アプリをダウンロード

章 21: คำสำคัญ

เช้าวันศุกร์ แปดโมงสี่สิบห้า…

"คุณลิน ป้าชอบเก้าอี้ลายทางสีฟ้านะคะ นั่งนุ๊มนุ่มมากเลยค่ะ" วันนี้คุณป้าผ่องแม่บ้านของออฟฟิศตรงดิ่งเข้ามาทักทายฉันแต่เช้าที่ห้องกาแฟ

"นี่ป้าผ่องเคยไปทดลองใช้งานห้องนั่งเล่นกับเค้าด้วยหรือคะ"

ฉันถามป้าผ่องยิ้มๆพลางไล่สายตาไปที่ซองชาสำเร็จรูปรสชาติต่างๆที่วางเรียงรายอยู่ ฉันลองจนครบทุกรสแล้ว เอ งั้นวันนี้ดื่มชารสอะไรดีนะ อือม์ ซ้ำรสมิ้นท์ท่าจะดี วันนี้ฉันมีประชุมทั้งเช้าและบ่าย ก็คงต้องการความกระปรี้กระเปร่าขั้นสูงสุดอะนะ

"ก็วันนั้นป้าว่าจะเข้าไปตรวจตราดูความเรียบร้อยตอนเช้า เห็นคุณเอกเธอนอนหลับอยู่ในห้องนั้นน่ะค่ะ พอป้าเดินเข้าไปปลุก เธอก็ชวนป้าให้ลองนั่งเล่นดู"

ห้ะ นี่น้องเอกเด็กฝึกงานนอนค้างที่ออฟฟิศเหรอเนี่ย ช่วงนี้ออฟฟิศเรามีงานยุ่งขนาดนั้นเชียวรึ

"คุณเอกเธอบอกว่าโซฟามันกางออกมาเป็นเตียงได้ แล้วมันนุ่มมาก เธอเลยเผลอหลับไปถึงเช้า"

เฮ้ย โซฟาของเรานุ่มขนาดนั้นเชียว แล้วน้องเอกทำอะไรที่ออฟฟิศจนถึงดึกๆดื่นๆ

"แต่ป้าไม่ชอบโซฟาตัวที่คุณเอกนอน ป้าว่าดอกกุหลาบสีแดงมันลายตาไปหน่อย ป้าชอบเก้าอี้นั่งตัวเดี่ยวๆที่เป็นลายทางสีฟ้ามากกว่าค่ะ ที่เป็นลายดอกกุหลาบเล็กๆสีชมพูตรงพนักพิงน่ะค่ะ"

โอ้โห ป้าผ่องรสนิยมเดียวกับน้องมินตรา ดีไซเนอร์คนรุ่นใหม่คนโปรดของคุณเซนเค้าเลยนะเนี่ย ฉันจำได้ว่าน้องมินตราเคยบอกว่าชอบโซฟารุ่น Home Sweet Home รุ่นนี้ของเรา

"โซฟาตัวนั้นน่ะ เป็นรุ่นขายดีเลยนะคะป้าผ่อง"

ฉันยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ อาร์มแชร์รุ่นนี้ใครๆก็ชอบ ฉันเองยังซื้อไปเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณลลนาท่านแม่สุดที่รักเลย

"ดีจังเลยที่คุณเซนแกยกห้องทำงานของแกให้มาทำเป็นห้องนั่งเล่น ป้าเลยมีโอกาสได้ทดลองนั่งโซฟาที่พวกคุณๆออกแบบกันบ้าง"

ป้าผ่องเป็นแม่บ้านคนเก่าแก่ของออฟฟิศเรา ตั้งแต่ฉันเข้าทำงานมา ฉันก็เห็นป้าผ่องทำงานอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว หญิงร่างท้วมวัยเกือบจะหกสิบคนนี้ช่างพูดช่างคุยและมีน้ำใจให้ทุกคน อ้อ และอีกหน้าที่นึง ป้าผ่องแกเป็นเสมือนกับที่พักพิงทางจิตใจให้กับสาวๆในออฟฟิศของเรา แกเป็นศิราณีรับฟังปัญหาชีวิตรักของทุกคน คิดว่าคงเป็นเพราะแกมีประสบการณ์ด้านความรักมาอย่างโชกโชน แกเคยเผยให้ฉันฟังว่า สามีของแกคนนี้เป็นคนที่สามแล้ว

"เห็นคุณเซนเธอหน้านิ่งๆอย่างนั้น เหมือนเธอจะเป็นคนจริงจังนะคะ แต่เวลาเธอเจอป้าทีไร เธอก็ยิ้มหวานให้ป้าทุกทีเลยค่ะ ป้าล่ะเขิ้นเขิน"

"คุณเซนยิ้มหวานเป็นด้วยหรือคะ นี่ลินเองยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นเลยค่ะ มันเป็นยังไงหรือคะ ยิ้มหวานของคุณเซนน่ะค่ะ"

หลังๆนี่เวลาอยู่กันสองต่อสองกับคุณเซนนอกเวลางาน ฉันก็เห็นเค้ายิ้มอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ยิ้มมากกว่าตอนอยู่ที่ทำงาน แต่ฉันว่า ฉันยังไม่เคยเด็กน้อยนั่นเห็นยิ้มหวานนะ อย่างเมื่อวานที่ยิ้มตอนโชว์ผลงานทำการ์ดอวยพรของตัวเอง ก็แค่ยิ้มตาหยี

นึกไปถึงเมื่อวานแล้วก็ขำจนฉันอดยิ้มไม่ได้ แม้ในตอนแรกคนตัวสูงนั่นเหมือนจะไม่เต็มใจ แต่ไปๆมาๆคนไม่เก่งศิลปะคนนั้นก็นั่งหลังตรงตัวตรง แล้วตั้งอกตั้งใจทำการ์ดใบใหญ่ทั้งสองใบนั้นมาก

"คุณลินยิ้มอะไรอยู่คะ" เสียงป้าผ่องดังขึ้นมาแทรกความขำในใจของฉัน

ป้าแกกำลังจ้องหน้าฉัน

"คุณเซนไม่ได้ยิ้มแบบนั้นค่ะ คุณลินดูป้านะคะ"

แล้วป้าผ่องก็ยิ้มหวานมาก

"คุณเซนเค้ายิ้มแบบนี้ไงคะ ยิ้มทั้งตาทั้งปาก ยิ้มแล้วทำป้าใจละลายน่ะค่ะ"

ป้าคะ เอ่อ ป้า…

สีหน้าเคลิ้มจัดของป้าผ่องทำเอาฉันนึกเป็นห่วง พี่เพ็ญก็ตกบ่วงเสน่หาของคุณเซนไปคนนึงแล้ว นี่ป้าผ่องก็กำลังตามไปติดๆ หรือคุณเซนดึระแกจะเกิดมาเพื่อปราบสาวใหญ่ อึ้ยยยย ขนลุก…

รีบเปลี่ยนเรื่องดีกว่า

"อ้อ นี่ว่าจะถามป้าผ่องหลายทีแล้วค่ะ ป้าผ่องนึกยังไงสั่งชาจากญี่ปุ่นมาไว้ในห้องกาแฟเราคะ ได้ไอเดียมาจากไหนคะเนี่ย หรือพวกแผนกจัดซื้อเค้ายุให้ป้าสั่ง เพราะเค้าได้ค่าคอมมิชชั่น"

ออฟฟิศเรามีบริการกาแฟและชาฟรีให้กับพนักงาน ป้าผ่องแกมีหน้าที่ดูแลจัดหาเครื่องดื่มพวกนี้มาเติมไว้ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แล้วก็ไปทำเรื่องเบิกเงินกับแผนกจัดซื้อ

"ชาพวกนี้คุณเซนแกเป็นคนเอามาน่ะค่ะ แกบอกว่าขนมาด้วยกล่องใหญ่เลยตอนกลับจากญี่ปุ่น อยากให้พวกเราได้ชิมกัน คนอะไร้ หล่อด้วย ใจดีด้วย"

อ่าว หนีไม่พ้นคนชื่อเซนจริงๆ

แต่ได้ยินน้ำเสียงเป็นปลื้มที่ป้าผ่องมีให้กับคุณเซนแล้ว ฉันก็อดอมยิ้มไม่ได้ ถึงว่า ช่วงนี้หน้าตาป้าผ่องแกดูสดใสมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด แหม ที่แท้ก็ได้รอยยิ้มหวานของโอปป้าเซนมาทำให้กระชุ่มกระชวยนี่เอง ฉันชักจะอิจฉาป้าผ่องเสียแล้ว แกคงจะเป็นคนสำคัญของคุณเซนจริงๆนะเนี่ย

"ว่าแต่เรื่องของคุณลินไปถึงไหนแล้วคะ ที่เคยเล่าให้ป้าฟังตอนโน้นน่ะค่ะ ที่คุณลินอยากจะเลิกกับแฟน แต่เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด"

โอ้ นี่ป้าผ่องยังจำได้?

"คือป้าผ่องคะ มันหกเดือนมาแล้วนะคะป้า ลินเลิกกับเค้าตั้งนานแล้วค่ะ จนคุณคนนั้นเค้าไปมีแฟนใหม่แล้วค่ะ"

"อ้าว แหม ตายละ จริงเหรอคะ เหมือนว่าคุณลินเพิ่งมาปรึกษาอยู่แหม่บๆ คนแก่อย่างป้าก็หลงๆลืมๆอย่างนี้ล่ะค่ะ"

แต่ฉันว่าป้าแกสลับเคสกันมั่วมากกว่า คือแกคงเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้ใครต่อใครเยอะแยะจนจำสับสนปนเปกันไปหมด

"เอ่อ แล้วเรื่องที่เค้าลือคุณลินกับคุณเซนกันล่ะคะ ตอนนั้นเห็นลือกันอยู่วันนึง แล้วก็เงียบไป" ป้าผ่องหันหน้าหันหลังทำเสียงกระซิบกระซาบ ใครเห็นก็ต้องบอกว่าแกดูมีเลศนัยเป็นที่สุด

"ป้าผ่องคะ คุณเซนเค้าส่งอีเมลถึงทุกคนว่าถ้าใครพูดถึงเรื่องนี้จะโดนหักเงินเดือน" ฉันทำท่ากระซิบกระซาบกลับไปบ้าง พยายามทำน้ำเสียงเหมือนว่าเรากำลังพูดคุยเรื่องลับสุดยอดกัน

"อ้าว จริงเหรอคะเนี่ย ป้าไม่รู้เรื่องเลย" ป้าผ่องทำท่าตกใจ

"นี่แสดงว่าป้าผ่องไม่เคยเข้าไปเช็คเมล์ของบริษัทเลยสิคะ" ฉันไม่แปลกใจที่ป้าผ่องจะไม่รู้เรื่องอีเมลโหดตัดเงินเดือนนั่น ว่าแต่ป้าแกจำล็อกอินกับพาสเวิร์ดของตัวเองได้หรือเปล่าเหอะ

ตั้งแต่คุณเซนเธอเข้ามา เด็กน้อยนั่นก็เปลี่ยนแปลงการทำงานของพวกเราครั้งใหญ่หลายเรื่องแล้ว เรื่องไอทีนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ตำแหน่งแม่บ้านอย่างป้าผ่อง ตำแหน่งยามของลุงประยุทธ์ ตำแหน่งเด็กส่งเอกสารอย่างน้องแตงอ่อน หรือตำแหน่งคนขับรถอย่างพี่สมานก็ต้องมีอีเมลแอคเค้านท์ของบริษัทด้วย

'เอาไว้เช็กข่าวสารของบริษัท แล้วก็จะปฏิเสธไม่ได้ ว่าไม่ได้รับข่าว' คุณเซนเธอว่างั้น

ฉันสังหรณ์ใจชอบกลว่าวันนี้คุณเซนเธอจะต้องมีเรื่องอะไรใหม่ๆมาให้พวกเราได้วุ่นวายอีกแน่

วันนี้เราจะมีประชุมออฟฟิศกันตอนเก้าโมงเช้า การประชุมนี้ใช้ชื่อว่า Morning Coffee เป็นการประชุมแบบไม่เป็นทางการประจำอาทิตย์ทุกวันศุกร์ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ใครใคร่เข้าก็เข้า ไม่อยากเข้าก็ไปไหนก็ได้ หรือจะนั่งอยู่กับโต๊ะทำงานก็ได้ เพราะสถานที่ประชุมก็คือห้องทำงานใหญ่ของพวกเรานั่นล่ะ ใครจะนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง หรือจะนั่งบนโต๊ะทำงานของเพื่อน หรือจะนั่งยองๆกับพื้นฟังก็ได้ เพราะคุณเซนเธอจะติดไมค์ลอย แล้วเดินไปมาทั่วห้องทำงานของเรา แล้วก็พูดไปด้วย

จุดประสงค์ในการประชุม หรือคุณเซนเธอให้ใช้คำว่า 'การพูดคุย' ก็เพื่อจะมานั่งหรือยืนกินกาแฟด้วยกัน และจะเป็นการแจ้งข่าวสัพเพเหระกันทั่วๆไป หรือใครมีอะไรอยากระบายความในใจให้ท่านประธาน หรือให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆฟัง ก็ให้ใช้โอกาสนี้

ฉันเหลือบตาดูที่โทรศัพท์มือถือ เฮ้ย แปดโมงห้าสิบแปด นี่ว่าจะแค่มาเอาชาไปดื่มระหว่างประชุม เผลอคุยยาวกับป้าผ่องอีกจนได้

"ป้าผ่อง จะเก้าโมงแล้วค่ะ รีบไปประชุมกันเถอะค่ะ ลินรู้ว่าป้าไม่อยากพลาด"

แม้คุณเซนจะบอกว่าการประชุม 'Morning Coffee' นี้ไม่ซีเรียส ใครไม่อยากเข้าก็ไม่บังคับ แต่พอเอาเข้าจริง เช้าวันศุกร์กลับเป็นวันที่ทุกคนรอคอย เหมือนว่าพวกเราจะเสพติดการเปลี่ยนแปลงที่คุณเซนเธอคอยป้อนให้อย่างสม่ำเสมอไปเสียแล้ว…

เก้าโมงตรง…

เรื่องที่เราคุยกันในเช้าวันนี้คือเรื่อง 'ห้องหนังสือของออฟฟิศ'

นอกจากจะส่งพนักงานไปร่ำเรียนทักษะต่างๆเพิ่มเติมแล้ว คุณเซนเจ้านายหัวตั้งของเรายังพยายามจะพัฒนาหัวสมองของพนักงานโดยการจัดตั้งห้องหนังสือจ้า ที่ห้องนั่งเล่นโซฟานุ่มนั่นล่ะจ้า พ่อคุณซื้อหนังสืออาร์ตหนังสือเดคคอร์แพงๆมาประดับชั้นหนังสือเอาไว้ก่อนแล้ว ตอนนี้เธอบอกกับพนักงานว่าใครต้องการอยากได้หนังสืออะไรเพิ่มก็บอกมาได้เลย

"ผมรู้ว่าตอนนี้ทุกคนสามารถอ่านทุกอย่างได้จากมือถือ แต่ผมคิดว่าถ้าเราได้มีโอกาสพักสายตาจากหน้าจอเล็กๆนั่นกันบ้างก็น่าจะดีนะครับ การจัดหาซื้อหนังสือจะเป็นหน้าที่ของคุณเอกพล ซึ่งเป็นนักศึกษาฝึกงานของเรา และคุณเอกพลจะรับหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ดูแลห้องหนังสือนี้ด้วยครับ"

ฮา น้องเอกของพี่ ซวยแล้ว ฉันนึกขำในใจ

คุณเซนช่างเลือกคนได้เหมาะ ใครๆก็รู้กันทั้งออฟฟิศว่าน้องเอกไม่น่าจะใช่แนวหนอนหนังสือเลย น้องเอกติดโซเชียลหนักมาก โพสต์รูปในอินสตราแกรมกับเช็กยอดไลค์ในเฟซบุ๊คทุกๆห้านาที

"เจ๊ลิน ทำไมวันนี้ผมซวยแต่เช้าเลยอะ" น้องเอกหน้าเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินภาระมอบหมายจากคุณเซน

"นี่เธอนอนค้างที่ออฟฟิศอย่างที่ป้าผ่องบอกจริงๆเรอะ เธอทำอะไรดึกๆดื่นๆในออฟฟิศน่ะ ทำตัวมีพิรุธนะเธอน่ะ" แต่ฉันยังคงสนใจเรื่องที่ป้าผ่องบอกเกี่ยวกับน้องเอก

"เจ๊ลินอย่าเพิ่งนอกเรื่องฮะ เอาเรื่องที่คุณเซนแกเพิ่งจะประกาศก่อน"

"ทำไมเหรอ ก็เหมาะสมแล้วนี่" ฉันทำหน้าตาย

"โธ่ เจ๊ นี่มันเรื่องบ้าบอที่สุด เจ๊ลินทักท้วงให้ผมหน่อยสิฮะ ทำไมคุณเซนไม่ให้น้องเมย์ทำ"

น้องเอกยังพยายามจะใช้ฉันเป็นที่พึ่ง ส่วนน้องเมย์คือน้องฝึกงานอีกคนซึ่งเป็นผู้หญิง แต่ฉันว่าคุณเซนแกรู้เรื่องนี้แหละ แกตั้งใจแกล้งน้องเอกแน่ๆ

"พี่ว่าดีออก น้องเอกจะได้ถือโอกาสอ่านหนังสือเยอะขึ้นไงจ๊ะ" ฉันทำตามีเลศนัยปนเยาะเย้ย

"เจ๊อะ ทำไมไม่เข้าข้างกันบ้างเลย หน้าที่พี่ลินเลยนะเนี่ย" สายตาน้องเอกดูหมดหวัง

สมัยก่อนคุณเซนจะเข้ามา หน้าที่อีกอย่างของฉันซึ่งไม่เป็นทางการก็คือ การเป็นแผนกรับเรื่องร้องเรียนของพนักงานแล้วส่งต่อไปยังผู้บริหารอีกที ปกติใครมีเรื่องอะไรร้อนใจเกี่ยวกับงานในออฟฟิศ ก็จะถือโอกาสมาบ่นมานอยด์กับฉัน เพราะรู้ว่า ฉันต้องนำเรื่องของพวกเค้าไปคุยกับคุณไมตรีเพื่อขอคำปรึกษาแน่ๆ

"เอาน่า ทำๆไป เอาใจท่านประธานคนใหม่เค้าหน่อยนะ"

ความจริงฉันเห็นด้วยกับคุณเซน น้องเอกเล่นโซเชียลมากไป น่าจะหัดเข้าใกล้ชิดสิ่งพิมพ์ที่เรียกว่า 'หนังสือ' บ้าง

"ขอนิตยสารแฟชั่นได้ไหมคะ แนวสตรีทแฟชั่นน่ะค่ะ เบื่อนิตยสารแต่งบ้านแล้ว" น้องมินตราคู่แข่งของฉันนำเสนอหนังสือที่เราควรมีในห้องหนังสือขึ้นเป็นคนแรก

โอย จะเอาแต่ใจตัวไปมั้ย ตัวเองแต่งตัวแนวสตรีทอยู่คนเดียว

"ได้ครับ ลงชื่อไว้ที่คุณเอกพล เรามีงบประมาณประจำเดือนให้ แล้วคุณเอกพลจะเป็นคนจัดคิวให้แต่ละคน" คุณเซนเธอดูเหมือนจะให้น้องเอกมีหน้าที่รับผิดชอบที่สูงมากทีเดียว

"งั้นขอนิยายค่ะ" เยลลี่รีบยกมือขอบ้าง

"เอาไปเลยครับคุณเยาวลักษณ์ เป็นความคิดที่ดี นิยายที่ดีจะจรรโลงใจเรา" คุณเซนเอาใจเยลลี่เต็มที่

"ผมอยากได้หนังสือพระเครื่อง" พี่ดุงฝ่ายบุคคลเซียนพระเครื่องรีบยกมือ

"ได้ครับคุณประดุง พระเครื่องก็น่าสนใจ ผมได้ข่าวว่าตลาดพระเครื่องนี่ใหญ่มาก มูลค่าหลายพันล้าน" คุณเซนเอาใจพี่ดุงเต็มที่

"ป้าอยากได้นิตยสารคู่สร้างคู่สมค่ะคุณเซน" ป้าผ่องหาจังหวะเข้าร่วมวง แล้วชื่อหนังสือที่ป้าผ่องเสนอ ก็สมกับการเป็นศิราณีของป้าผ่องจริงๆ

"คู่สร้างคู่สมเค้าปิดตำนานไปเกือบห้าปีแล้วค่ะป้าผ่อง ฉบับสุดท้ายคือฉบับที่ 1005 ที่เป็นหน้าปกลุงดำรง พุฒตาลไงคะ" เสียงทักท้วงจากเยลลี่ดังขึ้นมา

ฉันหันไปมองลูกทีมผมม้าสั้นเต่อด้วยความภาคภูมิใจ น้องเยลรู้ทุกเรื่องที่สำคัญๆ

"โห พี่เยลลี่แกเซียนเรื่องวงการหนังสือจริงๆอะ ทำไมคุณเซนไม่ให้พี่เยลลี่ทำหน้าที่นี้แทนผมนะ" น้องเอกกระซิบที่ข้างหูฉันด้วยอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจ หน้าตาหม่นหมอง

"แหม น้องเอก พี่ว่าเยลลี่น่ะไม่เหมาะหรอก น้องเอกน่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว คุณเซนเธอตาแหลมมาก เธอคงเห็นความสามารถที่ซ่อนลึกๆอยู่ในตัวน้องเอก นี่น้องเอกเป็นคนสำคัญของคุณเซนเลยนะ" ฉันปลอบใจน้องเอกไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้สาระ ด้วยว่ากำลังพยายามกลั้นขำในท่าทีของน้องเอก

"ทำไมคุณเซนต้องมาใส่ใจผมเป็นพิเศษด้วยเนี่ย เค้าเป็นถึงประธานบริษัท ผมมันแค่เด็กฝึกงาน"

"จุ๊ๆ" ฉันกระทุ้งน้องเอก เมื่อเห็นสายตาเรียวของคนตัวสูงมองปราดมาทางนี้ สงสัยเสียงถอนหายใจของน้องเอกจะดังเกินไป

"ถ้านิตยสารคู่สร้างคู่สมปิดตัวไปแล้ว คุณผ่องฉวีต้องลองไปคิดใหม่แล้วล่ะครับ ว่าสนใจนิตยสารเล่มไหนอีก" คนตาเรียวหันกลับไปพูดกับป้าผ่อง

ตอนนี้ทุกคนหายคาใจเรื่องทักษะการจำชื่อคนของคุณเซนแล้ว เรื่องนี้ต้องยกให้เค้า เด็กน้อยคนนี้เค้าแม่นในเรื่องของชื่อเสียงเรียงนามเป็นอย่างมาก ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น

"เอาล่ะครับ ลงคิวสั่งจองกันไว้ที่คุณเอกพลนะครับ พออ่านเสร็จก็เอามาคืนไว้ที่เดิม หรือใครมีหนังสืออะไรอยากมาแบ่งปันกันไว้ที่ห้องหนังสือก็ได้เลยครับ แล้วจะนั่งจะนอนอ่านกันเมื่อไหร่ก็เอาที่สบายใจ ขอให้ใช้ห้องนั่งเล่นของเราให้เป็นประโยชน์ให้เต็มที่ ไหนๆฝ่ายออกแบบของเราก็อุตส่าห์ออกแบบโซฟามาให้นั่งแบบนุ่มๆกันแล้ว"

ฉันจะถือว่าประโยคหลังสุดนั่นเป็นประโยคชมเชยนะคะคุณเซน

ไม่อยากจะคุย ใครได้ลองนั่งโซฟาของบริษัทเราก็ชมกันทุกคนล่ะค่ะว่านั่งสบายชวนหลับ แม้ราคามันจะเกินเอื้อมไปนิ้ด คราวนี้ล่ะจะได้เห็นพนักงานออฟฟิศเรานั่งหลับคาโซฟากันให้วุ่นวาย คริคริ น้องเอกนั่นยังไง หลับยาวค้างคืนเลย

แต่เดี๋ยวๆ… กลับมาที่เรื่องคุณเซนก่อน

ตอนแรกที่คุณเซนเข้ามา ใครๆก็คาดเดากันไปว่าพ่อหนุ่มน้อยคนนี้ต้องระเบียบจัด ต้องบังคับให้พวกเราทำงานกันเป็นบ้าหลัง ก็แบบสไตล์ญี่ปุ่นไง ใครๆก็เคยได้ยินว่าคนญี่ปุ่นทำงานกันเว่อร์วังขนาดไหน

แต่ที่คุณเซนแกเข้ามาเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่าง ทั้งเรื่องนั่งทำงานรวมกันเอย เรื่องห้องนั่งเล่นเอย เรื่องดื่มกาแฟกันเช้าวันศุกร์ เรื่องห้องหนังสือ ฉันชักไม่แน่ใจว่านี่มันคือวิธีบริหารงานแบบญี่ปุ่นแน่หรือ เอ หรือว่าวัฒนธรรมการทำงานของคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่เค้าเปลี่ยนไปกันแล้ว ฉันเองก็ไม่เคยได้สัมผัสคนญี่ปุ่นแบบจริงๆจังๆ ได้ยินแต่เขาเล่าๆกันมา

แต่หรือว่านี่จะเป็นสไตล์การทำงานส่วนตัวของคุณเซนเค้า ดูเหมือนหัวหน้าใหญ่คนนี้จะใส่ใจต่อพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน น้องฝึกงาน หรือคุณไมตรีที่ปรึกษาของบริษัท

ทุกคนต่างก็เป็นคนสำคัญของคุณเซน…


Load failed, please RETRY

週次パワーステータス

Rank -- 推薦 ランキング
Stone -- 推薦 チケット

バッチアンロック

目次

表示オプション

バックグラウンド

フォント

大きさ

章のコメント

レビューを書く 読み取りステータス: C21
投稿に失敗します。もう一度やり直してください
  • テキストの品質
  • アップデートの安定性
  • ストーリー展開
  • キャラクターデザイン
  • 世界の背景

合計スコア 0.0

レビューが正常に投稿されました! レビューをもっと読む
パワーストーンで投票する
Rank NO.-- パワーランキング
Stone -- 推薦チケット
不適切なコンテンツを報告する
error ヒント

不正使用を報告

段落のコメント

ログイン