หลังจากบอกตารางงานใหม่ให้ควินซ์ไปแล้ว สีหน้าของผมดูดีขึ้นทันตาเลย พอคิดว่าวันนี้ควินซ์ไม่ต้องไปบริษัทจัดหาคู่แล้วก็ยิ่งอารมณ์เบิกบาน
พวกบริษัทจัดหาคู่มันหลอกลวง รักทงรักแท้คู่ชีวิตอะไรไม่มีหรอก!
และผมไม่อยากให้เพื่อนถูกหลอก
อืมๆ สรุปคือผมกำลังช่วยเหลือเพื่อนอยู่
สิ่งที่ผมทำมันก็ถูกต้อง ไม่ผิดสักนิด!
ควินซ์ถอนหายใจแล้วหยิบไอแพดขึ้นมาจัดงาน "คุณนัดคุณศศิกานต์ไว้กี่โมง"
"หนึ่งทุ่มตรง ร้านมาดามลิลลี่ จองห้องส่วนตัวด้วย" ว่าอย่างไหลลื่นและเพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ "แล้วนายก็ไปเอาบทละครเรื่องใหม่ของคุณศศิกานต์ไปววิเคราะห์ด้วย ตัวพระเอกกับนางเอกเหมาะกับดาราคนไหนของเราบ้าง"
ควินซ์เรียนจบนิเทศศาสตร์มาโดยตรง ดังนั้นความสามารถของควินซ์จึงหลากหลายมากความสามารถ บางทีโปรเจกต์งานการแสดงอะไรใหญ่ๆ ควินซ์ก็เป็นคนออกแบบและแนะนำ บทละครใหญ่การลงทุนสูงจะถูกพิจารณาผ่านตาควินซ์ก่อนเสมอที่จะส่งต่อให้ผู้จัดการคนอื่นๆ เพื่อส่งต่อให้นักแสดง
เพราะมีควินซ์อยู่เลยทำให้บริษัทของผมยิ่งก้าวกระโดด การคัดสรรงานที่มีคุณภาพบวกกับฝีมือไม้ลายมือของนักแสดงในสังกัดจึงยิ่งทำให้พวกเราตีตลาดได้กว้างขึ้น
ผมบอกรึยังว่าผมมีบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ในจีนแล้ว เพราะงั้นงานของผมจึงยิ่งมากเป็นเท่าตัว การลงทุนในประเทศจีนก็เสี่ยงมาก แต่พี่ชายคนโตของผมบอกมาสั้นๆ
"เดี๋ยวพี่ออกเงินให้ เล่นตามสบายเลย"
อืม พี่ชายของผมคนนี้รวยมาก รวยชนิดที่เว่อร์วังมากๆ ด้วย
พอปรึกษาเขาเกี่ยวกับการลงทุน เขาก็ยื่นเงินลงทุนก้อนโตมาให้
ผมก็ไม่เกรงใจสิ เอาเงินพี่เขาไปลงทุนก่อตั้งบริษัทที่จีน และแน่นอนว่ามันไปได้สวยเลย ตลาดของจีนใหญ่กว่าไทยมาก เม็ดเงินจึงเพิ่มมากขึ้น ยังไงวงการละคร ภาพยนตร์ของจีนก็ไปไกลกว่าไทยเยอะ ตอนนี้ดาราจีนในสังกัดผมหลายคนก็ได้ไปเฉิดฉายในฮอลลีวูดแล้ว
แน่นอนว่าผมก็ต้องไปๆ มาๆ ระหว่างไทยกับจีน อยู่ไทยหนึ่งเดือน อยู่จีนหนึ่งเดือน
คนที่ลำบากไปกับผมด้วยก็ควินซ์ไง เขาต้องตามผมไปทุกที่ทุกเวลา
ตอนนี้ผมยังมีเรี่ยวแรงทำงานแต่ในอนาคตก็วางแผนจะยกบริษัทที่ไทยให้นับสองดูแลไปเลย ส่วนตัวผมจะดูแลบริษัทที่จีนที่เดียว นับสองไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเพราะมันเรียนจบมาหลายปีแล้วแต่ยังไม่ยอมทำงาน เอาแต่นั่งๆ นอนๆ ใช้เงินอย่างเดียว
แน่นอนว่าพี่ออสตินกับพี่ไอศูรย์ก็ตามใจไม่ดุไม่ว่าสักคำมีแต่จะให้เงินน้องอย่างเดียว
ผมค่อนข้างเข้มงวดกว่าพี่สองคนนั้น และมักเป็นคนที่บ่นนับสองมากที่สุด ผมว่างานบริษัทผมก็เหมาะกับนับสองอยู่นะ เพราะเจ้าน้องชายตัวดีของผมชื่นชอบการแสดง ดนตรี ละครอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ไหวก็เดี๋ยวคค่อยให้พี่ออสตินช่วยแล้วกัน พี่เขามีธุรกิจในมือเยอะมากแต่ทำตัวว่างมากเหมือนกัน
"คุณจะบ้ารึไง อ่านบทละครตอนนี้คิดว่าทันมั้ย" ควินซ์แทบขว้างไอแพดใส่หน้าผม "มันต้องใช้เวลาวันสองวันนะ"
"งั้นเอาเท่าที่ได้ ดูคร่าวๆ ว่าเหมาะกับนักแสดงเรามั้ย" ผมตีหน้านิ่งและพูดอย่างใจเย็น "จริงๆ เรื่องนี้คุณศศิกานต์อยากได้นักแสดงของช่อง PBR แต่เขาติดต่อผมมาด้วยเรื่องเงินลงทุน ผมเห็นว่าถ้ามีนักแสดงเราเข้าร่วมบ้างก็น่าจะดี ไม่ต้องตัวเอกก็ได้ ตัวเอกอาจจะมีคัดเลือกภายในไปแล้ว เราเอาบทนักแสดงรองก็ได้... ยังไงซะ ละครของคุณศศิกานต์ก็ดังทุกเรื่องเรตติ้งทะลุเพดานทุกตอนที่ฉาย"
อืม นักแสดงของผมหลายคนก็ดังเพราะละครของผู้จัดการคนนี้เหมือนกัน
คราวนี้เป็นละครพีเรียดต้องลงทุนสถานที่และอุปกรณ์ประกอบฉากเยอะ เขาเลยติดต่อผมมาในเรื่องเงินแทน
"ตอนนี้มีนักแสดงหน้าใหม่สามสี่คน" ควินซ์ทำหน้านึก "บางทีอาจจะมีบทเหมาะกับพวกเขา"
"งั้นฝากคุณจัดการด้วยแล้วกัน"
"เออ" เสียงฉุนเฉียวตอบกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ "ใช้งานผมหนักขนาดนี้ โบนัสปีนี้หวังว่าจะเยอะขึ้นนะ"
"ฉันเคยให้โบนัสนายน้อยมั้ยล่ะ"
ควินซ์อารมณ์ดีขึ้นทันตาแล้วฉีกยิ้มกว้างให้ผมคล้ายประจบ "ก็ต้องขอบคุณความกรุณาของบอสแล้วที่เอ็นดูผม"
"รู้ว่าฉันเอ็นดูก็ตั้งใจทำงานดีๆ" เชิดหน้าอย่างถือดีแล้วโบกมือไล่ "ออกไปจัดการงานไป ฉันจะอ่านเอกสารต่อ"
ควินซ์เบะปากใส่ผมทีหนึ่งก่อนจะเดินออกไป...
เมื่อประตูปิดลงแล้ว ผมถึงได้ผ่อนคลายท่าทีเคร่งขรึมเป็นงานเป็นการลงก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองอย่างสับสนเพราะหลังจากลงมือทำอะไรๆ ลงไปด้วยอารมณ์แล้วและพออารมณ์มันเย็น เหตุผลก็เริ่มเข้ามา
"นี่กูทำบ้าอะไรอยู่วะ" พึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน
ผมกำลังหวงควินซ์อยู่งั้นเหรอ
ไม่ ไม่ใช่ แค่ตอนนี้ควินซ์ยังมีแฟนไม่ได้!
เขาต้องอยู่ช่วยงานผมก่อน ธุรกิจมันกำลังไปได้สวยเลยนะ
อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่มีใครฝีมือดีเท่าควินซ์แล้วควินซ์เองก็ยังไม่ได้รับเด็กฝึกมาช่วยงานตัวเอง ถ้าเกิดควินซ์ไปมีแฟนตอนนี้มันจะกระทบงานมากๆ
เพราะงั้น เพราะงั้นแล้ว...เลขาของผมจะยังมีแฟนไม่ได้!
เรื่องแต่งงานอะไรนั่นก็พักก่อนเลย อย่าเพิ่งไปคิด ไว้คิดตอนสี่สิบก็ยังทัน!
คิดแบบนี้แล้วค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย หัวคิ้วก็ค่อยๆ คลายออก ผมยิ้มกริ่มแล้วตั้งใจอ่านเอกสารฉบับบสุดท้ายต่อ
"ใช่ๆ เราไม่ได้หวงควินซ์"
"..."
"เราแค่กลัวว่าจะเสียงานเฉยๆ ใช่ๆ มันเป็นแบบนี้แหละ"