ราชันเร้นลับ 40 : คาบเรียนศาสตร์เร้นลับ
“ลูกเล่นที่น่าสนใจ?”
ไคลน์ถามพลางขมวดคิ้ว
ลุงนีลล์ยิ้มก่อนจะอธิบายต่อ
“ฉันจะเข้าไปสำรวจความเรียบร้อยในคลังอาวุธ คลังอุปกรณ์ และคลังเก็บของเก่า จงใช้แก้วบนโต๊ะชงกาแฟจำนวนสองแก้ว”
“จากหนึ่งในสองแก้วที่ชง ให้ใส่สิ่งน่าขยะแขยงลงไป ส่วนจะเป็นอะไรก็สุดแล้วแต่เจ้า ใช้จินตนาการเอาเอง เรื่องเดียวที่ฉันขอร้องคืออย่าใช้กาแฟในปริมาณมากเกินไป นั่นเป็นถึงเมล็ดกาแฟเฟเนพ็อตสุดหายากที่ฉันบดด้วยสองมือของตัวเอง!”
“เข้าใจแล้วครับ”
ถึงไคลน์จะไม่ทราบว่าลุงนีลล์จะแสดงมายากลใดให้รับชม แต่มันก็เต็มใจทำ
ชายหนุ่มเฝ้ามองลุงนีลล์เปิดประตูคลังอาวุธด้วยกุญแจทองแดงและเดินเข้าไป มันไม่รีรอ ถ้วยกาแฟถูกนำมาวางเตรียม ถัดมาเป็นการตรวจสอบน้ำร้อนภายในกา
เมื่อเห็นว่าน้ำร้อนมีเพียงพอ ไคลน์บรรจงเปิดฝากระป๋องสีเงินออก กลิ่นหอมของกาแฟอันเย้ายวนลอยเตะจมูก ชายหนุ่มใช้ช้อนตักกาแฟบดจนพูนและนำไปใส่ทั้งสองถ้วย ก่อนจะเทน้ำร้อนตามลงไปและใช้ช้อนคนกวน
ในฐานะผู้เดินทางข้ามโลกที่มาจากยุคสมัยเทคโนโลยีพร้อมสรรพ ไคลน์ย่อมคุ้นชินกับการดื่มกาแฟ แต่ก็มิได้หรูหรามากนัก ส่วนใหญ่มักเป็นกาแฟกึ่งสำเร็จรูป
หลังจากคนกาแฟทั้งสองแก้วได้ที่ ไคลน์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงและยกเท้าขวาขึ้นมาวางไขว้บนเข่าซ้าย มันใช้ปลายนิ้วหยิบเศษดินที่ติดอยู่กับรองเท้าออกมาใส่ในแก้วกาแฟถ้วยซ้ายมือ
จากนั้นก็ใช้ช้อนคนซ้ำ จนสิ่งแปลกปลอมกลายเป็นเนื้อเดียวกับกาแฟในถ้วยจนแยกไม่ออก
ไม่กี่นาทีถัดมา ลุงนีลล์เดินกลับจากประตูคลังอาวุธ นิ้วมือควงกุญแจทองแดงเล่น เมื่อปิดประตูและหันมองไคลน์ มันเอ่ยปากถาม
“เสร็จหรือยัง?”
นัยน์ตาสีแดงขุ่นมัวชำเลืองมองไคลน์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงาน
“ครับ”
ชายหนุ่มพยักหน้า
ลุงนีลล์ยิ้มพร้อมกับปลดโซ่เงินที่ข้อมือและนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน
สีหน้าชายชราสงบนิ่งโดยพลัน มันใช้มือซ้ายถือโซ่เงิน ส่วนมือขวาถือปลายโซ่ที่มีศิลาจันทราห้อย อีกไม่กี่มิลลิเมตรก็จะสัมผัสกับของเหลวในถ้วยกาแฟ
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน ศิลาจันทร์เริ่มสั่นระริกอย่างไร้เหตุผล ก่อนจะหมุนตัวเองไปพร้อมกับโซ่เงินในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
“ในถ้วยมีสิ่งน่าขยะแขยงอยู่”
ลุงนีลล์กล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ
โดยไม่รอไคลน์เฉลย มันใช้มือหยิบกาแฟอีกถ้วยยกจิบทันที
“เจ้าชอบกาแฟดำอย่างนั้นหรือ? สำหรับฉันต้องใส่น้ำตาลและนมลงไปด้วย”
ไคลน์ยังไม่ตอบ มันรีบถามด้วยสีหน้าใคร่รู้
“คุณทำนายได้แม่นมาก เป็นเพราะศิลาจันทราหรือครับ? ต้องใช่แน่…”
“นี่คือการทำนายด้วยลูกตุ้ม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าลูกตุ้มวิญญาณ ลูกตุ้มในที่นี้คือการนำอัญมณีใดก็ได้มาห้อยกับโซ่เงิน”
“เป็นเทคนิคที่ใช้ ‘วิญญาณดารา’ ของตัวเองเพื่อติดต่อกับโลกวิญญาณ ให้ตัวตนในโลกวิญญาณช่วยตอบคำถามในสิ่งที่ปรารถนาจะทราบ ผ่านตัวกลางอย่างอัญมณี คริสตัล หรือโลหะวิเศษบางชนิด”
“ผลลัพธ์คำทำนายจะแสดงออกมาเพียงสองคำตอบเท่านั้น คือดีหรือไม่ดี ตัวอย่างเช่นกาแฟสองถ้วยนี้ ถ้วยแรกหมุนทวนเข็มนาฬิกา จึงแปลว่าไม่ดี ส่วนถ้วยที่สองหมุนตามเข็มนาฬิกา จึงแปลว่าดี ถ้าไม่หมุนเลยแปลว่าไม่ดีไม่แย่”
“เจ้าสามารถทดสอบได้ด้วยตัวเองโดยการเขียน ‘ประโยคบอกเล่า’ ที่ต้องการทำนายลงบนเศษกระดาษ จงจำไว้ให้ดี สิ่งที่เขียนลงไปต้องเป็น ‘ประโยคบอกเล่า’ เท่านั้น”
ลุงนีลล์วางถ้วยกาแฟลงพร้อมกับอธิบาย
ไคลน์ถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ห้ามเขียนประโยคคำถามงั้นหรือครับ?”
“ถูกต้อง เจ้าไม่สามารถถามว่า ‘หญิงสาวผู้นี้ต้องการเป็นคู่หมั้นของผมหรือไม่’ แต่ควรใช้ประโยคบอกเล่าเช่น ‘หญิงสาวผู้นี้ต้องการเป็นคู่หมั้นของผม’”
“เขียนลงบนกระดาษและวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ใช้มือข้างถนัดถือโซ่เงินที่มีปลายห้อยลูกตุ้ม ขอเน้นย้ำ ต้องเป็นมือข้างถนัดเท่านั้น”
ลุงนีลล์กล่าวพลางอมยิ้ม
“ขณะทำนายให้ยืดแขนตรง ปรับลูกตุ้มอย่างเหมาะสม ปล่อยให้ปลายห้อยเหนือแผ่นกระดาษเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็หลับตาลงและท่องประโยคบอกเล่าที่เขียนจนครบเจ็ดครั้ง”
“เมื่อเสร็จสิ้น ให้ลืมตาขึ้นและสำรวจว่าลูกตุ้มวิญญาณมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้ายังไม่หมุน ให้หลับตาลงและท่องอีกเจ็ดครั้ง ทำเช่นนี้จนกว่ามันจะหมุน”
ไคลน์พยักหน้ารับ
“สรุปก็คือ ทวนเข็มนาฬิกาหมายถึง ‘ไม่ใช่’ และตามเข็มนาฬิกาหมายถึง ‘ใช่’ สินะครับ?”
“เจ้ายังสามารถใช้ระบุความ ‘สำเร็จ’ หรือ ‘ล้มเหลว’ ได้ด้วย ขึ้นอยู่กับประโยคที่เขียน”
ลุงนีลล์เสริม มันพยายามสอนความหลากหลายและอรรถประโยชน์ของการทำนายด้วยลูกตุ้มวิญญาณ
ไคลน์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะประเมินว่าเทคนิคดังกล่าวมีประโยชน์ใช้สอยหลายด้าน ตัวอย่างเช่น หากเดินทางไปยังสถานที่ไม่คุ้นเคย มันสามารถใช้ทำนายว่าอาหารจานดังกล่าวมีพิษเจือปนหรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเทคนิคการทำนายพื้นฐาน ชุดคำตอบที่ได้รับมีเพียงสองถึงสามรูปแบบ มิอาจลงลึกรายละเอียดไปมากกว่านั้น คงยากที่จะใช้ในการสืบสวนคดีซับซ้อน
ตัวอย่างเช่นหากท่องประโยคในใจว่า ‘ภายในอาหารมีสิ่งที่เป็นอันตรายกับร่างกาย’ ต่อให้คำตอบออกมาเป็น ‘ใช่’ แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าอาหารจะมียาพิษ เพราะวัตถุดิบประกอบอาหารส่วนใหญ่ล้วนก่อผลเสียแก่ร่างกายในปริมาณไม่มาก เช่นสารปนเปื้อนในผัก กลุ่มคนที่เลือกกินไม่ได้ ย่อมยินดีกลืนลงท้องโดยไม่แยแส
เทคนิคทำนายด้วยลูกตุ้มไม่สามารถมอบคำตอบที่ละเอียดกว่านี้ได้เลย
“ผมคงต้องรีบเก็บเงินซื้อคริสตัสและโซ่เงินสำหรับสร้างลูกตุ้มวิญญาณ…”
ไคลน์ถอนหายใจยาว
ลุงนีลล์มองด้วยสีหน้าฉงน
“ทำไมถึงไม่เบิก? นี่คืออุปกรณ์พื้นฐานสำหรับผู้วิเศษ โดยเฉพาะผู้วิเศษสายสนับสนุนอย่างพวกเรา ภายในคลังอาวุธยังเหลือบุษราคัมและโซ่เงินสำหรับสร้างลูกตุ้มวิญญาณอยู่นะ”
“แต่ผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ…”
ไคลน์รู้สึกไม่ดีที่มันต้องเบิกอุปกรณ์พร่ำเพรื่อ แต่อีกใจหนึ่งก็ลังเล
ลุงนีลล์ยิ้ม
“สำหรับผู้วิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการหรือไม่ แต่เหยี่ยวราตรีจะสนับสนุนอุปกรณ์พื้นฐานให้เสมอ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่พลเรือนที่มีเงินเดือนต่ำกว่า”
“คงต้องเรียกว่า ‘สิทธิพิเศษ’ กระมัง… ตกลงครับ ผมจะแจ้งเรื่องนี้ให้หัวหน้าทราบภายหลัง”
หลังจากตัดสินใจ ไคลน์กำหมัดแน่นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
มันทราบได้อย่างไรว่าดันน์จะอนุญาตทั้งที่ไม่เคยลองถามเลยสักครั้ง?
“ดีมาก”
ลุงนีลล์กล่าว
“เอาล่ะ ถึงเวลาพวกเราเริ่มคาบเรียนวิชาเร้นลับอย่างเป็นทางการแล้ว พื้นฐานที่สุดของศาสตร์เร้นลับคือ ‘สัญลักษณ์’ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสัญลักษณ์หมายถึงสิ่งใด?”
ไคลน์หวนนึกถึงเศษเสี้ยวความทรงจำที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพของโลกวิญญาณหรือมิติสายหมอก ชายหนุ่มตกผลึกความคิดตัวเองเป็นคำพูด
“ไม่ว่าจะเป็นโลกวิญญาณ มิติดารา หรือแม้กระทั่งมิติลึกลับที่ไม่มีใครรู้จัก ทั้งหมดจะอยู่นอกเหนือ ‘สัมผัส’ ของมนุษย์ ข้อมูลที่กายจิตได้รับไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถอธิบายได้ด้วยสัมผัสจากหู จมูก หรือดวงตา”
“ข้อมูลดังกล่าวมาในรูปแบบนามธรรม เป็นประสบการณ์ที่อธิบายไม่ได้ มีหลายครั้งที่ข้อมูลออกมาเป็นภาพอักขระหรือสัญลักษณ์พิเศษที่มนุษย์ต้องตีความเอาเอง”
“ถูกต้องไร้ที่ติ สมกับเป็นนักทำนาย”
ลุงนีลล์พยักหน้าชื่นชม
“เมื่อใดที่ตีความสัญลักษณ์เหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง เจ้าก็จะสู่โลกศาสตร์เร้นลับที่กว้างขึ้น”
“ด้วยเหตุนี้ ศาสตร์การทำนายเบื้องต้นจึงต้องมีอุปกรณ์ช่วยเหลือเสมอ ตัวอย่างชัดเจนคือไพ่ทาโรต์ มันเป็นสัญลักษณ์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นเพื่อตีความข้อมูลบรรพกาลจากโลกวิญญาณ”
ลุงนีลล์หยิบปากกาหมึกซึมพร้อมกับวาดเส้นโค้งลักษณะหงาย จากนั้นก็วาดขีดยาวหนึ่งขีดไว้ด้านบน
ชายชราเงยหน้ามองไคลน์พลางเอ่ยปากถาม
“นี่คือสัญลักษณ์ของอะไร?”
ชายหนุ่มครุ่นคิด มันตอบอย่างไม่มั่นใจ
“ขนตา?”
“…”
ลุงนีลล์ถอนหายใจผิดหวัง
“นี่คือสัญลักษณ์ของราศีเกษตรกรรมในจักรราศี และนี่คือสัญลักษณ์ของราศีอัสนี ส่วนนี่คือสัญลักษณ์ของราศีเหมันต์…”
ชายชราวาดภาพสัญลักษณ์เพิ่มอีกสองถึงสามชนิด
ไคลน์พยายามจดจำ แต่ขณะเดียวกันก็อดวิจารณ์ไม่ได้
“ชื่อของแต่ละสักลักษณ์ช่าง… ช่างไร้ความสุนทรีย์สิ้นดี… ใช่แล้ว! ไร้อารยะมากๆ!”
ปราศจากรสนิยม แถมยังเก่าแก่คร่ำครึ
ลุงนีลล์เผยรอยยิ้ม
“เจ้าพูดเหมือนกับจักรพรรดิโรซายล์เลยนะ เขาเคยพยายามเปลี่ยนชื่อของพวกมันเป็นราศีกันย์ ราศีกรกฎ หรือราศีพิจิก แต่น่าเสียดายที่ชายคนนั้นไม่มีพลังมากพอจะเปลี่ยนขนบธรรมเนียมโบราณของโลก แต่อย่างน้อย ชื่อเชยๆ ของจักรราศีเหล่านี้ก็ยังพอมีประโยชน์บ้าง เพราะชาวนาจะได้ทราบว่าถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว”
“จักรพรรดิโรซายล์ช่างปรีชานัก”
ไคลน์อมยิ้ม จักรพรรดิโรซายล์เป็นรุ่นพี่ที่มีวิสัยทัศน์ค่อนข้างดีทีเดียว…
ลุงนีลล์ย่อมไม่เข้าใจมุกตลกของไคลน์ มันอธิบายสัญลักษณ์จักรราศีที่เหลือทั้งหมดจนครบพร้อมชื่อ ประกอบด้วยสุริยัน จันทราแดง ดาวสีน้ำตาล ดาราสีชาด และดาราสีคราม
ขณะอธิบายก็สอนไคลน์ถึงวิธีการวาดภาพสัญลักษณ์ทางดาราศาสตร์ไปในตัว รวมถึงอธิบายเกี่ยวกับหลักพื้นฐานที่ควรทราบ
ถัดมาเป็นการสอนศาสตร์ทำนายด้วยลูกแก้วคริสตัล เริ่มจากวัสดุที่ใช้สร้างลูกแก้ว บทสวดและคาถาที่ต้องท่อง
เป็นคาบเรียนยาวนานที่ทำให้ไคลน์ได้พบโลกใบใหม่ หากไม่เพราะพลังโอสถนักทำนายช่วยให้ความจำดีขึ้น คงมีหลายครั้งที่มันต้องขอให้ลุงนีลล์หยุดเพื่อย่อยข้อมูลให้เสร็จ
“คาบเรียนวิชาเร้นลับของวันนี้จบลงแล้ว ลองทบทวนในใจและไต่ถามในสิ่งที่ยังเคลือบแคลง”
ชายชราหยิบนาฬิกาพกจากกระเป๋าเสื้อเพื่อตรวจสอบเวลา ก่อนจะปิดมันและเก็บกลับ
“อย่าลืมอ่านเอกสารโบราณที่ฉันเตรียมไว้ให้ด้วยล่ะ ด้วยความสัตย์จริง แม้แต่ตัวฉันยังเข็ดขยาดพวกมัน”
“ได้ครับ”
ไคลน์หยิบเศษกระดาษที่ลุงนีลล์วาดสัญลักษณ์จักรราศีเก็บใส่กระเป๋า มันพยายามทบทวนบทเรียนของวันนี้เพื่อที่จะได้ไม่ตกหล่น
ลุงนีลล์จิบกาแฟและกล่าวต่อ
“แค่การจดจำยังไม่พอ แต่ต้องหาโอกาสปฏิบัติจริงให้บ่อยครั้ง วิธีการดังกล่าวจะช่วยให้ความรู้ติดตัวไปตลอด แล้วอย่าลืมเข้าฌานอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไร ก็ยิ่งช่วงชิงพลังโอสถมาเป็นของตัวเองได้เร็ว เจ้าจะค้นพบความลับของโอสถและลบล้างเสียงที่ไม่พึงประสงค์ออกจากหัว”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและครุ่นคิดถึงแผนการสวมบทบาทที่จะเริ่มทำในสโมสรพยากรณ์ ไคลน์พยายามบอกใบ้นีลล์
“โอสถของผมเกี่ยวพันกับศาสตร์ทำนาย การฝึกฝนหรือเข้าฌานอย่างเดียวคงไม่ช่วยให้พัฒนาพลังได้เร็ว ผมจึงมีแผนจะดูดวงให้บุคคลทั่วไปอย่างสม่ำเสมอเพื่อขัดเกลาพลังนักทำนายให้เฉียบแหลม”
“ด้วยเหตุนี้ สโมสรพยากรณ์จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สโมสรดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตเหนือบนถนนฮาเวิส ผมต้องเก็บเงินค่าสมาชิกและหาโอกาสดูดวงบุคคลทั่วไปให้มากที่สุด เพื่อจะได้กลายเป็นนักทำนายตัวจริงเสียงจริง”
แผนสวมบทบาทเป็นนักทำนายคงมิอาจหลบเลี่ยงสายตาเหยี่ยวราตรีได้ตลอดรอดฝั่ง มันจึงต้องบอกให้ทราบล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่นๆ
“ความคิดของเจ้าเหมือนกับดาลี่ย์เลยนะ หล่อนมักทำเหมือนตนเองเป็นผู้สื่อวิญญาณตัวจริงเสมอ”
ลุงนีลล์ส่ายศีรษะเล็กน้อย
“แล้วทำไมต้องรอเก็บเงินให้ครบล่ะ? เจ้าสามารถขอเบิกเงินจากดันน์ได้ทันที สิ่งนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่!”
“องค์กรต่างๆ เช่นสโมสรพยากรณ์อาจมีผู้วิเศษนอกรีตแฝงตัวอยู่ หรือกระทั่งสมาชิกลัทธิชั่วร้าย เดิมทีแล้วเหยี่ยวราตรีมีหน้าที่สอดสององค์กรที่กระจายตัวในเขตรับผิดชอบ”
“แต่เนื่องจากพวกเรามีกำลังคนน้อย บางครั้งจึงจับตามองได้ไม่ทั่วถึง การเข้าเป็นสมาชิกของเจ้าจะสร้างประโยชน์ให้เหยี่ยวราตรีแน่นอน นั่นถือเป็นงานประเภทหนึ่ง!”
ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ? ไคลน์จ้องมองชายชราด้วยสีหน้าสุดฉงน
นี่มันข้ออ้างขอเบิกเงินเพื่อใช้ในธุระส่วนตัวไม่ใช่หรือไง?
บนโลกเก่าก็เคยมีเรื่องคล้ายๆ แบบนี้…
ถ้าจำไม่ผิดจะเรียกว่าคอร์รัปชัน ในฐานะนักการเมืองคีย์บอร์ด ไคลน์ไม่มีทางลืม
“เจ้าคิดจะใช้เงินส่วนตัวจริงหรือ?”
ลุงนีลล์ยังคงยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาไคล์น
ชายหนุ่มรีบส่ายศีรษะหนักแน่น
“ผมจะไปบอกกับหัวหน้าเดี๋ยวนี้!”
ชายชราพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังถ้วยกาแฟที่ยังไม่ได้ดื่ม—ถ้วยที่ไคลน์ใส่สิ่งน่าขยะแขยงลงไป
“เจ้าใส่อะไรลงไป?”
ชายหนุ่มตอบกระอักกระอ่วน
“เศษดินจากรองเท้าผม สีของมันเข้ากับกาแฟในถ้วยพอดิบพอดี”
นีลล์ชะงักไปหลายวินาทีก่อนจะแผดเสียง
“แล้วทำไมไม่รีบเอามันไปเททิ้งอีก!?”
........................