บทที่ 10 กำเนิด‘คนขุดสุสาน’!
------------------------------------------------------------------------------
เฉินเล่อ >> แปล
Pleosuriya >> ตรวจ
CM >> เช็ก + เกลา
********************************
ท้องฟ้านอกอาคารย้อมด้วยสีดำสนิท
ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว ห่างจากเที่ยงคืนที่จะออกอากาศรายการสดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง!
“ยังไม่ได้อีกงั้นเหรอ?”
“หัวหน้าครับ หาไม่ได้เลย!”
“หาไม่ได้ก็ต้องหาให้ได้! ดูสิว่ากี่โมงแล้ว!”
“งั้น.. งั้นผมจะลองใหม่ จะพยายามให้ดีที่สุด!”
หลายคนในสำนักงานอยู่ทำงานล่วงเวลา คนนับสิบอยู่ในสภาพวิ่งวุ่นหน้ากองเพลิง ถ้าจะใช้สำนวนภาษามาบรรยายภาพตรงหน้าละก็ คงจะเป็นคำว่า — ดิ้นพล่านเหมือนข้าวต้มในหม้อ!
“หัวหน้า” เถียนปินเรียกอย่างใจฝ่อ
จ้าวกั๋วโจวโบกมือไล่ “ไปรอที่ห้องสตูดิโอก่อนเลย!”
หลี่ซื่อกลับเข้ามาในสำนักงานพอดี “ไม่ได้เลยครับ ผมลองติดต่อนิยายลี้ลับไปมากกว่าสิบเรื่อง แต่ก็ถูกเว็บไซต์หรือสถานีวิทยุอื่นซื้อลิขสิทธิ์ไปหมดแล้ว หลายเรื่องที่อยู่ในมือสถานีวิทยุของเหอเป่ยผมก็ลองติดต่อไป ขอเขาออกอากาศร่วม แต่ทางนั้นปฏิเสธกลับมา ที่จริงยังพอมีนิยายสยองขวัญพื้นๆ อยู่หลายเรื่อง แต่เพราะเวลากระชั้นชิดเกินไป เลยยังติดต่อเจ้าของไม่ได้ บางเรื่องก็ไม่รู้ช่องทางติดต่อเลยด้วยซ้ำ”
จ้าวกั๋วโจวตบโต๊ะเสียงดัง “แค่เล่มเดียวยังหาไม่ได้?”
หลี่ซื่อพูดอย่างขมขื่น “นิยายแนวเหนือจริงกำลังขาด ตลาดนิยายยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ งานที่เข้าท่ามีอยู่แค่สิบกว่าเรื่อง พวกสถานีวิทยุใหญ่ๆ เหมาไปหมดแล้ว”
บรรณาธิการคนหนึ่งกล่าวว่า “ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เราคงต้องหยุดออกอากาศสักวันสองวัน ใช้เวลาสองวันนี้ซื้อลิขสิทธิ์ จัดการเรื่องสัญญาให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกอากาศอีกที”
จ้าวกั๋วโจวพูดอย่างเกรี้ยวกราด “รายการนี้ออกอากาศมาห้าปี ไม่เคยงดแม้แต่ครั้งเดียว ถ้ามาหยุดตอนนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ? ยิ่งไปกว่านั้น หลายวันมานี้ทางสถานีได้ยิงโฆษณาผ่านรายการต่างๆ ถึงสามช่องตลอดสามวันว่ารายการ ‘เรื่องสยองขวัญยามค่ำคืน’ ในวันนี้จะมีนิยายใหม่ ใครบ้างไม่รู้ว่าการเล่านิยายออกอากาศน่ะ วันแรกสำคัญที่สุด? ถึงแม้คนฟังจะยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่โหมโฆษณาไปขนาดนี้ วันนี้ต้องมีคนรอฟังอยู่หน้าวิทยุมากกว่าปกติสี่ห้าเท่าแล้ว จะให้หยุดออกอากาศ? พูดออกมาได้ยังไง? ไม่ว่ายังไงรายการวันนี้ก็ต้องออกอากาศให้ได้ ไปลองติดต่ออีกที! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีนิยายลี้ลับเหลือให้เราแม้แต่เล่มเดียว!”
เนื่องจาก ‘เพรียกวิญญาณ’ เป็นนิยายเหนือจริงที่ดังที่สุดในขณะนี้ ทางสถานีที่ต้องการตีเหล็กเมื่อร้อนจึงโหมโฆษณาอย่างหนัก ใครจะไปคิดว่าการโปรโมทครั้งนี้จะย้อนกลับมาเป็นเชือกรัดคอตัวเอง!
เถียนปินกระซิบเสียงเบา “ถ้าเราทำไม่ทันจริงๆ อย่างนั้น...”
จ้าวกั๋วโจวตะโกน “ไม่ทันก็ต้องทัน! นายเป็นคนก่อเรื่อง นายก็ต้องเช็ดก้นตัวเอง!”
เถียนปินไม่กล้าส่งเสียงต่อ เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เขารู้สึกกดดันอย่างยิ่ง อยากอาละวาดแต่ก็ไม่กล้าระบาย ใครจะรู้ว่ามันจะบังเอิญแบบนี้ ถ้าเขาไม่ลื่นล้มเพราะฝาข้าวกล่อง หน้าต่างข้อความของประธานหลี่ก็คงไม่ปิดไป ข้อความตอบกลับก็คงไม่ผิดพลาด ถ้าเขาไม่ได้ชนถูกเพื่อนร่วมงานจนล้ม ก็ไม่มีทางที่จะเลือกชื่อผิดคน และถ้าหลอดไฟไม่ได้ระเบิดลงมาใส่หลี่ซื่อ เขาก็คงไม่พลาดจนกดปุ่มส่งข้อความออกไป
ตั้งแต่เกิดมาเถียนปินไม่เคยโชคร้ายหนักขนาดนี้มาก่อน แต่กลับเกิดเรื่องบังเอิญติดๆ กันขนาดนี้ได้ เขาเองยังรู้สึกว่ามันประหลาดเกินไปแล้ว! ตอนนี้รายการเกิดข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ เถียนปินก็อาจจะต้องเผชิญบทลงโทษตามมาอีกเป็นพรวน เขาไม่รู้ว่าตัวเองไปล่วงเกินเทพสวรรค์ชั้นไหนเข้า ทำไมถึงได้เล่นงานเขา? เถียนปินรู้สึกเหมือนเจอผีเมื่อหันไปเห็นจางเย่ ตั้งแต่ทะเลาะกับจางเย่เขาก็มีเรื่องโชคร้ายตลอด!
……
ใกล้เที่ยงคืนแล้ว
สตูดิโอออกอากาศสดหมายเลขห้า
ช่องวรรณกรรมใช้สตูดิโอแห่งนี้ออกอากาศสดโดยเฉพาะ อุปกรณ์เพียบพร้อมครบครัน
จางเย่และเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งคนเข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์ คนหนึ่งลองหูฟัง จางเย่ลองเสียง ยังเหลือเวลาอีกสิบนาที เริ่มนับถอยหลังเข้าสู่การออกอากาศสดแล้ว แต่เมื่อไม่มีลิขสิทธิ์นิยาย การออกอากาศสดก็ดำเนินไปไม่ได้ จะให้พูดอะไรล่ะ? นี่ไม่ใช่รายการทอล์คโชว์ที่จะขุดเรื่องอะไรก็ได้ขึ้นมาพูด แต่เป็นรายการเล่าเรื่องผี ทุกคนที่เปิดวิทยุภาคดึกมาก็เพื่อฟังเรื่อง หากไม่มีนิยายจริงๆ มาเล่า ต้องไม่ดีแน่
ตรงข้ามกับสตูดิโอเป็นห้องเก็บเสียงที่ถูกกั้นด้วยกระจกใส ซึ่งปกติจะเป็นที่นั่งของคนรับโทรศัพท์ หลังจากได้รับสัญญาณโอเค จางเย่จึงเดินเข้าไป จ้าวกั๋วโจว เถียนปินและคนอื่นๆ ก็เดินเข้ามาตามลำดับ
ผู้ช่วยสาวร้องเตือน “เหลืออีกสามนาที”
จ้าวกั๋วโจวหันไปทางเถียนปิน “เข้าไป!”
เถียนปินไส้บิดจนหน้าเขียว “หัวหน้า ผม...ผมจะเข้าไปได้ยังไง? ไม่มีนิยาย ผมเล่าไม่ได้นะ!”
จ้าวกั๋วโจวที่รู้สึกกดดันอย่างหนักหน่วงในตอนนี้ตวาดลั่น “คิดว่าฉันไม่รู้หรือยังไงว่าไม่มีเรื่องเล่าไม่ได้น่ะ! แต่ตอนนี้จะให้ทำยังไง? หา! นายบอกมาสิว่าจะให้ฉันทำยังไง!” แล้วชี้นิ้วไปที่ห้องสตูดิโอย้ำอีกครั้ง “รีบเข้าไปได้แล้ว! เวลาออกอากาศของรายการคือหนึ่งชั่วโมง! นายเข้าไปด้นสดให้ฉันซะ!”
“ตั้งหนึ่งชั่วโมง ผมด้นสดไม่ได้หรอก” เถียนปินเป็นตายก็ไม่ยอมเข้า
เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน จนป่านนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย!
ผู้ช่วยสาวมองดูเวลา “เหลืออีก 1 นาที...59 วินาที...58 วินาที...”
หวังเสียวเหม่ยดาวเด่นแห่งช่องวรรณกรรมผู้เป็นเสาหลักของช่อง ขณะนี้อยู่ในห้องด้วย เมื่อเห็นเถียนปินไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปนั่งประจำที่ เธอจึงเอ่ยปากสั่งสอน “เร็วเข้า! ถ้านายไม่แม้แต่จะเข้าไปออกอากาศรายการของตัวเองล่ะก็ รายการได้พังแน่ๆ! คิดดูให้ดี!”
หัวหน้าระดับล่างคนหนึ่งของช่องวรรณกรรมพูดเช่นกัน “เข้าไปก่อนแล้วค่อยพูด!”
เถียนปินยังไม่ยอมขยับแม้แต่ก้าวเดียว สีหน้าช่างดูน่าอนาถนัก!
ผู้ช่วยสาวรีบรายงานเวลาอีกครั้ง “เหลืออีก 10 วินาที… 9 วินาที...”
ตอนนั้นเอง จางเย่กัดฟันกรอดก่อนตัดสินใจ นายไม่ทำ? นายไม่ทำงั้นฉันทำเอง! ตัวเขาเองไม่ใช่เพิ่งกลุ้มใจที่ไม่ได้จัดรายการหรอกหรือ? นี่แหละโอกาสสำหรับตัวเขามาถึงแล้ว! ไม่มีลิขสิทธิ์นิยาย? จางเย่นึกออกแล้ว เขาจำได้ว่าโลกใบนี้ไม่มีนิยายแนวปล้นสุสานเลย! แม้จะไม่รู้ว่านิยายจากโลกของเขาจะใช้ในโลกนี้ได้ไหม แต่อย่างน้อยก็ต้องลองดู!
ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่ผู้ช่วยสาวนับเวลาถอยหลังไปเรื่อยๆ จางเย่เดินสามก้าวและต่ออีกสองก้าวเข้าห้องสตูดิโอถ่ายทอดสด หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ กดปุ่มเปิดเสียงบนแผงควบคุมและสวมหูฟังบนศีรษะ
ทุกคนพากันปากอ้าตาค้าง!
“จางน้อย!”
“เธอทำอะไร?”
“เธอเข้าไปทำไม?”
ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าจางเย่กำลังจะทำอะไร สคริปต์นิยายสักคำเดียวก็ยังไม่มี แล้วจะจัดรายการได้ยังไง? จะออกอากาศสดยังไง? คิดจะพูดสดๆ เลยหรือ?
มีเพียงเถียนปินเท่านั้นที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกว่าโชคดีที่รอด
สามวินาที สองวินาที หนึ่งวินาที การออกอากาศสดเริ่ม!
มาถึงขั้นนี้ ใครก็ไม่สามารถเข้าไปดึงตัวจางเย่ออกมาได้แล้ว จ้าวกั๋วโจวและพวกต่างรู้สึกเหมือนใจกระดอนมาจุกในคอหอย! จางเย่เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานแค่ไม่กี่วันจะแก้สถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ได้อย่างไร? อาจจะทำให้ปัญหายุ่งหนักยิ่งกว่าเดิมก็ได้!
ปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตฟ้าเถอะ
จ้าวกั๋วโจวและคนอื่นๆ ได้แต่ยอมแพ้!
จางเย่ดูภายนอกสงบนิ่ง แต่อันที่จริงยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย พูดอย่างใจเย็น “สวัสดีครับผู้ฟังทุกท่าน นี่คือรายการ ‘เรื่องสยองขวัญยามค่ำคืน’ ผมจางเย่ดีเจของค่ำคืนนี้ครับ นิยายเรื่องเก่าที่ทุกคนชื่นชอบได้ปิดม่านลงไปแล้ว วันนี้เราจะต้อนรับผลงานเรื่องใหม่กันนะครับ — ‘คนขุดสุสาน’! ”
คนขุดสุสาน?
มันอะไรกันน่ะ?
จ้าวกั๋วโจวและคนอื่นๆ ต่างงงงวย!
จางเย่ปรับโทนเสียง พูดด้วยเสียงทุ้มลึก “บทนำ การปล้นสุสานไม่ใช่งานเลี้ยงมื้อค่ำ ไม่ใช่การเขียนกวีวรรณกรรม ไม่ใช่การวาดภาพเย็บปักถักร้อย มันไม่ได้เป็นงานที่ละเอียดอ่อน ผ่อนคลายไม่กินแรง ปราณีต นุ่มนวล น่าหลงใหลหรือน่าเคารพนับถือแต่อย่างใด การปล้นสุสานเป็นทักษะเฉพาะ ทักษะแห่งการทำลายล้าง...” จางเย่เล่าอย่างต่อเนื่องไม่เร็วไม่ช้า “เรื่องทั้งหมดนี้เริ่มขึ้นจากหนังสือขาดๆ ที่ปู่ของผมทิ้งไว้ให้ หนังสือ ‘ศาสตร์ลับฮวงจุ้ยหยินหยางสิบหกอักษร’ หนังสือขาดๆ เล่มนี้ไม่รู้ว่าครึ่งหลังถูกฉีกทิ้งไปได้อย่างไร เหลือไว้เพียงส่วนแรกที่กล่าวถึงศาสตร์ลับแห่งฮวงจุ้ยเท่านั้น ข้อความในหนังสือกว่าครึ่งกล่าวถึงเคล็ดวิชาในการอ่านฮวงจุ้ยและโครงสร้างของสุสาน” ตัวอักษรหนักแน่นมั่นคง สำนวนภาษาก็เช่นกัน
เหตุผลที่จางเย่เลือกนวนิยายเรื่องนี้เป็นเพราะหนึ่ง ‘คนขุดสุสาน’ ไม่มีตัวตนในโลกใบนี้ สองหนังสือเรื่องนี้โด่งดังมากทั้งในด้านยอดขายและผลตอบสนอง ในโลกของจางเย่สมัยนั้นนี่เป็นเรื่องอันดับหนึ่งไม่มีสอง ไม่เพียงแค่เหนือกว่านิยายแนวเหนือจริงเรื่องอื่นๆ เท่านั้น เทียบกับนิยายรักกระแสตลาดก็ยังเหนือกว่ามากมาย สามเป็นเพราะว่าในสมัยที่เขาฝึกอ่านบทและท่องจำนั้น เขาใช้หนังสือเล่มนี้ในการฝึกฝน ดังนั้นจึงยังจดจำเนื้อเรื่องในช่วงต้นของหนังสือได้เป็นอย่างดี ต่อให้มีข้อผิดพลาดหรือตกหล่นไปบ้างก็จะไม่ใช่จุดสำคัญ ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลัก
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*