เมื่อถึงเวลาที่นัดกันไว้ ณัฐก็มารับดร.นิลลี่ลงจากดอยมอมแมมเพื่อมาที่สถานีตำรวจเชิงดอย ที่นัดกับสารวัตรไว้ โดยวันนี้ปล่อยน้องมูมู่กับตุ๊ดตู่เฝ้าที่บ้านริมน้ำไว้ เผื่อมีเคสมารักษามูมู่จะได้ช่วยดูไปได้ก่อน
"สวัสดีครับ นี่สารวัตรพลกฤต เพื่อนของผมอย่างที่เคยบอกไว้ครับ นี่คุณหมอนิลลี่หมอบนดอยที่เคยบอกไง"
"สวัสดีค่ะ สารวัตรพลกฤต"
"สวัสดีครับ คุณหมอ เรียกผมว่าพล ตามแบบไอ้ณัฐมันเรียกผมตามปกติก็ได้ครับ" สารวัตรรูปร่างสูง กล้ามเป็นมัด หน้าตาดูดีเอาเรื่อง อย่างที่สาวๆ เห็นก็คงกรี๊ดสนั่น พูดทักทาย
"อ้อ ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"
"ไหนๆ นานๆ เจอกันที ไอ้ณัฐ เราออกไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยไปนั่งคุยกันที่บ้านข้า ดีไหมว่ะ"
"ก็ดีเหมือนกันหว่ะ ช่วงนี้อยู่แต่ในหมู่บ้านไม่ได้ลงจากดอยมาเลย เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดี ดีไหมคุณหมอตั้งแต่คุณหมอมาอยู่ที่ดอย เท่าที่ผมสังเกตเหมือนคุณหมอเองก็ยังไม่ได้ลงดอยมาเลยนี่ครับ"
"ใช่ค่ะ ไม่เคยลงดอยมาเลย ได้ค่ะ ไหนๆ ก็ลงมาทั้งที กินอาหารในเมืองบ้างก็ดี ไม่ได้กินอาหารเมืองมานานแล้วค่ะ"
"งั้นไปกันครับ ไปรถผมคันเดียวพอครับ เดี๋ยววันนี้ขออนุญาตเลี้ยงข้าวสักมื้อนะครับ" สารวัตรออกความเห็น
"เห้ย ได้ไง ข้าเลี้ยงเอง"
"เหอะหน่า มาเป็นแขก ก็ต้องให้เจ้าบ้านเลี้ยง ไว้ข้าขึ้นไปบนดอยเอ็งค่อยเลี้ยงข้าวข้า"
"ขัดเอ็งไม่ได้เลย ก็ได้ว่ะ ยังไงเดี๋ยวเองก็ต้องขึ้นไปทำงานบนดอยอยู่แล้ว"
แล้วทั้ง 3 คนก็เดินไปขึ้นรถของสารวัตร เพื่อเข้าไปในตัวเมืองหาร้านอาหารบรรยากาศดีดีนั่งกินข้าวและพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกัน
"ถึงแล้ว คุณหมอดื่มเหล้าไหมครับ" สารวัตรถาม
"เห้ย ถามอะไรอย่างนั้นกับหมอ คุณหมอเขาก็ต้องดูแลสุขภาพ ใครเขาจะคอแข็งเหมือนเอ็งกับข้าว่ะ ดื่มยันสว่างยังไม่เมา ฮา ฮา ฮา" ณัฐรีบชิงตอบก่อน
"เป็นคนแพ้แอลกอฮอล์ค่ะ แค่จิบเพื่อลองรสชาติได้แค่นั้น แต่ถ้าดื่มทั้งแก้วเดี๋ยวเป็นเรื่องค่ะ ผื่นเต็มตัวเลย อย่าดื่มดีกว่าค่ะ" ดร.นิลลี่ตอบ
"'งั้น เดี๋ยวผมสองคนขอดื่มกันสักหน่อย คุณหมอคงไม่ว่านะครับ" สารวัตรถาม
"ตามสะดวกค่ะ"
เมื่อเข้ามาในร้านอาหาร สารวัตรพลก็สั่งกับแกล้มอาหารและเหล้าเบียร์มาดื่ม พูดคุยกับณัฐอย่างคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ระหว่างนั้น ดร.นิลลี่กับรู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา แต่มองรอบตัวแล้วก็ไม่เห็นมีใครนั่งมองหรือแอบมองอยู่เลย
"หรือจะระแวงไปเอง" นิลลี่คิดในใจ
ทั้ง 2 หนุ่มดื่มกันหมดไปหลายขวดแล้ว ณัฐก็นึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ต้องคุยกันต่อจึงเอ่ยปากว่า
"กลับกันเหอะ มีธุระที่ต้องคุยกันต่ออีก เดี๋ยวจะดึกเกินแล้วข้าจะขึ้นดอยลำบาก"
"ข้ากับเอ็งไม่ได้ดื่มกันนานแล้ว วันนี้นอนค้างบ้านข้าก็ได้จะได้คุยกันนานๆ ส่วนเสื้อผ้าเดี๋ยวหาซื้อก่อนเข้าบ้านก็ได้ เอาหน่า จะได้คุยกันหลายๆ เรื่อง"
"ข้าไม่ได้มาคนเดียวนะ มีคุณหมอมาด้วย แล้วคุณหมอจะไปนอนตรงไหนวะ"
"กว่าจะคุยเสร็จก็ดึกโขอยู่ นอนบ้านข้านั่นแหละ เอ็งนอนกับข้า คุณหมอนอนห้องนอนแขกก็ได้ ขับรถขึ้นดอยดึกๆ ก็ไม่ปลอดภัยหรอก ทั้งจะหนทางทั้งจะพวกที่เอ็งบอกอีก นอนบ้านข้าแหละดีแล้ว"
ณัฐเหมือนตกกระไดพลอยโจรขัดเพื่อนไม่ได้ เลยต้องหันมาถามทางหมอนิลลี่
"ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ ต้องนอนค้างบ้านสารวัตร คุณหมอจะว่าอย่างไรบ้าง ถ้าไม่สะดวกผมจะไปหาโรงแรมในเมืองให้พักก็ได้ครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็ได้ กลับดึกๆ มันก็อันตรายอย่างที่สารวัตรว่าจริงๆ ค่ะ เราจะได้มีเวลาคุยเรื่องสำคัญกันนานๆ เผื่อต้องวางแผนการอะไรเยอะ"
เมื่อตกลงตามนั้น สารวัตรก็พาทั้ง 2 คนไปหาเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนสำหรับคืนนี้ แล้วก็พากลับไปที่บ้านพักของตำรวจนั่งพูดคุยกันเรื่องไร่ฝิ่นและหมูตายทั้งหมู่บ้าน โดยระหว่างที่เลือกซื้อของในตลาดนั้นนิลลี่เองยังคงรู้สึกว่ามีติดตามอยู่ตลอด แต่เมื่อมองหาก็ยังคงไม่เจอใคร
"ถึงบ้านแล้ว ไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนแล้วเดี๋ยวมานั่งคุยกันต่อครับ" สารวัตรบอก
"นี่ครับ คุณหมอพักที่ห้องนี้นะครับ ส่วนผมกับไอ้ณัฐจะนอนห้องตรงข้าม"
อาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งคุยกันที่ห้องรับแขก โดยณัฐเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังไม่ว่าการไปสำรวจที่ไร่ฝิ่นในป่าหน้าหมู่บ้าน หมูตายทั้งหมู่บ้านและการรวบรวมดีเอ็นเอแล้วยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับคนใดในหมู่บ้านเลย
"เล่าจบแล้ว เอ็งว่าไงบ้างว่ะ พวกข้ามืดแปดด้านแล้วหว่ะ"
"เท่าที่ข้าตามคดีค้ายาอยู่ ตอนนี้มีน่าสงสัยอยู่ก็เป็น เสี่ยร้านขายทองกับหัวหน้า อบต. ร่วมมือกับชาวเขาฝั่งพม่าลักลอบขนฝิ่นปลูกฝิ่นอยู่ แต่ข้ายังไม่แน่ใจว่าที่บนดอยเอ็งจะเป็นแก๊งเดียวกันเปล่า แล้วมีใครในหมู่บ้านเอ็งเกี่ยวข้อง นอกจากคนที่เฝ้าไร่ฝิ่นแล้ว เอ็งสงสัยใครเพิ่มไหม"
"ข้าตอบตามตรงนะ ไม่รู้เลยหว่ะ คงต้องพึ่งเอ็งแล้ว"
"ตอนนี้ข้าก็ยังตอบอะไรไม่ได้ คงต้องตามเอ็งขึ้นดอยไปพรุ่งนี้กับลูกน้องที่ไว้ใจได้สักคน เพื่อไปดูลาดเลาก่อนว่าเป็นแก๊งไหนกันแน่"
"ก็ดีเหมือนกัน แล้วเอ็งจะตามไปแบบเต็มยศหรือไปแบบชุดไปรเวทว่ะ"
"คงไปแบบนักท่องเที่ยวหว่ะ ยังไงคนข้างบนก็รู้จักข้าไม่เยอะอยู่แล้ว ไปแบบธรรมดาดีกว่า"
"งั้นตามนี้ ไปพักเดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะตามเอ็งขึ้นไปบนดอยตั้งแต่ช่วงเช้าเลย จะได้มองหาว่าจะทำอะไรกันต่อ"
แล้วณัฐก็เดินพานิลลี่มาส่งที่ห้องนอนพร้อมกล่าวว่า
"ฝันดีนะครับ"
แล้วก็เข้าห้องนอนไปกับสารวัตร เมื่ออยู่กันตามลำพัง สารวัตรก็เอ่ยแซวณัฐว่า
"ข้าแอบสังเกตเอ็งมองคุณหมอ กับคำพูดคำจา แกชอบคุณหมอเปล่าว่ะ"
"เปล่า แค่เพื่อนเองหว่ะ"
"อืม งั้นข้าขอจีบนะ คุณหมอตัวป้อมน่ารัก สเป็คข้าเลย หรือถ้าเอ็งจะจีบก็มาแข่งกันอย่างลูกผู้ชายไหม ใครดีใครได้"
"ตามสบายเลย"
"เอ็งนี้ปากแข็งจริงวุ้ย งั้นข้าจีบนะ อย่ามาขวางแบบหมาหวงก้างหล่ะ ฮา ฮา ฮา"
แล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน รุ่งสางทั้งสามก็เดินทางขึ้นไปบนดอยมอมแมม
"จะเริ่มตรงไหนก่อนดีว่ะ ไอ้พล"
"ไปไร่ฝิ่นก่อนดีกว่าแล้วเดี๋ยวค่อยมาเดินสำรวจให้ทั่วหมู่บ้าน ผมว่าคุณหมอไปพักที่บ้านก่อนดีกว่าครับ ทางนี้ปล่อยให้ผู้ชายเขาจัดการกันเอง"
"เห็นด้วยครับ ไปพักเถอะครับ ผมเป็นห่วง" ณัฐหันมาบอกหมอนิลลี่
"ก็ได้ค่ะ แต่คิดว่าเอาหุ่นเก็บตัวหลักฐานไปด้วยจะดีกว่า ยังไงเผื่อมีอะไรน่าสงสัยจะได้เก็บมาแล้วมาวิเคราะห์ร่วมกับหลักฐานที่มีอยู่"
"ก็ดีครับ"
แล้ว 2 หนุ่มกับลูกน้องสารวัตรก็มาส่งหมอนิลลี่ที่บ้านริมน้ำแล้วเอาหุ่นเก็บตัวอย่างไปด้วย
"แล้วจะรีบกลับมานะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง" ณัฐยังแอบหยอด
สารวัตรพลรีบดักคอบ้าง
"ไม่ต้องห่วงนะครับเดี๋ยวผมดูแลไอ้ณัฐมันเอง แต่ผมจะห่วงคุณหมอนะสิอยู่บ้านคนเดียว"
"ไม่เป็นไรค่ะ มีมูมู่อยู่เป็นเพื่อน ไม่ต้องห่วงนะคะ ทั้ง 2 คน"
"ตามนั้นครับ"
เมื่อสองหนุ่มกับลูกน้องเดินทางเข้าป่าเพื่อไปยังไร่ฝิ่น สักพักก็มีเสียงเด็กหญิงมาตะโกนหน้าบ้านริมน้ำ
"แม่หมอ แม่หมอ อยู่ไหม"
"อยู่ค่ะ มีอะไรหรือคะ"
"แม่หนูป่วยหนักค่ะ เมื่อวานตอนหัวค่ำมาทีแม่หมอไม่อยู่ เจอแต่ไอ้ตุ๊ดตู่ กลับตัวประหลาด เลยกลับไปก่อน แล้วมาวันนี้จ้า"
"แล้วแม่หนูอยู่ที่ไหน"
"อยู่ที่บ้านจ้า แม่ลุกไม่ไหว แม่หมอไปกลับหนูได้ไหม"
"ได้ได้ เดี๋ยวขอไปตามมูมู่และเตรียมข้าวของแป๊ปแล้วเดี๋ยวไปด้วยกัน"
"มูมู่ เตรียมของไปตรวจคนไข้กัน"
มูมู่เตรียมของเสร็จก็เดินออกมาแล้วก็เดินตามเด็กหญิงไปที่บ้านที่อยู่หน้าหมู่บ้านเอง หมอนิลลี่กับมูมู่เลยสามารถแอบเข้าไปในหมู่บ้านได้ไม่ยากนัก
เมื่อมาถึงก็เห็นหญิงวัยกลางคนนอนซมอยู่กับเตียง หมอนิลลี่เดินเข้าไปหาแล้วกล่าว
"สวัสดีค่ะ คุณน้า เป็นอย่างไรบ้างคะ"
"ใคร ใคร" หญิงวัยกลางคนตอบ
"แม่แกไม่ค่อยรู้ตัวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วจ้า พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง"
"อืม งั้นหนูพอจะบอกอาการให้แม่หมอได้ไหม"
"หนูรู้แต่แม่มีไข้หนาวๆ ร้อนๆ เป็นพักๆ จ้า"
"บอกได้ไหมว่าเป็นพักๆ หน่ะห่างกันอย่างไรบ้าง"
"ไม่รู้เลยจ้า"
"แล้วมีอาการอะไรอีกไหม หนูรู้แค่นี้เองว่าแกไข้สูงมากหนูต้องคอยเช็ดตัวให้ แล้วเมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็เพ้อหนักมาก"
"ยากแล้ว" หมอนิลลี่คิดในใจ เนื่องจากว่าคุยกับเด็ก เด็กย่อมไม่รู้อาการ เอาไงดีจะงมยังไงประวัติมีแค่นี้
"แม่มีไข้กี่วันแล้วจ๊ะ"
"หนูก็ไม่รู้จ้า"
"งั้นในบ้านมีใครอยู่อีกไหม"
"มีแค่หนูกับแม่จ้า"
"แย่แล้วประวัติแค่นี้ เอาไงดีหล่ะ" นิลลี่คิดในใจ แล้วก็หันไปสั่งมูมู่
"มูมู่ตรวจไวทัลไซน์นะ ตรวจร่างกายอย่างละเอียดทุกระบบเลย เพื่อหาสาเหตุไข้ก่อน"
มูมู่เข้าไปวัดไข้ ตรวจร่างกายแล้วก็กลับมารายงานกับแม่หมอนิลลี่
"ไข้สูงมากจริงด้วย นอกนั้นไม่มีอะไรผิดปกติเลย งั้น มูมู่ เซพซีสเวิร์คอัพนะ เอาพวกโรคเขตร้อนก่อน แล้วค่อยว่ากันถ้าหาไม่เจอ"
แล้วนิลลี่ก็หันไปบอกกับเด็กน้อยว่า
"เอางี้นะ ตอนนี้แม่หนูอยู่ในมือแม่หมอแล้วไม่ต้องห่วงนะ หมอกำลังหาสาเหตุอยู่ว่าแม่เป็นอะไร เดี๋ยวขอเจาะเลือด เช็ดตัว ให้ยาลดไข้แล้วขอพาแม่ไปรักษาที่บ้านแม่หมอนะคะ หนูไปเยี่ยมได้ตลอดเวลาที่ต้องการเลย"
"ได้คะ แม่หมอ"
เมื่อมูมู่เข้าไปทำการเอ็กซเรย์ เจาะเลือดและวิเคราะห์ผลเลือดได้บางส่วน บางส่วนต้องกลับไปทำการตรวจต่อที่บ้านริมน้ำและบางส่วนต้องรอผลการเพาะเชื้อ จึงรายงานผลบางส่วนให้หมอนิลลี่รู้
"อืม ยังไม่เจออะไรเลย ยังไงเดี๋ยวดู ซีบีซี ไถสเมียร์ไว้เดี๋ยวกลับไปดูที่บ้านริมน้ำกัน ตอนนี้ลดไข้คนไข้ก่อน"
มูมู่หันไปเช็ดตัวให้ยาลดไข้ จนคนไข้ไข้เริ่มลง แล้วเพ้อลดลง
"มูมู่แปลงร่างเป็นเปล นะ พาคนไข้กลับบ้านกัน"
"แม่หมอกลับไปก่อนนะ แล้วหนูค่อยตามไปเยี่ยมคุณแม่"
เมื่อผลเลือดบางอย่างออกพร้อมทั้งสเมียร์เลือดดูแล้วก็ยังไม่เจอสาเหตุของไข้ ต้องรอผลเพาะเชื้อด้วย เลยยังไม่สามารถสั่งการรักษาได้ ได้แต่ยาลดไข้ให้น้ำเกลือเท่านั้น แต่ในใจหมอนิลลี่เองก็คิดถึงโรคบางอย่างอยู่จึงหันไปสั่งมูมู่ว่า
"เจาะเลือดทำสเมียร์ทุกครั้งที่มีไข้นะ ดูว่าจะเจอไหม"
ตอนนี้คือยังมืดมนกับการรักษาคนไข้รายนี้อยู่มาก
พอดีกลับทางทีมของสารวัตรพลก็กลับมาพอดี
"เป็นยังไงบ้างคะ ได้อะไรเพิ่มเติมบ้างไหมคะ สารวัตร"
"ยังเลยครับ ไม่มีอะไรที่จะบอกได้เลยว่าฝีมือใคร เอาอย่างนี้ผมจะส่งลูกน้องผมที่เป็นหน่วยสายสืบ ปลอมตัวมาอยู่ในหมู่บ้านก่อน เผื่อจะได้ข้อมูลมากขึ้น โดยมาเป็นลูกจ้างที่บ้านณัฐมัน"
"โอเครเลยหว่ะ ไอ้พลตามนั้น แล้วเอ็งจะส่งลูกน้องมาเมื่อไหร่"
"พรุ่งนี้เลย แล้ววันนี้ข้าขอตัวไปบรีฟลูกน้องและวางแผนในส่วนของทีมตำรวจก่อนหว่ะ ข้าลากลับก่อน กลับก่อนนะครับคุณหมอคนสวย" สารวัตรเริ่มลูกจีบบ้างแล้ว
"เอ่อ เอ็งนี่ไวจริง"
"สวัสดีค่ะ คุณสารวัตร"
"ไว้พบกันครับ"
แล้วสารวัตรและลูกน้องที่มาด้วยก็เดินทางกลับ
"พี่หมอกลับมาแล้วหรือครับ" เสียงตุ๊ดตู่ที่พึ่งกลับจากโรงเรียนวิ่งเข้ามาหา
"จ้ามาแล้ว"
"เมื่อวานมีเคสด้วยแหละ มีเด็กผู้หญิงมาหา แต่แกไม่ได้พาคนไข้มาผมเลยให้กลับไปก่อนแล้วมาใหม่ แกมายังครับ"
"มาตั้งแต่เช้าแล้วจ้า พี่ไปรับคนไข้มาเรียบร้อยแล้ว"
"อ้อ แล้วเป็นอะไรครับ"
"ยังไม่รู้เลยจ้า" แล้วนิลลี่ก็หันไปทางณัฐ
"วันนี้เป็นวันอะไรนี่ เรื่องไร่ฝิ่นหมูตายก็ยังไม่รู้ ส่วนคนไข้ก็ไม่ได้ประวัติเลยไม่รู้จะงมจากอะไร"
"ใจเย็นๆ ครับ หมอคนเก่งของผม เดี๋ยวก็หาสาเหตุได้เองครับ" มิวายที่จะหยอดมาที่หมอนิลลี่
"ใช่ครับ พี่หมอเก่งจะตายเดี๋ยวก็หาเจอเอง"
"ขอบคุณค่ะ วันนี้เลยยังหาไม่เจอเดี๋ยวคงต้องให้น้ำเกลือกับยาลดไข้ไปก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่ สั่งมูมู่ไว้แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง แล้วส่วนไร่ฝิ่นจะยังไงต่อค่ะ"
"ก็ตามที่ไอ้พลมันบอก ตอนนี้ต้องงมเข็มในมหาสมุทรไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้มันส่งสายสืบมาอยู่บ้านผม แล้วก็ตามสืบพร้อมกับหุ่นยนต์เก็บหลักฐาน ก็คงเจออะไรบ้างครับ"
"ก็คงต้องตามนั้น เอ่อ เหนื่อยสองวันแล้วยังงมเข็มต่อไป"
"งั้นวันนี้เราต่างคนต่างแยกย้ายไปพักก่อนดีไหม ศิษย์พี่วันนี้อย่าพึ่งกวนแม่หมอเลยนะ"
"กลับก็กลับ หวัดดีครับพี่หมอ เจอกันพรุ่งนี้เดี๋ยวผมมาช่วยดูเคสตั้งแต่เช้าเลย พรุ่งนี้วันเสาร์พอดี"
"จ้าๆ งั้น สวัสดีค่ะ คุณณัฐ"
"อย่าลืมนอนพักเยอะๆ นะครับ ผมเป็นห่วงเห็นช่วงนี้อดหลับอดนอนบ่อยๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ลาก่อนเจอกันพรุ่งนี้เช้าครับ"
แล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปพัก วันนี้เป็นวันแห่งความว่างเปล่าหาอะไรไม่เจอสักอย่างเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเลย หมอนิลลี่คิด
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!