สองสามีต่างเห็นพ้องกันว่าจะหอบลูกไปที่บ้านสวนเพื่อความสะดวกในการดูแล แต่คงต้องไปนอนที่ห้องหลินหนึ่งคืนก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับ "ค้างนานไม่ได้แล้วใครจะดูแลโบลลิ่ง" แด๊ดเผยอีกหนึ่งสาเหตุของการรีบกลับ—ห่วงหมาแมว ขณะช่วยพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าไว้เผื่อตวันตอนโต รวมกับจัดของใช้ส่วนตัวของลูกใส่กระเป๋าเดินทางอย่างเป็นระเบียบ
บรรยากาศกลียุคกลับมาอีกครั้งเมื่อถึงคราวต้องแยก เหล่าผู้ปกครองยืนอออยู่หน้าประตู เจ้าของห้องอยู่อีกฝั่ง เด็กชายวัยอนุบาลยืนสองจิตสองใจอยู่ตรงกลาง ไม่รู้ว่าจะไปหาใครดี
"ไปเร็วตวัน" ป๊าเร่ง
"โรมมาสิ"
ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกยืนอิดออด อยากจะก้าวขาแต่โดนปรายตามองแรงจากเหล่าผู้ปกครอง
"โรมไม่กลับบ้านกับหนูเหรอ"
"ไม่ได้หรอกลูก"
"แด๊ดด หนูอยากให้โรมไปด้วย" พอขอป๊าไม่ได้ตวันก็ไปเขย่าแขนคุณพ่ออีกคน กล่าวเสียงออดอ้อนจนคนฟังรู้สึกเหมือนเป็นปีศาจร้ายเมื่อต้องปฏิเสธ
"รถเราเต็มแล้ว" แด๊ดกัดฟันอ้างเหตุผลด้วยสีหน้าเหมือนใจสลาย
"ไม่ได้จริง ๆ เหรอฮับ" ตวันเบะปากเหมือนอยากจะร้องไห้ แก้มใสป่องเมื่อไม่ได้อย่างที่หวัง ลูกอ้อนน่ารัก ส่วนพ่ออยากเชือดคนทำลูกชิ้น
โรมไอค่อกแค่กใส่หลังมืออย่างเรียกร้องความสนใจ ไม่ให้ความร่วมมือกับผู้ใหญ่คนอื่น ๆ แม้แต่นิด พอตวันเข้าข้างก็ปีกกล้าขาแข็งขนาดขุดหาเส้นทางตามใจแฟนด้วยตัวเอง
"ผมขับรถตามไปได้นะครับ"
"ไม่ได้อยู่ดี คอนโดพี่หลินแคบ แค่ครอบครัวเราก็อึดอัดจะแย่แล้ว" ป๊าชักแม่น้ำทั้งห้ามาขวาง
"เดี๋ยวผมค้างที่นี่ก่อนแล้วตามไปแต่เช้า"
"นะฮะ?" ดวงตากลมโตมีน้ำเกาะพราว อาวุธชีวภาพทำเอาแด๊ดพ่ายแพ้พูดไม่ออก หันมามองคู่ชีวิตเพื่อขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นเองที่ป๊ารู้ว่าเขาได้เสียเพื่อนร่วมทัพไปแล้ว หลังจากนี้มีแต่ต้องลงสนามรบเอง
"เกรงใจเขานะลูก พี่โรมเขาก็มีบ้านช่องให้กลับ มีธุระที่ต้องไปทำ…" พูดจบก็ส่งดวงตาวาวโรจน์ไปบังคับโรม "ใช่ไหมหนู"
"เพื่อตวันผมว่างเสมอครับ"
ข้าศึกยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง ในที่สุดผู้อยู่นอกครอบครัวก็ชวนตัวเองให้กลับมาบ้านสวนด้วยกันสำเร็จ
ถึงจะขัดใจ แต่เพื่อรอยยิ้มของลูกชายคนกลางแล้วเขาหวังว่ามันจะคุ้มค่า บวกไหน ๆ โรมก็รู้เรื่องลดอายุแล้ว รถซีดานรุ่นใหม่ถึงได้จอดคู่กับแวนรุ่นเก๋าในโรงรถ ดูขัดตาและขัดใจผู้มองเมื่ออยู่ใต้หลังคาซุ้มอัญชัน
เหล่าสัตว์เลี้ยงออกมาให้การต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง สิ่งแรกที่หลินกับตวันทำเมื่อถึงบ้านคือเรียกหาแมวแล้วก็ทักทายสุนัข พวกมันแต่ละตัวดูไม่มีปัญหากับการที่เจ้านายตัวเล็กลงนอกจากงงเล็กน้อย โดยเฉพาะหม่อนที่มองดูสิ่งมีชีวิตแปลกใหม่อย่างสนอกสนใจ พวกสัตว์ก็มองดูมนุษย์ทารกด้วยแววตาประหลาดใจไม่แพ้กัน
ฝูงสุนัขเฝ้าบ้านจำเจ้านายได้แม้จะโดนลดอายุไปค่อนชีวิต หรือไม่เจ้าสี่เท้าเหล่านี้ก็อัธยาศัยดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วิ่งวนทักทายชายหนุ่มแปลกหน้าที่ลงจากรถซีดาน ระดับความอบอุ่นไม่ต่างจากเจ้านายผู้ให้ข้าวมันอยู่ทุกวัน
เมื่อโรมเดาะลิ้นเป็นเสียงเรียกสุนัข เหล่าชีวิตทรยศต่างกระดิกหางเข้าหา ยอมให้ลูบหัวแสดงความรักใคร่ ตอนโจรเข้าบ้านพวกมันก็คงระริกระรี้แบบนี้ ผิดกับเหล่าแมวที่ครึ่งหนึ่งมองอย่างหวาดระแวงมาจากมุมมืดต่าง ๆ ครึ่งหนึ่งไม่แคร์ เว้นแต่โอโม่ที่ใจกล้าที่สุด มันโดดขึ้นหลังคารถหรูไปนอนเลียไข่ตัวเองโดยไม่สนสายตาผู้คน
"ร่มรื่นดีนะครับ แมวก็…แมวน่ารักมากเลย" โรมมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าชื่นชมจากใจจริงจนป๊าอดภูมิใจไม่ได้ กว่าจะได้สวนสวยขนาดนี้ลงทุนลงแรงไปไม่ใช่น้อย
"อื้ม! บ้านเรามีตั้งยี่สิบตัวแน่ะ มีหมา มีไก่ แล้วก็ห่านด้วย!"
"ตวันต้องพาผมทัวร์บ้านแล้วนะ"
"โรมไปดูห้องเราก่อน"
เสียงลูกคนกลางกับเพื่อนชายของลูกคุยกันช่างขัดใจผู้ปกครองแบบสุด ๆ
แ-ฟ-น
ลูกมีแฟน
เขาต้องทำใจและทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่ว่าลูกชายสุดรักสุดหวงมีแฟนแล้ว
ตวันพึ่งจะเรียนจบมาได้ไม่กี่ปีเอง ยังเด็กมากเกินไป เป็นเด็กดี ขี้อาย อ้อนเก่ง คนละประเภทกับหลินโดยสิ้นเชิง ย่อมน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าลูกสาวคนโตผู้หัวแข็งเป็นหิน
ถ้าโดนคนอื่นหลอกเอาล่ะจะว่ายังไง ถึงตอนนี้โรมยังดีกับตวันอยู่แต่เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน ในวันข้างหน้าถ้าเกิดเจออุปสรรคยังจะจูงมือกันต่อไปได้หรือ จะเหมือนเดิมหรือ ลูกเขาจะไม่เสียใจแย่หรือ? ไหนยังจะเรื่องที่ลูกเป็น—เอาเถอะ ยังไงก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญสุดตอนนี้
ที่ป๊ายังทนได้อยู่ก็เพราะเด็กชายดูดีใจมาก ดูมีความสุขและมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยครั้ง เพราะงั้น…จะยอมรับโรมไปก่อน ในฐานะ 'เพื่อน' ที่สนิทจนชวนให้ลับมีด
"เฮอะ" หลินเบะปากพ่นลมหายใจหงุดหงิด
ป๊าจึงรู้ว่าไม่ใช่แค่เขาที่ไม่พอใจเพื่อนชายของลูก พี่สาวคนโตก็ไม่พอใจเช่นกัน ผู้เป็นพ่อจึงลูบหลังเล็กให้เบาใจ "ไม่ต้องกังวลไป มีป๊ากับแด๊ดดูอยู่ตลอด ไม่ยอมให้เขาทำอะไรเกินเลยกับน้องเด็ดขาด" จะขีดเส้นตายแค่จับมือเท่านั้น ถ้าข้ามไปอีกฝั่งคือเลือด มีด และน้ำตา
"เปล่า หนูอิจฉา ตอนสาว ๆ ไมหนูไม่ได้ผู้เหมือนชาวบ้านเค้าบ้าง" หลินบ่นอุบอิบเสียดาย ก่อนยักไหล่ปัด ๆ อย่างไม่อยากสนคำพูดตัวเองในวินาทีถัดมา "ช่างเหอะ หนูเลือกแล้ว"
ลูกสาวคนโตลากกระเป๋าเดินทางเข้าบ้าน ส่วนป๊ายังความคิดค้างอยู่กับประโยคแรก "…" สีหน้าเขาเหมือนฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย อ้าปากพะงาบ ๆ ใกล้ขาดอากาศ "เด็ก-เด็กสมัยนี้ โตเร็วจัง"
"ป๊าเร็วกว่าหลินอีก" แด๊ดสวน
"เออเกือบลืมไปแล้วไหมล่ะ ใครมันเล่าเรื่องเมื่อก่อนให้ลูกฟังฮึ อันไหนเป็นตัวอย่างไม่ดีก็เงียบ ๆ ไว้สิ" แต่ไม่รู้ป๊าจะเก็บไว้ได้อีกนานแค่ไหน ร่างกายนี้เข้าใกล้ช่วงอดีตอันอยากเหยียบจนแยกไม่ออก มองตัวเองในกระจกทีก็ถูกย้ำเตือนที
หลังโดนคนรักดุสามีก็ทำตาละห้อยน่าสงสาร "ได้อยู่กะแด๊ดเป็นเรื่องไม่ดีเหรอ"
"ไม่-ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"
"ต้องพาไปย้อนความหลังแล้วแหละ"
ป๊ารีบหลบก่อนที่แด๊ดจะได้อุ้มรวบไปพาทวนเรื่องเก่าอย่างที่หวัง อีกฝ่ายเลยได้แต่มอบอ้อมกอดเก้ ๆ กัง ๆ สักวินาทีหนึ่งก่อนโดนผลักออก แล้วโดนยัดเยียดกระเป๋าเป้จากท้ายรถไปกอดแทน
"ขนของเข้าบ้านไปคนเดียวเลย"
"แน่ะ เขินก็บอกว่าเขินสิ ยาหยี~"
ป๊าแค่นเสียงเฮอะแรง ๆ ใส่ ซ่อนใบหูที่ขึ้นสีไว้ด้วยการหันหลังหนี ทำเป็นมองไม่เห็นประกายชอบอกชอบใจของคนรักก่อนสาวเท้าเข้าบ้านไป
บ้านสวนเป็นบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้ขนาดสองชั้น ทาด้วยสีฟ้าอ่อนที่ซีดไปตามกาลเวลา ส่วนที่ไม่ใช่ถนนและเขตอยู่อาศัยคือสวนทั้งหมด ถูกล้อมรั้วเหล็กกันงูเข้าไว้อย่างดี มีสระน้ำขุดเองสองแห่ง ดอกบัวเผื่อนสีม่วงชูก้านสวยท่ามกลางแก๊งเป็ดเทศสีขาว
ด้านหลังเชื่อมกับคลองกว้างที่มีจอกแหนผักตบลอยเอื่อย น้ำสีขุ่นจากตะไคร่โคลนตม สภาพรูปและกลิ่นดูดีกว่าคลองในกรุงเทพมากนัก เมื่อข้ามคลองไป ด้านหลังคือไร่อ้อยกว้างขวางที่ทอดยาวไปถึงถนนใหญ่
หลังห่างหายไปนาน เสียงจ้อกแจ้กจอแจและความมีชีวิตชีวาได้มาเยือนบ้านหลังนี้อีกครั้ง
กลับมาแล้ว…
___
[แถม: ไม่เข็ดกับการโดนหมายหัว]
ตวันขอเอาไว้ว่าอย่าพึ่งบอกเรื่องความสัมพันธ์กับที่บ้าน เขาเองก็งงอยู่ บ้านตวันน่าจะเปิดกว้างกับเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ พึ่งมารู้ทีหลังว่าเกิดจากความหวงลูกสุดขีดต่างหาก
ชายหนุ่มได้รับการย้ำเตือนหลายครั้ง ทั้งโดนมัดในห้อง โดนสอบสวน โดน—ทุกอย่างเลวร้ายหมดยกเว้นรสชาติของน้ำใบบัวบก หรืออ้อมแขนเล็ก ๆ ที่กอดรอบคอเขาอย่างให้กำลังใจ ต่อไปนี้จะบุกน้ำลุยไฟที่ไหนก็ไหวทั้งนั้น!
แต่นั่งจ๋องอยู่ในห้องกล้องโดยมีผู้ใหญ่สองคนยืนกดดันด้านหลังก็หลอน ๆ อยู่ กระทั่งนิติสาวที่นั่งเก้าอี้ข้างเขายังรับรู้ได้ เธอเลื่อนเมาส์มือเกร็งตอนเปิดคลิปเมื่อคืนให้ลูกบ้านดู
หลังหาข้ออ้างมาขอดูภาพที่บันทึกไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ลองตรวจสอบกับทางคอนโดแล้วไม่พบความผิดปกติใด ๆ นอกจากภาพตวันกอดเพื่อนเข้าห้อง และผู้ที่เหงื่อตกเพราะโดนมองหมายหัว แต่ทุกอย่างปกติดีไม่มีใครเข้าออกหรือบุกปล้นกลางดึกจนแด๊ดมาหา ไม่ว่าดูกี่รอบก็ได้ข้อสรุปเดิม
เวลาประมาณตีสาม จอภาพฉายสองคนที่ดูมีความสุขจูงมือพากันออกมาจากลิฟต์ ดูจากใบหน้าแล้วคงกำลังหัวเราะคิกคัก
โรมแอบไอกับหลังมืออย่างประหม่า เขาเอามือปิดตาทั้งเอียง ๆ ศีรษะเหมือนไม่อยากมอง แก้มขึ้นสีแต่หน้าขาวซีด
ตวันคล้องคอเพื่อนสนิท—เพื่อนไปก่อนก็ได้ไม่งั้นโดนเชือด—เพื่อกระซิบอะไรบางอย่างก่อนโดนดันหายเข้าห้อง
ผู้ใหญ่…ที่ภายนอกดูแทบจะวัยเดียวกับเขา ปล่อยรัศมีความอันตรายออกมาจากด้านหลังเหมือนเพลิงเผาผลาญ
ตอนแด๊ดจับไหล่ว่าที่ลูกเขย โรมสะดุ้งโหยง แรงบีบเท่าไรไม่รู้แต่เห็นเส้นเลือดบนมือปูดโปน กระดูกเขาเร่าร้องอยากยกธงขาวยอมแพ้
"ตะ-ตวันเมาหนักมาก เมื่อคืนเรา-เราไม่ได้ทำอะไรเลยครับ"
แต่เมื่อใจนึกถึงใบหน้าชวนฝันของแฟน จู่ ๆ โดนเชือดก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป ความกล้าหาญลูกฮึดมาจากไหนไม่รู้ ดลใจให้โรมแกล้งไอใส่มืออีกครั้ง ก่อนเน้นคำประโยคตัวเอง
"แค่กก *เมื่อคืน* แค่ก ๆ"
คืนอื่น? ก็ไม่รู้สินะ
จากพึ่งโล่งอกแด๊ดมีสีหน้าดำทะมึน ป๊าหายใจหวิวเหมือนจะเป็นลม ใต้สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมของโรมมีรอยยิ้มแสยะ สะใจที่ได้แก้แค้นเหล่าพ่อตา
_____