะต้องไปทำการทดสอบแล้วออกไปที่ป่าเสี่ยวเสี้ยวเลยพยายามขอไปด้วยโดยการขึ้นมาพันรอบข้อมือเป็นกำไลแน่นเพราะกลัวผมมีอันตราย แต่ผมก็เบรกเอาไว้เพราะไม่อยากห่วงหน้าพะวงหลัง ถ้ามีเสี่ยวเสี้ยวไปด้วยเขาจะต้องเป็นห่วงเสี่ยวเสี้ยวว่าจะโดนสัตว์ตัวอื่นทำร้ายเป็นแน่ เลยบอกเหตุผลที่เสี่ยวเสี้ยวไปด้วยไม่ได้ให้อีกฝ่ายฟังอย่างใจเย็นพร้อมทั้งสัญญาจะใช้เวทย์เชื่อมจิตให้เสี่ยวเสี้ยวเห็นว่าเขาทำอะไรและอยู่ตรงไหน เสี่ยวเสี้ยวจะได้ไม่เป็นห่วงอีกด้วยเสี่ยวเสี้ยวจึงยอมคลายตัวแล้วเลื้อยลงไปอยู่ในตะกร้ารอเขาอยู่ที่นี่
"พร้อมทำการทดสอบรึยังหลงเอ๋อร์"ตอนนี้ผมยืนอยู่เบื้องหน้าอาจารย์เซียงในศาลาที่อาจารย์เซียงใช้สอนศิษย์ โดยมีศิษย์พี่ทุกคนมาดูการทดสอบนั่งอยู่ข้างหลังเขาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
"พร้อมแล้วขอรับ"
"หลังจากที่เจ้าจับฉลากขึ้นมาแล้วให้เขียนทุกอย่างที่เจ้ารู้เกี่ยวกับโรคที่จับได้ลงไปในกระดานคำตอบโดยอาจารย์ให้เวลาเพียงหนึ่งการธูปเท่านั้น ช้ากว่านี้ได้เพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้น หากตอบไม่ละเอียดไม่ผ่าน มีคนช่วยก็ไม่ผ่าน หลังจากผ่านข้อเขียนแล้วอาจารย์จะให้เจ้าไปหาสมุนไพรมาปรุงยาแก้โรคที่เจ้าจับได้ โดยให้เวลาหาตามที่อาจารย์เห็นสมควรว่าตำรับยาที่เจ้าตั้งจะใช้สมุนไพรมากน้อยเพียงใด"อาจารย์บอกเงื่อนไขในการทดสอบกับผม จากนั้นก็หยิบไหใบนึงขนาดพอดีที่มือจะหยิบเอาบางสิ่งขึ้นมาได้ ที่ภายในได้ใส่หินทำนายโรคที่อาจารย์เซียงคิดเวทย์นี่ขึ้นมาเองเอาไว้ โดยร่ายเวทย์ให้ก้อนหินจดจำตัวเองว่าเป็นโรคอะไร เมื่อหยิบขึ้นมาก้อนหินจะเปล่งเสียงบอกตนเองว่าคือโรคอะไรเหมือนเป็นการแนะนำตัวอะไรแนวนั้น
"ขอรับอาจารย์"
"งั้นเจ้าก็เริ่มการทดสอบเถอะ"สิ้นประโยคนั้นอาจารย์ก็ยื่นไหมาตรงหน้าผม ผมจึงล้วงมือเข้าไปคนๆหินในไหแล้วกำลังจะหยิบหินก้อนที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมา แต่ดันมีหินก้อนนึงดีดเข้ามือผม ผมเลยได้แต่หยิบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้สงสัยตอนคนหินมันจะกระทบกันจนกระเด็นเข้ามือผมนั้นละ
"โรคพันพิษสลายรัก"หลังจากที่มือพ้นปากไหออกมา แล้วชูก้อนหินขึ้นมันก็ส่งเสียงทันที
"หือออ"เสียงครางในลำคอของศิษย์พี่ข้างหลัง
"=_=?"ใบหน้าที่นิ่งงันของอาจารย์เซียงเหมือนกำลังขบคิดอะไรอยู่สักอย่าง
"มีอะไรกันหรือเปล่าขอรับ โรคนี่มันทำไมเหรอขอรับ"ผมถามอย่างสงสัย
"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก หลงเอ๋อร์ไปเขียนคำตอบลงกระดานเถอะเวลาไม่เคยคอยใครนะ"อาจารย์พูดแบบนั้นผมเลยเดินไปที่กระดานคำตอบแล้วเขียนทุกอย่างที่รู้ลงไป
โรคพันพิษสลายรักนี้อยู่ในตำราโอสถเวทย์ขั้นผู้ใช้โอสถที่สรรพคุณจริงๆควรจะอยู่ในขั้นจอมโอสถด้วยซ้ำ เพราะโรคนี้จริงๆไม่ได้เกิดจากโรคทั่วไป แต่มันคือการต้องพิษดอกอันฮวาที่มีลักษณะคล้ายดอกมะลิผสมดอกพุดซ้อน ขนาดเท่าดอกกุหลาบ และส่งกลิ่นที่มีพิษออกมา ทำให้คนที่สูดดมกลิ่นดอกอันฮวาจะเริ่มลืมเลือนความรักที่มีไป แต่จะใช้ได้กับผู้ที่เจ็บปวดกับความรักเท่านั้น หากเป็นคนที่มีความรักและไม่เจ็บปวดกับความรักก็จะไม่เป็นอะไร และต้นอันฮวามักจะเกิดในป่าอาถรรพ์ลึกเข้าไปจนสุดรู้ที่ต้องฝ่าอันตรายเข้าไป แต่จะพบรึเปล่าก็อยู่ที่ป่าอาถรรพ์อีกทีเช่นกัน นี้จึงทำให้มันอยู่ในสมุนไพรระดับจักรพรรดิ แต่เพราะสรรพคุณมันใช้ได้เฉพาะเจาะจงกับคนแค่บางกลุ่มจึงทำให้มันจัดอยู่ในตำราชั้นผู้ใช้โอสถที่ให้ผู้สนใจสายโอสถร่ำเรียนเท่านั้น ลักษณะของคนที่ต้องพิษดอกอันฮวานั้นจะค่อยๆลืมความเจ็บปวดภายในจิตใจที่เกิดขึ้น เมื่อสูดดมนานไปเรื่อยๆความทรงจำที่เจ็บปวดก็จะเลือนรางจางหายไป จนลืมสิ้นถึงความเจ็บปวดทุกอย่างในจิตใจและความทรงจำ อาการแรกๆจะมีเหม่อลอยไปบ้างเหมือนคนคิดอะไรไม่ออก และเซื่องซึม เชื่องช้า แต่พอผ่านไปสักระยะก็จะใช้ชีวิตปกติเช่นเดิม โดยจริงๆคนส่วนใหญ่ไม่อยากจะแก้พิษดอกอันฮวานี่หรอก เพราะฤทธิ์ของมันจะมีผลอยู่ 5 ปี และคนที่โดนพิษมักเต็มใจต้องพิษเอง แต่หากผสมหัวใจของพยัคฆ์เวทย์ชั้นสูงลงไปด้วยจะได้ยาพันพิษสลายรัก หัวใจพยัคฆ์เป็นส่วนนึงของยาระดับเทพเซียนเพราะมีฤทธิ์คงสรรพคุณยาทุกตัวให้ออกฤทธิ์นานขึ้นตามอายุของหัวใจพยัคฆ์ที่ใส่ลงไป และพยัคฆ์ที่มีเวทย์ระดับสูงมักมีไม่กี่ตัวและมีอิทธิฤทธิ์มากเช่นกัน เมื่อใส่หัวใจพยัคฆ์ลงไปจะทำให้ฤทธิ์ในการลืมเลือนนั้นนานขึ้น จนเมื่อตายไปแล้วเกิดใหม่กี่ชาติภพก็ยังออกฤทธิ์ต่อจิตวิญญาณที่กินหัวใจพยัคฆ์เข้าไปอยู่ดี ดังนั้นจึงมียาแก้พิษนี่ไว้ให้ภพต่อไปจิตวิญญาณที่ต้องพิษจะได้เริ่มต้นรักใครได้ ดังนั้นยาแก้พิษจึงเป็นอะไรที่หายากพอควรเพราะต้องใช้สมุนไพรระดับราชันและจักรพรรดิขึ้นไป และทั้งตำรับมีส่วนผสมยาน้อยกว่าโรคทั่วไปที่เป็นการแก้พิษซะอีก เพราะใช้แค่สมุนไพร 5 ชนิดเองแต่ทุกชนิดล้วนอันตรายมากเช่นกัน
1.ดอกกุยหลาง สมุนไพรระดับจักรพรรดิที่มักขึ้นอยู่ริมขอบหน้าผาที่มีอากาศหนาวเท่านั้น มีสรรพคุณล้างพิษทุกชนิดในร่างกายไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ล้างลึกยันจิตวิญญาณเลยก็ว่าได้
2.ผนึกหวนคืน เป็นผลึกที่เกิดจากการตกตะกอนของน้ำตาพยัคฆ์มักจะอยู่สักที่ในถ้ำของพยัคฆ์เวทย์ พิษมักต้านพิษได้ฉันใด โดนสิ่งใดไปต้องแก้ด้วยสิ่งนั้นเสมอ ผลึกหวนคืนจะไปกระตุ้นจิตวิญญาณที่โดนหัวใจพยัคฆ์ครอบคุมให้ลืมเลือนไว้ ให้เกิดภาพจำทุกอย่างที่จะลืมเลือนไปแล้วให้กักเก็บไว้ที่ผลึกหวนคืนไม่ให้ความทรงจำนั้นเลือนหายไปอีกทีนึง
3.ดอกต้นพญาเสน สมุนไพรระดับราชันที่มักเจออยู่ทั่วไปในป่าหมอกของป่าอาถรรพ์เพราะต้นมันเติบโตขึ้นจากจิตวิญญาณ ทำให้มันเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับกลางเพราะสามารถเจอได้ในสุสานหรือป่าที่มีความตายเกิดขึ้น ชายาของมันคือสมุนไพรแห่งความตายเพราะทุกที่ที่มันเกิดมักคือจุดที่เคยมีสิ่งมีชีวิตตายตรงนั้น แต่สรรพคุณที่สามารถคืนวิญญาณได้ของมันนั้นก็ทำให้มันเป็นที่ต้องการอยู่เรื่อยๆเช่นกัน
4.ดอกแก้วผสานจิต สมุนไพรระดับจักรพรรดิที่หายากพอๆกับผลึกหวนคืน ปกติจะพบดอกแก้วผสานจิตไม่ใกล้จากที่พบผลึกหวนคืนนักเพราะทั้งสองสิ่งเกิดมาเป็นคู่กัน เพราะเมื่อผนึกความจำลงในผลึกหวนคืนก็ต้องใช้ดอกแก้วผสานจิตให้ความทรงจำที่ผนึกลงในผลึกหวนคืนผสมกันเป็นอันนึงอันเดียวแล้วฝังลึกลงไปในจิตวิญญาณทำให้ไม่ลืมเลือนสิ่งใดได้อีก แต่ของทั้งสองสิ่งนี้มักหายากมาก ถ้าไม่เพราะป่าอาถรรพ์ประทานให้พบก็มักจะหาเองไม่เคยเจอเลย
5.น้ำทิพย์ ส่วนผสมตัวสุดท้ายที่มีความสำคัญไม่ต่างจากทุกชนิด เพราะต้องใช้บำรุงร่างกายหลังจากความเจ็บปวดหวนคืนกลับมา ช่วยเยี่ยวยาจิตใจให้เย็นสงบ ไม่เจ็บปวดรวดร้าวจะเป็นจะตายจนดวงจิตจะแตกดับเช่นเดิม
แล้วทำไมผมถึงรู้รายละเอียดกับโรคนี้นัก เพราะตั้งแต่ที่อาจารย์สอนผมก็สนใจในพิษนี้เป็นพิเศษไม่รู้ทำไม จนศึกษาตำราเกี่ยวกับพิษนี้จนเข้าใจในโรค และหารายละเอียดยาแก้พิษอย่างลำบากเพราะมีตำราน้อยมากที่เขียนเกี่ยวกับโรคนี้ไว้ ต้องเป็นคนที่สนใจในพิษนี้จริงๆถึงจะรู้ และยา 5 ชนิดนี้ก็เป็นผมเองที่คิดตำรับขึ้นมา นี่ก็กะว่าถ้าอาจารย์เซียงไม่ว่าอะไรก็แสดงว่าตำรับยาแก้พิษของผมน่าจะได้ผลไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นละนะ
"อืม ใช้ได้ทีเดียว"อาจารย์เซียงพรึมพรำหลังจากอ่านคำตอบในกระดานที่ผมตอบ
"อาจารย์ตรวจดูตำรับยาแก้พิษแล้วนะ ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่ดูจากตัวยาในตำรับแล้วอาจารย์จะให้เจ้าหามาเพียงสามในห้าตัวยาพอ เพราะบางตัวมันอันตรายเกินไปที่จะหามาได้ ฉะนั้นหลงเอ๋อร์ก็เลือกหามาสักสามชนิดก็พอ แล้วขาดเหลือชนิดใดค่อยไปดูให้ห้องเก็บโอสถ"
"ขอบคุณขอรับ อาจารย์เซียง"
"ส่วนเวลาในการหาสมุนไพรอาจารย์ให้เวลา 7 วันในการเข้าไปในเขตป่าหลังสำนักเรา เจ้าต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในครั้งนี้ให้มากหนาเพราะไม่สามารถมีใครช่วยเจ้าได้ เจ้าต้องช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด หากพบเจออันตรายที่ถึงแก้ชีวิตให้รักษาชีวิตก่อนสิ่งอื่นใดเข้าใจหรือไม่"อาจารย์เซียงกำชับอย่างเป็นห่วง
"ข้าจะจำที่อาจารย์สอนสั่งขอรับ"ผมตอบรับอย่างหนักแน่น
"ส่วนนี้เป็นยันต์เคลื่อนย้าย หากมีภัยให้ฉีกยันต์นี้แล้วมันจะนำพาหลงเอ๋อร์กลับมาที่สำนักเรา"อาจารย์เซียงยื่นยันต์แผ่นนึงให้ผม
"ขอบคุณอาจารย์เซียงขอรับ"ผมจึงยื่นมือไปรับมาแล้วเก็บลงไปในแหวนมิติทันที
"งั้นหลงเอ๋อร์จงไปเตรียมของให้พร้อมเพื่อออกเดินทางเถิด แล้วเจอกันที่ศาลาในตอนบ่าย อาจารย์จะส่งเจ้าไปอยู่กลางป่าเอง"
"ขอรับอาจารย์"หลังจากตอบรับอาจารย์เซียง
ผมจึงกลับห้องแล้วมาจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมทั้งเสื้อผ้า อาหารแห้ง อาวุธ และยารักษาโรคซึ่งส่วนนึงเป็นศิษย์พี่ยัดเยียดให้มาเยอะเกินไป เพราะด้วยความที่นี่เป็นเขตที่ใช้โอสถอยู่แล้ว ฉะนั้นศิษย์ของที่นี่มักจะปรุงยาเองจนชำนาญแล้วมีคลังยาเป็นของตัวเอง ดังนั้นเมื่อเห็นน้องเล็กจะออกเดินทางไปหาสมุนไพรนานผิดปกติ ที่บอกว่านานผิดปกติคือปกติอาจารย์จะให้เข้าป่าหาสมุนไพร 3-4 วันเท่านั้น นานสุดคือ 5 วัน นี่เล่นปาไปอาทิตย์นึงเลยดูนานผิดปกติ ศิษย์พี่ทุกคนเลยขนยาที่จำเป็นมาให้ แล้วต้องรับทุกคนนะ ถ้าปฏิเสธว่ามีของศิษย์พี่คนนึงแล้วก็จะโดนศิษย์พี่อีกคนงอนที่ไม่รับของตนด้วย ผมเลยต้องรับของศิษย์พี่ทุกคน ตอนนี้ในแหวนมิติผมเกินครึ่งคือมีแต่ยาครับ จากนั้นผมก็รอเวลาบ่ายที่จะต้องไปผจญภัยแล้ว ในป่าจะมีอะไรสนุกๆบ้างนะ เขาคิดอย่างตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวเล่นในป่า โดยไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างอย่างรอเขาอยู่เช่นกัน
อีกมุมของห้องในตะกร้านั้นมีสายตาสีแดงกร่ำที่มองอย่างยินดีปรีดาไปที่เจ้าของพันธะมันที่ตอนนี้กำลังมีความสุขอย่างเต็มประดาที่ได้ไปเที่ยวเล่น เมื่อนึกถึงสิ่งที่นายมันกำลังจะไปตามหาแล้วดวงตามันยิ่งแววโรจน์อย่างปิติดีใจที่มันจะมีโอกาศกลับมาดวงจิตสมบูรณ์ก่อนเวลาที่สมควร
คล้อยหลังน้องเล็กของเขตบุหลัน ศิษย์พี่ยังนั่งรายรอบอยู่ในศาลามองมาที่อาจารย์ของตนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
"เอ่อ อาจารย์ขอรับ โรคที่น้องหกได้ไม่อยากเกินไปสำหรับการเลื่อนขั้นเป็นนักปรุงยาหรือขอรับ"ศิษย์คนแรกหรือศิษย์พี่ใหญ่เซียวพูดขึ้นมาด้วยอยากถามหาความยุติธรรมให้น้องเล็กของตน
"โรคนั้นจริงๆควรเหมาะที่จะเลื่อนขั้นเป็นผู้ใช้โอสถมากกว่านะขอรับ"ศิษย์คนรองพูดเสริมขึ้นมาบ้าง
"แล้วของแต่ละชนิดที่น้องหกต้องเข้าไปหานั้นไม่ใช่จะหาได้ง่ายดายนัก ต่อให้อาจารย์จะลดตัวยาให้หามาเพียง 3 ชนิด แต่ไม่ว่าชนิดใดมักหายากอยู่ดีนะขอรับ"ศิษย์คนที่สามก็บอกถึงความยากลำบากในการหาตัวยา
"หายากไม่เท่า แต่ละตัวยากว่าจะได้มา มักพบอันตรายอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้รออยู่นะขอรับ"ศิษย์คนที่สี่ก็ทำเสียงจริงจังกว่ายามปกติที่มักจะทำเสียงสนุกสนานอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ความเป็นห่วงที่มีมันมากกว่าจะมาล้อเล่นได้
"อาจารย์จะไม่บอกกล่าวสิ่งใดบ้างหรือขอรับ"ศิษย์คนที่ห้าเร่งเร้าอยากฟังคำตอบจากจากอาจารย์ของตน
"ที่พวกเจ้าพูดมาอาจารย์ย่อมรู้ทุกอย่าง และรู้มากกว่าพวกเจ้านัก แต่ที่อาจารย์อนุญาตให้ศิษย์น้องพวกเจ้าไปหาสมุนไพรมา สิ่งหนึ่งที่ต้องการจะให้คือประสบการณ์ เพราะต่อให้พวกเจ้าคิดหาทางรักษาโรคได้ แต่กว่าจะหาตัวยามารักษาโรคได้นั้นมันไม่ง่าย ฉะนั้นพวกเจ้าต้องตระหนักในการเรียนรู้ให้มากเพราะตำรับยาที่คิดออกมามีผลต่อชีวิตทั้งสิ้นทั้งต่อผู้รักษาหรือผู้ที่ต้องรักษาเองก็ตาม อาจารย์จึงบอกให้รักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ก็พอไม่หวังให้ศิษย์น้องของพวกเจ้าหามาได้จริงๆหรอก หากศิษย์น้องของพวกเจ้าหาสมุนไพรกลับมาได้ต่อให้เป็นหนึ่งในห้าสิ่ง อาจารย์ก็ให้เขาผ่านอยู่ดี "อาจารย์เซียงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ศิษย์ทุกคนรักใคร่ห่วงใยกัน จนมาประท้วงเขาแทนคนน้องที่ไม่รับรู้ถึงความอันตรายที่รออยู่เลยสักนิด
"แล้วอีกอย่าง ชะตาได้กำหนดมาแล้ว ศิษย์น้องของพวกเจ้าจะได้รับประสบการณ์สำคัญในชีวิตกลับมาอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็การเอาตัวรอดละนะ"อาจารย์เซียงพูดแปลกๆออกมาประโยคนึงที่ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายทำหน้าเข้าใจบ้างบางคน แต่บางคนก็ทำหน้างงๆ
"พวกเจ้าไปดูศิษย์น้องพวกเจ้าเถอะ ไปดูสิว่าเตรียมของที่จำเป็นครบมั้ย ขาดเหลือสิ่งใดพวกเจ้าก็ช่วยจัดหาเถอะ อาจารย์จะไปพักสักหน่อย"
"ขอรับอาจารย์ น้อมส่งท่านอาจารย์ขอรับ"เหล่าศิษย์คารวะน้อมส่งอาจารย์ตน
ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปหาของที่สำคัญที่ควรพกไปในการหาสมุนไพรแล้วนำไปให้ศิษย์น้องของตนที่ห้องพัก จากนั้นก็บอกการใช้ชีวิตในป่าตามที่ทุกคนเคยเจอมาให้น้องเล็กรู้ถึงวิธีเอาตัวในป่าอาถรรพ์ หลังจากที่บอกทุกอย่างที่น่าเป็นประโยชน์แก่น้องเล็กหมดทุกคนแล้วจึงแยกย้ายกลับห้องตนเองไป ปล่อยให้น้องเล็กจัดของที่จำเป็นต่อและพักผ่อนก่อนออกเดินทางในยามบ่าย
เมื่อถึงเวลาทุกคนมารวมตัวกันที่ศาลาเพื่อส่งน้องเล็กออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในชีวิต โดยมีอี้เหลียนหลงยืนอยู่หน้าอาจารย์เซ๊ยงที่ตอนนี้กำลังร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายเพื่อส่งอี้เหลียนหลังไปที่กลางป่าหลังเขตสำนักบุหลันที่ติดภูเขามีเนื้อที่กี่ลูกไม่อาจนับได้ และไม่ลืมส่งกระบอกเงาเสียงให้ลูกศิษย์ตนเผื่อมีอะไรจะได้ส่งเสียงพูดคุยหรือบอกกับเขาได้หากต้องการความช่วยเหลือ จากนั้นร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์เซียงก็หายวับไป
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!