หลังออกจากมิติปิดกั้น ผมก็ทำการชาร์จไฟจักรยานไฟฟ้า ที่ตามคู่มือแล้วต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าชั่วโมง ทำให้ระหว่างรอผมจะกลับเข้าไปในมิติปิดกั้นเพื่อเก็บเลเวลอย่างจริงจัง
และนี่เป็นแผนการเดินทางของผม ที่เริ่มต้นด้วยการขี่จักรยานไฟฟ้าให้ได้ระยะทางมากที่สุด แล้วกลับออกมาชาร์จไว้ที่บ้าน ก่อนจะกลับเข้าไปเก็บเลเวลพร้อมกับเดินทางไปด้วย
แม้ว่าการเดินทางด้วยเท้าจะไม่ได้ระยะทางมากนัก มันก็ดีกว่าอยู่เสียเวลาอยู่ที่โลกนี้ถึงห้าชั่วโมง ซึ่งการเอาเวลาห้าชั่วโมงในโลกแห่งความเป็นจริงมาเทียบกับเวลาในมิติปิดกั้น มักจะเป็นเวลามากถึงยี่สิบชั่วโมง
แล้วการปล่อยเวลายี่สิบชั่วโมงให้สูญเปล่ามันก็ออกจะงี่เง่าไปสักหน่อย แต่แน่นอนว่าผมจะเลี่ยงการเก็บเลเวลตอนกลางคืน เพราะต่อให้มีเลเวลหรือค่าสถานะสูงยังไง การออกล่าตอนกลางคืนก็อันตรายเกินกว่าจะเอาชีวิตไปเสี่ยง
"ก่อนอื่นเช็คอุปกรณ์เดินป่าก่อนว่าพร้อมไหม"
ผมเอาอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเดินป่าออกมาจากช่างเก็บของต่างมิติ เพื่อตรวจดูว่าไม่ได้ลืมอะไร ถึงความจริงมันจะมีแค่ไฟฉาย ไฟแช็ค เชือก อุปกรณ์ปฐมพยาบาล แล้วก็อาหารกับน้ำแค่นั้น
ซึ่งทั้งหมดผมยอมเสียช่องเก็บของอย่างละช่อง เพราะหากเก็บไว้ในกระเป๋าทั้งหมดย่อมประหยัดช่องได้มาก แต่เวลาจะใช้ก็ต้องเอากระเป๋าออกมาแล้วหาเอง ที่เทียบกับการดึงออกจากช่องเก็บของได้ทันที ผมยอมเสียช่องเก็บของดีกว่า
แต่ก็ยังดีที่อาหารและน้ำดื่มสามารถเก็บรวมในช่องเดียวกันได้ ทำให้เสียช่องเก็บของไปห้าช่อง แล้วถ้านับซากลิงครึ่งกวางออกไป มันก็จะเหลือช่องเก็บของอีกสี่ช่อง ที่น่าจะพอเก็บอะไรก็ตามที่ได้มาก่อนกลับ
"เอาละ ไปลุยกันเลย"
จุดที่ผมกลับมาในมิติปิดกั้นคือชายป่าที่ออกมาเมื่อครู่ แล้วถ้าดูจากเครื่องหมายที่ผมทำเอาไว้ การออกเดินทางไปยังหมูบ้านอัปสรสีหะทิศพายัพก็ดำเนินต่อไปได้อย่างไร้ปัญหา
"จะว่าไป กล้องส่องทางไกลกับเข็มทิศมันควรจะเอามาด้วยรึเปล่านะ"
เพราะแผนที่ของระบบมีการบอกทิศทางอยู่แล้ว ทำให้เข็มทิศไม่จำเป็น แม้จะมีบางครั้งที่ผมรู้สึกหลงทิศก็ตาม แต่กล้องส่องทางไกลนั้นน่าจะมีความจำเป็น เพราะสัตว์มายาไม่สามารถใช้แผนที่ช่วยค้นหาเพียงอย่างเดียวได้
อย่างตอนที่ไอ้ฝูงลิงครึ่งกวางมาล้อมเอาไว้ แผนที่ก็ไม่แสดงจุดแดงที่หมายถึงสัตว์มายาแม้แต่น้อย ซึ่งผมเดาว่ามันน่าจะเกี่ยวกับระยะเผชิญหน้าสิบเมตร ที่หากสัตว์มายาหลบซ่อนตัวอยู่ ระบบก็จะไม่แสดงผลบนแผนที่
ต่างจากสัตว์มายาที่ใช้ระบบค้นหา เนื่องจากมันจะแสดงเป้าหมายให้หากอยู่ในระยะร้อยเมตร ซึ่งสิ่งนี้เป็นข้อเสียของระบบแผนที่กับระบบค้นหา ที่มันทำงานไม่สัมพันธ์กันเท่าไหร่ เหมือนเกมที่ยังไม่ได้แก้บัคไม่มีผิด
"เฮ้อ แต่จะรอให้พระเจ้าแก้บัคก็คงเป็นไปไม่ได้อ่ะนะ"
ผมใช้ระบบค้นหาสัตว์มายาในบริเวณนี้ ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ต่างจากที่คาดเท่าไหร่ เนื่องจากสัตว์มายที่สามารถค้นหาได้จะต้องเคยเจอมาก่อน หรือรู้จักชื่อ ดังนั้นหากทำการค้นหาโดยไม่เจาะจง ระบบก็จะแสดงแค่สัตว์มายาที่เคยเจอเท่านั้น
ซึ่งในบริเวณนี้มีสัตว์มายาที่แสดงผลแค่สองสามชนิด ผมจึงลองค้นหาจากคำง่ายๆ เพื่อดูว่าจะมีสัตว์มายาที่เป็นอันตรายอยู่รึไม่ อย่างเช่น ครุฑ หรือนาคเป็นต้น แต่ดูเหมือนสัตว์มายาพวกนั้นจะอยู่ในพื้นที่ส่วนลึกของป่า
ทำให้ผมค่อยโล่งใจขึ้นบ้าง ที่ไม่ต้องเจอสัตว์มายาที่เหมือนกับบอสตั้งแต่เริ่มฝึก แต่อีกใจก็อยากไปลองของหลังจากเลเวลกับค่าสถานะสูงพออยู่เหมือนกัน เพียงแต่มันน่าจะใช้เวลาอย่างน้อยอีกเป็นเดือน
"ก่อนอื่น สัตว์มายาที่เหมาะจะฟาร์มเก็บเลเวลควรจะเป็นตัวที่อ่อนแอกว่าแต่ไม่มากนัก จะได้เพิ่มค่าสถานะกับเลเวลเร็วๆ"
ผมเลือกรายชื่อสัตว์มายาในบริเวณนี้ที่เคยเจอมาแล้ว ที่มีตั้งแต่ปลาต่างๆ กับสัตว์ทั่วไปที่เหมือนในโลกแห่งความเป็นจริง กับสัตว์ตามตำนานของป่าหิมพานต์ ซึ่งผมคิดว่าจะเริ่มจากสัตว์ทั่วไปก่อน
"เท่าที่เจอตอนนี้ก็มีแค่นกเทศ กับกวางหิมพานต์ ไอ้ตัวพวกนี้น่าจะเหมาะเอามาฝึกแล่เอาเนื้อหนัง แต่น่าจะต้องไปหาข้อมูลการแล่จากอินเทอร์เน็ตก่อน"
เมื่อตัดสินใจได้ผมก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่แผนที่บอกว่าเป็นถิ่นของพวกมัน และเมื่อเจอนกเทศตัวแรก ระบบก็มอบภารกิจมาให้เหมือนเคย เพียงแต่คราวนี้รู้สึกจำนวนมันจะมากกว่าทุกครั้ง
-ท่านได้รับภารกิจ กำจัด นกเทศ จำนวนร้อยห้าสิบตัว-
แต่ด้วยปริมาณนกเทศในถิ่นของมันมีมากถึงหลักพัน การกำจัดสักร้อยสองร้อยตัวจึงไม่เป็นปัญหา เพียงแต่ต้องคอยระวังไม่ให้โดนรุมเท่านั้น ซึ่งผมจะเลือกนกเทศที่อยู่โดดเดี่ยว หรือรวมกันไม่เกินสามตัว
และจากการล่าราวสองชั่วโมง ซากนกเทศร้อยห้าสิบสองตัวก็ถูกบรรจุอยู่ในช่องเก็บของต่างมิติของผม และอุปกรณ์ที่ได้เป็นรางวัลนั้นก็ถือได้ว่าคุ้มค่าเหนื่อย เพียงแต่หน้าตามันออกจะน่าเกลียดไปสักหน่อย
-ท่านทำภารกิจ กำจัดนกเทศ จำนวนร้อยห้าสิบตัวสำเร็จ ได้รับผ้าคลุมหัวนกเทศ-
ด้วยมันเป็นผ้าคลุมที่มีหัวของนกเทศติดมาด้วย ซึ่งผมเดาว่ามันน่าจะใช้พรางตัวเป็นนกเทศได้ และเหมาะจะใช้ล่านกเทศ เพียงแต่ส่วนตัวแล้วผมเริ่มเบื่อกับนกเทศพวกนี้แล้ว จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่กวางหิมพานต์
แถมการฆ่านกเทศร้อยห้าสิบกว่าตัวก็ไม่ทำให้เลเวลเพิ่มขึ้นแม้แต่เลเวลเดียว ที่น่าจะเป็นเพราะเลเวลของผมห่างกับนกเทศมาก และหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป แผนการเก็บเลเวลก็จะล่าช้า
ดังนั้นหากกวางหิมพานต์ยังไม่ช่วยให้เลเวลเพิ่มขึ้นอีกละก็ ผมคงจะต้องหาสัตว์มายาตัวใหม่ที่แข็งแกร่งกว่านี้ แม้จะเสี่ยงอันตรายมากขึ้นก็ตาม
-ท่านได้รับภารกิจ กำจัด กวางหิมพานต์ จำนวนสามสิบตัว-
และจำนวนที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้ผมมั่นใจว่าควรจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายเป็นสัตว์มายาที่แข็งแกร่งกว่านี้จริงๆ เพราะถ้าจำไม่ผิดในภารกิจครั้งก่อน จำนวนยังเป็นแค่สิบตัวอยู่เลย
แล้วหลังจากผมกำจัดกวางหิมพานต์ได้ตามเป้าหมาย เลเวลก็ยังไม่เพิ่มอยู่ดี แม้ว่าอุปกรณ์ที่ได้จากภารกิจจะเป็นของดีก็ตาม
-ท่านทำภารกิจ กำจัดกวางหิมพานต์ จำนวนสามสิบตัวสำเร็จ ได้รับเกราะไหล่หนังกวาง-
ผมสวมเกราะไหล่ที่เหมือนอุปกรณ์ในหนัง หรือเกมแนวแฟนตาซีทั้งหลาย ที่แม้จะดูเกะกะแต่กลับให้ความรู้สึกสบายเวลาใส่ แถมยังขยับร่างกายได้อย่างไม่ติดขัด ทำให้ผมตัดสินใส่มันไว้ที่ไหล่ขวา เพราะผมถือโล่มือซ้าย
แล้วหลังจากครุ่นคิดว่าควรจะล่าสัตว์มายาตัวไหนดี ผมก็ตัดสินใจกลับไปหาโจทย์เก่าอย่างไอ้พวกลิงครึ่งนกกับลิงครึ่งกวาง เพราะสัตว์มายาที่เหมือนสัตว์ทั่วไปคงใช้เพิ่มเลเวลได้ยากแล้ว
"รู้สึกมันจะชื่อ กบิลปักษา กับพานรมฤค สินะ"
แล้วจากการค้นหาก็พบว่าถิ่นของกบิลปักษาอยู่ไกลออกไปเกือบสองกิโลเมตร ส่วนพานรมฤคนั้นอยู่ลึกเข้าไปในป่าราวสามร้อยเมตร ซึ่งก็คือผมอยู่ใกล้กับถิ่นมันมากจนแทบจะเรียกได้ว่าอยู่หน้าประตูเลยทีเดียว
"ถึงว่าไอ้ลิงครึ่งกวางถึงโผล่มา"
ดังนั้นเมื่อได้เป้าหมายแล้ว ผมก็มุ่งหน้าไปถิ่นของพวกมันทันที และโดยไม่ต้องหาให้เสียเวลา ผมก็โดนต้อนรับจากพวกมันแทบจะทันทีหลังจากเดินลึกเข้ามาในป่าได้ราวร้อยเมตร
-ท่านได้รับภารกิจฉุกเฉิน กำจัดพานรมฤคชั้นต่ำ จำนวนห้าตัว-
แล้วดูเหมือนพวกมันจะชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม เพราะครั้งก่อนผมก็โดนโจมตีด้วยกลุ่มห้าตัวเหมือนกัน แต่ในเมื่อตัดสินใจจะเก็บเลเวลแบบจริงจังแล้ว ก็คงหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้
"เข้ามาเลยไอ้ลิงโง่"
ทักษะยั่วยุถูกใช้เพื่อให้พวกมันโมโหจนใช้จำนวนที่มากกว่าให้เป็นประโยชน์ไม่ได้ แล้วพอมันพุ่งเข้ามาหาเรียงตัวแบบนี้ การกำจัดทีละตัวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แถมดาบหนอนชาเขียวติดไฟยังทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จนผมไม่ต้องทนปวดหัวกับการใช้พลังจิต
-ท่านทำภารกิจฉุกเฉิน กำจัดพานรมฤคชั้นต่ำ จำนวนห้าตัวสำเร็จ ได้รับแต้มทักษะยี่สิบห้าหน่วย-
-ท่านทำภารกิจฉุกเฉินสำเร็จในเวลาน้อยกว่าสิบนาที ได้รับแต้มทักษะสิบหน่วย"
*แต้มทักษะ 120
และพวกมันก็กลายเป็นแต้มทักษะให้ผม ซึ่งในคราวนี้ผมตั้งใจจะสะสมให้พอสำหรับแลกทักษะฟื้นฟูขั้นสูงเสียที เพราะมัวแต่เอาไปแลกทักษะจำเป็นอย่างอื่นจนแต้มแทบจะไม่เหลือในตอนแรก การได้แต้มมาแบบนี้ทำเอาอยากขอบคุณให้ลิงครึ่งกวางพวกนี้ขึ้นมาทีเดียว
"หรือจะเดินวนเวียนอยู่แถวนี้ให้ได้ภารกิจฉุกเฉินบ่อยๆดีนะ"
แต่ในระหว่างที่ผมกำลังหลงระเริงไปกับแต้มทักษะที่ได้จากภารกิจฉุกเฉิน ฝูงลิงครึ่งกวางก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ห่างออกไปราวห้าสิบเมตร จนผมต้องรีบหลบหลังต้นไม้ ก่อนที่เสียงของระบบจะทำให้หัวใจแทบหลุดออกมาจากปาก
-ท่านได้รับภารกิจ กำจัดพานรมฤคชั้นต่ำ จำนวนห้าสิบตัว-
เฮ้ยๆ คราวนี้ทำไมจำนวนมันเพิ่มเหมือนติดจรวจแบบนี้ฟระ
แต่ผมก็ประท้วงในใจได้ไม่นาน เมื่อลิงครึ่งกวางกลุ่มหนึ่งเหมือนจะรู้สึกถึงความผิดปกติ แล้วพากันมุ่งตรงมาทางที่ผมหลบซ่อนตัวอยู่ แต่ก่อนที่ผมจะตัดสินใจวิ่งหนี ก็นึกถึงอุปกรณ์ที่พึ่งได้มา เลยทดลองอะไรที่ดูงี่เง่าสักหน่อย
ด้วยการใช้ทักษะซ่อนเร้น พร้อมกับสวมผ้าคลุมหัวนกเทศให้เหมือนกับตัวเองเป็นสัตว์มายา แล้วค่อยๆเดินช้าไปตามพุ่มไม้ เพื่อออกห่างจากฝูงลิงครึ่งกวาง ซึ่งเมื่อกลุ่มที่ออกมาสำรวจเห็นผมในสภาพนี้ พวกมันก็ไม่ได้สนใจก่อนจะเดินกลับไปรวมฝูง
และแล้วผมก็ถอยมาตั้งหลักได้สำเร็จด้วยอุปกรณ์ที่หน้าตาออกจะประหลาดไปบ้าง แต่กลับใช้งานได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไป เพราะการล่าพานรอะไรสักอย่างห้าสิบตัวท่ามกลางฝูงของพวกมันนั้นเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจออกจากมิติปิดกั้น เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ เพราะไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนตอนสู้กับไอ้ลิงครึ่งนกอีกแล้ว
"วิธีจับลิงมันจะใช้ได้ผลไหมนะ"
หลังจากผมออกจากมิติปิดกั้นก็ลงมือหาข้อมูลทันที ก่อนจะได้คำแนะนำเกี่ยวกับการจับลิงและสัตว์ทั้งหลาย ว่าการใช้กับดักและเหยื่อล่อเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพียงแต่ผมก็ไม่รู้ว่าเหยื่อของสัตว์ทั่วไปมันจะใช้ได้กับสัตว์มายารึเปล่า
"แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ละนะ"
เมื่อตัดสินใจแล้วผมก็เดินไปซื้อกล้วยจากร้านแถวบ้าน ที่ดูเหมือนจะยังมีโชคที่เหลืออยู่สามหวีพอดี จากนั้นผมก็ผูกกล้วยด้วยเชือกที่เตรียมไว้ ก่อนจะกลับเข้ามิติปิดกั้น เพื่อทดลองล่อให้ลิงครึ่งกวางแยกออกมาตัวเดียว
แล้วเมื่อผมทดลองโยนกล้วยลูกหนึ่งไปในระยะที่ลิงครึ่งกวางตัวหนึ่งเห็น มันก็ค่อยเดินเข้ามาเพื่อจะหยิบกล้วย แต่ก่อนที่มันจะได้หยิบอาหาร ผมก็กระตุกเชือกให้กล้วยลอยเข้าไปในพุ่มไม้
และดูเหมือนสติปัญญาของมันจะไม่ต่างจากลิงทั่วไป เพราะมันเดินตามกล้วยเข้ามาในพุ่มไม้อย่างง่ายดาย และตอนนี้ก็เป็นจังหวะดีที่ผมจะลงมือ
ฉึก
ดาบหนอนชาเขียวแทงเข้าไปในลำคอของมันเพื่อป้องกันการส่งเสียงร้องเรียกพรรคพวก และเมื่อแน่ใจว่ามันตายแล้ว ผมก็เก็บซากเข้าช่องเก็บของต่างมิติ แล้วการล่าลิงครึ่งกวางของผมก็ดำเนินไปด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ