Baixar aplicativo
10.34% ทะลุมิติทั้งทีต้องเป็นพระเอก? / Chapter 3: บทที่ 2 โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูหล่อเหลาทุกคน

Capítulo 3: บทที่ 2 โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูหล่อเหลาทุกคน

บทที่ 2

โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูหล่อเหลาทุกคน

ร้อนครับ? ร้อนมากเพราะตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่กลางลานกว้างที่แดดเริ่มแรงในช่วงสายๆของวัน ต่อให้ที่นี่อุณหภูมิจะไม่สูงเท่าประเทศไทยในปัจจุบัน แต่การยืนตากแดดยังไงก็ต้องร้อนแสบผิวอยู่แล้วป่ะครับ ยิ่งใส่ชุดฮั่นฝูสีดำปักลวดลายสีทองอร่ามยิ่งดูดแสงแดดยิ่งร้อน ต่อให้ภาพที่คนภายนอกเห็นจะเป็นภาพที่งดงามหาที่ติ จนคนมองด้วยความเผลอไผล แต่คนที่ยืนอยู่จะสุกละครับ และที่ผมรู้ว่าคนมองผมด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มนั้น เพราะตอนนี้คนในจวนรายรอบเต็มข้างลานไปหมด เนื่องจากมันถึงวันที่ผมจะต้องไปที่สำนักญาณศึกษาแล้วครับ ต้องนี้ทุกคนในบ้านเลยมาส่งผม ไม่เรียกว่าส่งหรอกครับ ต้องพูดว่ามาดูการร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายขั้นสูงของท่านแม่มากกว่า เพราะท่านแม่ของผมเนี่ยด้วยความที่มีพลังธาตุในกายสองสาย คือสายฝึกยุทธ์และสายเวทย์ เดิมทีท่านแม่ชื่นชอบและศึกษาร่ำเรียนเพื่อเป็นนักเวทย์ จนตอนสาวๆนี้ท่านแม่เนื้อหอมมากเพราะแค่อายุ 18 ปีก็สามารถบรรลุเป็นจอมเวทย์ได้แล้ว ก่อนจะพบกับท่านพ่อที่บาดเจ็บจากการปราบสัตว์อสูรที่มาทำร้ายคนในหมู่บ้านที่ท่านพ่อเดินทางผ่านไป ตอนนั้นท่านพ่อที่อยู่ในขั้นจอมยุทธ์กำลังพลาดท่าเสียทีให้ งูมรกตอสูรขั้น 6 ถือเป็นสัตว์อสูรระดับกลางที่ถือว่าระดับพลังสูสีกับท่านพ่อเลยก็ว่าได้ เดิมทีงูตัวนี้เป็นงูเขียวธรรมดา ด้วยความที่เลี้อยหากินไปทั่ว จนได้ไปเผลอกินผลึกปราณดำที่เป็นแก่นพลังวิญญาณเข้าไป ทำให้มันมีความคิดและจิตวิญญาณที่ชั่วร้าย เพราะมันต้องกลืนกินจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตเข้าไปเสริมแก่นพลังเท่านั้นมันถึงจะความแข็งแกร่งมากขึ้น คมเขี้ยวมันจะมีพิษร้ายแรงตามความเครียดแค้นของวิญญาณที่กินเข้าไป ผิวหนังของมันจะหนาขึ้นตามแก่นพลังที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อไม่ให้มีใครสามารถปราบมันได้ และมันสามารถเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็วหากมีวิญญาณที่แข็งแกร่งให้มันดูดกลืน และเหยื่อก็เดินมาเข้าปากมันเองนั้นคือท่านพ่อผมเองครับ แต่ท่านพ่อก็ตลบหลังฆ่ามันจนได้ละครับ ถึงจะบาดเจ็บจากพิษมันบ้างแต่ก็ได้ท่านแม่ที่เดินทางผ่านไปเห็นเหตุการณ์ช่วยร่ายเวทย์รักษาจึงดีขึ้นและช่วยหาทางแก้พิษให้ท่านพ่อ ทำให้ท่านพ่อประทับใจในตัวท่านแม่มาก ก็นะคนสวยขนาดนั้นไม่รู้จักกันแท้ๆมาช่วยชีวิตอะ เป็นผมๆก็ตกหลุมรักในความดีนี้เหมือนกันแหละ จากนั้นท่านพ่อก็ตามเกี้ยวท่านแม่จนท่านแม่ตกลงปลงใจเป็นคู่บำเพ็ญด้วยกัน ทั้งคู่จึงอยากมีทายาทมีครอบครัวที่อบอุ่นจึงตั้งหลักปักฐานทำสัมมาอาชีพที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้อย่างหยั่งยืนนะทุกคน เพราะตอนที่ที่คู่บำเพ็ญออกไปท่องยุทธภพเงินที่ใช้มาจากการที่รับปราบเหล่าอสูรทั้งนั้น ท่านแม่จึงเห็นว่าท่านพ่อเสี่ยงอันตรายเกินไปที่จะเหนื่อยคนเดียว เลยปัดฝุ่นวิชาสายฝึกยุทธ์ที่เคยร่ำเรียนมาผ่านๆเพราะไม่ชอบ เพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านพ่อ และใช้สายเวทย์ควบคู่ไปด้วย ทำให้คนส่วนใหญ่ทั่วไปเห็นคือทั้งคู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจมาก จนบำเพ็ญทะลุญาณมาอยู่ที่ขั้นจินตานด้วยกันเนี่ยแหละ ออกนอกเรื่องไปไกลเลย ต้องบอกว่าท่านแม่นานๆทีจะใช้พลังสายเวทย์สักทีนะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เห็นบ่อยๆพอมีโอกาสทุกคนเลยมาดูให้เห็นกับตาแหละ ผมที่เห็นบ่อยอยู่แล้ว เพราะท่านพ่อท่านแม่ เป็นครูคนแรกของผมในสายฝึกยุทธ์และสายเวทย์ครับ เพราะทั้งคู่เคี่ยวเข็ญให้ผมฝึกทุกอย่างที่ท่านรู้ให้ผมครับ จริงลูกๆแกไม่ต้องเข้าไปเรียนที่สำนักญาณศึกษาก็ได้ครับ เพราะท่านทั้งสองสอนเองได้ แต่ลูกๆดันดื้อครับอยากมีเพื่อน มีสังคม จึงขอไปเรียนข้างนอกกัน ซึ่งผมก็เหมือนพี่ๆที่อ้างว่าอยากร่ำเรียนเป็นผู้ใช้โอสถที่ท่านพ่อท่านแม่ไม่สามารถสอนเองได้เลยจำใจส่งลูกไปไกลหูไกลตาตน แต่ก็ไม่ไกลมากหรอกครับก็สำนักญาณศึกษาที่ท่านพ่อท่านแม่เป็นศิษย์จากที่ไหนแหละ จึงฝากผมกับอาจารย์ที่เคยสอนท่านแม่ไป เพื่อฝากฝั่งผมกับอาจารย์สายใช้โอสถโดยตรงครับ และไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าผมมีพลังธาตุที่เป็นผู้ใช้โอสถได้ไง ปู่ผมครับ ท่านพ่อเล่าว่าปู่ผมเป็นหมอเทวดา หรือก็คือปรมาจารย์โอสถ เทียบง่ายๆคือด้านใช้โอสถสูงกว่าปู่ผมคือไม่มี ถ้าปู่ผมคือที่สองก็ไม่มีใครกล้าขึ้นเป็นที่หนึ่งอะครับ ไม่อยากจะโม้เลยจริงๆ แต่ก็นั้นละครับ ผมโม้ไปแล้ว 55555 ซึ่งท่านพ่อได้บอกอีกว่าท่านปู่เดินทางท่องยุทธภพ ไปไหนไม่รู้ ตอนนี้รู้ตัวรึยังว่ามีลูกสะใภ้และหลานอีกสามคนท่านพ่อก็ยังไม่แน่ใจเลย แต่ท่านพ่อแน่ใจว่ามีชีวิตอยู่แน่ๆ เพราะหยกจิตวิญญาณท่านปู่ที่มอบให้ท่านพ่อยังไม่แตกครับ ถามว่ามันคืออะไร มันคืออุปกรณ์มิติที่ใช้เวทย์ขั้นสูงลงอาคมไว้ให้หยกนี้เชื่อมถึงจิตวิญญาณผู้ที่หยดเลือดลงไปเพื่อเป็นนายมัน ถ้านายมันตายก็คือวิญญาณแตกดับ หยกวิญญาณก็จะแตกออกเหมือนกันครับ ผมก็รู้คร่าวๆแค่นี้ละ รู้แค่ว่าตัวเองมีปู่อะนะ ส่วนทำไมต้องมายืนตรงกลางลานแบบนี้ ตอบได้คำเดียวเลยครับ ว่าไม่รู้ ท่านแม่นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่รู้บอกให้ผมยืนรอที่กลางลาน เดี่ยวมารายเวทย์เดินทางส่งผมไป บอกผมแค่ว่าเดี่ยวมา ซึ่งจากเวลาตอนนี้มันนานมากแล้ว ท่านแม่ก็ยังไม่มาครับ ผมที่ยืนอยู่กลางลานเยื้ยงลงไปหนึ่งก้าวข้างขวามือผมคือตงหมิงที่จะไปร่ำเรียนและดูแลผมครับ แต่จากที่หางตามองเห็นตงหมิงนั้นคือนิ่งมาก ซึ่งพอทบทวนความทรงจำแล้ว ตงหมิงคือหุ่นไม้ในความคิดอี้เหลียนหลงครับ คือไม่พูดไม่จา ทำตามคำสั่งทุกอย่าง ไม่มีปากมีเสียง และหน้านิ่งมากจะมีความรู้สึกเมื่อโดนอี้เหลียนหลงแกล้งเท่านั้น แต่หน้าที่แสดงออกมาก็แค่แวบเดียวละครับ พอรู้ตัวว่าโดนแกล้งก็นิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างนี้แดดร้อนขนาดนี้ หน้าพี่แกยังนิ่งเหมือนยืนรับลมครับส่วนผมจะเป็นลมอยู่แล้วครับ ถ้าท่านแม่ยังไม่อีกผมจะไม่ไปละนะงอล

"ตายจริง หลงเอ๋อร์ลูกทำไมยืนตากแดดแบบนั้นละลูก"ท่านแม่ที่เดินเคียงข้างมากับท่านพ่อและขบวนคนติดตามอีกสามคนทักขึ้นเบื้องหน้าผม

"ก็ท่านแม่บอกลูกให้มารอที่กลางลานนี้นี่ขอรับ"ผมตอบไปตามความสัตย์จริง

"แล้วทำไมไม่เข้าร่มรอละลูก แม่มาค่อยไปกลางลานก็ได้นี่จ้ะ ลูกไม่ร้อนรึไงน่ะยืนตากแดดนานขนาดนั้น"อ้าว เออว่ะ ก็จริงนี่หว่า ทำไมผมไม่คิดแบบนี้แต่แรกว่ะ

"ชายชาตรีตากแดดแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ นานกว่านี้ลูกก็รอท่านแม่ได้"ผมยิ้มหวานตอบกลับไป จะเสียหน้าไม่ได้หรอกนะกับความโง่ตัวเองอะ

"จริงรึลูก แต่หน้าลูกไม่ได้บอกแม่แบบนั้นนะ"ท่านแม่ทำหน้ายิ้มล้อเลียนผมอะ รู้ทันผมอีก ที่ผมตอบไปแบบตัวเองแบบนี้ เพราะผมรู้สึกว่านี่เหมือนพ่อแม่ผมจริงๆ ผมเลยตอบตามแบบผมเลยครับ ซึ่งท่านแม่ก็คือแม่ผมละครับ เพราะเหมือนกันยันความคิดที่ชอบแกล้งผมแบบนี้เลย

"ทุกคำที่ลูกพูดล้วนเป็นจริงขอรับท่านแม่"ผมก็ไม่ยอมหรอกนะครับ

"งั้นรอแม่อีกสักหน่อยสิลูก แ.."

"มันจะถึงที่สำนักญาณศึกษาช้าไปนะขอรับท่านแม่ ให้ท่านอาจารย์รอมันจะดูไม่ดีได้นะขอรับ"ผมรีบตัดบทท่านแม่ที่คิดจะแกล้งผมต่อทันที ไม่เปิดโอกาสให้พูดจบประโยคหรอก เพราะผมรู้ว่าพ่อช่วยผมไม่ได้แน่ๆอะ ผมต้องชิงช่วยตัวเองก่อน

"แห่ม ลูกก็ แม่แค่แหย่ลูกนิดเดียวเอง เห็นลูกแก้มแดงๆละน่าแกล้งนี่ลูก"แม่อะไรชอบแกล้งลูกตัวเองว่ะ เห็นลูกทรมานละมีความสุขงี้เหรอ ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนละผมว่า ล้อเล่นครับ

"แม่ขอโทษนะลูก แม่แค่เตรียมของให้ลูกเลยมาช้านะ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิลูก"

" -_-!!!"ผมตีหน้านิ่งใส่แม่อยู่ครับที่แกล้งผม พอได้ยินแบบนั้นผมเลยทำหน้าปกติไป หน้าปกติขอผมคือหน้าตาประโลมโลกครับ คือหน้าเหมือนละมุน อ่อนโยนต่อคนทั้งโลกอะ

"ท่านแม่เตรียมอะไรมาให้ลูกหรือขอรับ"ผมถามกลับไป เพราะผมเตรียมของทุกอย่างไว้แล้วและใส่ไปในแหวนมิติระดับ 7 ที่ท่านแม่มอบให้ที่นั้นเป็นมิติส่วนตัวที่ใหญ่พอๆกลับจวนนี้ครับ และมีของมากมายที่ท่านพ่อท่านแม่เห็นว่าจำเป็นกับผมก็ใส่ไปไว้ให้ในนั้นเลย หลังจากที่ผมรู้วิธีใส่ของเข้าไปได้ก็สนุกเลยครับ แค่วางมือบนของที่จะเก็บลงมิติละคิดถึงมิติในแหวนผมก็เหมือนถือมันไปวางไว้ตรงไหนในมิติก็ได้แล้วครับ พอวางเสร็จลืมมองดูของตรงหน้าของก็หายไปอยู่ในมิติละครับ ง่ายมาก ผมเลยเก็บทุกอย่างในเรือนบุปผาไม่เก็บหมดครับ เหลือแค่เตียงกับตัวเรือนเปล่าๆเลยครับ นี่ถ้าผมเอาเรือนเข้าไปได้ ผมเอาเข้าไปละครับ รวมถึงดอกไม้รอบเรือนด้วย มันหอมดีอะนะ เผื่อเอาไปให้สาวๆงี้ไง แต่ผมเอาเข้าไปไม่ได้พื้นที่ไม่พออะ แค่นี้ของในมิติก็ยังไม่จัดเลยครับ

"ของจำเป็นนะลูก ใช้เมื่อจำเป็นนะลูก เปิดเมื่อถึงเวลา ไม่จำเป็นจริงๆอย่าใช้ "ท่านแม่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ทำไมรึขอรับ"

"มันเปลืองสิลูก ของมันทำอยากนะ เพราะแม่ทำเอง"อ้าว นึกว่าจะมีเรื่องซีเรียส หรือเรื่องคอขาดบาดตายอะไรขนาดนั้น

"-_-! ขอรับ"ผมทำหน้าเอือมเล็กน้อยและยื่นมือไปรับกล่องไม้ฉลุขนาดเล็กนั้น ที่ภายในกล่องคืออะไรผมก็ไม่รู้ครับ ท่านแม่บอกอีกห้ามเปิดจนกว่าจะจำเป็น ละเวลาไหนผมควรเปิดละเนี่ย ช่างเถอะเก็บเข้าแหวนมิติไปก่อนละกัน ถึงเวลาเมื่อไหร่มันคงได้เปิดเองแหละน่า

"ลูกเตรียมตัวพร้อมรึยังลูก ถ้าขาดเหลืออะไรส่งตามหลังไปไม่ได้แล้วนะ เพราะที่นั้นไม่ค่อยชอบให้คนเข้าออกบ่อยๆนัก"ท่านพ่อจึงพูดกับผมบ้าง หลังจากยืนมองท่านแม่แกล้งผมมานาน

"ลูกตระเตรียมทุกอย่างเรีบยร้อยขอรับ"

"ดีแล้วละ จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง"

"งั้นเดินทางเลยแล้วกัน พ่อได้ส่งสารน์เวทย์แจ้งท่านอาจารย์ของพ่อแม่ และพี่เจ้าเอาไว้แล้ว ให้ช่วยดูแลลูกอีกแรง"ท่านพ่อบอกทุกอย่างที่ต้องรู้กับผม จากนั้นก็เข้ามสวมกอดละลูบหัวผมด้วยความรักและเอ็นดูเป็นที่สุด ท่านแม่เห็นแบบนั้นก็เริ่มดวงตาแดงกล่ำ ผมเลยผละออกจากท่านพ่อไปสวมกอดท่านแม่ ท่านแม่จึงยกมือกอดผมแน่เชียว พร้อมร้องไห้และเหมือนจะปาดน้ำมูกใส่ไหล่ผมด้วย เพราะผมกับท่านสูงพอๆกัน

"ลูกแค่ไปเรียนขอรับ เดี่ยวก็กลับมาแล้ว"ผมเตือนสติท่านแม่ทันทีที่เหมือนท่านจะเริ่มร้องไห้หนักขึ้น

"จริงด้วย แม่ลืมตัวไป ก็ลูกไม่เคยไปไหนเลยนี่น่า"นี่สินะเหตุผลที่อี้เหลียนหลงอยากไปสำนักญาณศึกษา เพราะอยู่แต่ในจวนไม่เคยได้เปิดหูเปิดตาเลย แต่ไม่ห่วงต่อจากนี้ผมจะท่องโลกเองจะไปทุกที่เลยคอยดู

"ท่านพี่ทั้งสองก็อยู่ที่นั้น เวลากลับก็กลับมาสามคนพร้อมกันเลย ดีหรือไม่ขอรับท่านแม่"ผมปลอบไป

"ดีสิ เพราะพี่เจ้าตั้งแต่ไปที่นั้น ก็ไม่ค่อยกลับมาที่จวนเลย มีแต่ส่งสารน์มาบอกว่าจะไปท่องเที่ยวแคว้นนั้นแคว้นนี้ ไม่นึกถึงจิตใจแม่เลยว่าแม่จะคิดถึงเพียงใด เอ๊ะ รึแม่จะไปส่งลูกด้วยเลยดี ถือโอกาสไปเยื่ยมพี่เจ้าด้วย"ท่านแม่ทำหน้าคิดหนัก ท่านพ่อรีบส่งซิกส่ายหน้าให้ผมทันที เพราะยิ่งเวลาร่ายเวทย์เคลื่อนย้าย ยิ่งคนเยอะยิ่งใช้เวทย์เยอะ และยิ่งปลายทางไกลอีกก็เยอะขึ้นเป็นเท่าตัว หากท่านแม่ไปท่านพ่อที่ติดท่านแม่ยิ่งกว่าแฝดอินจัน ต้องไปด้วยอยู่แล้ว ท่านแม่จะยิ่งเหนื่อยมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะจากแค่สองคนจะเป็นสี่คนทันที และที่ผมไม่ได้ร่ายเวทย์ไปเองทั้งๆที่ผมก็อยู่ในขั้นจอมเวทย์หรือก็คือผู้ใช้เวทย์ขั้นสูงเท่าท่านแม่เป็นเพราะผมไม่รู้ว่าปลายทางคือที่ไหนเพราะไม่เคยไปครับ เลยร่ายเวทย์เองไม่ได้

"อย่าเลยขอรับ ท่านแม่จะเหนื่อยเกินไป พวกลูกจะรู้สึกไม่ดีได้นะขอรับ ที่ทำให้ท่านแม่เหน็ดเหนื่อยจนถึงขั้นร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วย"ผมก็ชักแม่น้ำทั้ง 5 มาสิครับ

"อย่างนั้นเหรอลูก"

"ขอรับ"

"อย่างนั้นก็ได้ลูก ฝากบอกพี่ๆด้วยนะลูกว่าแม่คิดถึง กลับมาเยี่ยมแม่บ้าง"

"ขอรับ"ผมรับปากท่านแม่ หลังจากนั้นท่านพ่อท่านแม่ก็หันไปฝากฝังผมกับตงหมิง ให้ดูแลผมให้ดี

จากนั้นท่านแม่ก็ให้ผมกลับตงหมิงย้ายไปยืนกลางลานเหมือนเดิม และท่านแม่ก็เริ่มร่ายเวทย์ด้วยความจริงจัง และก็เริ่มเคลื่อนย้ายโดยมีวงกลมสีฟ้าลวดลายงดงามใต้พื้นที่พวกผมยืนอยู่หลังจากนั้นแสงเวทย์สีฟ้าก็มีดอกไม้ เหมือนดอกไม้ทิพย์ชูก้านดอกสวยขึ้นจากเส้นวงกลมรอบตัวผมกับตงหมิงจนครอบคลุมเป็นวงกลมสูงเหนือหัวจากนั้นก็ผมก็รู้สึกเหมือนลมแรงวูบนึงจนผมต้องหลับตาลง จนผมได้กลิ่นกำยานบางทำให้รู้สึกสงบจึงลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าตัวเองยืนอยู่กลางโถใหญ่ที่สวยงามวิจิตรด้วยรูปปั้นสัตว์บรรกาลต่างๆที่เบื้องหน้าสัตว์เหล่านั้นมีเก้าอี้ที่นั่งของผู้อาวุโสทั้งหลายที่กำลังมองมาทางผมอยู่ เหมือนนั่งรอผมอะ แต่จะเรียกว่าผู้อาวุโสก็กระไรๆอยู่ เพราะทุกคนที่ผมเห็นนี่ยังดูหนุ่มอยู่เลย และที่สำคัญหล่อทุกคน หล่อมากๆ หล่อเหมือนไม่ใช่คน แต่ก็ไม่น่าจะใช่อยู่แล้วเพราะถ้าคนเหล่านี่คือเหล่าผู่อาวุโสที่เคยเป็นอาจารย์สอนท่านพ่อท่านแม่แสดงว่าอายุต้องมากกว่าท่านพ่อท่านแม่เผลอๆอาจจะรุ่นท่านปู่ก็เป็นได้ แต่ยังดูเป็นหนุ่มหล่อเหลาขนาดนี้แสดงว่าต้องบรรลุเข้าขั้นเทพเซียนแล้วเป็นแน่ เพราะถ้าเป็นเซียนแล้วก็จะไม่แก่ ไม่ตายอะ ผมจึงก้มตัวคารวะทุกท่านก่อนจะยืนตัวตรงแน่ว ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงเลยนี่น่า เหมือนโทษอะตอนเนี่ย

"มากันแล้วหรือเจ้าใช่มั้ย อี้เหลียนหลง บุตรของอี้เหลียนคง ศิษย์ข้า"ผู้ชายที่แลดูมีอายุสามสิบปลายๆที่หล่อเหลาเอาการทางด้านซ้ายมือที่นั่งหน้ารูปปั้นเต่าทมิฬเอ่ยถามขึ้น

"ขอรับ ข้าอี้เหลียนหลงขอรับ คารวะท่านอาจารย์ปู่หลี่ขอรับ"ผมตอบกลับ

"อืมๆ ได้การและไม่สนที่จะฝึกยุทธ์เพิ่ม เป็นศิษย์ข้ารึ ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ข้าโดยตรงเลยนะ "ท่านอาจารย์หลี่ทำหน้าเหมือนพึ่งพอใจในการกระทำของผมและเชิญชวนให้เปลี่ยนใจเรียนสายฝึกยุทธ์แทน แต่ล่อซื้อใจผมไม่ได้หรอกครับ เพราะผมดูหนังมาสายฝึกยุทธ์นี่ทรมานสังขารที่สุด ฝึกต่อสู้ ฝึกร่างกาย ยังต้องประลองกันอีก ตายครับตายแบบนั้นอะ ผมก็ตัวแค่นี้จากความทรงจำแค่ความโหดร้ายที่ท่านพ่อเคี่ยวเข็ญฝึกยุทธ์ให้ผมกว่ามาจะถึงขั้นจอมยุทธ์ขั้นต้นนี่เรียกได้ว่า หืดขึ้นคอครับ เกือบตาย ฉะนั้นไม่เอาหรอกครับสายทางทรมานแบบนั้น ผมรักสบายเหมือนแม่ครับ สวยๆยืนร่ายเวทย์พอ เห้ยไม่ใช่สิ ยืนหล่อๆร่ายเวทย์ครับ

"พอดีเหลียนหลงได้ศึกษาฝึกยุทธ์และฝึกเวทย์จากท่านแม่ท่านพ่อมาบ้าง เห็นจะมีก็แต่สายโอสถที่มิได้มีโอกาสศึกษาเลย จึงอยากศึกษาโปรดผู้อาวุโสโปรดชี้แนะด้วยเถอะขอรับ"ผมตอบรับท่านอาจารย์หลี่และกล่าวด้วยนอบน้อมเพื่อเรียกความเอ็นดู

"ว่ายังไงเซียงเอ๋อร์ เจ้าจะรับศิษย์หลานขอข้าไปสั่งสอนได้รึไม่"ท่านอาจารย์หลี่หันหน้ากลับมามองตรงไปผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตนพร้อมทั้งพูดจาหยอกล้ออย่างสนิทสนมกับผู้อาวุโสทางด้านขวามือผม ที่นั่งหน้ารูปปั้นหงษ์ ผมจึงหันไปมอง อห ไม่ไช่อีเหี้ยนะครับ โอ้โห้ รูปงามร่างเล็ก ก็สูงกว่าผมไม่มากก็ถือว่าเล็กละกัน ผมยาวสีน้ำตาลรับกับคิ้วบาง ตาเรียวเล็ก จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากแดงแจ๋ครับ สวยมากครับ ถ้าร่างนี้นี่คือสวยน่ารักจิ้มลิ้ม เซียงเอ๋อร์ หรือผู้อาวุโสเซียงคือสวยเซ็กซี่ครับ จะได้เห็นภาพชัดๆ แตกต่างจากผู้อาวุโสหลี่ที่เป็นหนุ่มเต็มตัว แต่มีความคมคายของใบหน้า จากกรามเป็นสัน ผมดำยาว คิ้วเข้มมีรอยแผลเป็นบากมาเป็นทางเลยครับ ทำให้ดวงตานั้นดูคมกริบ จมูกโด่ง ริมฝีปากหยักหนาสีเข้มกระจับได้รูปและดูรูปร่างใหญ่ ตัวหนา กะจากสายตาคือไททันครับ น่าจะสูงไม่ต่ำกว่า 190 ซม. เหมาะที่จะเป็นเทพด้านฝึกยุทธ์ที่สุดแล้ว

"ข้าก็ตอบรับตั้งแต่ผู้อาวุโสเหมินมาขอให้ข้าช่วยแล้ว เจ้าจะถามอีกทำไม"ผู้อาวุโสเซียงตอบด้วยเสียงกังวาลใส รูปก็งามเสียงก็ไพเราะ เห็นลางๆเลยว่าหัวกระไดเขตผู้อาวุโสเซียงไม่น่าจะแห้งแน่ ต้องมีคนหลงเสน่ห์บ้างแหละ เห็นอยู่คนนึงด้วยอะแถวนี้ เหมือนจะเป็นอาจารย์ปู่ผมเองที่หลังจากที่ได้ยินอาจารย์เซียงพูดแบบนั้นก็ยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากอะ เริ่มน่ากลัวละอาจารย์ปู่

"แล้วเหมยเอ๋อร์เป็นยังไงบ้างละ หลงเอ๋อร์"ส่วนผู้อาวุโสเหมินท่านนี่คงเป็นอาจารย์ของท่านแม่แน่ เพราะดูอ่อนโยน นุ่มนวล มีประกายว่าเป็นเทพเซียนที่ไม่ได้ใช้แรง น่าจะยืนร่ายเวทย์หล่อๆครับเพราะตัวไม่ใหญ่ไม่เล็กไป ไม่หนาไม่บางไป หน้าตาหล่อก็ไม่ใช่สวยก็ไม่เชิง ยังไงดีละ จะมองว่าหล่อก็หล่อ จะมองว่าสวยก็สวยครับ ก่ำกึ่งอะ สูงสัก 175 ซม.ผมสีดำ คิ้วไม่หนาไม่บาง ดวงตาอ่อนโยน จมูกโด่ง ริมฝีปากกระจับสีชมพูระเรื่อ ดูพอดีสุดละในนี้อะ

"ท่านแม่สบายดีขอรับท่านอาจารย์ตา ท่านแม่ยังฝากหลานมาบอกว่าหากมีโอกาสจะมีเยี่ยมท่านด้วยตัวเองขอรับ"

"อืม ดีแล้วๆ"ท่านได้ยินที่ผมพูดก็ยิ้มยินดีออกมา ละส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม

"เช่นนั้น หลงเอ๋อร์เจ้าจงยกน้ำชานี้ คำนับผู้อาวุโสเซียงเป็นอาจารย์เจ้าเถอะ"อาจารย์เหมินจึงร่ายเวทย์ให้มีจอกน้ำชาลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าผม ผมจึงเอือมมือไปรับจอกน้ำชานั้นแล้วก็เดินเข้าไปใกล้ผู้อาวุโสเซียงจากนั้นคุกเข่าและยกมือยื่นน้ำชาให้ท่าน พอท่านรับจอกน้ำชาไปดื่ม ผมจึงก้มหัวคารวะอาจารย์เป็นอันเสร็จสิ้น

"ส่วนคนของเจ้า ข้าจะให้ศิษย์ข้ารับเขาเป็นศิษย์อีกที"ท่านอาจารย์ปู่หลี่พูดกับผมพร้อมแจกแจงเสร็จสัพ สงสารตงหมิงต้องไปเป็นศิษย์สายฝึกยุทธ์จริงๆเลย ดูจากอาจารย์ปู่แล้วศิษย์ท่านต้องเป็นยักษ์ไม่ต่างจากอาจารย์ของเขาแน่ๆ ดีหน่อยก็น้องยักษ์อะ

"หากเสร็จกิจธุระแล้วพวกข้าขอตัวก่อน"เหล่าผู้อาวุโสท่านอื่นๆที่มาเป็นพยานในการรับศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสเซียงต่างเริ่มทยอยหายตัววับไปจนอาจารย์เหมินไปแล้วเหลือเพียงสี่คน คืออาจารย์ปู่ อาจารย์ผม ผม และตงหมิง

"กลับตำหนักบุหลันกันเถอะ"ท่านอาจารย์ปู่เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

"กลับอะไร นั้นตำหนักข้า ท่านจะไปทำไม"อาจารย์เซียงรีบตอบทันควันหลังจากที่อาจารย์ปู่พูดจบประโยค

"อ้าว ข้าก็ต้องไปส่งศิษย์หลานสิ "

"ข้าไม่ให้ไป"

"ข้าจะไป ทำไมรึเจ้ามีปัญหาอะไร"อาจารย์ปู่ถามเสียงเหย้า

"เขตข้าไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า"(ใครจะอยากให้ไป ไปละไม่ยอมกลับตำหนักตัวเอง เนียนอยู่อย่างกับตำหนักตนเอง) อาจารย์เซียงตอบกลับพร้อมลุกขึ้นมายืนข้างผมและจับข้อมือผมพาหายวับมาที่ตำหนักบุหลันทันที มาอยู่ในห้องที่ไม่ต้องอะไรกับเรือนบุปผาเพราะที่รอบเรือนบุปผานี่มีสระบัวที่งดงามรายรอบตัวเรือนราวกับเรือนนี้ลอยอยู่ท่ามกลางสระบัวที่มีหมอกจางๆรอบด้านด้วย สวยงามมากบอกเลย วิวหลักล้านพูดได้แค่นี้ทุกคน อาจารย์เซียงพาผมมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆนึง

"นี่เป็นห้องของเจ้า วันนี้พักผ่อนก่อนเถิด ค่อยว่ากันอีกทีพรุ่งนี้"อาจารย์เซียงบอกผมแค่นี้ก่อนจะหายวับไป ผมเลยเข้าห้องไป ห้องหับก็เหมือนกันละครับ เตียงไม้ ตั่งเอนหลัง โต้ะน้ำชา ชั้นหนังสือ ฉากกั้น และอ่างอาบน้ำ ส่วนห้องน้ำเนี่ยจะเป็นเหมือนกะละมังใบพอดีนั่งให้ขับถ่ายลงไปละเอาออกไปทิ้งรึร่ายเวทย์สลายไปครับ ใช้ชีวิตง่ายดี ผมเลยนำของออกมาจากแหวนมิติและจัดของไปครับใช้เวลาเกือบครึ่งวันเลย

อีกด้านนึงที่หลังจากผู้อาวุโสหลี่แกล้งคนตัวเล็กได้ละเห็นความหงุดหงิดในสายตาของเซียงเอ๋อร์ของเขา เขาก็หัวเราะลั่น แต่เหมือนเพิ่งนึกได้ว่ามีคนเหลืออยู่จึงตีหน้านิ่งดังเดิมและเรียนศิษย์เอกตนเองมาพาตงหมิงกลับเขตตำหนักชาดทมิฬทันที


PENSAMENTOS DOS CRIADORES
mmmintmint mmmintmint

การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยนะ!

Load failed, please RETRY

Status de energia semanal

Rank -- Ranking de Poder
Stone -- Pedra de Poder

Capítulos de desbloqueio em lote

Índice

Opções de exibição

Fundo

Fonte

Tamanho

Comentários do capítulo

Escreva uma avaliação Status de leitura: C3
Falha ao postar. Tente novamente
  • Qualidade de Escrita
  • Estabilidade das atualizações
  • Desenvolvimento de Histórias
  • Design de Personagens
  • Antecedentes do mundo

O escore total 0.0

Resenha postada com sucesso! Leia mais resenhas
Vote com Power Stone
Rank NO.-- Ranking de Potência
Stone -- Pedra de Poder
Denunciar conteúdo impróprio
Dica de erro

Denunciar abuso

Comentários do parágrafo

Login